ซูจิ่งเหยียนรู้ดีว่าพลังของเขาด้อยกว่าชายที่อยู่ด้านหลัง เขาจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างไม่ระมัดระวัง
จากนั้น ชายคนนั้นก็นำเขาไปที่อาคารแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ
เดิมทีอาคารนั้นถูกใช้เป็นที่พักของศิษย์สำนักธาราเมฆ ตอนนี้มันทรุดโทรมลงเล็กน้อย เนื่องจากอาคารนี้อยู่ห่างไกลและเป็นอาคารที่ค่อนข้างเก่า จึงไม่มีคนของเก้าอารามอยู่ในนั้น
ซูจิ่งเหยียนถูกจับและถูกพาเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง พอก้าวผ่านประตูห้องเข้าไป เขาก็เห็นร่างเพรียวบางยืนอยู่ตรงหน้าต่าง แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง คนผู้นั้นยืนอาบแสงจันทร์สีเงิน ดูราวกับร่างของเขาถูกห้อมล้อมด้วยรัศมีของดวงจันทร์
ตอนที่คนผู้นั้นหันกลับมา ซูจิ่งเหยียนก็ตกตะลึงจนยืนนิ่งค้างอยู่กับที่! คนที่ยืนตรงหน้าต่างนั่นคือศิษย์อารามหมาป่าสวรรค์ที่เขาหยุดเอาไว้เมื่อกี้ไม่ใช่หรือ!
แต่ในดวงตาใสกระจ่างคู่นั้นไม่มีความตื่นกลัวอยู่เลย แต่กลับแฝงด้วยความสงบเยือกเย็นบางอย่าง
“เจ้าเป็นใครกันแน่?” ซูจิ่งเหยียนหรี่ตา ใบหน้านั้นไม่คุ้นตาเขาเลย เขาแน่ใจว่าเขาไม่เคยเห็นใบหน้านั้นมาก่อน
เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างเดินช้าๆไปที่นั่งที่เก้าอี้ด้านข้าง และยกขาขึ้นไขว่ห้างอย่างสบายๆ พร้อมกับเอามือเท้าคาง ดวงตาที่มองซูจิ่งเหยียนฉายแววยิ้มที่แทบมองไม่เห็น
“ไม่ได้เจอกันนาน ผู้อาวุโสซูนี่ขี้ลืมจัง” เสียงของเด็กหนุ่มเย็นชาและเหินห่างเล็กน้อย เทียบกับเสียงก่อนหน้านี้ เสียงในตอนนี้สูงกว่าเล็กน้อย
“ข้าไม่เคยเจอเจ้ามาก่อน เจ้าต้องการอะไรถึงได้จับตัวข้ามาที่นี่?” ซูจิ่งเหยียนหงุดหงิดอยู่ในใจ เขารู้สึกอยู่แล้วว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีอะไรแปลกๆ แต่ทำไมถึงยังถูกหลอกเอาได้? “ไม่ต้องรีบร้อน นั่งลงก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน” เด็กหนุ่มพูดช้าๆ
แต่ซูจิ่งเหยียนยังยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ยอมขยับ
ดวงตาเย็นชาของเด็กหนุ่มกวาดมองไปยังชายที่อยู่ข้างหลังซูจิ่งเหยียนและพูดว่า “เย่เม่ย เชิญผู้อาวุโสซูนั่ง”
ซูจิ่งเหยียนรู้สึกเจ็บไหล่อย่างรุนแรงขึ้นมาทันที พละกำลังนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต่อต้านได้ เขาถูกกดให้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่บนเก้าอี้แล้ว แต่สีหน้าของเขากลับย่ำแย่ เขามองไปที่เด็กหนุ่มด้วยสายตาระแวง [เด็กคนนี้รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ทำไมเขาถึงจำเด็กคนนี้ไม่ได้?]
“คงเพราะหน้าตาของข้าตอนนี้ ผู้อาวุโสซูเลยจำข้าไม่ได้ รอสักครู่” เด็กหนุ่มยักไหล่แล้วยกมือขึ้นไปที่หลังใบหูของเขา จากนั้นหน้ากากที่บางราวปีกจั๊กจั่นก็หลุดออกจากใบหน้านั้น และแทนที่ด้วยใบหน้างามล่มเมืองที่ทำให้ผู้คนหลงใหล!
ซูจิ่งเหยียนจ้องมองอย่างตะลึงงัน ภายใต้แสงจันทร์ เด็กหนุ่มได้กลายเป็นหญิงสาวที่งามสง่า ใบหน้าที่ชวนหลงใหลนั้นงดงามอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
แต่หญิงสาวไม่ได้หยุดแค่นั้น มือของนางดึงหน้ากากอีกอันออกจากกระเป๋ามิติและสวมลงบนใบหน้าของตนอย่างง่ายดาย ใบหน้านี้ดูดีกว่าใบหน้าที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเทียบกับใบหน้าจริงของนางแล้ว เรียกได้ว่าธรรมดามาก novel-lucky
แต่เมื่อมองดูใบหน้านั้น ดวงตาของซูจิ่งเหยียนก็เบิกกว้างทันที ทั้งตกใจและประหลาดใจ!
“จวินเสีย! เป็นเจ้านี่เอง!” ซูจิ่งเหยียนไม่คิดไม่ฝันเลยสักนิดว่าคนที่จับตัวเขาไว้จะเป็น “จวินเสีย” ! เด็กหนุ่มจากเผ่าจ้าววิญญาณที่โดดเด่นกว่าคนอื่นๆในงานชุมนุมเทพยุทธ์!
เป็นเขาได้อย่างไร?!
“เป็นยังไง? ผู้อาวุโสซู จำข้าได้รึยัง?” จวินอู๋เสียกอดอกอย่างใจเย็น มองดูสีหน้าตื่นตะลึงของซูจิ่งเหยียนอย่างเฉยเมย
“เจ้า……เจ้ามาช่วยซูหย่างั้นหรือ?” หลังจากจำได้ว่าจวินอู๋เสียเป็นใคร ซูจิ่งเหยียนก็ได้ข้อสรุปทันที