ตอนเย็นซินห้าวกลับมา เฉินเยี่ยนเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง ซินห้าวรู้สึกประหลาดใจ นอกจากช่วงแรกที่เขาอยู่ที่ร้านเสื้อผ้าแล้ว ช่วงหลังไม่ได้มีเวลาอยู่ที่ร้านเยอะ เขาจัดการเรื่องเอาสินค้าเข้า แต่ต่อมาก็ให้คนอื่นจัดการเรื่องนี้ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเสี่ยวหลี่มีความคิดแบบนี้
ซินห้าวบอกว่าเขาไม่ได้เจอเสี่ยวหลี่ เพราะช่วงนี้เขากำลังยุ่งกับอีกธุรกิจหนึ่งอยู่ เสี่ยวหลี่ไม่รู้ว่าจะไปหาเขาที่ไหนหรอก และเขาก็ไม่เคยพูดจาเกินเลยกับเสี่ยวหลี่ด้วย
“ในเมื่อเธอมีความคิดแบบนี้ แล้วไม่เคารพกฎของที่ร้าน ก็ให้เธอไปเถอะ”
ซินห้าวไม่คัดค้าน เขาไม่ได้สนิทกับเสี่ยวหลี่ เพียงแต่ตั้งแต่เปิดร้านเสื้อผ้ามา เสี่ยวหลี่ก็เข้ามาทำงานแล้ว ซินห้าวคิดว่าเป็นคนเก่าแก่ ดังนั้นเลยทำดีกับพวกเธอ ใครจะรู้ว่าเธอจะมีความคิดอะไรแบบนั้น แล้วยังต่อต้านเฉินเยี่ยนด้วย
“คุณจะไม่เจอเธอ? ไม่ฟังว่าเธอจะพูดอะไรกับคุณเลย?”
เฉินเยี่ยนยิ้มมองซินห้าว
“ไม่เจอแล้ว มีอะไรต้องเจอ ร้านเป็นของคุณ คุณจัดการทุกอย่าง”
ซินห้าวพูดแล้วเอามือวางไว้ที่เอวเฉินเยี่ยน แล้วพูดอีก “บอกมา คุณหึงใช่ไหม?”
เห็นสายตาซินห้าวมีรอยยิ้ม เฉินเยี่ยนผลักเขาเบาๆ “ใครหึงกัน ฉันไม่หึงหรอก”
“ปากแข็ง”
ซินห้าวพูดแล้วหยิกเอวเฉินเยี่ยนเบาๆ เขารู้ว่าเฉินเยี่ยนไม่สงสัยเขา และเขาก็ไม่มีอะไรให้คนต้องสงสัย
“คุณต่างหากที่ปากแข็ง”
เฉินเยี่ยนพลิกมือมาหยิกแขนซินห้าว ทั้งสองคนยิ้มให้กัน ไม่นานอุณหภูมิในห้องก็ร้อนขึ้น โชคดีที่ลูกหลับแล้ว ทั้งสองคนสามารถทำเรื่องที่ชอบได้
วันรุ่งขึ้นทุกอย่างเป็นปกติ มาถึงวันที่สาม เสี่ยวผิงมาที่ร้าน สีหน้าดูไม่ดีมาก พอเห็นเฉินเยี่ยนก็ฉีกยิ้มเรียกพี่เฉินเยี่ยน
เฉินเยี่ยนรู้จุดประสงค์ที่เธอมา ต้องเสียใจแล้วแน่นอน อยากจะกลับมาทำงานต่อ แต่เธอรับไม่ได้ คนเราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองเลือก ในเมื่อตอนนั้นเธอเลือกที่จะไป ก็ไม่ต้องกลับมาอีก
“พี่สะใภ้ขอร้องล่ะ ให้ฉันกลับมาเถอะ ฉันเชื่อคำพูดเสี่ยวหลี่ เพราะเธอบังคับให้ฉันทำแบบนั้น เธอมีความคิดแบบนั้นกับพี่ซินห้าว ฉันก็เพิ่งรู้ว่าเธอหน้าไม่อาย ฉันด่าเธอไปแล้ว ขอแค่พี่สะใภ้ให้ฉันกลับมา พี่สะใภ้ให้ฉันทำอะไรฉันก็ทำ สัญญาว่าจะไม่บ่น พี่สะใภ้ ถ้าพี่ไม่ให้ฉันกลับมา พ่อแม่ต้องด่าฉันตายแน่เลย ขอร้องพี่ล่ะ”
เสี่ยงผิงขอร้องเฉินเยี่ยน เธอเสียใจจริงๆ ทำไมเธอต้องตามเสี่ยวหลี่ด้วยนะ? ตอนนี้ดีแล้ว เสี่ยวหลี่หาซินห้าวไม่เจอ เสี่ยวหลี่ไม่ทำได้ แต่ตัวเองไม่ได้คิดจะไม่ทำ
เดือนหนึ่งเธอได้ค่าจ้างเยอะขนาดนั้น พ่อแม่ดีใจมาก บอกบ้านสามี บ้านสามีก็พอใจเธอมาก ถ้าเธอไม่ทำแล้ว เธอจะยังมีที่ยืนในบ้านอยู่ไหม? ดังนั้นเธอจึงต้องกลับมาขอร้องเฉินเยี่ยน
เฉินเยี่ยนไม่ต้องการเธอ ตอนนี้เสี่ยวผิงโยนความผิดไปให้เสี่ยวหลี่หมด พูดจาไม่ดีใส่เสี่ยวหลี่ คนแบบนี้คุณธรรมมีปัญหา เธอรับไม่ได้
สุดท้ายเห็นเสี่ยวผิงร้องไห้เสียใจเดินออกไป พนักงานที่เหลือก็เข้าใจแล้ว ถ้าไม่อยากโดนไล่ออก พวกเธอต้องตั้งใจทำงาน พวกเธอไม่อยากมีจุดจบแบบเสี่ยวหลี่หรือเสี่ยงผิง
ในชั่วขณะพนักงานในร้านเสื้อผ้าก็ทำงานอย่างกระตือรือร้นมากขึ้น ทำตามที่เฉินเยี่ยนว่าทุกอย่าง เห็นธุรกิจนับวันยิ่งดีขึ้น เฉินเยี่ยนพอใจมาก
ตอนกลางวันเฉินเยี่ยนมาดูแลที่ร้านเสื้อผ้าแบบนี้ เรื่องเอาสินค้าเข้ามาเธอก็ผ่านมือมาแล้ว เธอได้เปรียบ รู้ว่าเสื้อผ้าแบบไหนเป็นที่นิยมมากกว่า แบบที่เธอเลือกนั้นยิ่งได้รับการตอบรับที่ดี
ในพริบตาก็ผ่านไปครึ่งปีแล้ว เด็กสองคนอายุหนึ่งขวบแปดเดือนแล้ว หย่านมแล้ว ตอนกลางวันมีคนดูแลอยู่ที่บ้าน เธอไม่ต้องดู ตอนเย็นกลับไป ซินห้าวกับเธอทั้งครอบครัวสี่คน เฉินเยี่ยนรู้สึกว่าชีวิตแบบนี้เรียกว่าความสุข
วันนี้เป็นวันนับสต็อค เฉินเยี่ยนพาคนมาดูสินค้า อยู่ๆ โทรศัพท์ในร้านก็ดังขึ้น
“พี่สะใภ้ ของพี่ค่ะ”
พนักงานรับสายก็เรียกเฉินเยี่ยน
“ฮัลโหล อะไรนะ? เยว่เยว่หายไป? ทำไมถึงหายไป? ได้ ฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้”
วางสายไปเฉินเยี่ยนรู้สึกว่าขาตัวเองอ่อนปวกเปียกไปหมด ซินฉุ่ยเป็นคนโทรมา บอกว่าเยว่เยว่หายไป ให้เธอและซินห้าวรีบกลับไป
ออกมาจากร้าน เฉินเยี่ยนขี่มอเตอร์ไซค์ มอเตอร์ไซค์คันนี้ใช้น้ำมัน ซินห้าวซื้อให้เธอหลายเดือนก่อน เธอขี่เป็นแล้ว ยังไงก็เร็วกว่ารถจักรยาน
เฉินเยี่ยนใจร้อนดั่งไฟรีบกลับไปบ้าน เพราะว่าถนนไม่ดี เฉินเยี่ยนรถล้มด้วย มือ แขน ขา เป็นแผลหมด แต่เธอไม่สนใจความเจ็บเลย ประคองรถขึ้นมาอย่างยากลำบาก แล้วขี่กลับไป
หน้าบ้านซินและในลานบ้านมีคนมาห้อมล้อมอยู่ไม่น้อย เป็นคนที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ พอได้ยินเรื่องนี้ก็จะมาช่วย
“เป็นยังไงบ้าง หาเยว่เยว่เจอหรือยัง?”
พอเข้ามาในบ้านเฉินเยี่ยนก็ตะโกน เธอหวังจะให้เป็นเรื่องที่ตื่นตูมกันไปเอง
“ทำไมเธอถึงเพิ่งกลับมา ถ้าหาเยว่เยว่ไม่เจอจะทำยังไง บอกมาทั้งวันเธออยู่แต่ในเมือง ไม่อยู่บ้าน ตอนนี้หาลูกไม่เจอแล้ว ต้องโทษเธอ”
ซุนหม่านเซียงร้องไห้ไปก็ว่าเฉินเยี่ยนไป
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเธอจะดูลูกให้ได้ กลัวว่าตัวเองจะไปแย่งเธอ ไล่ให้เธอไปอยู่ในเมืองทุกวัน กลัวว่าตัวเองอยู่บ้านนานหน่อย เธอจะไม่ได้ดูลูก ตอนนี้กลับมาว่าซ้ำอีก
แต่เฉินเยี่ยนขี้เกียจจะสนใจซุนหม่านเซียง ไม่ใช่เวลาที่จะหาคนรับผิดชอบ
“แล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ทำไมเยว่เยว่ถึงหายไป?”
เฉินเยี่ยนตั้งสติแล้วถาม
“ป้ารองเธอทำกับข้าวอยู่ ย่าอยู่ในห้อง พี่สะใภ้เธอดูเด็กสองคน ผ่านไปสักพักเธอก็เข้ามาถามถึงเยว่เยว่ ย่าบอกว่าเยว่เยว่ไม่ได้เข้ามาในห้อง ที่ลานบ้านก็ไม่เจอเยว่เยว่ รู้สึกผิดสังเกต เลยตะโกนเรียกเยว่เยว่ แต่ไม่มีคนตอบกลับ ถามทั้งหมู่บ้านก็ไม่มีใครเห็นเยว่เยว่ หาละแวกนี้แล้ว ก็หาไม่เจอ”
คุณย่าเล่าคร่าวๆ เธอก็ร้อนใจ
“แม่ ทำไมเยว่เยว่ถึงหายไป?”
เฉินเยี่ยนเลยต้องถามซุนหม่านเซียง น่าจะเป็นตอนที่แม่สามีดูเด็กอยู่ไม่ทันระวัง
“เธอเรียกฉันทำไม? ฉันคนเดียวจะดูแลเด็กสองคนไหวที่ไหน? ฉันเล่นกับเช่อเช่ออยู่ในลานบ้าน เยว่เยว่วิ่งไปหน้าประตูเอง ปกติเธอก็ชอบเล่นที่หน้าประตูอยู่แล้ว สักพักเดี๋ยวก็กลับมา ฉันไม่ทันสังเกต ฉันแค่ไม่ได้จับตาดูหน่อยเดียว มองไปก็ไม่เจอเธอแล้ว เด็กคนนี้ก็เหลือเกิน เธอว่าจะวิ่งเล่นไปที่ไหน”
ซุนหม่านเซียงกลัวว่าตัวเองต้องรับผิดชอบ ปกติเวลาดูแลเด็ก ส่วนใหญ่เธอจะดูแต่ซินเช่อ สนใจเยว่เยว่น้อย วันนี้ก็เหมือนกัน เธอเอาแต่ดูซินเช่อ ไม่ได้สังเกตเยว่เยว่ จนเธอนึกขึ้นได้ เยว่เยว่ก็หายไปแล้ว
ถามคนแถวนี้ ตอนนั้นส่วนใหญ่ทำอาหารกันหมด ที่ประตูเลยไม่มีคนนั่งอยู่ ดังนั้นเลยไม่มีใครเห็นว่าเยว่เยว่หายไปไหน
เธอก็ร้อนใจ แต่จะมาโทษเธอได้ยังไง? ใครให้ปล่อยเด็กทิ้งไว้กับเธอ เธอไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กเสียหน่อย
เฉินเยี่ยนทั้งร้อนใจทั้งโมโห แม่สามีคนนี้เมื่อไหร่จะรู้เรื่องเสียที
“เยว่เยว่หายไปนานเท่าไรแล้ว? ถามทุกบ้านแล้วหรือยัง? แถวนี้หาหมดแล้ว แล้วที่ไกลหน่อยได้หาหรือยัง?”
เฉินเยี่ยนโมโหเธอไม่ได้อีก คนแบบนี้ ตอนนี้เธอคิดเพียงแค่ให้หาลูกเจอ เธอไม่คิดจะโทษใคร
“หายไปชั่วโมงสองชั่วโมงได้แล้ว หาหมดแล้ว ที่ไกลหน่อยยังไม่ได้หา เธอเล็กขนาดนี้ จะเดินไปได้ไกลแค่ไหน?”
ไป๋ซิ่วเหมยตอบเฉินเยี่ยน พอได้ยินว่าเยว่เยว่หายไป เธอก็รีบไปหา คนแถวบ้านก็ช่วยหาด้วย แต่หาไม่เจอเลย
“ฉันจะไปหา ช่วยโทรบอกซินห้าวให้เขารีบกลับมาหน่อยค่ะ”
หลังเฉินเยี่ยนเข้าใจสถานการณ์แล้วก็รีบออกนอกบ้านไป ตะโกนเรียกชื่อลูกสาวไปด้วย แล้วไปตามหาสถานที่ที่เยว่เยว่ชอบไป