ตอนที่ 294 ดวงดอกรัก

รักเล่ห์เร้นใจ

สายตาของไป๋เจี๋ยตามติดเซียวจิ่งสือไปอย่างตาไม่กะพริบ ด้วยเกรงว่าแค่หลับตาลงแล้วเขาจะหายวับไปอย่างนั้น 

 

 

เธอไม่เคยเห็นคนหล่อขนาดนี้มาก่อน ร่างสูงเพรียว เหมาะเจาะกับใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ องคาพยพบนใบหน้าได้ส่วนรับกันได้พอดิบพอดี ช่างงามพร้อมซะเหลือเกิน! เอ่อ แต่สีหน้าอย่าให้เย็นชานักจะได้ไหมเนี่ย? 

 

 

เซียวจิ่งสือในตอนนี้รู้ตัวแล้วว่ามีคนมองด้วยสายตาสำรวจ จึงหันมามองไป๋เจี๋ย ทำเอาไป๋เจี๋ยตกใจจนรีบหลบตาวูบ แกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ยังหัวใจเต้นตูมตามไม่เลิกจากสายตาที่มองมาของเซียวจิ่งสือ 

 

 

หลินหว่านกำลังพักผ่อนรออยู่อีกด้านหนึ่ง อีกสักครู่จึงไปเข้ากล้อง ตอนนี้เธอจึงนั่งพักตามสบายอ่านบทของตัวเองอยู่ที่นั่น 

 

 

บอกว่าเธออ่านบทหนัง สู้บอกว่าเธอนั่งเหม่อจะถูกกว่า บทหนังเรื่องนี้หลินหว่านจำได้จนขึ้นใจตั้งนานแล้ว 

 

 

พอได้ยินเสียงฮือฮาจากภายนอก หลินหว่านก็ค่อยดึงสติกลับมา แต่ยังไม่คิดอะไรมาก ใครมาก็ไม่เกี่ยวกับเธอ จึงหันกลับมาอ่านบทต่อ 

 

 

จนกระทั่ง…เงาร่างหนึ่งมาปรากฏตรงหน้า “ทำไม ไม่เห็นว่าผมมาเหรอ?” 

 

 

พอได้ยินเสียงที่คุ้นเคย หลินหว่านจึงเงยหน้าขึ้นช้าๆ ก็พบว่าร่างสูงของเซียวจิ่งสือยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า 

 

 

หลินหว่านยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก ก่อนหน้านี้พวกเขาเพิ่งจะโทรศัพท์คุยกันเอง ทำไมเขาถึงมาอยู่ตรงหน้าเธอเร็วนักล่ะ? 

 

 

ทางด้านไป๋เจี๋ยก็ย่อมจะเห็นเซียวจิ่งสือเดินมาที่ตรงหน้าหลินหว่าน เธออดตื่นเต้นไม่ได้ อยากจะเข้าไปหาเขา แต่ติดที่หลินหว่านก็อยู่ที่นั่นจึงไม่กล้าเข้าไป 

 

 

“เพิ่งโทรคุยกันเองไม่ใช่หรือคะ ทำไมคุณมาแล้วล่ะ?” พอหายแปลกใจหลินหว่านก็ถามขึ้น 

 

 

“ทำไมเหรอ? ไม่ต้อนรับผมรึไง?” 

 

 

“ไม่ใช่ค่ะ แค่แปลกใจน่ะ” 

 

 

“ไม่มีอะไรหรอก แค่ได้ยินว่าพวกคุณกำลังถ่ายหนังกันอยู่ รู้สึกไม่ค่อยวางใจ ก็เลยมาดูคุณซะหน่อย” พูดจบก็ตวัดสายตาไปทางอี้อวิ๋นฉังแวบหนึ่ง 

 

 

หลินหว่านตั้งใจฟังที่เซียวจิ่งสือพูดอยู่ตลอด ปฏิกิริยาเล็กน้อยนี้จึงอยู่ในสายตาของเธอ แต่ก็เข้าใจได้ทันทีถึงเป้าหมายที่เขามาที่นี่คราวนี้ 

 

 

เมื่อครู่ผู้ชายคนนี้คงจะได้ยินเธอพูดทางโทรศัพท์ว่าเธออยู่กองถ่ายเดียวกับอี้อวิ๋นฉังจึงไม่ไว้ใจ เลยมาดูสถานการณ์กระมัง? 

 

 

เขานี่เห็นเธอเป็นเด็กอยู่เรื่อย ไม่เชื่อในความสามารถของเธอซะเลย ถึงแม้เธอจะไม่เก่งกาจสามารถเท่าไร แต่รับมือกับอี้อวิ๋นฉังแค่คนเดียวยังเหลือเฟืออยู่หรอกน่า 

 

 

หลินหว่านมองดูท่าทางถือดีของเซียวจิ่งสือ นึกในใจว่าทั้งๆ ที่เป็นห่วงเขากลับไม่ยอมพูดออกมาอีก ช่างน่ารักซะจริงเชียว แต่ขณะเดียวกันก็เป็นปลื้มที่เขาสนใจในรายละเอียด แค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เธอก็รับรู้ได้ถึงความห่วงใยของเซียวจิ่งสือที่มีต่อเธอ 

 

 

“ตอนนี้คุณไม่ยุ่งใช่ไหม? ผมอยู่นี่รบกวนคุณรึเปล่า?” เซียวจิ่งสือเอ่ยปากถาม 

 

 

“ไม่หรอกค่ะ อีกเดี๋ยวยังมีฉากของฉันอีกหน่อย บทฉันก็อ่านจบตั้งนานแล้ว วางใจเถอะ เชื่อมือฉันได้เลยค่ะ!” หลินหว่านพูดอย่างไม่เป็นกังวลอะไรนัก 

 

 

พอเห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของเธอแล้ว เซียวจิ่งสือก็รู้ว่าเธอน่าจะมั่นใจอย่างที่พูดจริง ก็วางใจลงได้ 

 

 

“งั้นก็ดี ผมจะรอคุณถ่ายเสร็จแล้วออกไปทานข้าวด้วยกันนะ” 

 

 

จากนั้นทั้งคู่ก็คุยเรื่องสัพเพเหระกันต่อ ขณะที่เวลาค่อยๆ ผ่านไป แต่สำหรับไป๋เจี๋ยแล้ว มันช่างเนิ่นนานเหลือเกิน เห็นเซียวจิ่งสือหยอกล้อกับหลินหว่านจนเธอกุมท้องหัวเราะลั่น กับแววตาที่หลินหว่านขึงตาใส่เซียวจิ่งสือนั่นอีก ล้วนแต่ทำให้ไป๋เจี๋ยหัวใจคันยุบยิบ 

 

 

“หลินหว่าน รีบเตรียมตัวได้ ใกล้ถึงคิวของคุณแล้ว เดี๋ยวถ่ายฉากนี้เสร็จก็เลิกงานได้” เสียงผู้กำกับดังมาอย่างได้เวลาพอดี 

 

 

“ค่ะ ผู้กำกับ มาแล้วค่ะ” ไม่ว่าจะเป็นหลินหว่านหรือไป๋เจี๋ย พอได้ยินเสียงผู้กำกับพูดแบบนี้ก็ดีใจกันทั้งนั้น 

 

 

หลินหว่านคิดว่าถ่ายให้เสร็จเร็วๆ เธอจะได้ไปผ่อนคลายซะที แต่สำหรับไป๋เจี๋ยแล้ว ถึงฉากของหลินหว่านซะที คราวนี้เธอจะได้มีโอกาสเข้าไปพูดกับเซียวจิ่งสือแล้ว 

 

 

“คุณรอฉันอยู่นี่เดี๋ยวนะคะ อีกเดี๋ยวก็ถ่ายเสร็จแล้ว พวกเราจะได้กลับด้วยกัน” พอขานรับเสียงเรียกของผู้กำกับแล้ว หลินหว่านก็หันมาพูดกับเซียวจิ่งสือ 

 

 

“ครับ คุณรีบไปเถอะ” 

 

 

พอฟังคำตอบของเซียวจิ่งสือแล้ว หลินหว่านก็ไปแต่งหน้าที่ห้องแต่งตัว ถึงแม้เธอจะมีหน้าตาดีมากต่อให้ไม่แต่งหน้าก็สวย แต่ถึงยังไงก็ต้องแต่งบางๆ อยู่บ้าง  

 

 

ไป๋เจี๋ยที่อยู่ด้านข้างพอเห็นหลินหว่านไปแล้ว…ในที่สุด เธอก็ “ตั้งใจ” จัดเสื้อผ้าตัวเองแล้ว เดินบิดเอวเข้ามาหาเซียวจิ่งสือ 

 

 

“สวัสดีค่ะ คุณคงเป็นเพื่อนของพี่หลินหว่านกระมังคะ? เอ่อ ฉันชื่อไป๋เจี๋ยค่ะ” เสียงเล็กๆ นุ่มนวลเอ่ยทักทายเซียวจิ่งสือ 

 

 

“อื้อ” เซียวจิ่งสือตอบรับเสียงเรียบเฉย สายตายังตามติดหลินหว่านไปถึงห้องแต่งตัว 

 

 

พอเห็นว่าเซียวจิ่งสือเฉยเมยกับเธอขนาดนี้ ก็มองตามสายตาเขาไป เห็นได้ชัดเลยว่าคนที่เขามองอยู่คือหลินหว่าน 

 

 

ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่กับหลินหว่าน นั่นทำให้ไป๋เจี๋ยอดรู้สึกขายหน้าไม่ได้ แต่เธอยังไม่ยอมแพ้ จึงเป็นฝ่ายชวนคุยขึ้นโดยเล่าเรื่องที่หลินหว่านช่วยเธอไว้เมื่อตอนเช้าเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับเซียวจิ่งสือ 

 

 

“อันที่จริงฉันก็อยากจะขอบคุณพี่หลินหว่านสักหน่อย ถึงยังไงเมื่อตอนเช้าเธอก็เสี่ยงที่จะมีเรื่องกับพี่อวิ๋นฉังเพื่อช่วยฉัน ฉันรู้สึกขอบคุณเธอมากเลย” 

 

 

พอได้ยินว่าเด็กผู้หญิงคนนี้คือคนที่ถูกอี้อวิ๋นฉังรังแกเมื่อตอนเช้า เซียวจิ่งสือจึงหันมามองเธอแวบหนึ่ง 

 

 

ก่อนหน้านี้หลินหว่านแค่บอกกับเขาว่าเธอเป็นนักแสดงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร ที่แท้ก็เป็นเธอนี่เอง! อืม ยังสวยไม่ได้ครึ่งของหลินหว่านเลยนิ! 

 

 

ไป๋เจี๋ยมองดูสายตาของเซียวจิ่งสือมาหยุดอยู่ที่เธอ คิดไม่ถึงว่าวิธีการของเธอจะใช้ได้ซะด้วย จึงมองดูเขาด้วยความปลาบปลื้มยินดีเป็นล้นพ้น 

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก หลินหว่านไม่ค่อยชอบความประพฤติแบบนี้ของอี้อวิ๋นฉังอยู่แล้ว แค่บังเอิญเห็นเธอถูกรังแกเข้าเท่านั้น ถ้าเธอจะขอบคุณก็ควรไปหาหลินหว่าน ไม่ใช่มาพูดกับผม” 

 

 

คำพูดของเซียวจิ่งสือ ทำให้ไป๋เจี๋ยที่อยู่บนสวรรค์ร่วงลงสู่นรกในพริบตา อับอายขายหน้าสุดๆ 

 

 

“อ่าอ่า คือฉันเห็นว่าพี่หลินหว่านไปเข้ากล้องนะค่ะ พอดีว่าคุณก็เป็นเพื่อนของพี่หลินหว่าน จึงอยากจะรบกวนคุณช่วยบอกเธอหน่อยค่ะ” 

 

 

“อืม ผมจะบอกเธอให้” 

 

 

“ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรคะ เป็นแฟนของพี่หลินหว่านหรือเปล่า?” ไป๋เจี๋ยถามอย่างได้คืบเอาศอก 

 

 

พอฟังว่าไป๋เจี๋ยถามเรื่องของเขา เซียวจิ่งสือก็ขมวดคิ้ว รู้สึกรำคาญขึ้นมา จิตใต้สำนึกบอกเขาว่าไม่ชอบผู้หญิงที่ตรงหน้านี้เลย 

 

 

“อีกเดี๋ยวคุณไป๋ยังต้องไปเข้ากล้องกระมัง ไปดูบทของตัวเองซะก่อนเถอะ จะได้ไม่โดน NG” เซียวจิ่งสือไล่ไป๋เจี๋ยให้ออกห่างอย่างรำคาญ