ตอนที่ 295 โดนลูกหลง

รักเล่ห์เร้นใจ

“เอ่อ ง…งั้นฉันไม่รบกวนคุณแล้วค่ะ” คนเขาพูดขนาดนี้แล้ว เธอก็ได้แต่พูดตามน้ำไป 

 

 

แต่ถึงเธอจะพูดแบบนี้ ก็ยังไม่คิดจะหลีกหนีไป แต่กลับหันไปทางหลินหว่าน หวังว่าเธอจะสามารถแก้ให้เธอหลุดจากสถานการณ์ที่น่าขายหน้านี่ได้ 

 

 

ส่วนหลินหว่านก็เพิ่งแต่งหน้าเสร็จออกมาพอดี มองมาทางพวกเขา แต่ไม่เข้าใจสายตาของไป๋เจี๋ย 

 

 

เนื่องจากเมื่อครู่เธอไม่ทันได้สังเกตสภาพทางด้านนี้ ย่อมไม่รู้ว่าไป๋เจี๋ยกับเซียวจิ่งสือคุยอะไรกัน ยิ่งไม่รู้ว่าไป๋เจี๋ยถูกเซียวจิ่งสือตอกหน้าหงายกลับมา 

 

 

ดังนั้นเธอจึงแค่มองมาทางนี้แวบหนึ่ง พอเธอเห็นไป๋เจี๋ยที่ไม่รู้ว่ามาทางนี้ตั้งแต่เมื่อไรนั้น เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยจนแม้แต่ตัวเองยังไม่รู้สึกตัวเลย 

 

 

ถึงแม้จะไม่ชอบใจนัก แต่หลินหว่านก็ไม่คิดอะไรมาก แค่หันไปผงกศีรษะกับเซียวจิ่งสือนิดหน่อย 

 

 

ส่วนไป๋เจี๋ยเห็นหลินหว่านมองมาทางเธอแล้วยังผงกศีรษะให้เธออีก ก็เข้าใจว่าเธอเข้าใจความหมายของตัวเอง คิดจะช่วยแก้หน้าให้เธอ จึงตื่นเต้นดีใจจนออกนอกหน้า 

 

 

แต่เธอนึกไม่ถึงว่าหลินหว่านแค่ผงกศีรษะแล้วก็ไปเข้ากล้อง ไม่ได้เดินเข้ามาอีก 

 

 

นี่ทำให้ไป๋เจี๋ยเข้าใจว่าเธอตั้งใจจะไม่ช่วยเธอ ทำให้เธอต้องขายหน้าแบบนี้ และด้วยเรื่องนี้ทำให้เธอนึกโกรธแค้นหลินหว่านอยู่ในใจ 

 

 

อันที่จริงหลินหว่านไม่รู้เรื่องด้วยเลย เมื่อครู่เธอก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ดังนั้นจึงไม่ได้เข้ามาแก้หน้าให้ไป๋เจี๋ย 

 

 

ถ้าหากเธอรู้ความคิดของไป๋เจี๋ยในตอนนี้ละก็ คงโมโหแทบตายทีเดียว เซียวจิ่งสือจะปฏิบัติต่อเธอยังไงมันเกี่ยวอะไรกับเธอเล่า อยู่ดีๆ เธอก็มาโดนลูกหลงเข้าโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวแท้ๆ เชียว 

 

 

เพียงไม่นาน ฉากของหลินหว่านก็ถ่ายเสร็จ เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินยิ้มมาหาเซียวจิ่งสือ 

 

 

“ไปค่ะ พวกเราไปทานข้าวกัน” 

 

 

“ครับ” 

 

 

หลินหว่านบอกลาคนอื่นแล้วทั้งสองก็จากไปพร้อมรอยยิ้ม 

 

 

ไป๋เจี๋ยมองตาเงาหลังของหลินหว่าน ขบกรามอย่างโกรธแค้น นาทีนี้เธอลืมไปแล้วว่าเมื่อเช้าหลินหว่านยังช่วยเธออยู่เลย ในหัวมีแต่ใบหน้าของเซียวจิ่งสือ 

 

 

อันที่จริงเซียวจิ่งสือก็คิดไม่ถึงว่า ตัวเองแค่มาเยี่ยมหลินหว่านที่กองถ่ายเท่านั้น กลับทำให้ตัวเองต้องเข้าไปพัวพันกับหนี้รักรายหนึ่ง แถมยังเป็นดอกรักเน่าๆ ซะอีก 

 

 

…… 

 

 

วันรุ่งขึ้น ผู้คนพากันมารวมตัวที่กองถ่ายอีกครั้ง วันนี้มีฉากหลินหว่านปะทะบทกับไป๋เจี๋ย สำหรับหลินหว่านแล้ว ไม่มีอะไรเลย จะปะทะบทกับใครก็เหมือนกัน เธอไม่ได้สนใจนัก 

 

 

แต่กับไป๋เจี๋ยแล้ว นี่เป็นโอกาสอันดีที่หาได้ยากนัก มีโอกาสดีขนาดนี้จะไม่ฉวยโอกาสเอาคืนหลินหว่านซะหน่อยได้ยังไงกัน? 

 

 

ขณะถ่ายทำมีเสียงเรียกเทคไม่หยุด 

 

 

“คัท ไป๋เจี๋ยมัวคิดอะไรอยู่? ตั้งใจแสดงหน่อยสิ!” 

 

 

“ขอโทษค่ะ ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ค่ะ ให้ฉันลองอีกครั้งนะคะ” 

 

 

“คัท ไป๋เจี๋ย ท่าทางน่ะ การวางท่าทางไม่ถูก” 

 

 

“คัท ไป๋เจี๋ย วางมือไม่ถูก” 

 

 

“คัท” “คัท” “คัท” … 

 

 

“ไป๋เจี๋ยวันนี้เธอเป็นอะไรกันแน่ ตั้งใจหน่อยได้ไหม? พลาดครั้งสองครั้งก็ยังพอว่า นี่มันตั้งหลายครั้งขนาดนี้ เธอเข้าใจว่าคนอื่นเขาว่างมาเป็นเพื่อนเล่นกับเธอนักหรือไง?” 

 

 

“ขอโทษค่ะ ขอโทษ ผู้กำกับคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ฉันจะทำให้เต็มที่แน่ค่ะ” 

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะ ผู้กำกับ คนเราก็ต้องมีช่วงเวลาที่ไม่เข้าที่ เดี๋ยวตอนถ่ายทำก็ตั้งใจหน่อยแล้วกัน” ผู้กำกับกำลังคิดจะอาละวาดอีก แต่ถูกหลินหว่านห้ามเอาไว้ 

 

 

“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณพี่หลินหว่าน ฉันจะทำเต็มที่ค่ะ” ไป๋เจี๋ยพูดกับหลินหว่านอย่างซาบซึ้งสุดติ่ง 

 

 

ผลปรากฏว่า… 

 

 

“คัท ไป๋เจี๋ย ตำแหน่งที่เธอยืนไม่ถูก เธอต้องยืนไปทางด้านนั้นต่างหาก ทำไมมาทางนี้ได้” คราวนี้ผู้กำกับข่มเพลิงโทสะของตัวเองไว้ พูดกับไป๋เจี๋ยดีๆ 

 

 

“คัท” “คัท” “คัท” 

 

 

“เอาล่ะ ครั้งสุดท้าย ถ้าไม่ผ่านอีก ก็พักกองสักครู่แล้วกัน ถ่ายมาตั้งหลายรอบขนาดนี้ ทุกคนคงจะเหนื่อยกันแล้ว” ผู้กำกับสุดจะทน เอ่ยปากพูดขึ้นในที่สุด 

 

 

แต่ว่าในครั้งสุดท้ายนี้เอง หลินหว่านเนื่องจากไป๋เจี๋ยเทคไปหลายครั้ง ทำให้เธอต้องกระโดดจากที่สูงลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ต้องใช้แรงมาก 

 

 

ในที่สุดก็อ่อนแรงอยู่บ้าง จึงยั้งตัวเองไม่ทัน ตกลงมาจากด้านบน คราวนี้ทำเอาทุกคนตกใจกันไปหมด 

 

 

ทุกคนล้วนคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ จึงตกใจกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่น้อย ต่างพากันลืมตัวว่าต้องทำอะไร 

 

 

พอดีกับชั่วพริบตาที่หลินหว่านพลัดตกลงมา เซียวจิ่งสือเดินเข้ามาพบเข้าพอดี 

 

 

เพราะเขาไม่วางใจความปลอดภัยของหลินหว่าน อันที่จริงเมื่อวานตอนที่เขามานั้นอี้อวิ๋นฉังถ่ายฉากของตัวเองเสร็จกลับไปก่อนแล้ว ไม่รู้ว่าวันนี้พวกเธอมีฉากปะทะบทกันหรือเปล่า เพื่อไม่ให้เกิดเหตุอะไร เขาจึงมาที่กองถ่ายอีก 

 

 

แต่คิดไม่ถึงว่า เพิ่งเดินเข้ามาก็ได้เห็นภาพที่ทำให้เขาตกใจแทบตาย ตอนนี้ต่อให้เขาเร็วแค่ไหนก็รับตัวหลินหว่านเอาไว้ไม่ทัน ดีที่ด้านล่างมีเบาะรองรับอยู่ ช่วยลดการบาดเจ็บลงไปได้บ้าง 

 

 

เขาไม่ทันคิดมาก รีบพุ่งพรวดเข้าไปหาหลินหว่านทันควัน 

 

 

พอไป๋เจี๋ยเห็นว่าเซียวจิ่งสือมานั้น ก็ใจเต้นระทึกรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้เธอตั้งใจทำให้เทคไปหลายรอบ ก็เพราะจะได้แกล้งหลินหว่าน เพื่อคลายความโกรธแค้นในใจตัวเอง 

 

 

ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของเซียวจิ่งสืออยู่ที่หลินหว่าน ย่อมจะไม่ได้สนใจคนอื่น ดังนั้นจึงไม่ได้เห็นสีหน้าของไป๋เจี๋ย 

 

 

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามการตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้น เซียวจิ่งสือยังเป็นห่วงอยู่มาก อุ้มหลินหว่านขึ้นมาได้ก็เดินออกไปด้านนอก  

 

 

คนอื่นๆ ก็ถูกการเข้ามาอย่างกะทันหันของเซียวจิ่งสือทำให้ตกใจไปเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เขาอุ้มหลินหว่านออกไปนั้น ตลอดร่างแผ่รังสีเย็นเยียบออกมาด้วย 

 

 

ผู้กำกับกำลังจะขวางเขาไว้ ปรากฏว่าพอเจอเข้ากับสายตาคมปลาบของเซียวจิ่งสือ และได้เห็นหน้าของเซียวจิ่งสือ รู้ว่าเขาเป็นคนที่มาเยี่ยมหลินหว่านเมื่อวานจึงไม่ได้เข้าไปขวางอีก 

 

 

พวกเขารีบตามติดไปดูอาการที่โรงพยาบาล 

 

 

ตอนนั้นเอง ไม่รู้ว่าไป๋เจี๋ยโผล่มาจากที่ไหน 

 

 

“ผู้กำกับคะ พวกคุณจะส่งพี่หลินหว่านไปโรงพยาบาลหรือคะ? พาฉันไปด้วยสิ?” 

 

 

“เวลาแบบนี้เธอยังจะเข้าไปยุ่งอะไรด้วย เธอจะไปทำไมกันหา” 

 

 

“ผู้กำกับคะ ถึงยังไงที่พี่หลินหว่านได้รับบาดเจ็บก็เพราะฉัน เพราะฉันไม่ดีเอง ทำให้เทคตั้งหลายครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะฉันพี่หลินหว่านคงไม่ต้องรับบาดเจ็บ คุณพาฉันไปด้วยนะคะ ฉันยังช่วยดูแลเธอได้ไม่ใช่หรือคะ?” ไป๋เจี๋ยพูดกับผู้กำกับด้วยท่าทีใสซื่อจริงใจสุดติ่ง พูดไปพูดไปก็ทำน้ำตาร่วงเผาะออกมาหลายหยด 

 

 

พอเห็นท่าทางเหมือนดอกไม้โดนฝนของเธอ ผู้กำกับก็รู้สึกปวดขมับเต้นตุบๆ ไม่หยุด 

 

 

“พอแล้วๆ ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ตามไปด้วยก็แล้วกัน” สุดท้ายผู้กำกับก็ยอม