บทที่ 6 บทที่ 121 เศร้าโศกเสียใจเพื่อใคร

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

การที่กุยเชียนอีหยุดลมหายใจเอาไว้ชั่วคราวสำหรับหลงซีรั่วแล้ว นี่ก็เป็นข่าวดีเพียงข่าวเดียวในช่วงหลายวันมานี้ 

 

 

แต่ว่า 

 

 

เธอรู้สึกกระดากใจมาก…เพราะเธอได้เรียกเจ้าของสมาคมผู้นี้มาแล้ว 

 

 

เมื่อคิดถึงคำพูดที่ตนเองพูดไม่กี่นาทีก่อน รวมถึงท่าทางที่ตนเองแสดงออกไป มังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพ…ก็เริ่มสงสัยความเป็นมังกรแท้จริงของตนเองขึ้นมา 

 

 

คนผู้นี้ชอบพูดมากไม่ใช่เหรอ…ทำไมเวลานี้ถึงได้เงียบไปอย่างกะทันหันล่ะ ที่น่ากลัวที่สุดก็คือบรรยากาศเปลี่ยนเป็นสงบอย่างฉับพลัน 

 

 

จะตีให้ตายหลงซีรั่วก็ไม่ยอมเริ่มพูดก่อน…หรือจะให้เธอพูดว่า ในเมื่อกุยเชียนอียังไม่ตาย เช่นนั้นนายก็ไปเถอะ 

 

 

หากว่ากล้าพูดคำพูดเช่นนี้ออกไป ถึงหลงซีรั่วจะรู้สึกว่าเจ้าของสมาคมคนนี้คงไม่ทำอะไร ซึ่งความรู้สึกเช่นนี้แปลกประหลาดมาก แต่สัญชาตญาณก็บอกเธอว่ามันถูกต้อง 

 

 

แต่ถึงเจ้าของสมาคมจะไม่ทำอะไร…แต่สาวใช้ข้างกายของเขานั้นไม่แน่ 

 

 

 “คุณหนูหลง คุณยังคิดจะซื้ออะไรกับทางร้านอีกหรือเปล่าครับ” ทันใดนั้นลั่วชิวก็พูดขึ้น “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว การแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ก็สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ไหม” 

 

 

หลงซีรั่วชะงัก พูดอย่างประหลาดใจว่า “หรือ…ฉันไม่ซื้ออะไรก็ได้งั้นเหรอ” 

 

 

 “แน่นอน” ลั่วชิวพูด “ทางร้านปล่อยให้ซื้อขายได้อย่างอิสระเสมอมา เมื่อลูกค้าต้องการซื้อ พวกเราก็ขาย เมื่อลูกค้าไม่อยากซื้อ ทางร้านก็จะไม่บังคับ” 

 

 

 “เพราะเกี่ยวกับฉันใช่ไหม” หลงซีรั่วขมวดคิ้วขึ้นอย่างกะทันหัน 

 

 

 “ไม่ใช่ ไม่ว่าใครก็เหมือนกัน” ลั่วชิวให้คำตอบที่แน่นอนออกไป 

 

 

ทันใดนั้นหลงซีรั่วก็ยิ้มอย่างขมขื่นและเอ่ยว่า “คิดไม่ถึงเลย…ฉันคิดมาตลอดว่าที่นั่นของพวกนายมีแต่ล่อลวงสิ่งมีชีวิต ขอเพียงสามารถทำให้การแลกเปลี่ยนสำเร็จพวกนายก็จะไม่เลือกวิธีการ” 

 

 

ลั่วชิวกลับพูดว่า “คุณหนูหลง ถ้าหากไม่มีเรื่องอะไรแล้ว โปรดอนุญาตให้ผมจากไปด้วยเถอะ” 

 

 

นี่เป็นคนแบบไหนกัน… 

 

 

ตอนนี้หลงซีรั่วพูดออกไปโดยไม่รู้ตัวว่า “รอ รอเดี๋ยวก่อน” 

 

 

 “ยังมีเรื่องอะไรงั้นเหรอ” ลั่วชิวหันหน้ากลับมา 

 

 

หลงซีรั่วกัดฟันพูดว่า “ขจัดพิษบนร่างกายให้กุยเชียนอีและทำให้เขาฟื้นขึ้นมาโดยเร็ว ฉันต้องจ่ายเท่าไหร่” 

 

 

ในตอนนี้แววตาของมังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพดูสับสนวุ่นวาย เธอบอกตัวเองไม่หยุดว่า ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อให้กุยเชียนอีฟื้นขึ้นมาโดยเร็วเท่านั้น ไม่ใช่เพราะอารมณ์แปลกประหลาดบางอย่าง 

 

 

ตอนนี้ลั่วชิวกลับเอ่ยว่า “ตอนนี้คุณหนูหลงมีของมีค่าอยู่กับตัวหรือเปล่า” 

 

 

 “ไม่มี” หลงซีรั่วส่ายหน้า อย่าคิดว่าเธอเป็นมังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพแล้วจะรวย ความเป็นจริงนั้นเธอเป็นปีศาจเฒ่าที่จนที่สุดในแผ่นดินเทพ 

 

 

ลั่วชิวพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ขอเป็นเลือดหยดหนึ่งของคุณหนูหลงก็แล้วกัน” 

 

 

 “เพียงหยดเดียวงั้นเหรอ” หลงซีรั่วแปลกใจ…ราคาเช่นนี้สำหรับเธอแล้วเล็กน้อยเกินไป เล็กน้อยจนเธอคิดว่าเธอพบกับเจ้าของสมาคมตัวปลอม 

 

 

 “แค่ขับพิษง่ายๆ เท่านั้น” ลั่วชิวพูด “ถึงแม้พวกเราจะไม่ช่วย คุณกุยก็จะฟื้นขึ้นเองในสองสามวันนี้” 

 

 

ทันใดนั้นหลงซีรั่วก็คิดถึงคำพูดที่เจ้าของสมาคมกับเธอเคยพูดคุยกัน เธอเกิดความเข้าใจและยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันเข้าใจแล้ว นี่ก็คือเวลาที่จะสูญเสียไปที่นายพูดถึงใช่ไหม เพื่อไม่ให้เวลาสูญเสียไป พวกเราจำเป็นต้องเสียสละของอะไรบางอย่างออกไป…ก็เพราะเป็นอย่างนี้ถึงให้นายช่วยขจัดพิษบนร่างกายของกุยเชียนอีให้” 

 

 

ลั่วชิวไม่พูดอะไรมาก เพียงก้าวเท้าไปตรงหน้ากุยเชียนอี เขาย่อตัวลงและยื่นนิ้วมือออกไปกดเบาๆ บนหน้าอกของกุยเชียนอีจากนั้นก็ค่อยๆ ยกนิ้วมือของตนเองขึ้นมา 

 

 

เห็นเพียงของเหลวสีดำ เหมือนถูกอะไรบางอย่างดึงขึ้นมาจากบริเวณหน้าอกของกุยเชียนอีอย่างรวดเร็ว 

 

 

ลั่วชิวตวัดนิ้วมือ ของเหลวสีดำถูกโยนลงไปบนพื้น…ของเหลวดูคล้ายกับกรดที่มีฤทธิ์ร้ายแรง ชั่วขณะนั้นก็กัดกร่อนพื้นจนเกิดเสียงซ่าๆ และปรากฏควันดำขึ้นมา 

 

 

โยวเย่ล้วงเอาผ้าออกมาและส่งไปข้างหน้าของลั่วชิว ลั่วชิวใช้ผ้าเช็ดมือพร้อมพูดว่า “คุณหนูหลง สิ่งที่คุณต้องการจัดการเรียบร้อยแล้ว” 

 

 

ง่ายขนาดนี้เชียว…คิดถึงตอนแรกตนเองตั้งใจที่จะหยั่งเชิงเจ้าของสมาคม สุดท้ายก็ตกอยู่ในสภาพแบบวันนี้แล้วหลงซีรั่วก็รู้สึกขมขื่นในใจ 

 

 

ขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกหวั่นเกรงเจ้าของสมาคมมากขึ้น…แม้แต่ตัวเธอก็ต้องเสียเปรียบไม่สามารถตอบโต้ได้…เบื้องหลังของเจ้าของสมาคมผู้นี้ซ่อนอะไรที่น่ากลัวเอาไว้กันแน่ 

 

 

 “คุณหนูหลง ถึงเวลาจ่ายแล้ว” คุณหนูสาวใช้เอ่ยปากเตือน 

 

 

หลงซีรั่วจ้องโยวเย่แวบหนึ่ง สบถว่า “วางใจเถอะ ฉันไม่ชักดาบแน่นอน…เลือดเพียงหยดเดียวเท่านั้น ฉันจะเอาให้นายเดี๋ยวนี้” 

 

 

แต่เธอสูญเสียพลังของมังกรแท้จริงไป เมื่อคิดจะเอาเลือดหยดหนึ่งออกมาจึงไม่สะดวกนัก หลงซีรั่วหมดทางเลือกได้แต่ยื่นนิ้วมาที่ริมฝีปากของตนเอง 

 

 

วิธีที่ง่ายที่สุด…ก็คือกัดนิ้วมือ 

 

 

 “ไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนั้น” ลั่วชิวเอ่ย “หากคุณหนูหลงมีบาดแผลในตอนนี้ เกรงว่าจะไม่หายดีได้โดยง่าย” 

 

 

เจ้าของสมาคมลั่วไม่รอให้หลงซีรั่วมีปฏิกิริยาตอบสนองก็ยื่นมือออกไป หลงซีรั่วขมวดคิ้วขึ้น ยื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัว ลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็วางลงไปในมือของลั่วชิว 

 

 

 “เสร็จแล้ว” 

 

 

เพียงพริบตาเดียวที่สัมผัสลั่วชิวก็ปล่อย พริบตาเดียวที่เขาปล่อยมือนั้น เลือดสีแดงเปล่งแสงสีม่วงทองก็ปรากฏอยู่ในใจกลางมือของเขาแล้ว 

 

 

นี่ก็คือเลือดของมังกรแท้จริง…เจ้าของสมาคมเก็บเอาเลือดของหลงซีรั่ว…ไปง่ายๆ เช่นนี้ 

 

 

กลับ…ไม่เจ็บเลยสักนิด 

 

 

“อย่างนั้น คุณหนูหลงที่เคารพ ยินดีต้อนรับคุณมาอุดหนุนในครั้งหน้า” ลั่วชิวโค้งกายพูด คุณหนูสาวใช้ก็โค้งกายเป็นเพื่อนเจ้าของสมาคม 

 

 

หลงซีรั่วขมวดคิ้ว ภายในหัวมีความคิดมากมายหมุนวนไปมาไม่หยุด อย่างเช่นต้องช่วยโอกาสนี้ขอให้ตนเองได้พลังมังกรแท้จริงกลับคืนมาหรือเปล่า 

 

 

แต่ความคิดนี้ก็ถูกสลัดหายไปอย่างรวดเร็ว…ที่เธอใช้พลังมังกรแท้จริงไม่ได้ก็เพราะตนเองลงมือจู่โจมอีกฝ่ายก่อน มาตอนนี้คิดจะฟื้นฟูพลังดังเดิม คิดว่าคงไม่สำเร็จง่ายๆ เพียงแค่ใช้เลือดสองสามหยดแน่  

 

 

เพื่อช่วยให้กุยเชียนอีมีชีวิต เธอไม่สนใจแม้กระทั่งวิญญาณของมังกรแท้จริง…เป็นเหมือนดั่งคำพูดที่กุยเชียนอีพูดกับนกหวีดที่ว่าความต้องการของแต่ละคนนั้นล้วนแต่เป็นความเห็นแก่ตัว 

 

 

แต่เธอกลับไม่สามารถใช้วิญญาณแห่งมังกรแท้จริงเพื่อฟื้นฟูพลังให้กลับมาเป็นดังเดิมได้ 

 

 

 “จุยเฟิง” หลงซีรั่วสูดหายใจเข้าลึกและพูดว่า “จุยเฟิง ฉันรู้ว่า…จุยเฟิงได้อะไรไปจากพวกนายใช่ไหม ไม่เช่นนั้นแล้วตอนแรกเขาคงไม่สามารถหายตัวไปกลางอากาศต่อหน้ากุ่ยอิงและหลังจากปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งก็สามารถควบคุมคนอื่นได้” 

 

 

 “ขอโทษด้วย คุณหนูหลง ทางร้านมีกฏว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องการแลกเปลี่ยนโดยพลการ” ลั่วชิวส่ายหน้า 

 

 

หลงซีรั่วพูดอย่างรวดเร็วว่า “ก็ได้ ฉันรู้ว่าตอนนี้จุยเฟิงจับครอบครัวของซูเสี่ยวซูไป อีกทั้งตอนนี้เขาก็ยังอยู่ที่นี่ ฉันต้องการให้นายรับรองความปลอดภัยของคนที่ถูกเขาควบคุมทุกคน อีกทั้งยังต้องช่วยจุยเฟิงขจัดจิตมารในใจ ทำให้เขากลับเป็นดังเดิม ต้องการเลือดกี่หยด นายก็พูดมาได้เลย” 

 

 

 “รับรองความปลอดภัยของคน…ที่ถูกควบคุมทุกคนงั้นเหรอ” ลั่วชิวรับคำ “เรื่องนี้ง่ายแต่หากต้องการขจัดจิตมารในใจของจุยเฟิงนั้น เกรงว่าลำพังเพียงเลือดของมังกรแท้จริงธรรมดาๆ จะจ่ายไม่ไหว คุณหนูหลง ถ้าคุณต้องการจะให้ทางร้านลงมือให้จริงๆ อย่างน้อยก็ต้องใช้เลือดมังกรแท้จริงจำนวนหนึ่งในสี่ส่วนของตัวคุณเป็นค่าใช้จ่าย” 

 

 

เลือดมังกรแท้จริงหนึ่งในสี่ส่วน…ราคานี้เหนือกว่าที่หลงซีรั่วจินตนาการเอาไว้มาก 

 

 

พูดได้เลยว่า แพงจนเอื้อมไม่ถึง 

 

 

 “จิตมารของจุยเฟิง..เป็นอะไรกันแน่” หลงซีรั่วขมวดคิ้วขึ้น “พวกฉันคาดเดาว่าเขาอาจเป็นผู้สืบทอดเสียนจี้ หรือว่า…” 

 

 

 “สำหรับเรื่องส่วนนี้นั้น ต้องขอโทษด้วย นี่ไม่ใช่ข้อมูลที่แน่ชัด” ลั่วชิวส่ายหน้า 

 

 

 “เช่นนั้น เป้าหมายของจุยเฟิงคืออะไรกันแน่” หลงซีรั่วถามออกไป 

 

 

แต่เจ้าของสมาคมลั่วกลับไม่พูดอะไร เหมือนรู้อยู่แล้วว่าหลงซีรั่วจะถามเช่นนี้จึงเพียงแค่ยิ้ม 

 

 

 “ฉันเข้าใจแล้ว ฉันขายเลือดก็ได้ใช่ไหม” หลงซีรั่วถลึงตา “ต้องการรู้เพียงเป้าหมายของเขาคงจะไม่ต้องใช้เลือดถึงหนึ่งในสี่ของฉันใช่ไหม” 

 

 

เมื่อรู้เป้าหมายก็จะสามารถคาดการณ์ได้…จะมีค่าถึงเลือดหนึ่งในสี่หรือเปล่านะ 

 

 

เมื่อกุยเชียนอีไม่เป็นอะไรแล้ว เธอก็ไม่ใช่หลงเอ๋อร์อีกแต่เป็นมังกรแท้จริงที่ต้องแบกรับภาระดูแลบรรดาปีศาจบนแผ่นดินเทพทั้งหมด…เธอจึงต้องวิเคราะห์ปัญหาให้รอบด้าน 

 

 

มังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพนั้นมีเพียงแค่เธอคนเดียว…แต่ปีศาจเฒ่าในแผ่นดินเทพไม่ได้มีเพียงแค่เธอคนเดียว 

 

 

มังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพครุ่นคิดถึงเรื่องหนึ่งโดยไม่รู้ตัว…นั่นก็คือเธอได้ขอทำการแลกเปลี่ยนกับสมาคมแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง 

 

 

ดูเหมือนกลังจากเกิดความคิดเช่นนี้แล้วก็จะไม่สามารถถอนตัวกลับได้เลย…โดยไม่รู้ตัว 

 

 

 “ในเมื่อเป็นคำขอของคุณหนูหลง เช่นนั้นก็จ่ายแปดร้อยมิลลิลิตร…” 

 

 

แต่เจ้าของสมาคมยังไม่ทันพูดราคาจบ กุยเชียนอีที่นอนอยู่บนพื้นก็ลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหันและพูดว่า “ใต้เท้าหลง โปรดคิดให้ดีด้วย” 

 

 

คำพูดของกุยเชียนอีเหมือนกับเป็นระฆังตอนเช้าที่ปลุกให้หลงซีรั่วได้สติขึ้นมา “ปู่กุย…กุยเชียนอี เจ้าฟื้นแล้ว” 

 

 

กุยเชียนอีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จับไม้เท้าลุกขึ้นมา “หลังการระงับลมหายใจสิ้นสุดจำเป็นต้องพักผ่อนสักระยะ ถึงเมื่อครู่ข้าจะขยับไม่ได้แต่ก็ยังได้ยินอยู่…ข้าได้ยินคำพูดของใต้เท้าหลงกับ…” 

 

 

เขามองคนตรงหน้าและคิดไปถึงวันที่เกิดเรื่องของเซียงหลิ่ว ทำให้เขาเกิดความระแวงขึ้นมา “กับคุณชายผู้นี้ ใต้เท้าหลง ข้าเห็นต่าง ใต้เท้าไม่จำเป็นต้องซื้ออะไรอีกเพราะข้ามีวิธีแก้แล้ว” 

 

 

 “คุณชายท่านนี้ โปรดกลับไปเถอะ” กุยเชียนอีสูดหายใจเข้าลึกๆ ข่มความรู้สึกกลัวที่ตนเองก็ไม่เข้าใจนี้ไว้ เขามองดูลั่วชิวอย่างจริงจังและพูดว่า “ใต้เท้าหลงจะไม่ทำการแลกเปลี่ยนกับพวกเจ้าอีกแล้ว” 

 

 

 “กุยเชียนอี เจ้ามีทางแก้ไขแล้วจริงเหรอ” หลงซีรั่วขมวดคิ้วถามออกไป 

 

 

กุยเชียนอีพยักหน้า “หากใต้เท้าไม่เชื่อ ข้ายินดีสาบานต่อหน้าความตาย” 

 

 

 “กล่าวหนักเกินไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องสาบาน” หลงซีรั่วส่ายหน้า “ข้าเชื่อเจ้า”  

 

 

พูดแล้วเธอห็หันมองลั่วชิว “นายก็คงได้ยินแล้ว…ในเมื่อการซื้อขายนั้นทำได้โดยอิสระ เช่นนั้นก็ถือว่าฉันไม่ได้พูดถึงมาก่อนก็แล้วกัน” 

 

 

เดิมทีเธอคิดว่าเจ้าของสมาคมผู้นี้คงจะโมโหอยู่บ้าง…อย่างน้อยก็น่าจะเผยอารมณ์ไม่พอใจออกมาบ้าง แต่เจ้าของสมาคมลั่วกลับสร้างความรู้แปลกใหม่ให้กับมังกรแท้จริงอีกครั้ง 

 

 

 “เช่นนั้นก็ไม่รบกวนทั้งสองท่านแล้ว” 

 

 

เจ้าของสมาคมลั่วยิ้ม พยักหน้าแล้วหันกายจากไป…ไม่มีท่าทีไม่พอใจหรือโมโหเลย 

 

 

… 

 

 

 “แปลกคน” 

 

 

เมื่อแน่ใจแล้วว่าลั่วชิวกับสาวใช้จากไปจริงๆ แล้ว หลงซีรั่วจึงมองไปยังทิศทางที่เจ้าของสมาคมจากไปและพึมพำออกมา…และก็รู้สึกสนใจความแปลกประหลาดนี้ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว 

 

 

ดูเหมือน…จะเปลี่ยนมุมมองในการมอง 

 

 

 “ไป ไปแล้วจริงๆ ใช่ไหม” ในตอนนี้กุยเชียนอีมองไปรอบๆ อย่างตื่นกลัว  

 

 

หลงซีรั่วอดตลกไม่ได้และพูดว่า “ตาเฒ่า ความหนักแน่นเมื่อครู่นี้ของเจ้าหายไปไหนแล้ว ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วแหรอ” 

 

 

กุยเชียนอีกลืนน้ำลาย พูดอย่างลังเลว่า “ใต้เท้าหลง ข้าขอถามสักเรื่อง ที่ท่านเปลี่ยนเป็นสภาพเช่นนี้นั้นเป็นเพราะ…” 

 

 

เมื่อหลงซีรั่วเห็นว่ากุยเชียนอีดูเรื่องเหล่านี้ออกแล้วก็ถอนหายใจและพยักหน้า พูดอย่างหมดทางเลือกว่า “ข้ายังไม่สามารถบีบให้อีกฝ่ายลงมือได้ก็ถูกจำกัดพลังแล้ว…ดังนั้นข้าถึงพูดว่าเมื่อครู่นี้เจ้าใจกล้ามาก”  

 

 

ชั่วขณะนั้นสีหน้าของกุยเชียนอีก็ซีดขาว ริมฝีปากสั่น…อายุสั้นแล้ว เมื่อครู่นี้ข้าคงไม่ได้ล่วงเกินคนที่น่ากลัวเช่นนั้นไปแล้วหรอกนะ 

 

 

 “เอาละ เลิกสั่นได้แล้ว” หลงซีรั่วส่ายหน้าพูดว่า “เจ้านั่น…เจ้านั่นไม่จดจำความแค้น คงไม่ฝังใจแค้นกับตาเฒ่าที่เป็นไม้ใกล้ฝั่งอย่างเจ้าหรอก” 

 

 

แต่เต่าเฒ่าจะหยุดสั่นเพียงเพราะคำพูดนี้ได้อย่างไร 

 

 

หลงซีรั่วส่ายหน้าแต่กลับคิดถึงเรื่องอื่น เธอกัดเล็บนิ้วมือโดยไม่รู้ตัวและพูดว่า “เมื่อครู่นี้ข้าใช้เลือดหนึ่งหยดเพื่อทำให้เจ้าขจัดพิษได้โดยเร็ว…แต่เมื่อถามถึงเป้าหมายของจุยเฟิงกลับต้องใช้…เมื่อครู่นี้เขาพูดว่าแปดร้อยมิลลิลิตรใช่ไหม เยอะขนาดนั้น เป้าหมายที่แท้จริงของจุยเฟิงคืออะไรกันแน่…กุยเชียนอี ข้าถามเจ้าสิว่าเจ้ามีวิธีแก้ปัญหาจริงไหม หรือแค่แกล้งแสร้งทำ” 

 

 

 “ข้าจะกล้าโกหกท่านได้ยังไง” กุยเชียนอีรีบพูดขึ้น อีกทั้งยังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พ่นไข่มุกลูกหนึ่งออกมา 

 

 

 “เจ้าพ่นไข่มุกของเจ้าออกมาในเวลานี้ทำไม หรือวิธีของเจ้าก็คือการใช้วิชาลับอีกครั้ง” หลงซีรั่วพูดอย่างโมโหมากว่า “กุยเชียนอี เจ้าเหลือชีวิตอยู่เท่าไหร่กัน ตัวเจ้าไม่รู้เลยเหรอ” 

 

 

 “ไม่ใช่ๆ ใต้เท้าอย่าเพิ่งใจร้อน” กุยเชียนอีหัวเราะฮ่าๆ และพูดว่า “ที่ข้าพ่นไข่มุกออกมาไม่ใช่เพราะจะใช้วิชาลับ แต่เพื่อทำให้ใต้เท้าสามารถฟื้นฟูพลังได้ชั่วคราว” 

 

 

 “เจ้าพูดอะไรนะ” 

 

 

กุยเชียนอีหัวเราะและพูดว่า “ยังจำวันนั้นตอนที่ข้าใช้วิชาลับและขอเลือดหยดหนึ่งจากใต้เท้าได้ไหม ที่จริงมีกุ่ยอิงอยู่ เขาก็สามารถเฝ้าระวังจิตมารได้แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เลือดของใต้เท้าเลย ที่ข้าขอจากท่านมาก็เพื่อเตรียมการเอาไว้เผื่อเหตุสุดวิสัยเท่านั้น…และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่ต้องใช้วิธีนี้แล้ว” 

 

 

กุยเชียนอีส่งไข่มุกใส่มือหลงซีรั่วและพูดอย่างจริงจังว่า “ที่มาของไข่มุกลูกนี้ ใต้เท้าเองก็รู้ดี อันอื่นข้าจะไม่พูดถึงแล้ว ข้าจะพูดถึงวิธีที่จะทำให้ท่านฟื้นฟูพลังได้ชั่วคราว มันสามารถใช้เลือดของมังกรแท้จริงสร้างร่างเงาเลีอนแบบท่าทางของท่านขึ้นมาได้ ขอเพียงท่านมีไข่มุกนี้อยู่ในมือก็สามารถควบคุมร่างเงาที่สร้างเลียนแบบขึ้นมาได้ แต่พลังของมังกรแท้จริงนั้นยิ่งใหญ่เกินไป ร่างเงาที่สร้างเลียนแบบท่านขึ้นมาจะมีพลังเพียงแค่สามส่วนของท่านในเวลาปกติเท่านั้น อีกทั้งยังใช้ได้เพียงห้านาที ดังนั้นใต้เท้าจะต้องควบคุมเวลาให้ดี” 

 

 

 “เพียงแค่ห้านาทีงั้นเหรอ” 

 

 

 “ยังไม่พองั้นเหรอ แม้จุยเฟิงจะเป็นผู้สืบทอดเสียนจี้จริงๆ แต่ก็ยังเป็นเด็ก พลังที่แท้จริงยังไม่แข็งแกร่ง พลังสามส่วนของใต้เท้านั้นเกินพอ” 

 

 

กุยเชียนอีลูบหนวดสีขาวและพูดว่า “มีเวลาห้านาที ใต้เท้าก็สามารถจับตัวจุยเฟิงได้อย่างสบายๆ แล้ว เมื่อเขาถูกจับ ปัญหาทุกอย่างก็จะถูกแก้ไขไปเอง เรื่องที่ใต้เท้าต้องการขจัดจิตมารของจุยเฟิงนั้น…หลังจับกลับมาแล้วก็ยังสามารถวางแผนการต่างๆ นานาได้อีกไม่ใช่หรือ จะขังไว้ใต้ดินให้เส้นสายจิตวิญญาณชำระล้างก็ดี ใช้ยาขับออกก็ได้ ถึงอย่างไรก็ต้องหาวิธีได้อยู่แล้ว” 

 

 

คิดต้องการเลือดหยดหนึ่งเอาไว้เผื่อตั้งแต่แรกแล้ว…มาตอนนี้กลับมีประโยชน์จริงๆ 

 

 

หลงซีรั่วอดถอนหายใจให้กุยเชียนอีไม่ได้…เป็นตาเฒ่าเจ้าเล่ห์จริงๆ 

 

 

 “เรื่องไม่อาจชักช้าได้ พวกเรารีบไปกันเถอะ” 

 

 

… 

 

 

… 

 

 

 “ที่นี่คือ…” 

 

 

ชีสมองสถานที่ตรงหน้าด้วยท่าทางที่เคร่งเครียด นี่เป็นสถานที่ที่เขาตามจุยเฟิงมา…สนามกีฬาสำรองแห่งหนึ่งภายในสนามกีฬา 

 

 

นี่เป็นสนามบาสเกตบอลภายในอาคาร 

 

 

ส่วนจุยเฟิงกลับเดินไปตรงกลางของสนามบาสเกตบอล เขาโบกมือ นีนี่ที่อยู่ไกลออกไปโยนฟุตบอลลูกหนึ่งมาให้จุยเฟิง 

 

 

จุยเฟิงเหยียบฟุตบอลลงบนผืน มองดูชีส ยิ้มเยาะและพูดว่า “แข่งกันอยู่ที่นี่เถอะ ชีส แต่ก่อนจะแข่งฉันจะพูดเรื่องที่น่าสนใจให้ฟังเรื่องหนึ่ง” 

 

 

 “นาย…นายคิดจะทำอะไรอีก” ชีสถามอย่างแค้นเคือง 

 

 

จุยเฟิงตบมือ เห็นนีนี่ผลักตู้เคลื่อนที่จากด้านข้างมา เธอเปิดผ้าคลุมบนตู้ออก บนนั้นมีโน๊ตบุ๊คอยู่จำนวนหกเครื่อง 

 

 

นีนี่เปิดโน๊ตบุ๊คเหล่านั้นทีละเครื่อง ชีสมองภาพบนจอโน๊ตบุ๊คและก็สงบไม่ได้อีกแล้ว เขาคำรามใส่จุยเฟิงด้วยความโมโห “จุยเฟิง นายทำเกินไปแล้ว นาย…นายคิดจะทำอะไรกับแม่ของฉัน” 

 

 

บนจอภาพเหล่านั้น แบ่งเป็นซูเสี่ยวซู…เป็นพี่น้องของเขาและก็มีเสี่ยวเจียง 

 

 

ส่วนข้างกายของพวกเขาล้วนแต่มีมนุษย์หรือว่าปีศาจคนหนึ่งยืนอยู่…ในมือของคนเหล่านั้นมีมีดซึ่งกำลังกดลงบนคอของแต่ละคน  

 

 

จุยเฟิงกลับไม่สนใจเสียงคำรามของชีส หัวเราะฮ่าๆ และพูดว่า “กฎนั้นง่ายมาก พวกเรายิงประตูกัน หากนายได้คะแนนไปจากฉันหนึ่งคะแนน ฉันก็จะปล่อยคนหนึ่ง…จะปล่อยใครก่อนก็แล้วแต่นายจะเลือก แต่กลับกันหากฉันได้คะแนนมาจากนายหนึ่งคะแนน…” 

 

 

ดวงตาของจุยเฟิงแดง มองชีสอย่างดุร้ายและน่ากลัว “…ฉันจะฆ่าคนหนึ่ง ส่วนจะฆ่าใครก็แล้วแต่นายจะเลือกเช่นกัน”  

 

 

 “จุยเฟิง!” 

 

 

ดวงตาของชีสแดงฉานพุ่งเข้าไปหาจุยเฟิงอย่างบ้าคลั่ง ใช้สองมือจับคอเสื้อของจุยเฟิง “ปล่อยพวกเขา ปล่อยพวกเขา!” 

 

 

 “นายคิดจะฆ่าฉันเหรอ” จุยเฟิงพูดอย่างเฉยชา “ได้ แค่นายกล้าลงมือ…เอาไง ลงมือสิ” 

 

 

 “จุยเฟิง ฉันขอร้องนายล่ะ นายปล่อยพวกเขาไปเถอะ ไม่ว่านายจะทำยังไงกับฉันก็ได้ ขอเพียงนายปล่อยพวกเขาไป…ได้ไหม” ชีสขอร้องอย่างน่าเวทนา 

 

 

 “ในเมื่อนายไม่ลงมือ เช่นนั้นก็เริ่มแข่งเถอะ” จุยเฟิงปัดสองมือของชีสออก “ครั้งนี้ถ้านายไม่คิดที่จะแข่งอีก ฉันก็จะทำให้พวกเขาตายไปซะเดี๋ยวนี้” 

 

 

ชีสคุกเข่าลงกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง ใช้สองมือกดพื้นเอาไว้ ก้มหัวลง รู้สึกเหมือนกำลังภายในร่างถูกดึงออกมาทั้งหมด…รู้สึกว่าฝันร้ายในครั้งนี้นั้นน่ากลัวเหลือเกิน 

 

 

แต่…จะแข่งหรือว่าไม่แข่งดี 

 

 

… 

 

 

นอกสนาม นีนี่ที่มองเห็นฉากนี้ไม่ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย ท่าทางดูเฉยชา แต่น้ำตากลับไหลลงมาเป็นสาย