บทที่ 619 หลินเป่ยเฉิน เจ้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 619 หลินเป่ยเฉิน เจ้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว

“หลินเป่ยเฉิน เจ้ามีกระบวนท่าที่น่ากลัวใช้ได้ทีเดียวนะ” ไป๋ชินหยุนพูด กระบี่สีแดงในมือระเบิดลำแสงออกมาเจิดจ้าอีกครั้งเมื่อเด็กสาวค่อยๆ ยกมันขึ้น

คราวนี้ สีแดงบนตัวกระบี่มีความสว่างไสวมากกว่าเดิม

ตัวกระบี่ถึงกับสั่นไหวแล้วเล็กน้อย

“เพลงกระบี่สยบโลกาสะบั้นวิญญาณ!”

เมื่อเด็กสาวปีศาจใช้กระบวนท่านี้ออกมา ลำแสงกระบี่ก็พวยพุ่งออกมาข้างหน้าราวกับกังหันลมขนาดยักษ์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีการโจมตีของมันถูกทำลายล้างหมดสิ้น และรัศมีการโจมตีนั้นก็กว้างไกลถึงครึ่งลี้

“การโจมตีที่ประเสริฐ”

หลินเป่ยเฉินขยับปีกบนแผ่นหลังอีกครั้ง

แต่ในไม่ช้า เด็กหนุ่มก็ได้พบว่าความรวดเร็วของตนเองนั้น ยังเชื่องช้ามากกว่าการเข้ามาประชิดตัวของกังหันกระบี่จากการโจมตีของไป๋ชินหยุน

ควับ!

หลินเป่ยเฉินใช้วิชาโลหิตกระชากวิญญาณเปลี่ยนเลือดในร่างกายให้เป็นพลังลมปราณ

ดังนั้น พลังลมปราณในร่างกายเด็กหนุ่มขณะนี้จึงเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่า

“กระบวนท่าที่เจ็ด… กำแพงวายุ”

แล้วกำแพงสายลมก็ปรากฏขึ้นมาในอากาศ

บนกำแพงเต็มไปด้วยคมกระบี่สีเงินระยิบระยับ

แต่กังหันกระบี่สีแดงเข้มกลับสามารถทะลวงกำแพงสายลมพุ่งตรงเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินได้อย่างคาดไม่ถึง

ฟู่! ฟู่!

แต่ด้วยความที่กังหันกระบี่ต้องทะลวงกำแพงสายลมเข้ามาก่อนหนึ่งชั้น หลินเป่ยเฉินจึงมีเวลาลั่นไกส่งกระสุนลำแสงจากปากกระบอกปืนไรเฟิล 98k ออกไปอีกสามนัดติดๆ กัน

สุดท้ายกังหันกระบี่ก็เกิดรอยแตกร้าวขึ้นมาแล้ว

เห็นดังนั้น หลินเป่ยเฉินก็รีบใช้กระบี่สายฟ้าในมืออีกข้างหนึ่งตวัดฟาดฟันทันที

กระบวนท่ากระบี่ที่หนึ่ง

ครืน!

คมกระบี่พุ่งโค้งดุจดั่งมัจฉาลอยตัวขึ้นเหนือผิวน้ำ ในที่สุด กังหันกระบี่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารก็ถูกสลายลงไปกลายเป็นมวลพลังงานที่แผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้า

เด็กหนุ่มถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เขาสามารถรอดพ้นความตายมาได้อีกหนึ่งครั้ง

แต่พลังทำลายล้างจากกังหันกระบี่เมื่อสักครู่นี้ ทำให้พื้นดินใต้เท้าของเขาเกิดรอยแตกร้าวยาวเป็นบริเวณกว้าง และรอยแตกร้าวนั้นก็กินลึกลงไปใต้พื้นดิน มองไม่เห็นเลยว่าหากมีผู้คนพลัดตกลงไปในร่องลึกเหล่านั้น ตัวคนจะไปสิ้นสุดอยู่ที่จุดใด

นี่คือพลังแห่งการทำลายล้างที่แท้จริง

พลังที่น่าหวาดกลัว

สิ่งมีชีวิตหลายชนิดที่อาศัยอยู่ในหุบเขานี้ ต่างก็ถึงแก่ความตายภายใต้แรงกดดันจากกังหันกระบี่เมื่อสักครู่

“หลินเป่ยเฉิน เจ้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว”

เสียงพูดที่เต็มไปด้วยความเย็นชาและอำมหิตของไป๋ชินหยุนดังขึ้นอีกครั้ง “ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะรับมือกระบวนท่าต่อไปได้หรือไม่? นี่คือเพลงกระบี่กลืนกินสามโลก!”

ทันใดนั้น เด็กสาวก็ตวัดกระบี่ในมือเป็นครั้งที่สาม

คมกระบี่เป็นประกายสว่างไสวมากกว่าเคย

พลันหนึ่งกระบี่แยกออกเป็นพันเงา

เพียงเงากระบี่คืบคลานเข้าใกล้เท่านั้น ร่างของหลินเป่ยเฉินก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

บัดนี้ หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าตนเองกำลังเผชิญหน้าอยู่กับเพลงกระบี่จากยุคโบราณ ซึ่งเต็มไปด้วยปริศนาลึกลับยากต่อการปัดป้อง

ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดชะงัก

กระบวนท่าทุกอย่างของหลินเป่ยเฉินหยุดชะงัก

ไม่มีทางที่เด็กหนุ่มจะตีโต้กลับไปได้เลย

เขาทำได้เพียงป้องกันตัวเท่านั้น

ฟิ้ว!

หลินเป่ยเฉินยกมือซ้ายเหนี่ยวไกยิงกระสุนออกไปอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้ กระสุนลำแสงจากปืน 98k แม้จะพุ่งเข้าไปกระทบถูกใจกลางเงากระบี่ของฝ่ายตรงข้าม แต่มันกลับไม่สามารถช่วยยื้อเวลาให้เด็กหนุ่มได้อีกแล้ว

ถึงกระนั้นก็ตาม หลินเป่ยเฉินอาศัยแรงถีบจากตัวปืน ส่งตัวเองพุ่งลงไปในร่องลึกบนพื้นดิน

ปีกที่อยู่บนแผ่นหลังทำให้ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมากขึ้น

ร่างกายของหลินเป่ยเฉินกลับกลายเป็นลำแสงสายหนึ่ง

และลำแสงสายนั้นก็มุดหายลงไปใต้ดิน

เงากระบี่สลายสามโลกตามติดมาด้านหลัง

ครืน!

เกิดเหตุแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง

พื้นดินสั่นสะเทือน ภูเขาแทบถล่มทลาย

ตรงบริเวณที่เงากระบี่นับพันพุ่งโจมตีลงไปนั้น บัดนี้มันกลับกลายเป็นรอยแตกร้าวยาวไกลสุดลูกหูลูกตา คล้ายกับมีฝูงงูสีดำกำลังเลื้อยยั้วเยี้ยเต็มไปหมด

ณ ค่ายพักแรมของชาวเมืองหยุนเมิ่งที่อยู่ห่างไกลออกไป ทุกคนต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้

พวกเขาลุกขึ้นมาจ้องมองไปยังพื้นที่ทางตอนเหนือด้วยความตกตะลึง

“เกิดอะไรขึ้น?”

“แผ่นดินไหวหรืออย่างไร?”

“ไม่ใช่ มียอดฝีมือกำลังต่อสู้กันอยู่”

ไต้จือฉุนดีดตัวลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า และจ้องมองไปยังทิศทางที่เป็นต้นเหตุของแรงสั่นสะเทือน สีหน้าของเขาบอกชัดถึงความตกตะลึง

การต่อสู้ที่ทำให้เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงได้ถึงระดับนี้

ย่อมไม่ใช่การต่อสู้ของผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป

ถ้าไม่ได้มีพลังอยู่ในขั้นเซียน อย่างน้อยก็ต้องมีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลายเป็นอย่างต่ำ

“พวกเรารีบไปรายงานคุณชายหลิน เร็วเข้า”

เสียงใครบางคนตะโกนขึ้นมาจากด้านล่าง

ณ อาณาเขตการต่อสู้

ลำแสงสีแดงบนตัวกระบี่ในมือไป๋ชินหยุนค่อยๆ เลือนลางลงไปอย่างเชื่องช้า

นางทิ้งตัวลงมายืนอยู่บนพื้นดินอย่างเชื่องช้าเช่นกัน

บนพื้นดินกว้างใหญ่ยาวไกลสุดลูกหูลูกตาในขณะนี้มีรอยแตกร้าวและร่องลึกอยู่เต็มไปหมด

ก้อนหินแตกร้าว

พื้นดินแตกแยก

ลมหายใจต่อมา ร่างของเด็กสาวก็กระโดดลงไปในร่องลึกบนพื้นดิน

ร่างของนางร่วงดิ่งลึกลงไปเรื่อยๆ

ลึกลงไปสู่โลกใต้ดิน

ในเวลาเดียวกันนี้

หลินเป่ยเฉินกำลังยืนถือกระบี่สายฟ้าอย่างยากลำบากอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของร่องลึกใต้ดิน

“แค่กแค่ก…”

เด็กหนุ่มไอเล็กน้อยและกระอักเลือดออกมาจากปาก

เสื้อผ้าของเขาฉีกขาด

เส้นผมยุ่งเหยิง

“ฝีมือกระบี่ว่าน่ากลัวแล้ว แต่พลังลมปราณปีศาจยิ่งน่ากลัวมากกว่านั้นหลายเท่าเลยแฮะ”

หลินเป่ยเฉินต้องกระอักเลือดออกมาอีกคำใหญ่เมื่อไป๋ชินหยุนมาปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเขา

เด็กสาวปีศาจเอียงศีรษะจ้องมองอาการบาดเจ็บของหลินเป่ยเฉินด้วยความระมัดระวัง ก่อนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “และนี่เป็นแค่หนึ่งในสิบส่วนจากพลังทั้งหมดของข้าเท่านั้น รอให้พลังของข้าพื้นฟูกลับขึ้นมาให้หมดเสียก่อนเถิด รับรองได้เลยว่าเจ้าไม่มีทางมายืนอยู่เช่นนี้ได้อีกแล้ว”

หลินเป่ยเฉินถึงกับพูดอะไรไม่ออก

“แล้วเจ้าล่ะ?”

ไป๋ชินหยุนจ้องมองมาที่เด็กหนุ่มอย่างต้องการคำตอบ “เจ้ายังเหลือพลังอะไรอยู่อีกหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นปาดเลือดออกไปจากริมฝีปากและพูดว่า “ข้าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว”

ไป๋ชินหยุนพลิ้วกายเข้ามายืนอยู่ประชิดตัวหลินเป่ยเฉิน หลังจากนั้น นางก็เก็บกระบี่และยกมือขึ้นกอดอกอย่างผู้ชนะ “จำเอาไว้นะว่าเจ้าเป็นหนี้ข้าอยู่หนึ่งแสนเหรียญทองคำ เมื่อเจอหน้ากันครั้งต่อไป ข้าจะคิดดอกเบี้ยเจ้าเป็นสองเท่า ห้ามเจรจาต่อรองเด็ดขาด”

หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ

“เจ้าจะไม่ฆ่าข้าหรือ?”

รอยยิ้มดีใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา