บทที่ 1681 ความก้าวหน้า

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1681 ความก้าวหน้า

 

มิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

ภาคกลางน้อย

 

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนค่อยๆบินขึ้นสู่อากาศ

 

จากมุมสูงสามารถมองเห็นลําธารใสสะอาดที่มีความสูงขึ้นมาถึงเข่าบนพื้นตะกอน มีดอกไม้ตูมขนาดเท่าบ้านจํานวนมากอยู่ที่นี่ พวกมันเป็นพืชอสูรเดียวดายที่เรียกว่าบุปผาวารีสุดขั้ว

 

ฟางหยวนได้รับมันมาจากถ้ําสวรรค์วาฬมังกรฟ้า

 

หลังจากกวาดตามอง ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนสูดหายใจลึกก่อนจะกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะฤดูร้อน

 

วิญญาณอมตะฤดูร้อนระดับแปดมาจากผู้อมตะระดับแปดของภาคใต้เชี่ยชา แม้ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนจะเป็นผู้อมตะระดับหก แต่ร่างหลักของฟางหยวนมีลิ้นจี่ขาวอมตะ ด้วยการให้ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลายืมวิญญาณรวมถึงลิ้นจี่ขาวอมตะร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาจึงสามารถใช้งานวิญญาณเกือบทั้งหมดที่อยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ์

 

ท่าไม้ตายอมตะที่มีวิญญาณอมตะฤดูร้อนเป็นแกนกลางถูกกระตุ้นใช้งาน

 

เซี่ยซามีท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อจัดการมิติช่องว่างโดยเฉพาะได้แก่ท่าไม้ตายอมตะเพาะปลูกฤดูใบไม้ผลิ ท่าไม้ตายอมตะไถพรวนฤดูร้อน ท่าไม้ตายอมตะเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงและท่าไม้ตายอมตะกักตุนฤดูหนาว

อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายอมตะที่ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนใช้ไม่ใช่หนึ่งในนั้นแต่มันถูกดัดแปลงมาจากท่าไม้ตายอมตะไถพรวนฤดูร้อน มันถูกสร้างขึ้นเพื่อการเพาะปลูกบุปผาวารีสุดขั้วโดยเฉพาะ

 

บุปผาวารีสุดขั้นจะบานในฤดูร้อนและจะออกผลในฤดูใบไม้ผลิ

 

ความสําเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนอยู่ในระดับถึงปรมาจารย์สูงสุดและด้วยความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญา มันง่ายมากสําหรับเขาที่จะดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา

 

หลังจากกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะอย่างต่อเนื่อง สภาพแวดล้อมก็กลายเป็นฤดูร้อนอุณหภูมิสูงขึ้นอากาศแห้งลง

 

เมื่อฤดูร้อนมาถึง บุปผาวารีสุดขั้วเริ่มเติบโตขึ้นด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้ว ยตาเปล่ามันค่อยๆเบ่งบานอย่างช้าๆ

 

ดอกไม้สีขาวชมพูจํานวนมากเบ่งบานอยู่ในลําธาร

 

ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนเฝ้ามองอย่างสงบ ทุกอย่างอยู่ภายใต้ความคาดหมายของเขา

 

ในไม่ช้าหมอกสีขาวก็เริ่มลอยขึ้นสู่อากาศอย่างช้าๆ มันเกิดจากเกสรตัวเมียของบุปผาวารีสุดขั้ว

 

หมอกเหล่านี้ค่อยๆขยายออกไปปกคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ ฟางหยวนหยุดใช้ท่าไม้ตายอมตะอากาศเริ่มมีความชื้นมากขึ้น

 

หมอกปกคลุมพื้นดินและค่อยๆเปลี่ยนมันให้เป็นแอ่งน้ําตื้น

 

“ข้าจะตั้งชื่อมันว่าทุ่งหมอกสุดขั้ว ก้าวแรกสําเร็จแล้ว” ร่างแยกบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเฝ้ามองด้วยความยินดี

 

“หมอกสุดขั้นจะเป็นอาหารของวิญญาณความเสียใจหลังจากนี้”

 

อาหารของวิญญาณความเสียใจคือหมอกเหล่านี้ ปัญหาที่ยุ่ง ยากเล็กน้อยก็คือมันต้องเป็นหมอกที่สดใหม่ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถซื้อมันจากภายนอก

 

“เมื่อหมอกควบแน่นในระดับหนึ่งและก่อตัวเป็นชั้นน้ําอยู่บนพื้นดิน ข้าจะสา มารถปลูกพืชและนําสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเช่นปลาบินหรือเป็ดเข้ามาเพาะเลี้ยง”

 

“จากนั้นข้าจะขยายอาณาเขตของมันออกไป ด้วยวิธีนี้วิญญาณความเสียใจจะไม่ขาดอาหาร”

 

การให้อาหารวิญญาณอมตะระดับแปดเป็นโครงการขนาดใหญ่เสมอ

 

“ด้วยการเพิ่มขึ้นของทุ่งหมอกสุดขั้ว ตอนนี้มิติช่องว่างจักรพรรดิก็ถูกพัฒนาไปแล้ว สิบแปดส่วนปัจจุบันความเร็วของเวลาในมิติช่องว่างของข้าลดลงอย่างมาก การผลิตทรัพยากรต่างๆรวมถึงลิ้นจี่ขาวอมตะลดลงเช่นกัน”

 

ครั้งนี้ฟางหยวนไม่ได้ใช้วิธีเร่งเวลาแต่เลือกใช้ประโยชน์จากสระแก่นแท้ปี ด้วยวิธีนี้เขาจะไม่สูญเสียพลังงานอมตะและไม่มีข้อเสียของท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาแต่มันสามารถปรับเปลี่ยนความเร็วในมิติช่องว่างของเขาได้ทุกเมื่อที่เขาต้องการ

 

“แม้ข้าจะสามารถใช้ประโยชน์จากสระแก่นแท้ปี แต่ข้าไม่สามารถทําให้เวลาเดินเร็วขึ้นโดยไม่คิดให้รอบคอบ มิฉะนั้นภัยพิบัติจะมาถึงอย่างรวดเร็ว”

 

ปัจจุบันฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่พลังการต่อสู้ของเขาไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก นอกจากนั้นก่อนหน้านี้เขายังเปิดเผยท่าไม้ตายเกือบทั้งหมดระหว่างการซุ่มโจมตีของวังสวรรค์ในสายธารแห่งกาลเวลา ดังนั้นตอนนี้มันจึงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการก้าวข้ามภัยพิบัติ

 

หากฟางหยวนวางมิติช่องว่างลงเพื่อเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ เขาจะตกเป็นเป้าหมาย ของศัตรูวังสวรรค์และกองกําลังอื่นๆจะค้นพบตําแหน่งของเขาและปิดล้อมเขา

“เวลาช้าลงแต่ข้ายังสามารถจัดการมิติช่องว่างเพื่อเพิ่มรากฐานและสะสมลิ้นจี่ขาวอมตะ”

 

ยิ่งพัฒนามิติช่องว่างได้มากเท่าใด อัตราการผลิตพลังงานอมตะของมันก็ยิ่งเพิ่มสูงเท่านั้น

 

เป้าหมายในปัจจุบันของเขาคือการสะสมลิ้นจีขาวอมตะ

วิธีเปลี่ยนหินวิญญาณอมตะเป็นลิ้นจี่ขาวอมตะมีประสิทธิภาพต่ําเกินไป มันต้องใช้หินวิญญาณอมตะหนึ่งหมื่นก้อนเพื่อเปลี่ยนเป็นลิ้นจี่ขาวอมตะหนึ่งก้อน

 

มิติช่องว่างจักรพรรดิสามารถผลิตลิ้นจี่ขาวอมตะได้หนึ่งร้อยผลทุกปี เปรียบเทียบกับเวลาของโลกภายนอกมันคือครึ่งเดือน

 

เวลาผ่านไปฟางหยวนยังบ่มเพาะอยู่อย่างสันโดษ ตอนนี้ห้าภูมิภาคเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว

 

แม้จะไม่มีเบาะแสของฟางหยวนแต่โลกของผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคยังเต็มไปด้วยความวุ่นวาย

สาเหตุมาจากการสั่นสะเทือนของเส้นโลหิตปฐพี

 

ร่องลึกใต้พิภพปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องในทั้งห้าภูมิภาคโดยเฉพาะภาคใต้

 

“ครืน…”

 

ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งขึ้น หงอี้ล้มลงบนพื้นด้วยความอ่อนล้า เขาหอบหายใจด้วยใบหน้าซีดขาวขณะมองหุบเขาขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้า

 

เมื่อเส้นโลหิตปฐพี่สั่นสะเทือน เขาและผู้ใช้วิญญาณคนอื่นๆเริ่มวิ่งอย่างดุเดือด

 

นี่เป็นการหลบหนีที่วุ่นวาย

 

หลายครั้งที่หงอี้สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ด้วยความโชคดี

 

ในช่วงเวลาสําคัญเขาสามารถใช้พละกําลังได้มากกว่าปกติและสามารถกระโดดข้ามหน้าผาโดยไม่คาดคิด

 

“อันตรายมาก! ข้าเกือบเสียชีวิตที่นี่!” หงอี้ลุกขึ้นยืนแต่ยังหอบหายใจอย่างหนักหน่วง เขามองลงไปในหุบเขาและเห็นเพียงความมืดเท่านั้น

 

“ดูเหมือนภาคกลางทั้งหมดจะเกิดแผ่นดินไหวในช่วงเวลานี้ มันทําให้เกิดหุบเขาเช่น นี้เป็นจํานวนมาก”กระทั่งผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์เช่นหงอี้ก็ยังรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงของโลกใบนี้

 

“อา…มันคือสิ่งใด?” หงอี้รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ

 

วิญญาณอมตะปาค่อยๆบินออกมาจากกลุ่มฝุ่นควัน

 

วิญญาณอมตะปาดวงนี้ได้รับบาดเจ็บและบินขึ้นมาอย่างยากลําบาก มันบินไปทางซ้ายและขวาก่อนจะหมดแรงและล้มลงที่เท้าของหงอี้

 

หงอี้ตะลึง

 

วังสวรรค์

 

เทพธิดาจื่อเว่ยกรีดร้องขณะปลดปล่อยแสงสีม่วงออกมาจากร่างกาย

 

วังสวรรค์ทั้งหมดสั่นสะเทือนเล็กน้อย พลังงานลึกลับไหลเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณอมตะขนาดใหญ่

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะเริ่มบดขยี้เทพปีศาจจิตวิญญาณที่ถูกขังอยู่ตรงกลาง

 

เทพปีศาจจิตวิญญาณพยายามต่อต้านด้วยพลังทั้งหมดของเขาแต่ยังไม่สามารถป้องกันการโจมตีของค่ายกลวิญญาณอมตะ ความทรงจําของเขาถูกดึงออกมา

 

“ในที่สุดข้าก็ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับกายาแห่งความฝัน ฮ่าฮ่าฮ่า” เทพธิดาจื่อเว่ยหัวเราะ แม้ใบหน้าของนางจะซีดขาว แต่นางยังแสดงออกด้วยความตื่นเต้น

 

นางทํางานหนักตลอดหลายวันที่ผ่านมา ด้านหนึ่งนางกําลังรับมือกับการสั่นสะเทือนของเส้นโลหิตปฐพีที่นําความปั่นป่วนมาสู่ภาคกลาง อีกด้านหนึ่งนางพยายามจัดการเทพปีศาจจิตวิญญาณ

 

นางใช้ความพยายามอย่างมากในการดึงงานวิจัยบนเส้นทางแห่งความฝันมาจากเทพ ปีศาจจิตวิญญาณเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของค่ายกลวิญญาณอมตะ นางต้องหยิบยืมพลังอํานาจทั้งหมดจากถ้ําสวรรค์ของวังสวรรค์

 

การทํางานหนักของนางได้รับผลตอบแทนในที่สุด

 

ฤดูร้อนมาเยือนแต่ความร้อนแรงของอากาศยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับความร้อนแรงจากไฟในหัวใจของกลุ่มผู้อมตะ

 

การสั่นสะเทือนของเส้นโลหิตปฐพีไม่มีสัญญาณที่จะหยุดลง ตรงข้าม มันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆวิญญาณอมตะ และทรัพยากรทุกชนิดปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง นี่เป็นช่วงเวลาแห่งความรื่นเริงของทั้งห้าภูมิภาค

 

ในถ้ําสวรรค์ห้าเซียง เสียงหัวเราะของฟางหยวนดังขึ้น

 

“ในที่สุดข้าก็เข้าใจท่าไม้ตายอมตะกายาสวรรค์!”

 

กระเรียนขาวยืนอยู่ด้านหน้าฟางหยวน

 

“ผู้ใดจะคิดว่ากายาสวรรค์จะมีความสามารถเช่นนี้”

 

“ด้วยสิ่งนี้การบ่มเพาะของข้าจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ปัญหาเกี่ยวกับภัยพิบัติของข้าจะถูกแก้ไข!”

 

ฟางหยวนลูบขนของกระเรียนขาวด้วยดวงตาส่องประกาย

 

ท่าไม้ตายอมตะกายาสวรรค์มาในช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างแท้จริง!