Ch.5 – การสอบเข้าโรงเรียน
Translator : Reheikichi / Author
ดูเหมือนว่าผมจะเข้ามาสอบผิด กลายเป็นสอบเข้าแผนกผู้กล้า
ขณะที่เพิ่งเข้าใจสถานการณ์ อาจารย์ฟาร์เนสก็อธิบายกฏทันที
[ กฏง่ายๆ ! ทุกคนที่นี่จะต้องสู้กัน! จำกัดเวลาคือหนึ่งชั่วโมง! สนามต่อสู้คือพื้นที่ทั้งหมดของตึกเรียนเก่าทางด้านขวาที่พวกนายเห็น! เพราะที่ตึกเรียนมีบาเรียพิเศษอยู่ จะใช้เวทมนตร์อลังการหน่อยก็ไม่ว่ากัน! ――เอาล่ะ! ที่แผนกผู้กล้าต้องการก็คือการสร้างผู้กล้าไม่ใช่พวกแฟนคลั่งใคร่ผู้กล้าจงจำไว้! คนธรรมดาที่ไม่มีดีเราไม่ต้องการ! จงแสดงให้เห็นว่ามีค่าควรจะเป็นผู้กล้ารุ่นต่อไปซะ! ]
[ [ [ โอ้วววว! ] ] ]
ทุกคนยกเว้นผมส่งเสียงตะโกนขึ้น
เลือดร้อนกันจังเลยแฮะ ทำให้นึกถึงการฝึกสปาร์ตันที่องค์กรเลยล่ะ
ผมออกจากฝูงชนและมุมผนัง เมื่อไปถึงก็เรียกเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ใกล้เคียง
[ เอ่อ ผมอยากสมัครหลักสูตรสามัญ… ]
[ อ อะไร? เกิดกลัวขึ้นมางั้นเหรอ? ไม่ต้องกังวลไปหรอก ทุกคนที่นี่ต่างก็เป็นคนหนุ่มอายุเท่านายทั้งนั้น ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเปรียบกันหรอก…. ถ้าไม่ไหวก็ค่อยยอมแพ้แล้วกัน! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ]
ไม่ไหว คนๆ นี้ไม่ฟังที่ผมพูดเลย
ผมยอมแพ้และมุ่งหน้าไปยังอาคารเรียนเก่า
นอกเหนือจากนี้ถึงจะไปสอบเข้าก็ไม่ได้แปลว่าจะได้เข้าแผนกผู้กล้าเสมอไปนี่นา
งั้นคงต้องทำให้แย่ที่สุดเพื่อย้ายไปเข้าแผนกสามัญแล้วล่ะ เพราะแผนกสามัญไม่มีการสอบ ดังนั้นคนที่สอบแผนกผู้กล้าตกก็จะได้ไปแผนกสามัญอยู่แล้ว
ตึกเรียนเก่าที่มาถึงมีรอยร้าวอยู่เต็มไปหมด
ดูจะอันตรายอยู่บ้างแต่ตามที่อาจารย์ฟาร์เนสบอก ที่นี่ถูกป้องกันไว้ด้วยเวทป้องกันจึงไม่ต้องกลัวว่าอาคารจะถล่มระหว่างการสอบ
ผมมาถึงห้องโถงบนชั้นสี่ของตึกและเอนกายพิงกำแพงขณะที่ยืน
นักเรียนแต่ละคนต่างหาสถานที่ที่คิดว่าง่ายต่อการต่อสู้ ทางเดินแคบๆ ที่ง่ายต่อการจำกัดวงสายตาจึงไม่เป็นที่นิยมนัก ที่นี่ผมจึงไม่เห็นใครนอกจากผม นักเรียนส่วนใหญ่ดูเหมือนจะอยู่ในหอประชุมที่เชื่อมต่อกับชั้นหนึ่งของตึกเรียนและโรงยิมที่ชั้นสองของตึก
『ทุกคนประจำที่กันแล้วสินะ』
เมื่อเข้ามาในตึกเก่าไม่กี่นาที หลังจากนั้นก็มีเสียงของอาจารย์ฟาร์เนสดังมาจากที่ไหนสักแห่ง
『ในตึกเก่าจะมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า [ กระจกมองไกล ] ติดตั้งอยู่ทุกที่ อาจารย์จึงสามารถตรวจสอบการเคลื่อนไหวของนักเรียนได้ผ่าน [ กระจกมองไกล ] นี้ ซึ่งมันจะเป็นตัวตัดสินว่าจะสอบผ่านหรือไม่ แล้วก็หากฆ่าฝ่ายตรงข้ามหรือมีทำให้เกิดความบาดเจ็บเกินความจำเป็นจะถือว่าปรับตก ดังนั้นขอให้ระวังด้วย 』
ผมหันไปทางมุมของบันไดใกล้ๆ
ที่ตรงนั้นมีกระจกบานหนึ่งที่วางแอบไว้อยู่
นี่คงเป็น [ กระจกมองไกล ] ซึ่งกรรมการจะคอยตัดสินจากการมองผ่านกระจกนี้
[ …. รู้สึกแย่ชะมัด อ้วกกก ]
ผมอ้วกออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
อุปกรณ์นี้เรียกว่ากระจกมองไกลที่มักใช้ในการตรวจสอบ
สถานที่สำคัญของประเทศเทลาเลียเองก็มีติดตั้งไว้เป็นจำนวนมาก
แต่ว่านี่เป็นอุปกรณ์ที่ปีศาจชั้นสูงและพวกลูกน้องของมันมักจะใช้กัน
ที่ปราสาทของจอมมารเองก็มี [ กระจกมองไกล ] ติดตั้งไว้เป็นจำนวนมากเช่นกัน
เพราะผมที่ต้องคอยหลบเลี่ยงไม่ให้ใครรู้ตำแหน่งมาตลอด พอคิดว่าต้องมาถูกฉายภาพใน [ กระจกมองไกล ] ร่างกายก็เกิดการ… ต่อต้านขึ้นมา
ดังนั้นผมจึงเกลียดกระจกมาก
มันค่อนข้างน่ายุ่งยาก แต่เวลาดูหน้าตาตัวเองผมก็มักจะใช้ผิวน้ำแทนกระจก เมื่อเช้านี้ตอนตื่นขึ้นมาก็ใช้น้ำในห้องน้ำเพื่อล้างหน้า
『 ถ้างั้น―― เริ่มการสอบได้! ]
การสอบได้เริ่มขึ้นแล้ว
ในไม้ช้าผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทุกด้าน แต่ไม่มีใครเข้ามาหาผม
――เอาล่ะ จะทำอะไรดีนะ
ขณะที่คิดก็พลางรอเวลาให้ผ่านไป ในตอนนั้นผมก็ได้ยินเสียงของฝีเท้าเล็กๆ จากระยะไกล
――นักเรียนคนหนึ่งขึ้นมาขึ้นบันไดมา
――แต่ไม่ได้สังเกตถึงตัวตนของผม
การซ่อนตัวเฉยๆ ในห้องเรียนมันก็ไม่เลว แต่ในไม้ช้าอีกฝ่ายก็ต้องมาหาเอง
ช่วยไม่ได้ ผมแอบเดินเข้าใกล้บันไดโดยไม่ให้เกิดเสียงฝีเท้า
อีกฝ่ายกำลังขึ้นบันไดมา
ในตอนนั้นเองที่ระยะห่างใกล้กันไม่กี่เซนติเมตร เขาก็
[ เอ๋―― ]
[ แย่แล้วสิ ]
เพราะเขาไม่นึกว่าศัตรูจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้แล้ว
เด็กหนุ่มคนนั้นตกใจมาก เขาร้อง [ ว๊ากก ] ก่อนจะร่วงลงไปบนพื้น
ทั้งที่ควรจะลบตัวตนได้จนหมด
การที่ผมซึ่งเป็นมืออาชีพโดนมือสมัครเล่นจับได้แบบนี้…. ความผิดพลาดครั้งใหญ่
เมื่อมองจากหน้าต่างที่บันได ผมก็มองเห็นห้องของหอประชุมที่เชื่อมต่อตรงเข้ากับตึกเรียน
มีรูขนาดใหญ่บนหลังคาของห้องโถงทำให้มองเห็นข้างในได้ ในห้องนั้นนักเรียนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
――ที่ตรงนั้นมีนักเรียนแผนกผู้กล้ากำลังใช้เวทมนตร์สู้กันอยู่
การใช้เวทมนตร์
ในร่างกายของมนุษย์มีสิ่งที่เรียกว่าพลังเวทอยู่ เมื่อทำการใช้อย่างถูกต้อง จะทำให้เกิดพลังมหัศจรรย์ต่างๆ ได้ ในการต่อสู้กับจอมมารและปีศาจชั้นสูง เวทมนตร์ถือเป็นอาวุธและเกราะป้องกันอันแข็งแกร่งของมนุษย์เลยทีเดียว
ตัวอย่างเช่นเวทมนตร์ยิงระยะไกล《ไฟร์บอล》เป็นเวทมนตร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดที่ทำให้สามารถยิงลูกบอลไฟออกไปได้ นอกจากนี้เวทที่ครอบลุมตึกอยู่ก็คือ《โพเทคชั่น》เป็นเวทมนตร์ที่ติดตั้งเป็นจุดคงที่ มีผลคือป้องกันจากการเสื่อมสภาพหรือเสียหาย หากเป็นนักเรียนของแผนกผู้กล้าคงรู้อยู่แล้วว่าอาคารนี้มีเวท 《โพเทคชั่น》ครอบคลุมอยู่จึงไม่ต้องกลัวว่าจะถล่ม
[ จำนวนนักเรียนมากกว่าหนึ่งพันคน… ]
มีนักเรียนที่รวมตัวกันอยู่ประมาณ 1,000 คนตรงหน้า
และจำนวนคนจำกัดในการเข้าแผนกผู้กล้าคือ 100
กล่าวอีกนัยหนึ่งด้วยการคำนวณก็คือประมาณ 1:10
[ …ดีล่ะ จัดการซักห้าคนแล้วกัน ]
จากการสันนิษฐานแปลว่าต้องจัดการสิบคนจึงจะผ่าน
ในกรณีของผมไม่จำเป็นผ่านเพราะอยากเข้าแผนกสามัญ ยังไงก็รู้สึกไม่ดีนักหากไม่ทำอะไรเลยจึงตัดสินใจว่าจะจัดการสักห้าคน ยังไงซะได้คะแนนสักครึ่งนึงก็ยังดีกว่าสอบตกแบบหลุดลุ่ยล่ะนะ
[ เอาล่ะ เท่านี้ก็สี่คน ]
จากนั้นผมก็ลงไปจากชั้นสามเพื่อหานักเรียนอีกคน
◆
――แม้แต่ฉันเองก็… หมู่บ้านของเขาเป็นหมู่บ้านนักรบ
เด็กหนุ่มระลึกถึงอดีตขณะที่เห็นตะเกียงไฟ
ชนบทของประเทศ เด็กหนุ่มเติบโตในหมู่บ้านเล็กๆ ของชนบท เพราะอิทธิพลจากทางครอบครัวและคนใกล้ชิด เขาจึงได้เกิดอยากเข้าเรียนที่โรงเรียนราชวงศ์
『ถ้าเป็นนายแน่นอนต้องสอบผ่านแน่ 』
『มั่นใจในฝีมือเถอะ เจ้าเก่งกว่าอัศวินซะอีก 』
ทั้งครอบครัวและเพื่อนฝูงต่างมั่นใจว่าผมจะสอบผ่าน
ฉันเองก็ไม่รู้ตัว แต่ดูเหมือนฉันจะมีพลังที่ต่างจากคนอื่น
ในช่วงสงครามผู้กล้า ผมได้ช่วยปกป้องหมู่บ้านอยู่คนเดียวตลอดเวลา จัดการพวกมอนสเตอร์มากมายที่เข้ามาใกล้หมู่บ้านหลายครั้ง แต่สำหรับคนที่ไม่รู้จักโลกภายนอกอย่างผม คู่ควรกับคำชมจริงน่ะเหรอ
เพื่อยืนยัน ผมจึงสอบเข้าแผนกผู้กล้า
――เสียท่าแล้ว
แน่นอนว่ามันคงเป็นที่ความฝันตื้นๆ ของผมเอง
เพราะผมอยู่ในหมู่บ้านมาตลอดตั้งแต่เด็กจึงไม่รู้สึกตัว ――ทั้งที่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งมากและน่าจะผ่านเข้าแผนกผู้กล้าได้อย่างง่ายดาย จนในที่สุดก็จะได้เรียนแบบเดียวกับผู้กล้ารุ่นที่สี่และในที่สุดก็ถูกยอมรับให้เป็นคนที่มีความสามารถและโดนคัดเลือกไปเป็นอัศวินผู้ปกป้องประเทศจากปีศาจ
――เรื่องราวความสำเร็จที่ผมจินตนาการเอาไว้ถูกทลายลงอย่างง่ายดาย
[ ย๊า―― ]
ต่อหน้าต่อตา เพราะโดนชายคนหนึ่งจัดการลงได้
นี่คือความแตกต่างของผมที่ไม่รู้อะไรเลย ทันทีที่ผมกำลังจะล้มลง
ชั่วพริบตานั้นเขาก็คว้ามือผมไว้
จากการมองเสื้อผ้าและท่าทาง เขาเองก็คงเป็นคนชนบทเหมือนกับผมและคงสามารถเป็นเพื่อนกันได้
――พยายามไปด้วยกันนะ
เพื่อนคนนั้นหัวเราะแบบนั้นโดยที่สายตาไม่ได้มองมาทางผม
[ อ๊ะ อึก…? ]
เสียงร้องของเขาดังขึ้น
เงาสีดำที่สะท้อนเล็กน้อยในมุม
เงานั้นเข้ามาใกล้เพียงชั่วครู่ ทันทีที่รู้สึกตัว เพื่อนคนนั้นก็ล้มลงไปแล้ว
――พริบตาเดียว
ไม่มีเสียงฝีเท้า
ไม่มีสัญญาณที่บ่งบอก
เหมือนกับผีที่ปรากฏตัวและหายไป
เพราะเป็นศัตรูที่ไม่รู้จัก ทำให้ผมกลัวมากจนขาทั้งสองข้างสั่นไปหมด
[ แกเป็น อ๊ากกกกก―― อย่านะเว้ย!! ]
ในตำแหน่งที่ไกลออกไปนิดหน่อย นักเรียนคนอื่นกรีดร้องและใช้เวทมนตร์
มันคือเวทมนตร์ระยะไกล 《ไฟร์บอล》
ดูเหมือนจะเป็นฝีมือของผีตัวเมื่อกี้ นักเรียนคนนั้นกำลังยิงเวทใส่ในจุดที่ที่มีผีตนนั้นเคยอยู่
มองแวบแรกอาจจะดูมีการเคลื่อนไหวที่สิ้นเปลืองมากมาย แต่ก็ไร้ช่องว่าง
เสียงที่สั่นเทาของนักเรียนคนนั้นที่ร่ายเวท 《ไฟร์บอล》ขณะที่เสียงร่ายเวทสั่นก็ยังคงใช้เวทโจมตีต่อไป ขณะที่ลูกบอลไฟกำลังจะไปถึงตัวผีตัวนั้น
ในจังหวะนั้น
ผีตัวนั้นก็กระโดดขึ้นไปบนเพดานโดยไม่ได้พูดพร่ำทำเพลง
ชั่วครู่ผมก็เห็น
ด้ายเหล็กเส้นบางๆ พันรอบตัวนักเรียนคนนั้น
แล้วเขาก็ถูกด้ายเหล็กดึงขึ้นไปบนเพดานที่มืดสนิทและหายไปในทันที หลังจากนั้นชายคนนั้นก็กรีดร้องและร่างตกลงไปกองกับพื้น โดยไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ――ทันใดนั้นเจ้าผีก็หันมาเห็นผมอีกครั้ง
[ ว ว๊ากกกก!? ]
ผมร้องและใช้เวทไปทั่ว
หลังจากนั้นก็เปลี่ยนจากการใช้เวทมาเป็นใช้ดาบแทน
กวัดแกว่งดาบสีทองซึ่งเป็น [ ดาบศักดิ์สิทธิ์ของผู้กล้ารุ่นเลียนแบบ ] แต่มันไม่ใช่แค่ดูดี มันยังมีประสิทธิภาพสูงอีกด้วย ด้วยดาบเล่มนี้สามารถตัดหินได้เหมือนเนยและทำให้ผมปราบมอนสเตอร์ได้มามากมาย
และฟันไปมาทำให้เกิดคลื่นกระแทกขนาดใหญ่
เศษซากหินละฝุ่นละอองขึ้นมาทำให้วิสัยทัศน์มีฝุ่นคลุ้ง
ไม่ว่าจะเป็นผีหรืออะไร แต่แบบนี้ก็คงหยุดมันได้สักพัก จังหวะนี้ผมก็จะหนีไป――เพราะไม่คิดว่าจะเอาชนะมันได้
ผมพยายามไปที่บันได
ในช่วงเวลานั้น――
[ ――เอ๊ะ? ]
ขาของผมถูกบางอย่างยึดเอาไว้
เมื่อมองผ่านแสงสลัวจะเห็นเหมือนด้าย ด้ายมัดเท้าของผมไว้ ในจังหวะที่กำลังตัดมัน―― ก็มีแรงระเบิด
มันคือเวทประเภทติดตั้ง 《บอมบ์แทรป》
ทันทีที่ผมสังเกตเห็น ผมก็โดนแรงระเบิดจนปลิวไปแล้ว
แม้ว่าจะสังเกตเห็นแต่ก็ไม่สามารถป้องกันได้
ตั้งแต่แรกเจ้าผีคิดไว้แล้วว่าผมจะหนี ดังนั้นจึงมีการวางกับดักไว้ที่บันได ผมราวกับวิ่งเต้นในฝ่ามือของผีตัวนั้น
ผมที่ถูกแรงระเบิดจนกระเด็นกลิ้งกับไปพื้น
ร่างกายขยับตามที่คิดไม่ได้และมีอาการปวดอย่างรุนแรงไปทั่วตัว
ขณะที่ผมกำลังนอนล้มอยู่บนพื้น ――ผมจะตายตรงนี้งั้นเหรอ เจ้าผีนั้นเดินมา
[ ชะ ช่วยบอกที…. ถ้าผมเข้าแผนกผู้กล้าได้ จะเป็นอย่างนายได้ไหม…? ]
ผมมองไม่เห็นหน้าของเขาเพราะฝุ่นคลุ้ง
รู้แต่เพียงว่าเขามีผมและดวงตาสีดำ
ผีคนนั้นมองผมลงมาด้วยสายตาเบื่อหน่าย
[ ไม่รู้สิ เพราะผมอยากเข้าแผนกสามัญ ]
แผนกสามัญ
ทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น ขณะที่จิตใต้สำนึกของผมกำลังจะจมลงสู่ความมืดมิด
――งี่เง่าน่า
น้ำตามันไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
――ทั้งที่เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ แต่กลับอยู่แผนกปกติงั้นเหรอ?
ก่อนสติจะหายไป
ผมหัวเราะเยาะตัวเอง
――กลับหมู่บ้านดีกว่า
――คนน่าสมเพซอย่างผมคงได้แค่ฝันที่จะได้เข้าโรงเรียนราชวงศ์
ผมตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเอง
จากนั้นสติจึงหายไป
◆
วันต่อมา
ก็มีข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วในหมู่เจ้าหน้าที่ของโรงเรียน
――ผีสีดำ
แหล่งข่าวได้มาจากนักเรียนที่สอบเข้าแผนกผู้กล้า
ผีตนนั้นเดินโดยไร้เสียงและเมื่อสังเกตก็หมดสติไปแล้ว
แน่นอนว่าตัวตนที่แท้จริงไม่ใช่ผี แต่ต้องเป็นนักเรียนคนใดคนหนึ่ง แต่ไม่มีใครเห็นหน้าของเขาเลย เพราะก่อนจะหมดสติไปก็ไม่มีสัญญาณใดๆ บ่งบอก ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าผีคนนั้นคือใครกันแน่
ในบรรดานักเรียนที่ถูกผีดำจัดการ อาจารย์ที่เห็นก็บอกว่ามันรวดเกินไปจนมองไม่ทัน
ตัวอย่างเช่น เด็กหนุ่มธรรมดาๆ ที่เติบโตแถวชนบทคนหนึ่งบอกว่า
แม้ว่าเขาจะเติบโตในหมู่บ้านเล็กๆ จึงรู้จักโลกนี้ไม่มากนัก แต่ในช่วงสงครามเขาก็มีผลงานอันยิ่งใหญ่ซึ่งคอยปกป้องหมู่บ้านโดยลำพังจากมอนสเตอร์ที่บุกมา นอกจากนี้ยังสามารถจัดการมอนสเตอร์ระดับสูงที่เรียกว่า [ การิ(ผู้ล่า) ] ซึ่งอยู่แถวนั้นได้ด้วย
ในช่วงสอบเข้า อาจารย์ทุกคนต่างพูดว่า [ เด็กคนนั้นคงสอบผ่านแน่ ]
แต่เด็กหนุ่มคนนั้นก็ถูกผีสีดำจัดการ
และจิตใจของเขายังเกิดบาดแผลใหญ่
เด็กหนุ่มคนนั้นกลับไปหมู่บ้านเกิดโดยไม่เข้าแผนกสามัญ
อาจารย์ต่างเป็นห่วง เมื่อได้ยินเรื่องของผีสีดำ――
『บางที ตอนนี้ผมคงยังไม่เหมาะกับการต่อสู้ รู้สึกเหมือนว่าตัวเองโดนจัดการได้อย่างง่ายดาย ……บางทีปีหน้าผมอาจจะลองสอบเข้าอีกครั้งดีมั้ยนะ? ไม่สิ คงไม่ไหว อย่างผมคงเหมาะจะถือจอบมากกว่าดาบ …. คงไปเป็นนักเรียนไม่ไหว』
เด็กหนุ่มคนนั้นกล่าวขึ้น ขณะที่กำลังพรวนดินที่นา