Ch.4 – กลายเป็นเด็กหลงซะแล้ว
Translator : Reheikichi / Author
ในวันเปิดเรียนโรงเรียนราชวงศ์
ขณะที่ผมกำลังเดินผ่านทางเดินหินของในปราสาท ผมเอามือลวงเข้าไปในกระเป๋าและหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา
นี่คือเครื่องมือเวทที่เรียกว่า [ กระดาษสื่อสาร ]
กระดาษจะมีเป็นคู่ โดยต่างฝ่ายต่างแบ่งกันคนละแผ่น ทั้งสองจะสามารถพูดคุยกันได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านกระดาษ ผมหยิบกระดาษสื่อสารออกมาเพื่อสื่อสารกับคริส ถ่ายเทพลังเวทลงไป
[ คริส ]
เมื่อเชื่อมต่อการสื่อสารได้แล้ว ผมก็เรียกชื่อเธอออกไป
[ มีเรื่องใหญ่จะบอก ]
[ …. ]
คริสเงียบไป แม้ว่าจะเชื่อมต่อการสื่อสารได้แล้ว
จากนั้นผมก็อธิบายสถานการณ์ต่อไป
[ ผมหลงทาง ]
[ ――นายนี่นะ! ทำเอาการจากลากันดีๆ คราวก่อนเสียหมดเลยไม่ใช่เหรอยะ!? ]
จริงสินะ ก่อนที่เราจะจากกันคราวก่อนผมบอกลาแบบโรแมนติกกับเธอมา แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่มาคุยกันตอนนี้
[ ขืนเป็นแบบนี้ผมได้สายตั้งแต่วันแรกแน่ ทำยังไงดีล่ะ? ]
[ ทำยังไงงั้นเหรอ… แล้วตอนนี้นายอยู่ที่ไหนล่ะ? ]
[ ไม่รู้ เป็นจุดที่มีทางเดินไปกำแพงส่วนของชนชั้นสูงอยู่นะ ]
จากนั้นผมก็มองไปๆ และพูดเสริมอีกว่า
[ เพราะมีคู่มือและป้ายบอกทาง ผมเลยเดินตามเรื่อยๆ แต่ว่า… มาถึงก็เจอแค่คฤหาสน์ขนาดใหญ่สีขาว เป็นคฤหาสน์ที่ดูหรูหราสิ้นเปลือง ผมคิดว่าคงเป็นคฤหาสน์ของดยุคหรือไม่ก็ของราชวงศ์ ไม่เห้นเจออาคารเรียนแถวนี้เลย ใบคู่มือนี่มันผิดรึเปล่านะ? ]
ผมอธิบายสถานการณ์ไปพลางมองคฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้า
เป็นอาคารที่ดูเหมาะกับสัญลักษณ์ของประเทศอย่างแท้ริง ผนังสีขาวที่ถูกตกแต่งด้วยศิลปะอย่างประณีต ตรงกลางมีนาฬิกาเรือนใหญ่ สนามหญ้าสวยงาม เป็นพื้นที่อันสมบูรณ์แบบ
งานอดิเรกของผมคือการเก็บออมเงิน
ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่ที่พักของราชวงศ์ของดยุคก็ตาม สมมุติว่าเป็นที่พัก การจะพักที่นี่คงต้องใช้จำนวนเงินมากทีเดียว ผมถึงกับต้องถามตัวเองว่าต้องใช้เงินสูญเปล่าขนาดนั้นเลยเหรอ
[ ไม่ล่ะ ที่นั่นไม่ผิดแน่ ]
คริสพูดเรื่องอันคาดไม่ถึงออกมา
[ ที่นั่นคือโรงเรียนราชวงศ์ ]
ด้วยคำพูดของเธอ ทำให้ผมชะงักไปนานและกล้ำกลืนน้ำลายอย่างช้าๆ
[ ที่นี่จริงเหรอ? ]
[ ที่นั้นแหละ ]
ผมสูดลมหายใจลึกเข้าไปเต็มปอดและหายใจออกมาอย่างช้าๆ
[ ….ใหญ่โครต ]
ทำเอาผมพูดความประทับใจนั้นออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เสียงจากกระดาษสื่อสารขาดไป ดูท่าว่าคริสจะตัดการสื่อสารไปแล้ว
ผมมองไปที่คฤหาสน์ตรงหน้าอีกครั้ง
ตั้งแต่เกิดมาผมก็ไม่เคยไปโรงเรียนมาก่อนเลย ตอนทำงานก็เคยเห็นโรงเรียนของประเทศอื่นในการเดินทางอยู่บ้าง แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันต่างกันไปถนัดตา
โรงเรียนราชวงศ์ ถือเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเลยก็ว่าได้นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่ผู้กล้าร่ำเรียนมา แถมยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และเป็นสถานที่อันทรงเกียรติ ทั้งที่เป็นสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานก็ยังดูใหม่อยู่เลย นี่เป็นหลักฐานว่ามีการหมุนเวียนของเงินจำนวนมหาศาลขนาดไหน
[ กว้างเกินไปจนไม่รู้ว่าจะไปทางไหนเลยแฮะ ]
ก่อนอื่นก็เดินไปที่ประตูแล้วเข้าไปก่อนแล้วกัน
และแล้วในตอนนั้นผมก็เผอิญนึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่คริสพูด
――แผนกสามัญไม่มีการสอบเข้า
สุดท้ายแล้วในตอนนั้นความตั้งใจของผมไม่เปลี่ยนในเวลานั้น
จากนั้นเอกสารที่แจ้งว่าผมผ่านการคัดเลือกก็ส่งมาและเมื่ออ่านเอกสารดู เนื้อหาของแผนกผู้กล้าดูน่าสนใจมากทีเดียว แต่ว่าเป้าหมายของผมก็คือชีวิตแสนธรรมดาดังนั้นแผนกสามัญนี่เหมาะสมที่สุดแล้ว
―― 『 ไปเรียนรู้ชีวิตประจำวันและใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขกันเถอะ 』
มันคือคำพูดของหลักสูตรสามัญที่ถูกเขียนไว้ในคู่มือ
ตอนนี้จอมมารก็ถูกปราบไปแล้ว อาจกล่าวได้ว่าบางทีโลกตอนนี้สงบสุขแล้ว
บนโลกไม่ได้สงบสุขเสมอไป ในทางกลับกันก็ไม่ได้ขัดแย้งเสมอไป
สันติและความขัดแย้งต่างปรากฏออกมาราวกับคลื่น มีคนที่มีทุกข์ใจเพราะความขัดแย้งและมีคนที่ทุกข์ใจเพราะความสงบสุข ดังนั้นโลกจึงไม่เอนไปทางใดทางหนึ่ง ยิ่งเรียกร้องหาความสงบสุขก็เหมือนยิ่งเรียกร้องให้เกิดความขัดแย้ง ตรงกันข้ามกับความเป็นจริง
ผมเดินไปยังที่ที่ผู้คนมารวมตัวกัน
เมื่อเข้าไปในอาคารก็เห็นเด็กผู้ชายและผู้หญิงมากมายมารวมตัวกัน จากเดิมที่มองไม่เห็นจากข้างนอก เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนพูดเสียงดังว่า [ เข้าแถว ]
[ เด็กใหม่เหรอ? ]
ทันใดนั้นผมก็ถูกทักจากด้านข้าง
เขาเป็นชายร่างใหญ่มีกล้ามเป็นมัด ดูจะไม่ได้อายุเท่ากัน ผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นอาจารย์
[ ครับ ]
[ ดีล่ะ ถ้างั้นก็อยู่ในแถวไว้ ฉันจะแนะนำให้เอง ]
ผมพูดว่า [ ขอบคุณ ] สั้นๆ กับเขา
และเข้าแถวตามที่เขาบอก
หลังจากนั้นสักพักก็มีสาวสวยปรากฏตัวขึ้นด้านหน้า
เธอคนนั้นมีผมสีแดงเพลิง ใส่ชุดเกราะเบาที่ดูเหมือนกับอัศวิน ทำให้มองเห็นสัดส่วนของเธอโดดเด่นออกมาตามชุดเกราะได้เล็กน้อย จมูกโด่งและดวงตาคม คงเป็นผู้หญิงประเภทมั่นใจในตัวเองสูงและที่สะโพกยังพกดาบไว้อีกด้วย
[ ยินดีต้อนรับเด็กใหม่! ฉันคืออาจารย์ของที่นี่มีชื่อว่าฟาร์เนส เอวานด้า ]
เป็นชื่อที่ไม่คุ้นหู
แต่การที่เธอก้าวหน้าทั้งที่ยังสาวอยู่ แปลว่าในสงครามครั้งล่าสุดคงสร้างผลงานไว้ได้ อย่างน้อยคิดว่าก็น่าจะเข้าร่วมสงครามด้วย
[ โรงเรียนราชวงศ์แห่งนี้เป็นโรงเรียนอันมีเกียรติ ดังนั้นจงมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นนักเรียนของที่นี่ซะเถอะ แต่การคัดเลือกนักเรียนในปีนี้หย่อนยานมากฉันจึงกลัวว่าคุณภาพของนักเรียนจะตกลง …. เพราะที่นี่เป็นโรงเรียนที่ผู้กล้าร่ำเรียนมา ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่โรงเรียนจะเข้มงวดไปด้วย ]
นอกจากผม รอบๆ มีเด็กผู้ชายและผู้หญิงมากมาย ผมคิดว่านี่คงเป็นผลของ “ปาฏิหาริย์แห่งผู้กล้า” ดูเหมือนเพราะเป็น [ โรงเรียนที่ผู้กล้าร่ำเรียนจึงไม่อาจให้คนที่มีจิตใจครึ่งๆ กลางๆ มาเข้าเรียนได้ ] ทำให้นักเรียนในปีนี้ค่อนข้างเข้มงวดกว่าปกติ
แต่ยังไงผมก็อยู่ในแผนกสามัญไม่เกี่ยวกันอยู่แล้ว
คงดีนะถ้าหากผมได้ใช้ชีวิตประจำวันแสนธรรมดาที่นี่
[ น่าเสียดาย แต่การทักทายกันคงเพียงเท่านี้ ]
คำทักทายจบลงเร็วกว่าที่คาด
ตามคู่มือที่แจกให้นักเรียนล่วงหน้า ในหลักสูตรสามัญจากนี้จะต้องรอจนกว่าการสอบหลักสูตรผู้กล้าจะจบลง ผมมองดูเพื่อนร่วมชั้นที่เตรียมตัวพร้อม ภายใต้คำแนะนำของอาจารย์ฝ่ายบุคคล
จากนี้ชีวิตในโรงเรียนครั้งแรกของผมกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
ร่างกายสั่นไปหมดเพราะความประหม่า แม้จะผ่านสนามรบและฆ่าคนมามากมายจนถึงตอนนี้แต่ก็ยังประหม่าไม่หยุด ทั้งมือทั้งเท้าไม่เคยสั่นขนาดนี้มาก่อนราวกับมันกำลังหัวเราะอย่างนั้น
ความสามารถในการต่อสู้ผมได้รับการปลูกฝังมาจากองค์กรแล้วจึงไม่จำเป็น
ศิลปะการฆ่า อุบาย ไม่จำเป็นเลยสักนิด
สิ่งที่ผมต้องการก็คือการใช้ชีวิตแบบปกติในฐานะนักเรียนหลักสูตรสามัญนี่แหละ
[ ถ้าเช่นนั้น จากนี้จะเริ่มการสอบของโรงเรียนราชวงศ์―― การสอบเข้าแผนกผู้กล้า ณ บัดนี้ ]
……。
…………。
………………。
―― อ้าว?