ตอนที่ 147-3 เข่นฆ่านองเลือด เต้นระบำเถอะ คนชั่ว

จำนนรักชายาตัวร้าย

นางยืนอยู่อีกฝั่งพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ ริมฝีปากบางหยักยกขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มชั่วร้ายบริสุทธิ์ อวี้เฟยเยียนกำลังปล่อยเข็มเงินทั้งสิบเล่มในมือออกมา 

 

 

“ปีศาจเต้นระบำ!” 

 

 

อวี้เฟยเยียนท่องออกมาพร้อมกับปล่อยเข็มเงินพุ่งออกมาแทงเข้าที่จุดต่างๆที่เคยถูกนางใช้สกัดเอาไว้ของสุ่ยเจ๋อซี 

 

 

‘เข็มเด็กเล่น จะทำอะไรเขาได้!’  

 

 

สุ่ยเจ๋อซีไม่ได้รับรู้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาแม้แต่น้อย เขาจับดาบเล่มใหญ่ของตน พุ่งเข้าหาอวี้เฟยเยียนทันที 

 

 

ในตอนนั้นเอง! ไหมเงินในมือของอวี้เฟยเยียนเริ่มเต้นระบำ ตัวนางไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนทั้งไม่ได้มองอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่านางกลับสามารถควบคุมอีกฝ่ายได้โดยผ่านทางไหมเงินที่ร้อยเข้ากับเข็มเงินที่ปักเข้าตามจุดต่างๆของสุ่ยเจ๋อซีได้โดยง่าย 

 

 

ซึ่งเข็มเงินของอวี้เฟยเยียนมีลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนใคร เพราะที่ปลายแหลมของเข็มโค้งงอ ทั้งยังมีตะขอสำหรับเกี่ยว เมื่อเข็มเงินพุ่งแทงเข้าไปจะเกี่ยวเนื้อของสุ่ยเจ๋อซีเอาไว้อย่างเหนียวแน่นราวกับหยั่งรากฝังลึกก็ไม่ปาน  

 

 

“อ๊าก——” 

 

 

ความเจ็บปวดด้านร่างกายย้ำเตือนสุ่ยเจ๋อซี ทำให้เขาไม่มีเวลาจะมาสนใจอะไรมากมายอีก แล้ว เขาตวัดดาบพยายามที่จะฟันไหมเงินให้ขาด ไหนเลยจะรู้ว่าไหมเงินนั้นมีความยืดหยุ่นสูง ตัดเท่าไหร่ก็ตัดไม่ขาด  

 

 

‘น่าโมโหยิ่งนัก!’  

 

 

สุ่ยเจ๋อซีใบหน้าเหยเก ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะกำจัดเข็มเงินที่อยู่ในร่างกายออกไปได้ เข็มเงินชุดใหม่ก็พุ่งเข้ามาโจมตีอีกครั้ง และเข็มเงินเหล่านี้ราวกับมีตาก็ไม่ปาน ทุกเล่มพุ่งเข้าไปในจุดที่สุ่ยเจ๋อซีบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้วทั้งสิ้น จากนั้นก็ตวัดเกี่ยวเนื้อหนังของเขาเอาไว้ 

 

 

‘นี่มันวิชาอะไรกันนี่?’ 

 

 

เสิ่นถูปั๋วอี้ลูบเคราของตนเองพร้อมกับขมวดคิ้วครุ่นคิด 

 

 

เดิมที่เขายังคิดไปว่าอวี้เฟยเยียนจะใช้เข็มเงินโจมตีสุ่ยเจ๋อซีโดยตรง ไหนเลยจะคาดคิดว่าอวี้เฟยเยียนจะใช้เข็มเงินเกี่ยวเนื้อของสุ่ยเจ๋อซีเอาไว้เท่านั้น ดูแล้วก็คล้ายคลึงกับละครหุ่นกระบอก? 

 

 

หากเป็นละครหุ่นกระบอก ผู้ที่ควบคุมหุ่นกระบอกจะควบคุมหุ่นผ่านทางเส้นด้าย ซึ่งก็เหมือนกันกับที่นางกำลังกระทำอยู่เลยนี่นา! 

 

 

‘สาวน้อยกระทำเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไรกันแน่?’ 

 

 

เสิ่นถูปั๋วอี้ไม่เข้าใจ สุ่ยเจ๋อซีเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน 

 

 

ในตอนนี้ ไหมเงินที่โยงจากร่างของสุ่ยเจ๋อซีมีจำนวนมากขึ้นไปทุกที แม้ว่าจะคาดเดาเหตุผลไม่ได้ว่าอีกฝ่ายกระทำเช่นนี้เพราะอะไร แต่เมื่อต้องมาถูกผู้อื่นควบคุมเช่นนี้ก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก 

 

 

สุ่ยเจ๋อซีใช้มือดึงเข็มเงินออก เพราะต้องการเอามันออกไปจากร่างของเขานั่นเอง 

 

 

แต่ทว่าไม่เพียงแต่ดึงเข็มเงินนั้นไม่ออก มือที่ใช้ดึงเข็มเงินยังถูกตำเข้าจนเป็นแผลมีเลือดออกจำนวนมากอีกด้วย 

 

 

‘แม่เจ้า นี่มันของบ้าอะไร!’ 

 

 

ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำเอาสุ่ยเจ๋อซีแทบเป็นบ้าคลั่งเลยทีเดียว ยิ่งนานไปเขายิ่งรู้สึกว่าอวี้เฟยเยียนคือนางปีศาจ 

 

 

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในกำแพงแก้ว ดึงดูดความสนใจของคนทั้งสามที่อยู่เบื้องล่างเป็นอย่างมาก 

 

 

ในตอนนี้ กองกำลังของสกุลสุ่ยคงเหลือเพียงแปดคน และในตอนนี้ร่างของชิงหงและเสวี่ยเยี่ยนเประเปื้อนไปด้วยเลือด ซึ่งมีทั้งเลือดของนักรบสกุลสุ่ยและเลือดของพวกเขาเองด้วย 

 

 

แปดต่อสาม เดิมทีควรจะชนะอยู่แล้วเหลือแหล่  

 

 

แต่สถานการณ์ของสุ่ยเจ๋อซี ทำให้คนของเขาที่อยู่เบื้องล่างใจเต้นระส่ำ 

 

 

ภาพการตายอย่างน่าอนาถของสุ่ยเจ๋อเป่ย ฉายซ้ำอีกครั้งในหัวของนักรบทั้งแปดคน 

 

 

พวกเขากำลังเป็นกังวล หากว่านายท่านเกิดเป็นอะไรขึ้นมา แล้วจะทำอย่างไร… 

 

 

ยังไม่ทันทีนักรบทั้งแปดคนจะได้สติ ก็มีกลุ่มคนห้าคนวิ่งอย่างรวดเร็วมาจากเมืองเฮ่มุ่งหน้าจุดเกิดเหตุ โดยมีเสิ่นถูเลี่ยเป็นผู้นำขบวน ส่วนผู้ที่ตามมาอยู่ทางด้านหลังประกอบด้วยอวี้ซิงฉง อาหู หมี่เยว่และตี้อู่เฮ่ออี้ 

 

 

“น้องพี่!” 

 

 

อวี้ซิงฉงเมื่อเห็นสถานการณ์ที่กลางเวหาเข้า ก็ร้อนใจจนแทบบ้า 

 

 

“น้องพี่ ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว!” 

 

 

“ช้าก่อน——” เสิ่นถูเลี่ยขวางอวี้ซิงฉงเอาไว้ 

 

 

“นั่นคือกำแพงแก้วของเทพอาวุโส นอกเสียจากเทพอาวุโสเปิดทาง มิเช่นนั้นใครก็เข้าไปไม่ได้” 

 

 

ยิ่งได้ยินเสิ่นถูเลี่ยกล่าวเช่นนี้ ยิ่งทำให้อวี้ซิงฉงเป็นห่วงอวี้เฟยเยียนมากขึ้น หากว่าพวกเขาออกมาเร็วกว่านี้สักหน่อย อวี้เฟยเยียนก็คงจะไม่ถูกคนชั่วกักตัวเอาไว้ 

 

 

“อวี้ซิงฉง ท่านกังวลไปเกินเหตุ! ข้าเชื่อในตัวน้องสาว!” 

 

 

เทียบกันกันแล้ว ตี้อู่เฮ่ออี้มีสติมากกว่าอวี้ซิงฉงเป็นไหนๆ 

 

 

เขาเคยประจักษ์ในความสามารถของอวี้เฟยเยียนด้วยตาตัวเองมาแล้ว นางเป็นประเภทที่ยิ่งเผชิญกับสิ่งที่แข็งแกร่งกว่าตนเองก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น แล้วจะพ่ายแพ้ง่ายๆได้อย่างไรกัน! 

 

 

อวี้เฟยเยียนเมื่อมองเห็นพวกของตนออกมา ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก พวกเขาสามารถสำเร็จขั้นได้อย่างราบรื่น  

 

 

‘ยอดเยี่ยมไปเลย!’ 

 

 

“น้องพี่ เจ้าไม่ต้องสนใจพวกเรา! ฆ่าไอ้คนเลวนั่นเสีย!” 

 

 

ตี้อู่เฮ่ออี้จดจำสุ่ยเจ๋อซีได้ในทันที ตอนนี้เขาเกลียดพวกสกุลสุ่ยเข้ากระดูกดำ 

 

 

หากมิใช่เพราะสกุลสุ่ย เชียนเย่เสวี่ยจะบาดเจ็บสาหัสได้อย่างไร และเขาก็คงไม่ต้องพลัดพรากจากกันกับเชียนเย่เสวี่ย! 

 

 

ส่วนสุ่ยเจ๋อซีเองก็จดจำตี้อู่เฮ่ออี้ อวี้ซิงฉง และหมีเยว่ได้ดีเช่นเดียวกัน 

 

 

เมื่อเห็นว่าหมี่เยว่ยืนอยู่ข้างอวี้ซิงฉง ทั้งยังมองมายังตนด้วยสายตาอาฆาตแค้น ก็ทำให้สุ่ยเจ๋อซีโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก 

 

 

‘ลูกเลว!’ 

 

 

‘ข้าเป็นพ่อของเจ้านะ!’ 

 

 

‘เจ้าจะยืนมองพ่อของเจ้าเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตา?’ 

 

 

ก่อเรื่องน่าอับอายขายหน้าถึงเพียงนี้แล้วยังมีหน้ามาพบเจอผู้คนอีกหรือ! หากมิใช่อวี้เฟยเยียนคอยรังควานไม่เลิกละก็ สุ่ยเจ๋อซีก็คงจะลงไปฆ่าอวี้ซิงฉง ตบหน้าหมี่เยว่สักสองฉาดแล้วค่อยพากลับไปกักขังยังสกุลสุ่ย 

 

 

“อยากจะฆ่าข้า ก็ต้องดูว่าเจ้ามีความสามารถนี้หรือไม่!” 

 

 

สุ่ยเจ๋อซีกัดฟันพร้อมกับยิ้มเยาะ 

 

 

“ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นตายด้วยน้ำมือของบรรพชนเฒ่าไปแล้ว และพวกเจ้าแต่ละคนก็หนีไม่พ้นเช่นกัน พวกเจ้าล้วนต้องตาย!” 

 

 

“เป็นไปไม่ได้!” หลิวเซิ้งบั่นคอนักรบของสกุลสุ่ยไปอีกคน แล้วจ้องมองสุ่ยเจ๋อซีราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ 

 

 

“นายท่านไม่มีวันพ่ายแพ้!” 

 

 

“ฮ่าๆ! ความฝันอาจจะสวยงาม แต่ความเป็นจริงนั้นโหดร้ายเสมอ! ข้าได้รับจดหมายจากบรรพชนเฒ่า ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นของพวกเจ้าตายแล้ว! ฮ่าๆ!” 

 

 

สุ่ยเจ๋อซียิ้มเย้ยหยันด้วยความลำพองใจ ฉับพลัน ความเจ็บปวดก็ตรงเข้ามาเล่นงานเขาทันที อวี้เฟยเยียนดึงรั้งเส้นไหมเงินในมือ เข็มเงินอีกสิบเล่มตรงเข้าทิ่มแทงร่างกายของสุ่ยเจ๋ออีกครั้ง 

 

 

“นังตัวดี!” สุ่ยเจ๋อซีเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน 

 

 

“ข้าจะฆ่าเจ้า!” 

 

 

“คนที่สมควรตายคือเจ้าต่างหาก!” อวี้เฟยเยียนเย้ยหยัน  

 

 

นางไม่มีทางเชื่อคำพูดของสุ่ยเจ๋อซีเป็นแน่ 

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนแข็งแกร่งเพียงนั้น จะเกิดเรื่องขึ้นกับเขาได้อย่างไร เกรงว่าสุ่ยเจ๋อซีจะถูกใครบางคนหลอกใช้อยู่นะสิ และจนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังฝันเฟื่องไม่เลิก! 

 

 

ไม่มีใครสนใจ คำพูดทับถมของสุ่ยเจ๋อซีเมื่อครู่แม้แต่น้อย ฝ่ายของอวี้เฟยเยียนที่เพิ่งมาสมทบอีกสี่คนเมื่อครู่เริ่มเข้าร่วมศึกในครั้งนี้ 

 

 

เมื่อมีพวกเขาเข้ามาช่วย ไม่นานกองกำลังของสกุลสุ่ยก็บาดเจ็บล้มตาย จนหลงเหลือเพียงสามคนสุดท้ายที่ยังคงยืนหยัดต่อสู้ด้วยความยากลำบาก 

 

 

“ไม่เลวนี่นา!” เสิ่นถูปั๋วอี้ยืนมองหนุ่มสาวทั้งหลายบนสนามรบ ก็พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง 

 

 

‘คิดอะไรได้อย่างนั้นจริงๆ!’ 

 

 

ก่อนหน้านี้เขาได้แต่รอคอยว่าจะได้มีโอกาสรับลูกศิษย์ที่เก่งกาจสักคน เพื่อไปประลองกับอวิ๋นเฮ่อเทียนให้รู้ดำรู้แดงไปเลย ใครจะคาดคิดเล่าว่าพอได้เจอคนหนุ่มสาวที่เก่งกาจดั่งเช่นใจใฝ่หา พวกเขาจะมาพร้อมกันทีเดียวหลายคนเช่นนี้