ตอนนี้เองพวกชาวเน็ตเนื่องจากได้รับการชี้นำจากอี้อวิ๋นฉัง ค่อยๆ หันเหความสนใจไปที่ความรักของหลินหว่านกับเซียวจิ่งสือ
มองดูเซียวจิ่งสือที่รูปงามสมบูรณ์พร้อมในภาพถ่าย พอนึกถึงเรื่องเมื่อก่อน ผู้คนพากันหันมาถกกันเรื่องปัญหาความรักของคนทั้งสองแทน
[เซียวจิ่งสือทั้งรูปหล่อ นิสัยก็ดี เมื่อก่อนเห็นเขาเอาใจหลินหว่านทุกอย่าง ตอนนี้ทำไมจะไปอยู่กับหญิงอื่นได้ง่ายนัก? ต้องเป็นเพราะหลินหว่านไม่รู้จักเห็นคุณค่าเองมากกว่า]
[เธอคงไม่ได้สนใจนัก เข้าใจว่าตัวเองมีฐานะในวงการบันเทิงสูงส่งแล้ว ไม่สนใจอะไรอีกแล้วกระมัง? แฟนเธอดีขนาดนี้ยังไม่เอาเลย ช่างรนหาที่จริงๆ]
[ข้างบนพูดก็ถูกนะ ทั้งหมดนี้เป็นผลที่เธอทำตัวเอง ถ้าความสัมพันธ์ของพวกเขามีปัญหา ฉันคงเป็นคนแรกที่จะอวยพรลงเวยปั๋วให้]
หลินหว่านนั่งอยู่บนเตียงคนไข้มองดูคอมเมนต์บนเน็ตแล้วโยนมือถือไปอีกด้าน พูดอย่างหงุดหงิดรำคาญใจว่า “ทำไมเพิ่งเข้าโรงพยาบาลก็เกิดเรื่องแบบนี้ได้นะ ไม่มีสงบกันเลยสักวัน”
ไป๋เจี๋ยที่ยืนอยู่ด้านข้างกัดฟันกรอด สายตาโกรธแค้นวาบขึ้น แกล้งทำท่าน่าสงสารอยู่ข้างเตียง ท่าทางเหมือนถูกคนรังแกมาอย่างนั้น
“หลินหว่าน ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ วันนั้นเท้าแพลงจริงๆ เลยกลายเป็นแบบนั้น คุณเซียวเขาแค่ประคองฉันทีเดียวเอง ไม่รู้ว่าทำไมถึงถูกพวกสื่อถ่ายรูปไว้ได้”
หลินหว่านหลับตาลง ไม่อาจหักใจมองดวงตาที่คลอน้ำตาของเธอได้ น้ำเสียงจึงอ่อนลงมาหน่อย “ที่ฉันโมโหไม่ใช่เพราะเธอ เธอไม่ต้องโทษตัวเองไปหรอก ฉันรู้ว่าเรื่องนี้ถูกพวกสื่อนำมาใช้ตีข่าว เธอไม่ต้องรู้สึกผิดไปนะ ฉันแค่โมโหคนอื่นน่ะ”
พอพูดถึงคำว่า ‘คนอื่น’ หลินหว่านเน้นคำหนัก
เธอไม่รู้จริงๆ ว่าอี้อวิ๋นฉังคิดจะทำอะไร เหมือนกลัวว่าจะอยู่กันสงบเกินไปอย่างนั้น เห็นคนอื่นดีกว่าหน่อยไม่ได้ ขอเพียงมีช่องทางเธอเป็นต้องใช้มาแว้งกัดเธอคำหนึ่งอย่างไม่ลังเลเลย ทำให้เธอปวดหัวซะจริง
พอเห็นท่าทางโมโหของเธอ ไป๋เจี๋ยกลอกตาแล้วอดพูดหยั่งเชิงไม่ได้ “พี่หลินหว่าน คนที่พี่พูดถึงใช่อี้อวิ๋นฉังหรือเปล่าคะ? ฉันก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมเธอถึงได้ออกมาพูดแบบนั้น”
“อี้อวิ๋นฉังก็มีเหตุผลของเธอ เรื่องนี้เธอไม่ต้องยุ่งหรอก ทำเรื่องของตัวเองไปก็พอ” หลินหว่านนวดขมับ โบกมือเบาๆ เป็นทีให้เธอไม่ต้องยุ่ง
ไป๋เจี๋ยไม่ได้รับคำตอบที่อยากได้ กลับมองออกว่าเธอหงุดหงิดใจ ระหว่างเธอกับอี้อวิ๋นฉังต้องมีเรื่องกันมาก่อนแน่
อย่างนั้นก็ดีเลย คนที่คิดจะให้หลินหว่านอยู่ไม่สุขก็คือเพื่อนของเธอ เธอจะมีเรื่องกับอี้อวิ๋นฉังอีกไม่ได้เด็ดขาด แต่กลับต้องคิดวางแผนว่าจะทำให้หลินหว่านยุ่งยากได้ยังไง
ระหว่างที่เธอกำลังคิดจนใจลอยนั้น ประตูห้องคนไข้ก็เปิดออก ร่างของชายในชุดหรูสีดำที่ตัดเย็บอย่างดีถือกล่องข้าวเดินเข้ามา
พอเห็นเซียวจิ่งสือซื้ออาหารกลับมา หลินหว่านก็เปิดมือถืออย่างอารมณ์บูด แล้วค้นหาข่าวนั้นให้เขาดู “นี่มันเรื่องอะไรกันคะ? แค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง บนเน็ตก็เล่าลือกันไปขนาดนี้แล้ว”
“เรื่องอะไรเหรอ?” เซียวจิ่งสือรับเอามือถือมาอย่างสงสัย พอเห็นโพสต์ข้อความยอดฮิตในเวยปั๋วก็มีสีหน้าเย็นชากระด้างขึ้นมา
เขาหัวเราะเสียงต่ำ โยนมือถือไปอีกด้านหนึ่ง “พวกปาปารัสซี่นี่ตามติดอยู่ทุกนาทีเลยสิน่า แถมยังถ่ายได้รูปแบบนี้อีก ช่างไม่ง่ายเลยนะ หรือคุณว่าไง?”
เขาพูดพลางหันมาถามไป๋เจี๋ยที่อยู่ด้านข้าง
ไป๋เจี๋ยหน้าเผือดขาว แข็งใจฝืนยิ้มออกมา รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน ถึงกับทำให้เธอเข่าอ่อนจนทรุดตัวลงคุกเข่า “ค…คุณว่าอะไรคะ? ฉันไม่เข้าใจ”
“แค่หกล้มครั้งเดียวก็ทำให้เกิดเรื่องได้ขนาดนี้ คราวหน้าคงไม่มีใครกล้าเข้าไปประคองเธอแล้วล่ะ” เซียวจิ่งสือแค่นหัวเราะเสียงเย็น มองเธอเหมือนกับรู้อะไรบางอย่าง
ไป๋เจี๋ยตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบหันไปมองหลินหว่านโดยไม่รู้ตัว พูดอธิบายเสียงเบาด้วยท่าทางน่าสงสารซะเหลือเกิน “พี่หลินหว่าน ฉันไม่ได้ตั้งใจหกล้มนะคะ ฉันถูกใส่ร้าย ฉัน…”
“ฉันรู้…รู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ เขาแค่ไม่ชอบสุงสิงกับคนอื่นเท่านั้น เธออย่าไปสนใจเลย” หลินหว่านยิ้มเล็กน้อยพูดขัดจังหวะเสียงร้องไห้ของเธอขึ้นมาอย่างพอดิบพอดี
เสียงร้องไห้ของไป๋เจี๋ยสะดุดกึก ราวกับปรับเปลี่ยนไม่ทันว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้
เธอหวาดกลัวจนกลืนน้ำลายลงคอ เธอทายใจเซียวจิ่งสือไม่ถูกนักว่าที่เขามีท่าทีเช่นนี้กับเธอเพราะหลินหว่านต้องเสียชื่อเสียงจนต้องเก็บตัวเงียบ หรือเป็นเพราะเขารู้ตัวว่าเธอตั้งใจหกล้มกันแน่
หลินหว่านเห็นว่าเธอไม่พูดอะไรอีก ก็หันมาสนใจเซียวจิ่งสือ “เรื่องนี้คงต้องรีบแก้ข่าวนะคะ ข่าวลือบนเน็ตน่ากลัวขนาดไหน พวกเราก็รู้กันดี ถ้าหากไม่รีบหยุดยั้งไว้ทันเวลา คงต้องมีเสียงที่ไม่น่าฟังออกมาอีกมากแน่”
“เรื่องนี้คุณไม่ต้องห่วงนะ ทำใจรักษาตัวให้สบาย ผมจะแก้ข่าวบนเน็ตเอง” เซียวจิ่งสือก้มหน้าลงประทับจูบบนหน้าผากของหลินหว่าน ด้วยสายตาเปี่ยมรัก
ไป๋เจี๋ยเห็นทั้งคู่รักใคร่ปรองดองกันก็หันหน้าหนี ซ่อนดวงตาริษยาเคืองแค้นและไม่พอใจเอาไว้ แค่ภาพถ่ายใบเดียว เกรงว่าพอเซียวจิ่งสือออกมาแก้ข่าว ข่าวเล่าลือพวกนั้นก็คงเงียบหายไปเองกระมัง? ถึงตอนนั้นเธอควรจะทำยังไงดี?
อุตส่าห์ลงแรงวางแผนเรื่องทั้งหมด สุดท้ายกลับไม่สะเทือนหลินหว่านเลยแม้แต่นิดเดียว ช่างน่าขัดใจซะจริง!
ไป๋เจี๋ยร้อนใจเหมือนสุมด้วยกองเพลิง แต่สีหน้ากลับไม่อาจแสดงความผิดปกติออกมาได้แม้แต่น้อย ได้แต่รักษาใบหน้ายิ้มแย้มเอาไว้ ทำเป็นเหมือนดีใจไปกับความรักของคนทั้งสองด้วยอย่างนั้น
เซียวจิ่งสือปลอบโยนหลินหว่านอยู่หลายคำ แล้วหมุนตัวออกไปจากห้องผู้ป่วย หยิบมือถือออกมาแก้ข่าวบนเน็ต
อาศัยช่วงเวลาเย็นที่ทุกคนว่างจากงานกันแล้ว เขาโพสต์ข้อความแก้ข่าวลงในเวยปั๋ว ความว่า [หลินหว่านได้รับบาดเจ็บระหว่างการแสดง ผมกับนักแสดงหญิงคนนี้ไปดูแลที่โรงพยาบาลด้วยกัน ขอให้ทุกท่านอย่าคิดมาก]
ข้อความนี้พอเผยแพร่ออกไป ก็สร้างกระแสปั่นป่วนขึ้น ทุกคนพากันวิจารณ์ว่าเป็นการปิดข่าวหรือความจริงเป็นเช่นนี้
เซียวจิ่งสือเห็นว่าเพียงคำพูดแค่นี้ยังไม่พอ จึงเสริมที่ด้านล่างว่า [ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง ระยะนี้ข่าวลือมีมากขึ้นทุกที เพราะหลินหว่านไม่สบายผมต้องคอยอยู่ดูแลเป็นเพื่อน จึงไม่มีเวลามาจัดการกับคำพูดเลื่อนลอยไร้สาระพวกนี้ แต่ขอให้ทุกท่านวางใจ ความรักของเรายังอยู่ดีมีสุข และนักแสดงหญิงนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย ตอนนี้ผมอยู่ดูแลหลินหว่านที่โรงพยาบาล เธอสบายดี ขอให้แฟนคลับของผมและเธอวางใจได้]
พอเห็นว่าเจ้าตัวออกมาแก้ข่าวเอง ผู้คนก็ไม่พูดอะไรอีก เรื่องจึงจบลงด้วยกลายเป็นความเข้าใจผิดไปซะนี่ ข่าวเตียงหักฮอตอยู่สี่ชั่วโมงก็ถูกดึงลงมา ไม่มีใครตั้งข้อสงสัยกับเรื่องของทั้งคู่อีก
อี้อวิ๋นฉังกำลังถ่ายหนัง พอว่างไม่มีอะไรทำก็ดูเวยปั๋วตามเรื่องว่าไปถึงไหนแล้ว แต่กลับเห็นว่าข่าวร้าวฉานของเซียวจิ่งสือกับหลินหว่านจมหายไปเรียบร้อยแล้ว ที่เข้ามาแทนที่เป็นโพสต์แก้ข่าวของเซียวจิ่งสือ อี้อวิ๋นฉังโมโหจนแทบจะเขวี้ยงมือถือทิ้งไปเลย
เป็นแบบนี้อีกแล้ว! เป็นแบบนี้อีกแล้ว! แต่ละครั้งก็ไม่เคยทำอะไรหลินหว่านได้เลย เสียแรงเปล่าซะทุกทีสิน่า!