ไป๋เจี๋ยเดินออกมาจากโรงพยาบาล ตั้งใจจะกลับบ้าน
ระหว่างนั่งรถแท็กซี่ไม่มีอะไรทำ เธอเปิดมือถือ ค้นดูเวยปั๋วแก้ข่าวของเซียวจิ่งสือ แล้วสีหน้าเปลี่ยนไป
คำพูดแค่คำเดียว คำวิจารณ์ที่คลุมเครือ ก็สามารถตีข่าวความสัมพันธ์ร้าวฉานของทั้งคู่ให้แตกสลายไปได้ งั้นความพยายามของเธอเป็นอะไร?
หลินหว่านแค่ถือดีที่มีความรักของเซียวจิ่งสือเท่านั้นเอง ถ้าเปลี่ยนเป็นเธอ เธอก็คงจะได้รับการปกป้องจากเซียวจิ่งสือเช่นกันไม่ใช่หรือไง
“คุณครับ สีหน้าคุณไม่ดีเลย ไม่สบายรึเปล่า” คนขับรถมองกระจกหลังแล้วพูดอย่างเป็นห่วง
ไป๋เจี๋ยเงยหน้าขึ้น ชั่วพริบตาก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ถึงยังไงก็เป็นนักแสดง ไม่ว่าจะเวลาไหน เธอก็สามารถเก็บอารมณ์ของตัวเองได้อย่างสบาย
เธอไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก และไม่เคยเชื่อว่าหลินหว่านจะโชคดีขนาดเอาชนะอุปสรรคได้ทุกอย่าง
มือสองข้างของไป๋เจี๋ยกำหมัดแน่น สายตาเย็นเยียบลึกล้ำ ในเมื่อครั้งหนึ่งไม่สำเร็จงั้นก็อีกสักครั้งแล้วกัน
ขณะที่เธอมัวคิดจนใจลอย รถแท็กซี่ก็จอดลงที่หน้าบ้านหลังหนึ่งช้าๆ คนขับหันมายิ้มพูดว่า “ถึงแล้วครับคุณ ทั้งหมดแปดสิบหยวน”
“ขอบคุณ” ไป๋เจี๋ยยังคิดแผนของเธอต่อ โยนแบงก์ร้อยหยวนให้แล้วลงจากรถ โดยไม่รอรับเงินทอน
พอกลับถึงบ้าน เธอรีบคว้าคอมพิวเตอร์มา ค้นหาคลิปวิดีโอช่วงที่อี้อวิ๋นฉังรังแกเธอออกมา ลงทะเบียนสร้างบัญชีใหม่ในเวยปั๋ว ใช้ชื่อบัญชีลับที่ไม่เปิดเผยชื่อเข้าเน็ต เขียนข้อความที่ชวนให้ผู้คนเข้าใจผิด
“ในกองถ่าย นักแสดงตัวเล็กๆ ช่างยากลำบากนัก ดาราระดับซุปตาร์ต้องเดินหลีกให้ห่างเข้าไว้ เห็นแล้วฉันเจ็บใจ อาชีพนักแสดงนี่ช่างยากลำบากซะจริง หวังว่าผู้ชมทุกท่านจะไม่ใจร้ายนัก ถึงยังไงพวกเราก็แค่คนที่หาเลี้ยงปากท้องเท่านั้น”
คลิปวิดีโอกับข้อความนี้พอถูกเผยแพร่ ก็สร้างกระแสฮือฮาขึ้นอีก
ผู้คนพากันเชื่อว่าคนที่รังแกไป๋เจี๋ยก็คือหลินหว่าน ถากถางเธอว่าเรื่องเก่ายังไม่จบเรื่องใหม่ก็มาอีก เรื่องความสัมพันธ์กับเซียวจิ่งสือยังไม่สงบ แต่พฤติกรรมกลั่นแกล้งคนนี่ทำให้รู้สึกขัดตา
ไม่นานนักคำเล่าลือบนเน็ตก็เริ่มขึ้นอีก พากันเชื่อว่าหลินหว่านมีนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจ เสียงต่อว่าดูแคลนเธอดังกระหึ่มขึ้นอีก
ภายในโรงพยาบาล พอเห็นว่าตัวเองถูกดึงเข้ามาเป็นขี้ปากคนอีก หลินหว่านก็รู้สึกปวดตุบที่บาดแผลขึ้นมาทันควัน
“คลิปนี้เห็นได้ชัดว่าถูกคนตัดต่อมาก่อนโพสต์ เห็นแค่ด้านหลัง มองไม่เห็นหน้าของดารานั่น เรื่องนี้ไม่ต้องดูก็รู้ว่าเป็นฝีมือคนในกองถ่าย” หลินหว่านนวดหัวอย่างปวดศีรษะ นั่งปิดตาทำใจอยู่บนเตียงคนไข้
เซียวจิ่งสือวางมือถือลง ยื่นมือมาจัดผมให้หลินหว่าน “อย่าห่วงเลย เรื่องนี้ผมให้คนไปสืบดู IP ของคนที่โพสต์แล้ว เชื่อว่าจะรู้ผลเร็วๆ นี้แหละ”
“ที่ฉันเป็นห่วงไม่ใช่ว่าเรื่องนี้จะทำให้ฉันเสียหายแค่ไหน ไม้ใหญ่ต้านแรงลม คนมีชื่อย่อมตกเป็นขี้ปากคนได้ง่าย ที่ฉันรำคาญใจคือต่อไปยังต้องเจอกับเรื่องแบบนี้กับมีคนหาเรื่องแบบนี้มาให้ฉันอีกมากต่างหากคะ” หลินหว่านดึงมือเขาให้วางบนอกเธอ ใช้วิธีนี้ทำให้ตัวเองสงบใจขึ้นได้บ้าง
เธอรู้แก่ใจดีว่า วงการบันเทิงวุ่นวาย โชคดีที่เธอเข้มแข็ง เซียวจิ่งสือก็คอยอยู่เคียงข้างเธอมาตลอด จึงสามารถเอาชนะอุปสรรคทั้งมวลลงได้ แต่อันตรายทั้งหมดทั้งมวลจะคอยป้องกันยังไงก็ไม่หวาดไม่ไหวหรอก เวลาตามแก้ก็ยุ่งยากสาหัสนัก
เซียวจิ่งสือผงกศีรษะ “ผมเข้าใจดีว่าคิดอะไรอยู่ แต่พอเจอปัญหา ก็ได้แต่คอยแก้ไขกันไป คราวนี้จับคนที่โพสต์คลิปขึ้นไปได้เมื่อไหร่ต้องทำโทษให้หนัก เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ไม่อย่างนั้นพวกที่คิดจะทำเรื่องชั่วนั่นก็ไม่มีวันรู้ว่าคิดชั่วต้องเจอกับเรื่องอะไรบ้าง”
หลินหว่านผงกศีรษะ ยังไม่ทันได้พูดอะไร ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกผลักเปิดออก ลูกน้องคนหนึ่งของเซียวจิ่งสือเดินเข้ามา ในมือถือไอแพดตัวหนึ่ง ท่าทีเคร่งขรึม “เจ้านายครับ สืบทราบแล้ว”
เซียวจิ่งสือยื่นมือออกไปรับไอแพดมา พอเห็นหมายเลขไอพี ก็มีสีหน้าตึงขึ้น ที่แท้ก็เธอนี่เอง
“ใครกันคะ? ท่าทางคุณทำไมแปลกๆ?” หลินหว่านยันตัวลุกขึ้น เห็นท่าทางแปลกประหลาดของเขาก็ยื่นมือมารับไอแพดไปดู
พอเห็นชื่อที่ปรากฏ สีหน้าเธอก็กลายเป็นสับสนขึ้นมา
เธอเคยคิดว่าคนที่คิดร้ายเธอเป็นใครกันแน่…หรือเป็นอี้อวิ๋นฉัง? คนในกองถ่ายที่ไม่ชอบหน้าเธอ? หรือพวกคู่แข่งที่คอยบงการอยู่เบื้องหลังเพื่อจะข่มเธอเอาไว้
แต่ผิดหมด คนที่คิดร้ายกับเธอ กลับเป็นเด็กสาวจิตใจดีงามที่คอยดูแลเธอ…ไป๋เจี๋ย
เธออดแค่นหัวเราะออกมาไม่ได้ โยนไอแพดไว้ด้านข้าง “ไปเรียกไป๋เจี๋ยมาหาฉัน ฉันจะถามเธอเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
เวลาเดียวกันภายในบ้าน ไป๋เจี๋ยนั่งพักผ่อนอยู่บนโซฟา ถือแก้วไวน์แดงอ่านข้อความที่ฮือฮากันขึ้นมาจากคลิปที่โพสต์ขึ้นบนเน็ต
ผู้คนตำหนิหลินหว่าน พร้อมกับโอบอุ้มช่วยพูดให้ไป๋เจี๋ย
เธอกำลังมีความสุขอยู่กับเสียงสนับสนุนและเห็นอกเห็นใจที่ได้จากการใส่ร้ายหลินหว่าน แต่กลับได้ยินเสียงเคาะประตูดังมา
ไป๋เจี๋ยไม่คิดอะไรมาก ไปเปิดประตูอย่างอารมณ์ดี แต่ยังไม่ทันได้เห็นหน้าฝ่ายตรงข้ามก็ถูกมือใหญ่แข็งแรงสองข้างคว้าตัวเอาไว้
“คุณหลินให้คุณไปโรงพยาบาลสักครั้ง ไปกับพวกเราเถอะ”
พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ ไป๋เจี๋ยก็ตื่นกลัวจนกลืนน้ำลายลงคอ ปกติเธอตอนไปโรงพยาบาล พวกลูกน้องของเซียวจิ่งสือต่างเกรงอกเกรงใจต่อเธอ ไม่เคยมีท่าทีแข็งกร้าวแบบนี้มาก่อน
หรือว่าหลินหว่านจะรู้เรื่องคลิปที่เธอทำไว้ได้เร็วขนาดนี้เชียว? ไม่! เป็นไปไม่ได้ เวลาแค่แป๊บเดียวเท่านั้น เร็วขนาดนี้เธอไม่มีทางรู้หรอก
เธอคิดดูยังไงก็ไม่รู้สาเหตุ สุดท้ายได้แต่ปล่อยให้ชายชุดดำพาตัวเธอขึ้นรถ
พอมาถึงโรงพยาบาล ก็เห็นสีหน้าท่าทางเย็นชาของเซียวจิ่งสือกับหลินหว่าน ไป๋เจี๋ยเข้าไปหาอย่างกลัวๆ แข็งใจยิ้มออกมาพูดว่า “มีอะไรหรือคะ? รีบร้อนเรียกตัวฉันมา เกิดเรื่องอะไรหรือคะ?”
“ไป๋เจี๋ย เธอเห็นว่าฉันปฏิบัติต่อเธอเป็นยังไงบ้าง” หลินหว่านกอดอก แย่งเซียวจิ่งสือพูดขึ้น
เพราะเธอรู้ว่า ถ้าเปลี่ยนเป็นเซียวจิ่งสือมาจัดการเรื่องนี้ คงต้องใช้ไม้แข็งแน่
ไป๋เจี๋ยมองเธออย่างสงสัย อดถามหยั่งเชิงดูไม่ได้ว่า “ดีมากเลย ฉันรู้สึกว่าคุณเป็นคนดีมาก จู่ๆ ทำไมถึงได้ถามแบบนี้คะ?”
ไป๋เจี๋ยกำหมัดแน่น รู้สึกว่าบรรยากาศในห้องผู้ป่วยหนักอึ้งจนเธอแทบจะหายใจไม่ออก ดูท่าหลินหว่านรู้เรื่องที่เธอทำหมดแล้ว
“อย่างนั้น ทำไมเธอถึงได้โพสต์คลิปแบบนั้นลงเน็ตกันล่ะ? เธอไม่รู้ว่าจะส่งผลต่อฉันรึไงกัน” หลินหว่านพยายามข่มกลั้นความโกรธ พูดกับเธอเสียงเย็น
ไป๋เจี๋ยกลืนน้ำลาย รีบอธิบายเบาๆ ว่า “เรื่องบนเน็ตฉันก็ทราบแล้วค่ะ ฉันก็อยากจะถามคุณเหมือนกัน แต่เพิ่งถึงบ้านเลยยังไม่มีเวลามานี่ เรื่องบนเน็ตฉันไม่ได้ทำนะคะ ถ้าฉันเป็นคนทำจริง ฉันคงไม่มาพูดอยู่ที่นี่หรอก ถ้าคุณมีหลักฐานก็เอาออกมาเลย อย่ามาใส่ความฉันง่ายๆ นะคะ”
“หลักฐานงั้นรึ?” หลินหว่านแค่นหัวเราะ สายตาที่มองดูเธอเหมือนจะกินคนได้เลย
เธอหยิบไอแพตที่ด้านข้างขึ้นมา ยัดใส่อ้อมอกเธอ “ดูให้ดี IP นี่อยู่ที่ไหน! ฉันไม่ใส่ความใครง่ายๆ หรอก”