ฟึ่บ!
ทุกคนได้เห็นร่างผมขาวท่ามกลางทุ่งร่างไร้วิญญาณ
ใบหน้านางงดงามจนมิอาจละสายตาส่วนโค้งเว้าบนร่างกับเครื่องสวมใส่ขับกล่อมเข้ากันดี
ริมฝีปากสีม่วงของนางมีประกายงดงามดวงตาสีเพลิงเปล่งประกายราวกับทับทิม
แต่สตรีผู้งดงามนี้ก็ดูชั่วร้ายอย่างมากไม่แพ้กัน!
เกือบจะทุกคนรู้ว่านางคือใคร
สีหน้าของอดีตจ้าวดินแดนทั้งสามและจ้าวดินแดนมีดสวรรค์เปลี่ยนเป็นสะพรึงกลัวพร้อมกัน
“เซียน…มณี!”
พวกเขาตะโกนด้วยเสียงแหบพร่าแววตาเบิกกว้าง บางทีคนอื่นที่นี่อาจไม่รู้จักใบหน้าของเซียนมณีแต่ในฐานะของอสูรเนรมิตรที่เป็นเป้าหมายของนาง พวกเขาจะยังใจเย็นอยู่ได้หรือ?
“นะ…นางมาที่นี่ได้ยังไง?”
ทั้งสี่ตัวสั่นอย่างรุนแรงหัวใจถูกความกลัวปกคลุม
ทุกคนที่นี่หวาดกลัวอย่างมากเมื่อได้ยินว่าสตรีตรงหน้าคือเซียนมณีผู้ฉาวโฉ่!
ความกลัวแพร่กระจายไปในใจพวกเขาอย่างรวดเร็วราวกับโรคระบาดผู้คนที่มาร่วมตัวกันเริ่มหนีเอาชีวิตรอดไปยังทุกทิศทาง
โดยรอบเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องเสียงร้องไห้ และเสียงร้องคำรามอันยุ่งเหยิง
จ้าวดินแดนมีดสวรรค์ไม่สนใจซือหยูเขาหนีทันที
อดีตจ้าวดินแดนทั้งสามเร็วยิ่งกว่าพวกเขาฉีกมิติและกระโดดเข้าไปเพื่อหนี
เหลือเพียงซือหยูที่ยืนอยู่บนประตูมิติเขาไม่พูดอะไร
“อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องดังก้องเมืองเขตกลาง
รอยแยกมิติฉีกที่ห้าหมื่นลี้ไกลออกไปรอยแยกเปลี่ยนรูปร่างแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของมิติที่ไม่มั่นคง
โลหิตจำนวนมากลอยออกมาจากรอยแยกมิติพร้อมกับเสื้อผ้าที่ฉีกขาดหลายชิ้น
เสื้อผ้าและโลหิตของอสูรเนรมิตรบ่งบอกผู้คนว่าอดีตจ้าวดินแดนทั้งสามได้บาดเจ็บสาหัสหรืออาจจะตายไปแล้ว
พร้อมกันนั้นรอยแยกอีกหลายรอยก็เกิดขึ้นตามมา จ้าวดินแดนมีดสวรรค์และอดีตจ้าวดินแดนสองคนร่วงลงมาจากมันราวกับลูกหนูไร้ที่ซ่อน
พวกเขาจ้องมองสตรีผมขาวด้วยความสะพรึงกลัวและชิงชัง
ในเวลาต่อมาเกิดรอยแยกมิติมากมาย เหล่าอสูรเนรมิตรถูกผลักออกมา “นางปิดพื้นที่แสนลี้เอาไว้แล้ว!”
อสูรเนรมิตรขั้นสองคนหนึ่งที่หน้าซีดเผือดกล่าวด้วยความกลัว
คนที่หนีไม่ทันล้วนพุ่งชนกำแพงที่มองไม่เห็นที่ขัดขวางการหลบหนีของพวกเขา
ขณะนี้เซียนมณียืนนิ่งไม่ไหวติง ทุกคนหวาดกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรออกมา
ซือหยูมองเซียนมณีเขาไม่คิดว่าจะได้เจอนางที่นี่!
ถ้าเขาไม่หยุดการเคลื่อนย้ายทันเวลาเขาอาจจะถูกสังหารอย่างทุกข์ทรมานเช่นเดียวกับอดีตจ้าวดินแดนคนนั้น เขาอดพูดไม่ได้
“ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีความสัมพันธ์ลับกับราชาเขตกลาง!นึกไม่ถึงจริง ๆ!”
ไม่แปลกใจเลยที่เซียนมณีสามารถซ่อนตัวจากการค้นหาของเหล่าราชาเขตอื่นได้!
ความจริงกลับกลายเป็นว่านางซ่อนตัวอยู่ในเขตกลางภายใต้การปกป้องของราชาเขตกลางมาโดยตลอด!
“หึหึครั้งที่แล้วข้าไว้ชีวิตเจ้า ไม่คิดว่าเราจะได้เจอกันเร็วเช่นนี้!”
เซียนมณียิ้มและเดินเข้าไปหาเขา
ครั้งที่แล้วนางพูดว่านางจะไม่ปรานีหากได้เจอซือหยูอีกครั้ง
“เจ้ารู้ว่าข้าต้องการอะไร!เอามันมาให้ข้า!”
เซียนมณีกล่าว
ซือหยูรู้ว่าสิ่างที่นางต้องการคือร่างอสูร
ซือหยูเหลือบมองคนเขตกลางที่ติดอยู่ในที่ปิดตายจำนวนนั้นมีมากกว่าสามแสนคน!
ทุกคนเข้ามาในระยะเพราะเสียงจากการต่อสู้ของซือหยูแต่พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะถูกเซียนมณีจับตัว!
“เจ้าจะฆ่าทุกคนใช่หรือไม่?”
ซือหยูถอนหายใจ
เซียนมณีมองคนเหล่านั้นราวกับมดปลวกนางพูดอย่างไร้อารมณ์
“สำหรับข้าพวกมันคืออาหารอย่างที่เดรัจฉานเป็นต่อมนุษย์! ข้ากินมันได้ตามใจอยาก!”
จากนั้นนางเหลือบมองซือหยู
“สำหรับพวกมันเจ้าก็แค่คนต่างถิ่นที่จะถูกใครฆ่าตายก็ได้ เจ้าจะปกป้องคนเหล่านั้นไปทำไมอีก?”
เซียนมณีชี้ซือหยูด้วยดัชนีอันงดงามราวหยก
“เจ้าคือมนุษย์คนเดียวที่ข้าไม่อยากฆ่า!”
“แค่ให้สิ่งที่ข้าต้องการมาเสียและข้าจะปล่อยเจ้าไป! ส่วนคนพวกนี้ เจ้าไม่ต้องห่วงพวกมันเลย!”
ซือหยูเหลือบมองคนเขตกลางที่ติดอยู่ในกำแพงที่มองไม่เห็นเขาลังเลเพียงไม่นานก่อนจะส่ายหน้า
“ขออภัยข้าทิ้งพวกเขาไม่ได้หรอก!”
ซือหยูไม่ได้ตัดสินใจเพราะความเมตตาเขารู้ว่าไม่ใช่ทุกคนในเขตกลางที่มองเขาเป็นคนต่างถิ่น
อย่างน้อยก็ยังมีคนตำหนักโลหิตและคนดินแดนพรสวรรค์ที่ไม่เคยมองเขาเป็นคนนอก
คนเหล่านี้มิใช่ตัวแทนของคนเขตกลางทั้งหมด!
“น่าผิดหวังเหลือเกิน!แต่ข้าก็ไม่ได้แปลกใจกับคำตอบของเจ้า!”
เซียนมณีกล่าวนางส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มอ่อน ๆ ทุกความลังเลเลือนหายไปจากแววตา ดวงตาสีเพลิงของนางเยือกเย็นโดยพลัน
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ตายไปซะ!”
เซียนมณีถอนหายใจเหม่อมองนภา
เพล้ง!
เนตรยักษ์มหึมาที่ปิดตายพื้นที่เอาไว้แตกสลายราวกับคันฉ่องเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เซียนมณีชี้ดัชนีไปที่ซือหยูพลังอันน่ากลัวของเซียนพุ่งเป็นสายตรงไปที่เขา ในเวลาเดียวกันแสงกระบี่เงินหลายสายปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า มันล้อมเซียนมณีจากมุมที่แตกต่างกัน
เซียนมณีที่คุ้นเคยกับเพลงกระบี่นี้เรียกพลังเซียนกลับมา
“ค่ายกลกระบี่อีกแล้วรึ?น่าเวทนานัก! แต่มันไม่น่ากลัวสำหรับข้าแล้ว!”
ฟึ่บ!
เพลงกระบี่ไตรสุริยาถูกใช้งานกระบี่สามเล่มพุ่งตรงไปยังเซียนมณี พลังกระบี่อันแข็งแกร่งถลาเป็นคลื่นผ่านมิติไป
เซียนมณียื่นมือด้วยรอยยิ้มน่ากลัวนางสามารถต้านกระบี่สีเงินหนึ่งเล่มที่พุ่งเข้าใส่นางได้
แต่เวลาเดียวกันนางก็ลืมตากว้าง กระบี่เงินอีกสองเล่มที่กำลังลอยอยู่ได้สั่นสะเทือนและมิอาจขยับมาข้างหน้าได้อีก
ซือหยูชักสีหน้าเล็กน้อย
นางแข็งแกร่งขึ้นแล้ว!นางแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก!
แต่สีหน้าใจเย็นของเซียนมณีก็เปลี่ยนไปเช่นกันหฟลังจากที่หยุดกระบี่ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ได้ นางกระโดดถอยหลังในทันที
ในเวลานั้นสายตาสีดำสนิทเส้นบาง ๆ ได้พุ่งออกมาจากกระบี่เงินราวกับอสรพิษร้าย
“สายฟ้าวิบัติสวรรค์รึ?”
เซียนมณีจ้องมองด้วยเนตรสีเพลิงในแววตานั้นหวาดกลัวและไม่เชื่อสายตา
นางคือเซียนนางรู้ดีว่าสายฟ้าวิบัติสวรรคืนั้นเป็นเช่นใด! แม้แต่เซียนขั้นสูงสุดก็ต้องหลบมัน!
และขณะนี้นางยังคงเป็นเซียนที่มิอาจท้าทายต่อสายฟ้าของวิบัติสวรรค์ได้เลย!
ถ้าหากสัมผัสนางไม่ดีพอนางคงจะพ่ายแพ้เขาไปแล้ว!
“เจ้ารู้ว่าเพลงกระบี่ใช้กับข้าไม่ได้ผลเจ้าเลยเตรียมสายฟ้าเอาไว้สินะ?”
เซียนมณีรำคาญใจนางไม่อยากฆ่าซือหยู แต่ซือหยูมักจะทำให้นางตกอยู่ในอันตรายเสมอ
“เพลงกระบี่และสายฟ้าถูกเตรียมไว้เพื่อเรียกฉุกเฉินไม่ได้เพื่อใช้กับเจ้า แต่เป็นคนอันตรายอีกคน!”
ซือหยูกระทืบเท้า
“เจ้าสนุกกับการแสดงมามากพอดูถ้าอยากจะให้ประตูมิติก็ควรจะทำอะไรได้แล้ว!”
เซียนมณีขมวดคิ้วและถาม
“เจ้ากำลังพูดถึงใคร?”
หรือว่าซือหยูกำลังระวังคนผู้นั้น?
ต่อมาเซียนมณีก็ได้เห็นก้อนเลือดลอยขึ้นมาจากประตูมิติเทวะใต้เท้าของซือหยู เสียงแหบพร่าชั่วร้ายดังขึ้น
“แม่นางข้าไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับสหายเก่าที่นี่!”