บทที่ 1182 ระดับสูงสุดขั้นซานฉางช

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

“อืมม..ความรู้สึกเช่นนี้ช่างดีกว่าความรู้สึกหลังฝึกฝนวิชายิ่งนัก!”
  หลิงหยุนตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกว่าร่างกายสดชื่นจิตใจแจ่มใส่ และเปี่ยมไปด้วยพลัง! เขาลุกขึ้นนั่ง และรับรู้ได้ถึงพลังที่ดูเหมือนจะมีมากมายไม่สิ้นสุดนี้..
  หลิงหยุนไม่รีบร้อนที่จะลุกจากเตียงนักเขาจึงนั่งนิ่งเพื่อสำรวจดูภายในร่างกายของตนเองก่อน..
  หลิงหยุนพบว่าเวลานี้จุดตันเถียนของตนนั้นกำลังหมุนอย่างรวดเร็วภายในดวงตาของปลาหยิน และปลาหยางมีพลังหยิน และพลังหยางพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ แล้วค่อยๆ รวมตัวกันกลายเป็นกระแสวนหยิน-หยางที่กำลังหมุนอย่างรวดเร็วอยู่ในจุดตันเถียนของตน..
  ส่วนสมุดจักรพรรดิซึ่งเวลานี้มีขนาดเล็กเท่ากับเข็มเล่มหนึ่งนั้นก็กำลังล่องลอย และหมุนไปตามกระแสวนหยิน-หยางอยู่ในจุดตันเถียนอันน่าอัศจรรย์ของตนเอง..
  ส่วนกระบี่กังฉีซึ่งหลิงหยุนใช้พลังจิตสร้างขึ้นจากหยินและหยางที่หลอมรวมจนเป็นเกล็ดนั้น เวลานี้ก็ยังคงอยู่ภายในจุดตันเถียน แต่ดูเหมือนจะขยายใหญ่ขึ้นมาก และเปล่งรังสีที่บ่งบอกถึงความสามารถในการทำลายล้างสูงออกมาให้เห็นแล้ว!
  ส่วนพลังหยินและพลังหยางในร่างกายของหลิงหยุนเวลานี้..ก็ไม่ได้แยกออกจากกันเป็นขาวและดำเหมือนเช่นเคย แต่ได้หลอมรวมตัวกัน และกลายเป็นสีเทาเข้ม
  พลังปราณที่ไหลเวียนอยู่ทั่วร่างกายของหลิงหยุนเวลานี้จึงมีทั้งหมดสี่สายซึ่งก็คือ..
  พลังปราณสายที่หนึ่ง..คือปราณสีทองจากพู่กันจักรพรรดิที่ไหลออกจากกึ่งกลางหว่างคิ้วของหลิงหยุน ซึ่งเวลานี้ได้กลายเป็นสีทองสุกสว่างคล้ายทองคำบริสุทธิ์ และเป็นเส้นที่เล็กมาก แต่ก็เป็นสีทองสุกสว่างยิ่งนัก!
  พลังปราณสายที่สอง..คือปราณสีเหลืองของปราณเสวียนหวง ที่หลิงหยุนดูดซับมาจากต้นหลิวเทวะวิญญาณซึ่งเป็นมรดกประจำตระกูลหลิง..
  พลังปราณสายที่สาม..คือปราณสีทองระยิบระยับของปราณมังกร สีทองของปราณมังกรนั้นจะไม่สุกสว่างดังเช่นปราณสีทองคำบริสุทธิ์จากพู่กันจักรพรรดิ แต่จะเป็นประกายระยิบระยับมากกว่า..
  พลังปราณสายที่สี่นั้น..เป็นพลังปราณที่หลิงหยุนคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งก็คือพลังหยิน และพลังหยางนั่นเอง..
  พลังปราณทั้งสี่สายนี้จะไหลเวียนเป็นเส้นคู่ขนานไปตามเส้นลมปราณต่างๆทั่วร่างกายของหลิงหยุนด้วยความรวดเร็วสูง แต่ก็ไม่ยุ่งเกียวกัน คล้ายกับรางรถไฟที่วิ่งคู่ขนานกันไป..
  หลังจากที่พลังปราณทั้งสี่เส้นพุ่งออกจากจุดตันเถียนก็จะไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณต่างๆ ทั่วร่างกายก่อนที่จะกระจายเข้าสู่จุดฝังเข็มทั้งสามร้อยหกสิบห้าจุดทั่วร่างต่อไป หลังจากพลังปราณไหลวนอยู่ภายในจุดฝังเข็มต่างๆแล้ว ก็จะไหลขึ้นไปสู่จุดกึ่งกลางหว่างคิ้วของหลิงหยุนต่อ
  และนั่นทำให้เวลานี้ความเร็วในการกลั่นหยดเสินหยวนกลางหว่างคิ้วของหลิงหยุนนั้นได้เพิ่มอัตราความเร็วขึ้นเป็นนาทีละหนึ่งหยด!
  ‘ไม่อยากจะเชื่อ..นาทีละหนึ่งหยดงั้นรึ!’
  ในช่วงเวลาสั้นๆที่หลิงหยุนสำรวจดูภายในร่างกายของตนเองอยู่นั้น เขาก็ได้คำนวนระยะเวลาในการกลั่นหยดเสินหยวนของตนเองไปด้วย และพบว่าเวลานี้ร่างกายของเขาสามารถกลั่นเสินหยวนได้นาทีละหนึ่งหยด!
  เมื่อครั้งที่อยู่ในระดับกลางขั้นซานฉางชี่(ขั้นพลังชี่-3) นั้น ร่างกายของหลิงหยุนต้องใช้เวลาถึงสามนาทีในการกลั่นเสินหยวนหนึ่งหยด และหากร่างกายของเขาสามารถกลั่นเสินหยวนได้นาทีละหนึ่งหยดเช่นนี้ ย่อมเป็นการบ่งบอกว่าเขาได้เข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นซานฉางชี่แล้ว!
  ‘การประลองเมื่อคืนนี้ได้ให้ประโยชน์กับข้าอย่างมากมายถึงเพียงนี้เชียวรึ!’
  จู่ๆตื่นนอนมาแล้วพบว่าตนเองสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นซานฉางชี่ได้เช่นนี้ มีหรือที่หลิงหยุนไม่ดีใจจนต้องยิ้มออกมา..
  และหากเป็นเช่นนี้ย่อมหมายความว่า..ภายในหนึ่งวันร่างกายของเขาจะสามารถกลั่นหยดเสินหยวนได้ถึงหนึ่งพันสี่ร้อยสี่สิบหยดเลยทีเดียว นี่เท่ากับว่าเขาจะสามารถใช้หยดเสินหยวนได้ตามใจชอบโดยไม่ต้องคอยระมัดระวังอีก!
  หากไม่มีอะไรผิดพลาด..เมื่อหลิงหยุนสามารถฝึกฝนจนสามารถเข้าสู่ระดับกลางของขั้นซื่อเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-4) ได้เมื่อใด เขาก็จะสามารถใช้กระบี่เหินพาตัวเองให้เหาะเหินเดินอากาศไปบนท้องฟ้าได้ไกลถึงวันละหนึ่งหมื่นลี้เลยทีเดียว และเมื่อถึงตอนนั้นเขาจะสามารถเดินทางได้ทั้งทางบก และอากาศ..
  ‘วันข้างหน้า..เห็นทีข้าคงจะให้ความสำคัญเพียงแค่เรื่องการฝึกฝน และการต่อสู้เพียงสองอย่างไม่ได้แล้ว แต่คงต้องหันมาพักผ่อน และดูแลใส่ใจสุขภาพร่างกายให้มากขึ้นด้วย..’
  ในขั้นพลังชี่นั้น..เป็นขั้นที่เน้นฝึกฝนใช้ชี่ชำระใจ เพื่อสร้างจิตหยั่งรู้ และพลังจิตของผู้ฝึกให้แข็งแกร่ง และมีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ
  ดังนั้นในขั้นตอนนี้..สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือการทำจิตใจให้เข้าสู่ความสงบ และยกระดับจิตวิญญาณของตนเอง!
  ‘แต่ดูเหมือนสายฟ้าภายในร่างของข้าจะลดลงไปมากทีเดียว!’
  จากการสำรวจดูภายในร่างกายในครั้งนี้หลิงหยุนพบว่าสายฟ้าต่างๆ ที่อยู่ในร่างกายของตนนั้น หลังจากที่ได้ถูกนำไปใช้ในการประลองเมื่อคืนนี้ ได้ลดปริมาณลงไปมาก และเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย นั่นเพราะร่างกายของเขาไม่สามารถสร้างสายฟ้าเหล่านี้ขึ้นมาได้เอง..
  ‘น่าแปลกนัก!เหตุใดพลังสีขาวกลับดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุ’   หลิงหยุนพบว่าพลังสีขาวที่เคยปรากฏขึ้นและช่วยเขาซ่อมแซมจุดฝังเข็มในครั้งโน้น ได้เริ่มเปล่งประกายสีขาวเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น และเวลานี้แสงสีขาวเหล่านั้นก็ได้กลายเป็นรัศมีวงกลมสีขาวส่องสว่างอยู่ตามจุดฝังเข็มต่างๆของตน..
  ‘น่าแปลก..พลังสีขาวนี้มาจากใหนกัน!’
  จนกระทั่งถึงตอนนี้..หลิงหยุนเองก็ยังไม่รู้ และไม่สามารถบอกได้ว่าพลังที่มีรัศมีสีขาวสุกสว่างนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร และเป็นสิ่งที่ดีหรือว่าไม่ดีกันแน่?
  แต่จนถึงตอนนี้พลังรัศมีสีขาวนั้นก็ไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกายของหลิงหยุนเขาจึงไม่คิดที่จะขับมันออกไป แต่ก็ไม่สามารถที่จะนำมาใช้ประโยชน์อะไรได้เช่นกัน หลิงหยุนจึงได้แต่ต้องรอดูต่อไปเท่านั้น..
  “จะเป็นอะไรก็ตาม..แต่อย่ามาเปล่งรัศมีอยู่ด้านหลังศรีษะของข้าในเวลานี้ก็พอ ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องกลายเป็นตัวตลกแต่!”
  หลิงหยุนแอบพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะลุกออกไปจากเตียง..
  …..
  “กา..กา..”
  ระหว่างที่หลิงหยุนครุ่นคิดเรื่องต่างๆอยู่นั้นเขาก็ได้ยินเสียงร้องของอีกาดังขึ้น จึงรีบเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจดู และพบว่าภายในป่าห่างจากบ้านหลังนี้ไปราวหนึ่งกิโลเมตรนั้น มีอีกาตัวใหญ่สีดำกำลังเกาะอยู่บนกิ่งไม้ และส่งเสียงร้องดังไปทั่วทั้งป่าใหญ่..
  และมันก็คืออีกาลายทองซึ่งติดตามหลิงหยุนมานั่นเอง..
  หลิงหยุนเห็นเจ้าอีกาลายทองก็ถึงกับนึกประหลาดใจว่า‘เหตุใดวันนี้อีกาตัวนี้จึงดูเศร้าสร้อยนัก’
  “หลิงหยุน..เจ้าตื่นแล้วรึ”
  ในเวลานั้น..ร่างบอบบางงดงามของเย่ซิงเฉินก็เดินเข้ามาในห้องพอดี นางยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยถามออกไป แต่สีหน้ากลับมีแววขุ่นเคืองใจเล็กน้อย..   นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงหยุนได้เห็นสีหน้าแสดงความไม่พอใจของเย่ซิงเฉิน!
  และยังไม่ทันที่หลิงหยุนจะได้อ้าปากพูดอะไรเย่ซิงเฉินก็ชิงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ และคิ้วทั้งสองข้างก็ขมวดเข้าหากันแน่น..
  “น่าโมโหจริงๆ!ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด.. จู่ๆ ก็มีอีกาบินมากรีดร้องอยู่แถวนี้ เสียงดังหนวกหูน่ารำคาญยิ่งนัก!”
  ระหว่างที่พูดนั้น..เย่ซิงเฉินก็ยกมีดสั้นสามเล่มในมือขึ้นมาพร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า
  “หากเจ้ากล้าเข้ามาใกล้กว่านี้ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ!”
  “…”
  หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออกและได้แต่แอบคิดในใจว่า.. ‘มิน่า.. อีกาลายทองจึงได้มีสีหน้าเศร้าสร้อย เพราะมันรู้ว่าเย่ซิงเฉินกำลังโกรธ จึงกลัวว่าจะถูกฆ่าตายนั่นเอง!’   หลิงหยุนจึงรีบอธิบายทันที..“นี่ซิงเฉิน.. คือว่า..”
  “อีกาตัวนั้นมันบินตามข้ามาเองล่ะ!และวันหน้ามันจะกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า เจ้าอย่าได้ทำร้ายมันเชียวล่ะ!”
  ดวงตากลมโตของเย่ซิงเฉินเบิกโพลงคล้ายไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน..
  “อะไรนะ!เจ้าจะเลี้ยงอีกาเป็นสัตว์เลี้ยงจริงๆงั้นรึ?!”
  “นี่ศรีษะของเจ้าถูกกระแทกจนเสียสติไปแล้วหรือว่าเจ้านอนหลับนานเกินไป ตื่นมาก็เลยมีอาการงุนงงเช่นนี้?!”
  “ข้าเคยเห็นแต่คนเลี้ยงนกแก้วนกพิราบ หรือไม่ก็นกยูง หรืออาจจะเป็นหยี่ยว แต่ไม่เคยพบเห็นผู้ใดเลี้ยงอีกาสีดำเช่นเจ้า”
  หลิงหยุนเห็นสีหน้าท่าทางของเย่ซิงเฉินจึงรีบอธิบายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ซิงเฉิน.. นี่ไม่ใช่อีกาธรรมดา เจ้าเห็นขนที่ด้านหลังของมันหรือไม่ หากเจ้าสังเกตดูให้ดี ขนด้านหลังของมันจะเป็นเส้นสีทอง ดวงตาทั้งสองข้างก็เป็นสีทอง และนี่คือสัตว์อสูรที่ทรงพลังมากชนิดหนึ่ง มันคืออีกาลายทองซึ่งมีสายเลือดของอีกาทองคำอยู่ในร่าง..”
  “สำหรับผู้ทีฝึกฝนพลังหยางนั้นหากมีอีกาทองคำช่วย การฝึกฝนของคนผู้นั้นก็จะก้าวหน้าได้รวดเร็วกว่าปกติถึงสองเท่าเลยทีเดียว!”
  เย่ซิงเฉินได้ฟังถึงกับนิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึง!
  แต่แล้วก็ถามหลิงหยุนย้ำเพราะยากที่จะเชื่อในสิ่งที่หลิงหยุนพูด “อีกาลายทอง.. สายเลือดอีกาทองคำงั้นรึ! นี่เจ้าแน่ใจนะ?!”
  หลิงหยุนจ้องมองไปทางเสียงของอีกาลายทองพร้อมตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ข้ามั่นใจที่สุด!”
  หลังจากนั้น..หลิงหยุนก็กระโดดออกจากห้องนอนไปที่สวนด้านหน้า และเริ่มปลดปล่อยพลังหยางบริสุทธิ์ในร่างของตนเองออกมา  ภายใต้สีหน้าที่สงบนิ่งของหลิงหยุน..เขายื่นฝ่ามือที่มีพลังหยางบริสุทธิ์สีขาวขนาดเท่าลูกเทนนิสออกไปด้านหน้า จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนพบว่า.. ทันทีที่อีกาทองคำสัมผัสได้ถึงพลังหยางบริสุทธิ์ มันก็รีบกระพือปีก และบินตรงมาที่สวนภายในบ้านหลังเล็กนี้อย่างรวดเร็ว!
  และเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียว..อีกาทองคำก็บินมาอยู่เหนือสนามหญ้าภายในบ้านสูงขึ้นไปราวสิบเมตร มันจ้องมองพลังหยางบริสุทธิ์สีขาวในมือของหลิงหยุน พร้อมกับส่งเสียงร้องดังระงมไปทั่วทั้งบริเวณ แต่ก็ไม่กล้าที่จะบินลงมา..
  หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับเงยหน้าขึ้นพูดกับอีกาทองคำ“ลงมาสิ! รับรองว่าจะไม่มีผู้ใดทำร้ายเจ้าอย่างแน่นอน!”
  พรึบ..พรึบ..
  อีกาทองคำกระพือปีกและบินลงมาเกาะที่ข้อมือของหลิงหยุนทันที!
  เย่ซิงเฉินถึงกับนิ่งไปด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นอีกาตัวใหญ่บินมาเกาะที่ข้อมือของหลิงหยุน แล้วโฉบเอาพลังหยางสีขาวบริสุทธิ์กลืนเข้าปากไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงรีบบินหนีกลับขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที!
  “กา..กา..”
  หลังจากที่อีกาทองคำกลืนเอาพลังหยางบริสุทธิ์เข้าไปแล้วมันก็ร้องเสียงดังออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ..
  “เจ้าเห็นหรือไม่..”
  หลิงหยุนหันไปยิ้มให้กับเย่ซิงเฉินที่กำลังยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง..
  “แต่..เจ้าต้องเลี้ยงมันเช่นนี้! มันจะช่วยเจ้าในการฝึกฝนวิชาได้จริงๆอย่างนั้นรึ?!”
  แม้เย่ซิงเฉินจะเริ่มเชื่อบ้างแล้วแต่ก็อดที่จะถามออกมาด้วยความสงสัยไม่ได้..
  หลิงหยุนยิ้มและตอบไปว่า “ซิงเฉิน.. ในโลกใบนี้ไม่มีคำว่ารับโดยไม่ต้องตอบแทนกลับ.. เจ้าเองก็รู้ดีไม่ใช่รึ”
  “อีกาตัวนี้ยังเล็กนัก..สายเลือดอีกาทองคำในร่างของมันเพิ่งจะเริ่มก่อตัวขึ้น มันยังต้องการการเลี้ยงดูบ่มเพาะไปอีกสักพักใหญ่ จากนั้น.. จึงจะกลายเป็นอีกาทองคำที่มีประโยชน์มากมายต่อข้า!”
  เย่ซิงเฉินพยักหน้า..นางหันมาจ้องหน้าหลิงหยุนแทนพร้อมกับพึมพำเบาๆ “หลิงหยุน.. นี่เจ้าคงจะเป็นเทพจุติสินะ.. แม้แต่อีกาที่หายากเช่นนี้ยังตามเจ้ามา!”
  หลิงหยุนยิ้มไม่ตอบแต่กลับบอกเล่าในสิ่งที่ทำให้เย่ซิงเฉินถึงกับตกตะลึงมากยิ่งขึ้น..
  “ซิงเฉิน..เจ้ายังจำไป๋เซียนเอ๋อที่ประมือกับเจ้าในครั้งนั้นได้หรือไม่ แท้จริงนางก็คือจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง ในวันที่ข้าพบกับเจ้าครั้งแรกนั้น คือวันที่ข้ากลับจากพานางไปกลายร่างที่เกาะเตียวหยู!”
  “…”
  เย่ซิงเฉินได้แต่นิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก..
  “อ่อ..แล้วก็ยังมี..”
  หลิงหยุนไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น..เขายิ้มพร้อมกับเล่าต่อว่า “ที่ป่าเสินหนงเจี๋ย.. ข้าได้เลี้ยงสัตว์เลื้อยคลานลักษณะคล้ายงูยักษ์สีดำไว้ตัวหนึ่ง และได้ตั้งชื่อให้มันว่าเจ้าสีนิล คาดว่าเวลานี้มันคงจะเติบโตจนกลายร่างเป็นมังกรน้ำ (เจียวหลง) ไปแล้ว..”
  เย่ซิงเฉินยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจในขณะที่หลิงหยุนเองก็ยังพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง
  “ไม่ว่าจะเป็นอีกาทองคำจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง หรือมังกรน้ำ.. ก็ยากนักที่คนธรรมดาจะสามารถพบเห็นสัตว์เหล่านี้ได้!”
  “เอาล่ะ..ไว้ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังต่อ แต่ตอนนี้ข้าหิวมากแล้ว..”
  ******
  เจียว蛟 โดยทั่วไปแล้วจะหมายถึงมังกรที่มีเกล็ด และสามารถทำให้เกิดอุทกภัยน้ำท่วมได้ ตามตำนานเชื่อกันว่า เจียวหลงเมื่อได้น้ำก็จะสามารถสร้างเมฆเรียกหมอก เหินทะยานสู่ฟ้าได้ นอกจากนี้คนทั่วไปยังว่ากันว่า แท้ที่จริงแล้ว เจียว และ หลง ก็คือคำเรียกขานถึงมังกรในช่วงอายุที่แตกต่างกัน โดยช่วงยังเล็กก็คือ เจียว พอโตขึ้นก็เรียก หลง