บทที่ 1969 – อีเย่เจี้ยนเก้อกลั่นแกล้ง

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

ชิงสุ่ยตกตะลึงอย่างหนัก ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่สิ่งเดียวที่เขาประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่า ธงสวรรค์ปัญจธาตุจะบรรลุถึงระดับ 8 หลังจากที่มันพัฒนา ชุดเคลื่อนย้ายพริบตาจะสามารถระบุได้ถึง 10 จุด
  ขณะที่เขากล่าว เขาก็เข้าไปในเอกภาพธาตุทั้ง 5 และมองดูแผนที่ 9 มหาทวีป แผนที่ชิ้นนี้ยังคงไร้ขอบเขตเหมือนเดิม และพื้นที่บริเวณขอบอันไกลโพ้นก็ยังคงเป็นเพียงภาพพร่ามัว อย่างไรก็ตามด้วยพลังที่ชิงสุ่ยครอบครองในปัจจุบัน ทำให้เขารู้ดีว่าบริเวณที่มองไม่เห็นนั้นกว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด นอกจากนี้ยังมี เขตแดนมหาสมุทรดาราเก้าทวีปที่อยู่ขอบอีกฟาก มันยังคงเป็นภาพพร่ามัว ภาษารวมกับมหาทวีปอุดรเทวะ เหมือนมังกรยักษ์ 2 ตัวทับซ้อนกัน
  ชิงสุ่ยรู้ดีว่าเขาสามารถทำเครื่องหมายบนแผนที่ได้อีก 4 แห่ง เขามองดูรอบๆแผนที่ในเอกภาพ และทำเครื่องหมายที่ส่วนลึกของมหาทวีปอุดรเทวาอย่างไม่ลังเล
  ส่วนอีก 3 จุดที่เหลือ ชิงสุ่ยครุ่นคิดอยู่นาน แต่ก็ไม่มีสถานที่เหมาะสมที่เขาอยากจะเลือก เขาจึงตัดสินใจว่ารอให้เจอสถานที่ที่เหมาะสมก่อนแล้วเขาค่อยมาทำเครื่องหมายให้มัน
  ในตอนแรก ชิงสุ่ยวางแผนจะจากไปในทันที แต่เขายังมียาวาสนาอยู่กับเขาอีกจำนวนหนึ่ง เขาจึงตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังเมืองหลินห่ายก่อน
  หยินตง เหลียนหลิงเฟิง และคนอื่นๆตื่นเต้นที่จะได้พบหน้าเถิงชิงซาน
  “ของเหล่านี้เป็นของพวกเจ้า เจ้าจะได้ประโยชน์อะไรจากมันก็ขึ้นอยู่กับวาสนาของพวกเจ้าเอง”ชิงสุ่ยหยิบยาเม็ดวาสนาออกมาและแจกจ่ายให้กับพวกเขาคนละเม็ด
  “อืม!! แต่ก่อนที่เจ้าจะไปไหน อย่างน้อยเจ้าต้องอยู่ที่นี่ 1 คืน!!”เหลียนหลิงเฟิงกล่าวอย่างรวดเร็ว  “คุณชายน้อยชิงของพวกเราต้องรีบไปที่พระราชวังอาทิตย์อัสดง พวกเราอย่ารั้งเขาไว้เลย”ซีฉีชาหัวเราะเสียงดังลั่น
  เหลียนหลิงเฟิงที่คิดได้จึงอุทานว่า “ถูกต้อง”
  ชิงสุ่ยอ้ำอึ้งพูดไม่ออก หลินเฟ่ยที่อยู่ด้านข้าง จ้องมองผู้คนทั้งหมดด้วยรอยยิ้ม เธอเป็นคนที่มีนิสัยค่อนข้างเงียบ ตอนนี้เธอมีลูกชาย 1 คน จึงทำให้มีความเป็นแม่มากขึ้น ซึ่งมันทำให้เธอมีเสน่ห์ลดน้อยลงกว่าเดิม
  เมื่อทุกคนกินยาเม็ดวาสนา เถิงชิงซานถึงกับประหลาดใจในตัวเหลียนหลิงเฟิงและหยินตงมากที่สุดเพราะทั้งสองคนทะลวงพลังผ่านไปถึงขั้นกลางของพลังดินแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 7 สมแล้วที่มันเป็นยาเม็ดที่มีชื่อว่ายาเม็ดวาสนา
  เหลียนหลิงเฟิงและหยินตงเองก็ประหลาดใจไม่แพ้ชิงสุ่ย มันคงจะหาคำอธิบายใดไม่ได้นอกจากคำพูดที่ว่า “ไปถึงสวรรค์ภายในก้าวเดียว”พละกำลังของพวกเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล
  การพัฒนาระดับพลังจากขั้นที่ 6 ไปสู่ขั้นที่ 7 ถือว่าเป็นการก้าวเดินจากมาโลกมนุษย์ขึ้นสู่ชั้นสวรรค์ มันเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดสำหรับผู้ฝึกตน อัจฉริยะและนักรบจำนวนนับไม่ถ้วน ล้วนไม่สามารถทะลวงผ่านประตูจากขั้นที่ 6 ไปสู่ขั้นที่ 7 ได้ มันจึงกลายเป็นเครื่องอธิบายความต่างชั้นของผู้ที่ครองพลังระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 6 และระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ท่านที่ 7 ได้เป็นอย่างดี
  คนอื่นๆเองก็เพิ่มพูนพลังค่อนข้างมาก แต่ถ้าหากเทียบกับเหลียนหลิงเฟิงและหยินตงแล้ว พวกเขาดูด้อยไปในพริบตา
  ชิงสุ่ยยังคงย้ำเตือนให้พวกเขารู้ว่าพวกเขาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปีเพื่อทำให้รากฐานพลังเสถียรภาพ ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ สายฟ้ามากมายก็ปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้า ทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์กำลังจะปรากฏต่อหน้าทุกคน…….
  ในครั้งนี้ มันคงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชิงสุ่ยจะไม่รู้สึกวิตกกังวล แต่อย่างไรก็ตามเขาก็สามารถช่วยเหลือทั้งสองคนให้ผ่านพ้นทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างราบรื่นเหมือนทุกครั้ง แต่ท้ายที่สุดทั้งสองคนก็ดูเหนื่อยล้า ถ้าหากมีจำนวนคลื่นทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นอีกสัก 2 ชุด ความราบรื่นก็อาจจะกลายเป็นปัญหาแทน
  เวลาครึ่งวันผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ชิงสุ่ยกล่าวอำลาทุกคนและมุ่งหน้าไปยังพระราชวังอาทิตย์อัสดงทันที
  ชิงห่านอี้ตอนนี้ท้องได้ 3 เดือนแล้ว แต่หากมองจากภายนอกมันอาจจะดูไม่ชัดเจน เมื่อบรรดาหญิงสาวเห็นชิงสุ่ย พวกเธอก็รีบถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตอนที่เขากลับบ้าน
  เมื่อช่วงบ่ายผ่านพ้นไป ชิงสุ่ยก็ให้ทุกคนกินยาวาสนาเหมือนกับที่เคยทำ ชิงสุ่ยรู้ดีว่าเขาไม่สามารถจากไปวันนี้ได้ เขาจึงตัดสินใจอยู่ที่นี่เป็นเวลาอีกสัก 2-3 วัน เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปที่ผาราชินีปีศาจดูดเลือดเป็นลำดับถัดไป ตอนนี้เขาน่าจะสงสัยว่าเต่าปีศาจดูดเลือดนั้นจะยังคงอยู่ดีหรือไม่
  ดูเหมือนว่าบรรดาหญิงสาวรอบกายชิงสุ่ยล้วนเป็นคนโชคดี และคนที่ได้รับประโยชน์จากยาวาสนาสูงสุดก็คงจะเป็นมูหยุนชิงเก้อ ตอนนี้เธอพัฒนาสู่ระดับกลางของพลังสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 7 แน่นอนว่าเธอเองก็ต้องเผชิญหน้ากับพลังทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าพายุสายฟ้าจะเพิ่มขึ้นเหมือนทะเลเดือด แต่พอฟ้ามืด ทุกอย่างก็เสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี
  ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บรรดาหญิงสาวต่างก็ล้อมรอบตัวชิงสุ่ย อย่างไรก็ตามคนที่มีความสัมพันธ์กับเขามากที่สุดก็ยังคงเป็นอีเย่เจี้ยนเก้อและชิงห่ายอี้
  นอกเหนือจากความสัมพันธ์ครั้งแรก ถานท่ายหลิงเยียนก็ยังไม่พัฒนาคืบหน้ากลับชิงสุ่ยมากมายนัก ดังนั้นมันคงเรียกเต็มปากไม่ได้ว่าเธอเป็นหญิงสาวของเขา
  ชิงสุ่ยพยายามลุกคืบหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ล้มเหลวในขั้นท้ายสุดเสมอ
  “ชิงสุ่ย พวกเราตั้งใจจะย้ายพระราชวังอาทิตย์อัสดงไปอยู่ไหนส่วนลึกของทะเลแดนเหนือ”อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าว
  ชิงสุ่ยครุ่นคิด มีคนเคยกล่าวกันว่าส่วนลึกที่อยู่ในทะเลแดนเหนือ ส่วนหนึ่งเชื่อมต่อกับเขตแดนมหาสมุทรดาราเก้าทวีป เขาจึงขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ทางที่ดีตอนนี้พวกเราไม่ควรเคลื่อนไหวใดๆ ถ้าหากเจ้าอยากจะย้ายสถานที่จริงๆ ก็อย่าเพิ่งไปไกลนักเลย”
  ” ถ้าเช่นนั้น มันจะเป็นการดีหรือไม่หากพวกเราย้ายไปที่มหาสมุทรสวรรค์?”อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวหลังจากคิดอยู่ชั่วครู่นึง
  ชิงสุ่ยตกใจเล็กน้อย มหาสมุทรสวรรค์ครอบคลุมอาณาเขตทั้งถ้ำมหาสมุทรเสียงสวรรค์และผาราชินีปีศาจดูดเลือด เขาจึงถามเขาไปว่า “ทำไมพวกเราถึงต้องย้ายไปที่นั่นด้วย?”
  “ก็เพราะพลังปราณที่แฝงอยู่ในอากาศ มีมากมายกว่าที่นี่”อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
  “ภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นั่น ข้าคิดว่าพวกเธอคงไม่ยอม”
  “พวกเรากับเฉินเจินเป็นพันธมิตรกันแล้ว ที่สำคัญพวกเราเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันด้วย”อีเย่เจี้ยนเก้อยิ้มอย่างสนุกสนาน
  ชิงสุ่ยจ้องมองหญิงสาวโฉมงามและกล่าวว่า “เจ้าช่างว่องไวจริงๆ สงสัยว่าข้าคงต้องลงโทษให้รู้จักว่าใครเป็นผู้นำซะบ้าง”
  เธอแสดงสีหน้าเขินอายเพราะรู้ว่าการลงโทษของเขาคือการตีก้นเธอ
  “ก็ได้ สามีสุดที่รักของข้า ท่านคงจะไม่ปฏิเสธคำขอของข้าครั้งนี้ใช่หรือไม่?”อีเย่เจี้ยนเก้อพยายามไม่ทำตัวเหมือนเด็ก อย่างไรก็ตามน้ำเสียงของเธอก็เหมือนการทดสอบชิงสุ่ย
  “ก็ได้”
  ชิงสุ่ยค่อนข้างกังวลกลัวว่าพวกเธออาจจะไปสร้างความขัดแย้งกับกลุ่มปีศาจดูดเลือด แต่ไม่คิดถึงความร่วมมือกับเฉินเจิน บางทีทุกอย่างอาจจะจบได้ด้วยดี  “ชิงสุ่ย ชิงหยวนน่ารักน่าชังไม่ใช่น้อยเลย”
  ชิงสุ่ยถึงกับเผยเห็นใบหน้าที่ค่อนข้างอืดอัดใจ เขาไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดี แต่ดูเหมือนว่าทุกคนรู้เรื่องเหล่านี้ดีอยู่แล้ว อันที่จริงเขาเองก็ไม่ต้องการจะซ่อนความลับทั้งหมดไม่ให้พวกเธอรู้ เพราะว่าสักวันหนึ่งพวกเธอก็ต้องรู้ได้ด้วยตัวเอง
  อีเย่เจี้ยนเก้อเดินเข้าไปโอบคอชิงสุ่ย “ข้ารู้เรื่องทั้งหมดจากเฉินเจินแล้ว คำพูดของข้าไม่ได้มีความหมายนอกเลย สามีสุดที่รักของข้า อย่าโกรธข้าเลยนะ”
  ชิงสุ่ยค่อยๆกอดเธอ เมื่อหน้าทั้งสองคนใกล้ชิดกัน ใบหน้าของเธอก็ยิ่งแดงก่ำด้วยความเขินอาย เมื่อเขาเห็นว่าเธอกำลังเกิดอารมณ์คลุกกรุ่น เขาจึงขยับหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้น และประกบริมฝีปากทั้งสองคนเข้าด้วยกัน
  …………….
  หลังจากนั้นไม่กี่วัน ชิงสุ่ยก็ออกเดินทางจากไป การเคลื่อนย้ายถิ่นฐานไม่สามารถทำได้ภายในวันสองวัน แม้ว่ามหาสมุทรสวรรค์เต็มไปด้วยพลังปราณมากมาย แต่มันก็ไม่ใช่ความตั้งใจหลัก สิ่งที่พวกเธอต้องการคือพวกเธอหวังจะดึงตัวจักรพรรดินีผีดูดเลือดให้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น และมันก็เป็นการตัดสินใจที่พบเธอร่วมกันตัดสินใจ
  ชิงสุ่ยไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก ตราบใดที่พวกเธอไม่เดินทางเข้าไปในส่วนลึกสุดของทะเลเหนือ ทุกอย่างที่พวกเธอทำก็ถือเป็นเรื่องดี