Ch.8 – เหตุผลที่สอบตก
Translator : Reheikichi / Author
หลังจากการประกาศผลการสอบเข้าแผนกผู้กล้า
ของอาจารย์บนเวที [ ยกเว้นผู้ที่สอบผ่านและผู้ที่สมัครใจจะเข้าแผนกผู้กล้าขอเชิญแยกย้ายได้ ] จึงมีเพียงนักเรียนครึ่งหนึ่งที่เหลืออยู่
ผู้ที่ยังเหลืออยู่จึงมีเพียงคือผู้ผ่านเข้าแผนกผู้กล้าและคนที่สอบไม่ผ่านซึ่งสมัครใจจะเข้าแผนกสามัญ
สำหรับนักเรียนที่สนใจจะเข้าแผนกสามัญตั้งแต่ต้น หลังจากการสอบเข้าแผนกผู้กล้าเสร็จจึงเข้ามารวมกันเพื่อเข้าพิธี
ที่จริงผมก็ควรจะรอในห้องเรียนไปแล้ว แต่เอาเถอะ ยังไงผมลัพธ์ตอนนี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลง
หลังจากผู้คนออกจากหอประชุมก็มีพิธีเปิดอย่างง่าย
พิธีเปิดจบลงนักเรียนใหม่ได้รับการนำทางไปยังห้องเรียนโดยเจ้าหน้าที่
ดูเหมือนห้องจะไม่ถูกแยกตามแผนก ในห้องเรียนเดียวจึงมีทั้งนักเรียนจากแผนกผู้กล้าและแผนกสามัญรวมกันอยู่ในห้อง
[ หากเป็นผู้เข้าเรียนแผนกผู้กล้าโปรดสวมเครื่องแบบสีขาวและหากเป็นผู้เข้าเรียนแผนกสามัญโปรดสวมเครื่องแบบสีดำ กรุณาสวมชุดแล้วเข้าไปในห้องเรียน ]
เจ้าหน้าที่ได้ให้เครื่องแบบเมื่อออกจากห้องประชุม ผมได้ชุดสีดำมา
ในห้องเรียนมีนักเรียนมากมายรออยู่ก่อนแล้ว
ผมสวมเครื่องแบบและนั่งในที่ว่างและขณะที่กำลังนั่งรอ ก็เห็นคนคุ้นหน้าเดินเข้ามาในห้อง
นั่นคือเอลิเซีย
เธอสวมเครื่องแบบสีขาว ผมก็รู้อยู่แล้วเพราะตอนประกาศชื่อออกมามีชื่อเธอด้วยล่ะนะ ไม่เหมือนอย่างผม
นักเรียนชายในห้องต่างหันไปมอง แน่นอนเพราะเธอสวยนี่นะ เอลิเซียไม่มีปฏิกิริยาใดๆ กับการมองของพวกผู้ชายอาจเพราะเธอคุ้นเคยกับการตกเป็นเป้าสายตาก็เป็นได้
ดูเหมือนเธอจะยังไม่ตระหนักถึงตัวตนของผม …. ผมควรจะทักไปดีไหมนะ ? ไม่สิ หลังจากนี้อาจารย์ก็จะมาโฮมรูมแล้ว เอาไว้คุยกันทีหลังคงดีกว่า
ไม่นานนักอาจารย์ประจำชั้นก็เดินเข้ามา
[ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน ฉันชื่อซิลเฟีย มาคินะ อาจารย์ผู้ดูแลห้อง D ตลอดหนึ่งปีนี้และรับผิดชอบเรื่องการสอนเวทมนตร์ ]
เธอเป็นสาวสวยผมยาวลอนถึงไหล่สีฟ้า
ซิลเวียมองไปรอบๆ ห้องเรียนและยิ้ม
[ อย่างที่ทุกคนทราบ โรงเรียนราชวงศ์นับตั้งแต่ปีนี้จะมีสองแผนก แต่ว่าเพียงเพราะมีแผนกต่างกันใช่ว่าจะเรียนร่วมกันไม่ได้ การเรียนรวมกันของทั้งสองแผนกสว่นใหญ่จะเป็นเรียนทฤษฏี ดังนั้นในห้องเรียนจึงรวมกันทั้งสองแผนก ]
ชั้นเรียนในแต่ละแผนกจะต้องเรียนทฤษฏี ดูเหมือนจะหนึ่งในสามจะเป็นทฤษฏีหมดเลยทีเดียว คงต้องจำเนื้อหาที่แจกมาล่วงหน้าแล้ว
จากนั้นซิลเวียก็ใช้ชอล์คเขียนกระดานดำ ตัวอักษรเขียนไว้ว่า [ แนะนำตัวเอง ]
[ ถ้างั้นเรามาแนะนำตัวกันก่อนแล้วกัน ]
อาจารย์ซิลเวียพูดออกมา
จากนั้นนักเรียนก็แนะนำตัวตามลำดับ
[ เอลิเซีย มิลิชตรัน ที่เข้าโรงเรียนนี้ก็เพราะอยากแข็งแกร่งขึ้น … ขอฝากตัวด้วย! ]
เอลิเซียแนะนำตัวเอง
จากประโยคที่เธอบอกว่าอยากแข็งแกร่ง ทำให้มคิดว่าเธอนี่เป็นพวกบ้าการต่อสู้จริงๆ ตอนที่เธอปะดาบกับอาจารย์ฟาร์เนสก็ดูมีความสุขนี่นะ
จริงๆ เลย นี่เข้าเรียนที่นี่เพราะอยากแข็งแกร่งขึ้นจริงๆ สินะ
หรืออาจจะเพราะประสบการณ์ไม่พอ ขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ในใจ อาจารย์ซิลเวียก็ยิ้มและเริ่มเปิดปากพูด
[ คุณเอลิเซียชนะอาจารย์ฟาร์เนสได้ในการสอบเข้า ดังนั้นอาจจะเป็นคนที่เก่งที่สุดในแผนกผู้กล้าก็ว่าได้ ฉันคาดหวังอยู่นะคะ ]
เอลิเซียตอบคำถามของอาจารย์ด้วยความถ่อมตัว [ จะพยายามค่ะ ]
ทำให้เหล่านักเรียนต่างประทับใจกับภาพลักษณ์อันงดงามของเธอ
หลังจากนั้นการแนะนำตัวก็ดำเนินต่อไป
[ มิเซ่ โฮเนส อยากเป็นนักผจญภัยค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ ]
หญิงสาวผมสีเงินที่สวนเหมือนกับเอลิเซียยืนขึ้นและแนะนำตัว
ร่างกายดูบอบบางและผิวสีขาว หากสัมผัสก็เข้าก็กลัวว่าจะแตกหัก นี่ล่ะคือความประทับใจที่ได้เห็นเธอคนนั้น เธอสวมชุดเครื่องแบบสีดำ ดูเหมือนจะเป็นนักเรียนแผนกสามัญเหมือนกับผม
[ กุเร็น อิบลิริสก็อย่างที่เห็น เป็นนักเรียนแผนกสามัญ ฝากตัวด้วย ]
นักเรียนชายที่มีกล้ามเป็นมัดและแผลที่แก้ม เขาแนะนำตัวด้วยรอยยิ้ม
จากที่ดูเขาใส่ชุดเครื่องแบบสีดำ ก็แปลว่าอยู่แผนกสามัญเหมือนกับผม… แต่ผมรู้สึกถึงความเป็นนักรบได้จากร่างกายแน่นแป๊ะและสายตาที่ดุดันเหมือนสัตว์ร้าย
มีนักเรียนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวหลายคนดีนะ โรงเรียนเป็นสถานที่แบบนี้เองงั้นเหรอ?
ขณะที่ผมกำลังนึกสงสัย ก็ถึงคิวผมแนะนำตัว
[ ชื่อทรูเอทครับ เติบโตมาในที่ห่างไกลนิดหน่อย จึงไม่ค่อยรู้เรื่องต่างๆ นัก แต่ขอฝากตัวด้วย ]
ผมกล่าวออกไปตามความเหมาะสมและนั่งลง
แน่นอนว่าสถานที่ที่ผมเติบโตขึ้นมาคือในองค์กร แต่ถ้าจะอธิบายไปว่าเป็นพื้นที่ห่างไกลก็คงไม่ผิด ดังนั้นจึงถือว่าผมไม่ได้โกหก
ในเวลานั้นเองก็มีนักเรียนคนหนึ่งยืนขึ้นมา
นั่นคือเอลิเซีย เธอยืนขึ้นเปิดตากว้างและจดจ้องมาทางผม
[ คุณเอลิเซีย? มีอะไรงั้นเหรอคะ? ]
[ …ขอโทษด้วยค่ะ ]
เมื่อถูกอาจารย์ซิลเวียมอง เอลิเซียก็นั่งลง
นักเรียนคนต่อไปยังคงแนะนำตัวโดยยังคงหลงเหลือบรรยากาศแปลกๆ
เมื่อนักเรียนคนสุดท้ายแนะนำตัวจบ เสียงระฆังก็ดังขึ้น
[ สำหรับวันนี้พอเท่านี้ สามปีนับตั้งแต่นี้ก็ฝากตัวด้วย ]
อาจารย์ซิลเวียพูดสรุปการโฮมรูม
หลังจากนั้นเอลิเซียก็ยืนขึ้นและเดินมาหาผมอย่างรวดเร็ว
[ ทรูเอทมานี่หน่อย ]
ก่อนที่ผมจะตอบออกไป เอลิเซียก็ดึงแขนของผมและพาไปที่โถงทางเดินซะแล้ว
ทันทีที่ถึงบันได เอลิเซียก็ปล่อยแขนของผมและมองย้อนกลับมา
[ ไปประท้วงกันเถอะ ]
[ ประท้วง? ]
[ มันแปลกไม่ใช่เหรอที่นายได้อยู่แผนกสามัญน่ะ ]
อา ก็นึกอยู่แล้วว่าต้องเรื่องนี้
[ ไม่เป็นไรหรอก เดิมทีผมก็คิดจะเข้าเรียนที่แผนกสามัญอยู่แล้ว ]
[ งั้นทำไมถึงมาเข้าร่วมสอบแผนกผู้กล้าล่ะ? ]
[ เรื่องนั้น… ]
ที่จริงนั่นคือความผิดพลาด… ขนาดผมเองยังรู้สึกไม่อยากเชื่อตัวเองเลย
จะตอบไปยังไงดีนะ
จากนั้นก็มีฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาใกล้
[ ทั้งสองคนมาอยู่ที่นี่เองหรอกเหรอ มาคุยกันสักหน่อยสิ ]
คนที่ปรากฏตัวและเดินขึ้นบันไดมาก็คืออาจารย์ฟาร์เนส นักดาบผมสีแดง
ในช่วงสอบเข้าเธอสวมชุดเหมือนอัศวิน แผ่นอกสีเงิน ถุงมือและแผ่นรองแข้งสีเงิน แต่ตอนนี้เธอแต่งกายด้วยชุดธรรมดา
[ แน่นอนเรื่องเกี่ยวกับ…. ความจริงที่ว่าทำไมทรูเอทถึงสอบตก ]
อาจารย์ฟาร์เนสพูดออกมา
เอลิเซียที่ไม่ปิดบังความไม่พอใจจ้องเขม็งไปที่อาจารย์ฟาร์เนส ขณะที่คล้ายจะอ่านความหมายที่อาจารย์ฟาร์เนสพูดออกมา
[ แต่ว่า… ทรูเอท ฉันต้องถามเธอก่อน เธอไม่รู้แน่เหรอ? ว่าทำไมตัวเองถึงสอบตก ]
[ มันเพราะอะไรกันคะ แล้วอาจารย์รู้สึกรับผิดชอบเรื่องของทรูเอทเพราะเป็นความผิดของอาจารย์งั้นเหรอคะ? ]
[ ไม่หรอก ไม่ใช่แบบนั้น เรื่องมันเป็นเพราะ…. กรณีแปลกประหลาดน่ะ ]
สายตาแหลมคมของเอลิเซียจ้องไปหาอาจารย์ฟาร์เนส
ผมพลางคิด
ที่จริงจะสอบตกก็ไม่มีปัญหา แต่ก็คิดไม่ออกจริงๆ …. ว่าทำไมผมถึงสอบตก
[ ขอโทษด้วย ผมไม่รู้ครับ ]
[ … อย่างนั้นเหรอ งั้นขอพูดตรงๆ เลยนะ เหตุผลที่เธอสอบตกก็เพราะตัวเธอแทบจะไม่โผล่ใน 『กระจกมองไกล』เลย ]
[ ….อา ]
ผมตอบไปเพียงคำเดียวสั้นๆ
แย่แล้ว ลืมตัวไปเลย
แต่ก็ดีแล้วล่ะ
[ ดังนั้นความจริงที่ว่าพวกเธอร่วมมือกันเพื่อเอาชนะฉัน ไม่มีใครรู้เลยนอกจากฉันและพยานไม่กี่คนเท่านั้น แต่มันน่าแปลกตรงจุดที่ความสำเร็จของเอลิเซียนั้นยืนยันได้ ทว่ากลับไม่เห็นทรูเอทเลย ดังนั้นใน『กระจกมองไกล』จึงไม่มีบันทึกว่าทั้งสองคนร่วมมือกันเพื่อเอาชนะฉัน ]
[ อะ อะไรกันเรื่องแบบนั้น….? ]
เอลิเซียพึมพำ
[ ใช่ นี่มันผิดปกติ แต่ความจริงฉันเองก็คิดว่าการตัดสินนี่มันไม่ถูกต้องและพยายามไปคุยกับกรรมการตัดสินมาแล้ว… แต่ไม่มีอะไรพิสูจน์ถึงความสำเร็จของทรูเอทได้เลย เพราะมันไม่ได้สะท้อนออกมาใน『กระจกมองไกล』เป็นไปได้ว่า『กระจกมองไกล』คงมีอาการผิดปกติบางอย่างก็ได้ หากเป็นกรณีนั้นก็สามารถทำการสอบซ้ำอีกครั้งได้… แต่จากการตรวจสอบกลับไม่เห็นว่า『กระจกมองไกล』มีความผิดปกติอะไร ]
อาจารย์ฟาร์เนสพูดเรื่องเหลือเชื่อออกมา
ทำเอาผมถึงกับปวดสมอง ผมโค้งคำนับขอโทษเธอ
[ ขอโทษด้วยครับ ที่จริงแล้วผมตั้งใจหลบเลี่ยงไม่ให้ตัวเองสะท้อนใน『กระจกมองไกล』เองครับ ]
[ หลบเลี่ยง? ทำไมถึงทำเรื่องแบบนั้นกันล่ะ? ]
[ เปล่า เรื่องนั้น… แบบว่า ]
จะบอกว่าติดนิสัยดีมั้ย? ทั้งสองคนเอียงหัว
แย่แล้วสิ… เพราะวิธีที่องค์กรสอนมันซึมซับไปทั่วร่างโดยสมบูรณ์
สำหรับผมแล้ว『กระจกมองไกล』คือต้องที่ต้องระวังไม่ให้ตัวเองสะท้อนใน『กระจกมองไกล』ถ้าถูกเห็นก็เท่ากับความตาย ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องระวังก็เถอะ แต่เพราะทำมาเป็นเรื่องปกติมาหลายปีจึงใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงนิสัยกันได้ง่ายๆ
[ ไม่ว่าจะเพราะอะไร แต่นั่นก็คือเหตุผลที่เธอสอบตก… แน่นอนว่าการสอบในปีนี้แปลกกว่าปกติ นักเรียนบางคนก็มีพูดถึงเรื่องผีสีดำกันด้วย… ตอนนี้เราเลยกำลังสอบสวนข้อเท็จจริงกันอยู่ ]
ในการสอบ ถึงเธอจะชอบขู่ว่าจะให้สอบตกบ่อยครั้ง แต่เธอก็มีด้านที่กังวลในฐานะอาจารย์เช่นกัน
[ อาจารย์คะ แล้วทรูเอทพอจะเข้าแผนกผู้กล้าได้ไหม? ]
เอลิเซียถามออกมา
[ ทำได้อยู่หรอก …. แต่คงทำได้แค่สอบปีหน้าอีกครั้งน่ะ ]
[ อะไรกัน… ทำอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ? ทั้งที่ทรูเอทมีคุณสมบัติเพียบพร้อมพอจะเข้าแผนกผู้กล้าแท้ๆ ]
[ แต่ตราบใดที่เขาตั้งใจหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองสะท้อนใน『กระจกมองไกล』ถึงจะสอบอีกครั้งผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกันหรอก เป็นแบบนี้ก็เห็นทีมีแต่ต้องยอมรับ ]
เมื่ออาจารย์ฟาร์เนสพูด ผมก็พยักหน้ารับ
[ เอลิเซีย อย่างที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้ ผมพอใจกับสถานะปัจจุบันอยู่แล้ว เดิมทีผมก็อยากเรียนที่แผนกสามัญล่ะนะ ขอบคุณนะที่ช่วยพูดแทนให้… ]
[ …ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แล้วมันก็ใช่ว่าเรื่องนายคนเดียว ]
เอลิเซียพูดขณะที่ก้มหน้า
[ แค่คิดว่าถ้านายอยู่แผนกผู้กล้าเหมือนกัน ถ้าได้ร่วมมือด้วยกันกับใครบางคนเหมือนนายก็คงมีประโยชน์กับฉันมาก ]
พูดออกมาและเอลิเซียก็สับเท้าเดินกลับไป
[ …เป็นคนที่ไม่ยอมใครเลยนะ ]
อาจารย์ฟาร์เนสพึมพำออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
[ อยากจะฟังภูมิหลังของเธอคนนั้นไหมล่ะ? ]
[ ไม่ได้อยากฟังเป็นพิเศษหรอกครับ ]
[ งั้นเหรอ ถ้างั้นก็เฝ้ามองอยู่ใกล้ๆ ไว้ล่ะ เพราะเธอเป็นคนพิเศษที่เกิดมาในที่พิเศษอยู่นิดหน่อย …. นักเรียนแบบนั้นโรงเรียนเราก็มีไม่กี่คนหรอกนะ ]
อาจารย์ฟาร์เนสพูดและเดินจากไป