Ch.2 – [พลังของมังกร]ที่ตื่นขึ้น

Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author

[คน,,,มนุษย์?]
[เจออาหาน…]
[กิกิ! ก๊ะก๊ะ!]

เจ้าพวกนี้มันอะไรกัน… ไม่ใช่คนสินะ สำหรับมนุษย์แล้วมันตัวเล็กเกินไป ปากกว้าง ผิวหนังขรุขระ เป็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์ จำนวน 3ตน มีเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่สูงพอๆกับผม– ทุกตัวถือดาบขึ้นสนิมมองมาที่ผม

แย่แล้ว

ในจดหมายของท่านเทพธิดาเขียนว่า[โลกใบนี้ถูกอสูรรุกราน]–แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นความจริงเลย เผลอคิดไปด้วยสามัญสำนึกของโลกเดิมมากเกินไป
ตอนเห็นรูปปั้นมังกรเมื่อกี้ยังรู้สึกว่าจริงเลยแท้ๆ?
โลกใบนี้มีทั้งอสูร มีทั้งมังกรจริงๆ

[ฆ่ามัน–แล้วเอามากิน]

สัตว์ประหลาดเลียลิ้นดังแผล่บ
ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้ว
จะรับมือได้ไหมเนี่ย…

ทำไงดี? หนีเหรอ? จะหนีได้ไหม? ไม่…ไม่ไหว
ไม่รู้เลยว่ากว่าจะถึงบ้านผู้คนจะไกลขนาดไหน ถ้าเกิดวิ่งไปจนหมดแรงขยับไม่ไหวก็จบกัน ถึงตอนนั้นจะต่อต้านก็คงไม่ได้แล้ว
จะต่อสู้…ก็ไม่ไหว ผมที่เป็นพนักงานบริษัทมาถึงเมื่อวานจะไปสู้ได้ยังไง

…ทำได้แค่ขู่แล้วไล่มันไปสินะ
มีดาบที่ได้มาจากท่านเทพธิดาอยู่ ผมหยิบมันออกมาจาก[ภาชนะแห่งราชา]แล้วถือไว้

“เอาล่ะ ใช้เจ้านี่ละ…”
[[[? กิ๊ก๊ะกะกะกะกะ!?]]]

พวกอสูรอ้าปาก แล้วหัวเราะออกมา

[กี๊! ก๊ะกะกะกะกะกะ!! กิกิ!!]

พวกมันคำรามเสียงดังแล้วเหวี่ยงอาวุธไปมา
ขู่ไม่ได้ผลสักนิด แถมยังโดนขู่กลับมา…อีกเหรอ

ใจเย็นไว้…ใจเย็นไว้…
อีกฝ่ายมี3ตัว ทางนี้มีคนเดียว ถ้าโดนล้อมก็จบกัน

ตอนนี้ เราสามารถทำอะไรได้บ้าง? สามารถใช้อะไรเพื่อให้รอดผ่านไปได้บ้าง? มีสกิลอะไรไหม?
แต่ว่า สกิลที่ได้มาจากท่านเทพธิดาก็มีแค่สกิลเก็บของกับแปลภาษาเท่านั้น
ทำไมถึงไม่ให้สกิลต่อสู้มากัน ในจดหมายเขียนไว้ว่า[มองสกิลให้ผู้ถูกอัญเชิญคนอื่น]แท้ๆ แต่ทำไมถึงมีแค่ผมที่ถูกแบ่งแยกกัน? ทั้งๆที่ไม่มีสกิลต่อสู้แท้ๆ ทำไมถึงมาปล่อยในที่ที่มีอสูรแบบนี้กัน? ไม่เข้าใจเลย บ้าเอ๊ย

[[[ก๊ะกะกะกะกะฮะฮะฮะ!]]]

อสูรค่อยๆเข้ามาใกล้ๆ
ผมกำดาบแล้วค่อยๆถอยไปข้างหลัง
ทำยังไงดี? ใน[ภาชนะแห่งราชา]ไม่มีของที่น่าจะใช้ได้เลยเหรอ? สกิลอื่นล่ะ?
ผมตรวจสอบสกิลในหัว

–สกิลที่แสดงขึ้นมา–มีสอง?

“เพิ่มขึ้นมาเหรอ?”

เพิ่มมาตอนไหนกัน?
อะไรล่ะเนี่ย สกิลแบบไหนกัน!?

[ปลุกเผ่ามังกร]

สกิลที่สามารถใช้งานได้จากการยืนยันตัวตนของมังกร
สามารถใช้ความสามารถด้านร่างกาย พลังป้องกัน สกิลของมังกรได้

นี่ก็เป็นสกิลที่ได้จากคุณเทพธิดาเหรอ?
สกิลที่สามารถใช้ได้จากการยืนยันตัวตนของมังกร–เงื่อนไขการใช้งานบ้าอะไรเนี่ย เพราะเมื่อกี้มีรูปปั้นมังกรก็เลยใช้ได้ ถ้าไม่มีคงจบไปแล้ว
ไม่สิ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องนั้น
ใช้ได้ก็ใช้

[กิ๊กิกิก๊ะกะ!][พู้ที่ลุกลาน ดินแดนของเลา กัมจัด!]
“เปิดใช้งาน–[ปลุกเผ่ามังกร]!!”

พริบตาที่อสูรพุ่งเข้ามา ผมก็ใช้งานสกิล
ศัตรูดูถูกทางนี้อยู่ ไม่เห็นทางหลบด้วย ถ้าฟาดดาบลงไป–ก็จะโดน!

เคร้ง

ดาบถูกฟาดออกมาแล้ว– ตอนที่คิดแบบนั้น ผมก็ผมก็ฟาดดาบยาวทะลุลงไป

[…ก๊ะ?]

อสูรไม่ตอบสนองอะไร
ดาบผ่าร่างกายของอสูร

[…กุ๊ก๊าระ…หวา]

อสูรสีดำกระอักเลือด แล้วล้มลงบนพื้น

[แก—-!!]

อีก1หนึ่งก็เหยียบตัวที่ล้มลงไปเข้ามา ตัวที่ใหญ่ที่สุด เคลื่อนไหวก็ไว
ตอนที่รู้สึกตัว หมอนั่นก็ยกดาบขึ้นแล้ว ไม่ได้การ–หนีไม่ได้–

“อึก!?”

ดาบของอสูรสีดำ–รูปร่างก็อบลินโดนเข้ากันมือซ้ายของผม

แกร๊ง –มีเสียงแหลมๆดังขึ้น
เกล็ดที่เกิดขึ้นที่แขนของผม ดันดาบขึ้นสนิมกลับไป–นี่ก็เป็นพลังของมังกรเหรอ!?

[ก๊ะกะ!?]
“รีบๆ–หายไปซะ!!”

ฉับ

ดาบที่ผมเหวี่ยงลงไป ตัดผ่านแขนของอสูรขาด

[กุก๊าา กิ แกกกกกกกกกก!!]

อสูรที่เหมือนกับก็อบลินถอยออก พวกมันจ้องผมมาด้วยดวงตาสีแดงเข้ม–แล้วหันหลังกลับ

[กิ๊กิ!][ไอ้ปีศาจจจ!!]
“…ไม่อยากได้ยินแบบนั้นจากพวกแกเลย”

พวกอสูรออกวิ่งไป ไกลออกไป จนไม่เห็นพวกมันจากเงาไม้
หนีไปแล้ว…

“…เฮ้อ”

พอรู้สึกตัว ผมก็ลงไปนั่งที่พื้นแล้ว
ไม่คิดจะไล่ตาม แถมดาบที่ได้จากคุณเทพธิดาก็บิ่นไปแล้ว
ก็ตัดด้วยแรงล่ะนะ อสูรนั่น แข็งใช้ได้ด้วยสิ

“[ปลุกเผ่ามังกร]…เหรอ”

มีเกล็ดสีฟ้างอกออกมาจากแขนซ้ายของผม
เจ้านี้มันกันดาบของอสูรที่เหมือนก็อบลินให้
แถม พลังเมื่อกี้ก็สุดยอด
ถ้าคิดตามปกติ ผมที่เอาแต่ทำงานมาตลอดไม่มีทางตัดแขนของอสูรได้หรอก ดังนั้นหมายความ–ระหว่างที่ใช้[ปลุกเผ่ามังกร]นี้ พลังของผมเองก็มากขึ้น

หรือก็คือผลของ[ปลุกเผ่ามังกร]ก็คือการเพิ่มความสามารถร่างกายกับพลังป้องกันด้วยเกล็ด
…รู้สึกเหมือนกับว่ายังมีอะไรอีกเลย

“[ปลุกเผ่ามังกร]เนี่ยเป็นสกิลที่สามารถใช้ได้จากการที่ยืนยันตัวตนของมังกร…สินะ”

ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ที่ยืนยันถึงตัวตนของก็อบลินแล้ว อาจจะใช้[ปลุกเผ่าก็อบลิน]ได้ก็ได้
พอลองตั้งจิตเพื่อทดสอบดู–

“ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง…”

ที่มีก็แค่[ภาชนะแห่งราชา]กับ[ปลุกเผ่ามังกร]เท่านั้น

“…เรื่องตรวจสอบสกิล ไว้ตอนถึงที่อาศัยของคนก่อนละกัน”

ถ้าอสูรเมื่อกี้มันพาพวกกลับมาจะลำบากเอา รีบดีกว่า
ผมเตะพื้นแล้วออกวิ่ง

“–เอ๊ะ”

ร่างกายเบาหวิว
ถึงคุรเทพธิดาจะบอกว่าแรงกายกลับไปเป็นสมัยมอต้นก็เถอะ แต่นี่มันยิ่งกว่านั้นอีก
ที่ไม่วิ่งเต็มแรงเป็นสัญชาตญาณจากตอนวัยสามสิบในโลกเดิม ตอนที่วิ่งเต็มแรง จะหายใจหอบสุดๆ

ผมวิ่งไปตามถนนด้วยความเร็วเท่านี้
ถนนค่อยๆกว้างขึ้น พื้นก็แข็งวิ่งง่ายขึ้น
แต่ว่า พระอาทิตย์จะตกแล้ว
…แย่แล้วสิ
เป็นแบบนี้ได้ค้างแรมในป่าแน่

ไอ้[ปลุกเผ่ามังกร]นี่จะใช้ได้ถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วถึงจะใช้ได้ถึงเช้า แต่ทางนี้เองก็ไม่มีประสบการณ์การต่อสู้ ถ้าอสูรเมื่อกี้มันพาพวกมาล่ะก็จบเห่แน่
ถ้ามาตายเอาวันเดียวกับที่มาถึงต่างโลกนี่มันดูไม่ได้แหงๆ

“…ยังไม่เห็นบ้านคนเลยนะ”

พอวิ่งต่อไป ก็ได้ยืนเสียงที่เหมือนกับคำเตือนในหัว
พอตรวจสอบสกิลดู–ก็พบว่า[ปลุกเผ่ามังกร]ใกล้จะหมดแล้ว
ถึงจะไม่เห็นแต่ก็เข้าใจ มีหลอดพลังเวทอยู่ในตัวอยู่ รู้สึกได้เลยว่ามันลดลงเรื่อยๆ ถ้ามันหมด[ปลุกเผ่ามังกร]ก็จะคลายลง

“–ถ้าไม่รีบหาที่ไว้ซุกหัวนอนล่ะก็”

จะถ้ำ หรือรูในต้นไม้ใหญ่ก็ได้
รอบๆมีแต่ต้นไม้ ไม่มีหินเลย ต้นไม้ใหญ่ดีๆก็ไม่มี
ถึงจะวิ่งมาตามถนนก็เถอะ แต่ว่าตอนนี้ไปถูกทางอยู่หรือเปล่าก็ไม่ได้รู้เลย แต่ว่า…ถ้ามัวแต่สับสนสกิลก็หมดลงเปล่าๆ ตอนนี้ต้องวิ่งไปข้างหน้าก่อน

ตอนที่คิดจะวิ่งไปเรื่อยๆนั่นเอง–ก็เจอทางแยกออกมา
ไม่มีของดีๆอย่างป้ายบอกทาง แต่ว่า ทางซ้ายนั้นออกไปที่โล่ง
ทางขวามีถนนเล็กๆ–ปลายทางมีอาคารหินอยู่

“งั้นก็ไปทางขวา”

ด้านซ้ายบางทีคงจะเป็นที่ที่คนอยู่ แต่ไม่รู้ระยะทาง
เพราะคำนวนเวลาไม่ได้ ยังไงก็ใช้อาคารใกล้ๆก่อนดีกว่า
ผมเคาะประตูอาคาร

“มีใครอยู่ไหมครับ? คือว่า…เป็นนักเดินทางครับ พอดีหลงทาง–”

เรียกไปก็ไม่มีใครตอบกลับมา
อาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยม ตรงกลางมีประตูคู่อยู่
บนหลังคามีรูปปั้นอยู่ แบบเดียวกับรูปปั้นมังกรที่เจอก่อนหน้านี้

“ไม่มีเสียงตอบ…ไม่มีคนอยู่ ที่นี่ มันยังไงกันเนี่ย ไม่ใช่หลุมศพสินะ”

ลองเคาะอีกสักครั้งหนึ่ง ก็ไม่มีอะไรตอบกลับมา
…บุกรุก ถึงจะต่างโลกก็ไม่ดีสินะ
ระหว่างที่คิดแบบนั้น ก็เลยลองเอามือดึงประตูดู–ก็เปิดได้
ง่ายเกินไปละ

พอลองมองข้างในดู–

“ไม่มีใครอยู่จริงๆด้วย”

ในประตูมีห้องที่สร้างด้วยหินอยู่ ไม่มีคน ไม่มีของที่ใช้ได้ ไม่มีอะไรเลย
มีแค่ป้ายใหญ่ๆบนกำแพงส่วนเกือบติดเพดานเท่านั้น

มีตัวอักษรเขียนอยู่ ถึงจะมืด แต่ก็พออ่านได้
[สุสานจักรพรรดิมังกร]–ดูเหมือนจะเป็นชื่อของอาคารนี้

“…แฮ่กแฮ่ก”

รู้สึกอ่อนเพลีย
พร้อมกันนั้น[ปลุกเผ่ามังกร]ก็หมดลง เกล็ดที่แขนก็หายไป
พอจินตนาการถึงสกิลในตัว–หลอดพลังเวทข้างๆ[ปลุกเผ่ามังกร]ก็เกลี้ยงไปแล้ว จนกว่ามันจะเติมจนเต็ม ก็ไม่สามารถใช้อีกครั้งได้ สินะ

“…ยังไงก็พักก่อนดีกว่า”

ผมยืนด้วยขาอันอ่อนเพลียแล้วปิดประตูห้อง
ก่อนอื่นก็ต้องตรวจสอบว่าสามารถเปิดจากข้างในได้หรือเปล่า อืม สบายๆ
มีทางระบายอากาศเล็กๆอยู่สักจุดสินะ อาการภายในห้องถึงได้ถ่ายเทดี
เห็นดวงจันทร์จากทางหน้าต่าง ตอนกลางคืนเมื่อไหร่กันเนี่ย พยายามเต็มที่ก็เลยไม่รู้สึกตัวเลย

“…ขยับตัวไม่ไหวแล้ว…”

เหนื่อยจนไม่มีแรงกินอะไร
ปล่อยข้าวปั้นไว้ใน[ภาชนะแห่งราชา]ก่อนละกัน
อะไรกันน้า…เหนื่อยจริงๆเลยน้า

ถูกบอกมาว่าพลังกายกลับมาเป็นตอนวัยปีกว่าๆ ดังนั้นคิดว่าความเหนื่อยนี้เป็นของจิตใจ
แม้แต่ตัวเองก็ยังแทบไม่เชื่อที่สามารถรับมือสถานการณ์แบบนั้นได้ ถูกปล่อยทิ้งไว้ในโลกที่ไม่รู้จัก ต่อสู้กับอสูร…

“[ปลุกเผ่ามังกร]กับ[ภาชนะแห่งจอมมาร]…อาวุธของผมมีแค่นี้สินะ…”

แล้วก็…
คุณเทพธิดาบอกไว้ว่าอะไรนะ…
อืม…

ตุบ

พอรู้ตัวผมก็อยู่นอนอยู่บนพื้นห้องแล้ว ง่วง คิดอะไรไม่ออกเลย
คุณเทพธิดาคนนั้น…บอกว่า[ด้วยพลังของฉัน ไม่มีสกิลอะไรที่สามารถให้คุณได้]–สินะ แต่ว่า ผมก็มีสกิลอยู่ สกิลเก็บของ กับสกิลที่ทำให้ใช้พลังของมังกรได้ ถ้าไม่ใช่ของที่เทพธิดาให้ แล้วมันอะไรกันล่ะ? ผมที่ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยการ[ยืนยันตัวตนของมังกร]…คืออะไรกัน?

“…อา ไม่ไหวแล้ว ง่วง”

ในห้องนั้นอบอุ่น
ผมถอดเสื้อแล้ววางไว้ใต้หัว ไม่มีเวลามาสนใจคราบในเสื้อแล้ว

“…ทั้งๆที่ลาออกจากงานแล้วแท้ๆ…แต่ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้กัน…”

พอหลับตาลง ก็รู้สึกง่วงสุดๆ
ผมก็คิดว่าหลับลงไปเลยทันทีล่ะ–

[–ผู้มีภาชนะแห่งราชาเอ๋ย–]

ดังนั้น กว่าจะนึกถึงเสียงที่ได้ยินในตอนนั้นออก ก็หลังจากนี้อีกนาน