ตรงหน้าหอคอยต้องห้ามในเวลานี้ ผู้คนมากมายมารวมตัวกันแล้ว ทุกคนต่างก็ทราบดีว่าวันนี้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือจะร่วมมือกันฝ่าทะลวงเข้าไปในหอคอย แน่นอนว่าตระกูลหานไม่พยายามปกปิดเรื่องนี้ หลายคนที่ได้รับข่าวจึงอดมาชมให้เห็นด้วยตาตัวเองไม่ได้
สมาชิกจากตระกูลลับทั้งสี่หลายคนพอจะทราบสถานการณ์เคราะห์ร้ายที่เกิดขึ้นกับตระกูลหานในอดีตมาบ้าง ทุกคนต่างก็สงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับอัจฉริยะผู้เก่งกาจที่กล่าวกันว่าเป็นตัวกาลกิณีของตระกูลหาน
ในกลุ่มสมาชิกตระกูลหลิว หลายคนกำลังซ่อนตัวและสนทนากันด้วยเสียงที่เบา
“นั่นไง พวกเขามาจริง ๆ ด้วย !”
ใครคนหนึ่งเหลือบสายตาไปเห็นหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่จึงกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
พวกเขาเพิ่งทราบว่าหานโม่ฉือผู้นี้คือตัวกาลกิณีของตระกูลหานจากในอดีตและถูกขับไล่ออกจากตระกูลตั้งแต่ยังเด็ก
ด้วยประสบการณ์ชีวิตที่ขมขื่นเช่นนั้น ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขายังน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ ไม่จำเป็นต้องสงสัยเลยว่าพรสวรรค์ของหานโม่ฉือผู้นี้ยอดเยี่ยมแค่ไหน
“หอคอยต้องห้ามของตระกูลหานมิใช่ที่ที่ผู้ใดจะฝ่าเข้าไปได้ง่าย ๆ ข้าคิดว่าน่าจะมีด่านป้องกันหลายประเภทอยู่รอบ ๆ หอคอยนี้และมีจอมยุทธ์แกร่งกล้าหลายคนที่แอบคุ้มกันมันอยู่ ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือยังไม่ทรงพลังมากถึงเพียงนั้น ต่อให้ทั้งสองจะไม่ได้อ่อนแอและมีไพ่ตายซ่อนไว้ ทว่ามันก็ไม่ง่ายที่ทั้งสองจะบุกฝ่าเข้าไปในหอคอยได้”
บุรุษอีกคนกล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความดูหมิ่นอย่างชัดเจน เขาคิดว่าการกระทำของหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่ไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย หากเป็นตัวเขา เขาไม่มีทางกลับมาที่ตระกูลหานในเวลานี้อย่างแน่นอน ในทางกลับกัน เขาจะอดใจรอจนกระทั่งสั่งสมพลังความแข็งแกร่งอย่างเต็มที่และกลับมาที่จวนตระกูลหานอีกครั้งเพื่อล้างแค้นอย่างสาสม
พรสวรรค์ของหานโม่ฉือน่าทึ่งอย่างยิ่งและเขาก็มีพลังอำนาจที่ไม่ธรรมดา ทว่าถึงอย่างไรเขาก็เป็นเพียงจอมยุทธ์ทรงพลังมือใหม่ที่แทบไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือในอันดับต้น ๆ ของดินแดนด้วยซ้ำ ระดับของเขายังห่างชั้นกับความแข็งแกร่งของเหล่าผู้อาวุโสตระกูลหานไม่น้อยทีเดียว ครานี้ตระกูลหานจะต้องถือโอกาสนี้ลงโทษหานโม่ฉือกับการกระทำอาจหาญของเขาอย่างแน่นอน แม้ผู้ที่เป็นมิตรกับหานโม่ฉือจะถือโทษโกรธเคืองตระกูลหานเนื่องจากเรื่องนี้ พวกเขาก็ไม่อาจเข้ามายุ่งเกี่ยวได้
ถึงอย่างไรหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่ก็เป็นคนเสนอการฝ่าทะลวงเข้าไปในหอคอยต้องห้ามครานี้เอง และผลที่เกิดขึ้นจะมิใช่ความรับผิดชอบของตระกูลหาน
ยิ่งไปกว่านั้น ฉินอวี้โม่ก็ถือว่าอ่อนแอกว่าหานโม่ฉือมากพอสมควร หากนางเสียชีวิตไป มันก็เป็นเรื่องดีสำหรับใครหลายคน ถึงอย่างไรนางก็เป็นผู้ครองกายเทพมายาและมีพรสวรรค์ที่เหนือธรรมชาติ หากปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไป ในไม่ช้านางจะกลายเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าของดินแดนเทพมายาอย่างแน่นอนและอาจแข็งแกร่งกว่าพวกเขาหลายเท่าตัวนัก
แต่ทว่า… พวกเขาเหล่านั้นไม่ทราบเลยว่าทั้งฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมิใช่คนประเภทที่จะตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่มั่นใจ
ในเมื่อทั้งสององอาจกล้าหาญพอที่จะเสนอเงื่อนไขในการฝ่าเข้าไปที่หอคอยต้องห้ามครานี้ด้วยตัวเอง นั่นย่อมหมายถึงความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม ไม่ว่าเหล่าผู้ชมจะคิดเห็นอย่างไร หอคอยต้องห้ามก็ไม่สามารถขัดขวางคนทั้งสองได้
ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมองหน้ากันครู่หนึ่งก่อนมุ่งหน้าตรงไปยังหอคอยต้องห้ามอย่างพร้อมเพรียงกัน
ทั้งสองมุ่งหน้าตรงเข้าหาอาคารหอคอยด้วยท่าทางสบาย ๆ และไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับหานชางแม้แต่น้อย เวลานี้มีผู้ชมมากมายรอบตัว ผู้นำตระกูลหานไม่มีทางกล้าทำสิ่งใดอุกอาจหรือเล่นสกปรกอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น นอกเหนือจากคนอื่น หานหยวนก็จับตาดูสถานการณ์อยู่เช่นกัน ทั้งสองจึงวางใจได้
เมื่อวานนี้ทั้งสองข้ามผ่านข่ายอาคมหลายประเภทได้สำเร็จและการที่วันนี้จะฝ่าไปให้ถึงหอคอยต้องห้ามนั้น มันมิใช่เรื่องที่ยากเกินความสามารถของหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่เลย
ภายในเวลาเพียงสั้น ๆ ทั้งสองก็ข้ามผ่านข่ายอาคมห้าประเภทได้สำเร็จและค่อย ๆ เข้าไปใกล้ประตูหอคอยมากขึ้น
รอบตัวอาคารมีข่ายอาคมที่ทรงพลังถูกวางไว้ทั้งสี่ด้าน และแน่นอนว่านั่นคือข่ายอาคมของผู้อาวุโสทรงพลังทั้งสี่คนของตระกูลหาน
การเคลื่อนไหวของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือรอบหอคอยต้องห้ามประจักษ์ต่อผู้อาวุโสทั้งสี่อย่างชัดเจน ในตอนแรกพวกเขาเมินเฉยไม่แยแสเท่าใดนัก ทว่าเมื่อเห็นคนทั้งสองฝ่าข้ามผ่านข่ายอาคมหลายชั้นได้อย่างง่ายดาย สีหน้าของพวกเขาก็เริ่มแสดงความระแวดระวังขณะจับตาดูฉินอวี้โม่และหานโม่ฉืออย่างจดจ่อมากขึ้น
ข่ายอาคมรอบหอคอยต้องห้ามเหล่านี้ถูกวางไว้โดยผู้ใช้ข่ายอาคมระดับสูง การที่หานโม่ฉือและฉินอวี้โม่ข้ามผ่านพวกมันไปได้อย่างง่ายดายเช่นนี้เป็นเครื่องพิสูจน์อย่างชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของคนทั้งสองไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ขณะกำลังจับตาดูการกระทำต่อไปของทั้งสอง จู่ ๆ ผู้อาวุโสทั้งสี่ก็รู้สึกราวกับมีกลุ่มหมอกหนาปรากฏตรงหน้าและปิดบังทัศนวิสัยจนไม่สามารถมองเห็นฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือได้อีกต่อไป
“เรียบร้อย ดูสิว่าคนแก่เหล่านั้นจะแอบดูได้อีกรึไม่”
ไม่ไกลจากอาคารหอคอย ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือยืนนิ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย รอยยิ้มบาง ๆ ประดับที่มุมปากของฉินอวี้โม่ขณะมองดูผลงานชิ้นเอกของตนด้วยความพึงพอใจ
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในบริเวณของข่ายอาคมหลายประเภท นางก็สัมผัสได้ว่ามีสายตาหลายคู่ที่จับจ้องการกระทำของนางและหานโม่ฉือมาจากมุมมืด เพราะเหตุนั้นนางจึงวางข่ายอาคมบดบังวิสัยทัศน์ของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
มันเป็นเพียงข่ายอาคมที่เรียบง่ายธรรมดาอย่างข่ายอาคมหมอกเท่านั้นซึ่งทำให้คนเหล่านั้นแอบมองการเคลื่อนไหวของตนและหานโม่ฉือไม่ได้อีกต่อไป
ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ทักษะการวางข่ายอาคมของฉินอวี้โม่ก็พัฒนาก้าวหน้าไปมาก เวลานี้ฝีมือการวางข่ายอาคมของนางก็ถือว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกับมารยาและเรียกได้ว่าเป็นผู้ใช้ข่ายอาคมที่สมบูรณ์แบบเต็มตัว
การวางข่ายอาคมที่เรียบง่ายเช่นนี้มิใช่ปัญหาสำหรับนางแม้แต่น้อย เพราะเหตุนั้นนางจึงวางข่ายอาคมหมอกนี้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว
แม้ว่ารอบหอคอยต้องห้ามจะเต็มไปด้วยข่ายอาคมมากกว่าสิบประเภท มันก็ไม่ยากที่นางจะฝ่าทะลวงผ่านไป สำหรับนางและหานโม่ฉือ สิ่งที่ยากที่สุดในการเข้าสู่หอคอยต้องห้ามครานี้คือผู้อาวุโสทั้งสี่และบุรุษที่ลึกลับจากพิภพเหนือสวรรค์ผู้นั้น
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่ที่ยิ้มอย่างสบายใจอยู่ข้างกาย หานโม่ฉือก็คลี่ยิ้มด้วยความรัก ตราบใดที่ฉินอวี้โม่มีความสุข เขาก็จะทำตามนางทุกอย่างด้วยความยินดี
“โม่ฉือ ช่วยคุ้มกันข้าด้วย ข้าจะจัดวางข่ายอาคมเพื่อเล่นสนุกกับคนแก่เหล่านั้นสักหน่อย”
ฉินอวี้โม่กล่าวกับหานโม่ฉือก่อนหยิบหินผลึกจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนมิติและมองไปรอบ ๆ ก่อนเริ่มจัดตั้งข่ายอาคมขึ้นมา
ภายในเวลาเพียงชั่วขณะ นางก็เผยรอยยิ้มมั่นใจขณะข่ายอาคมทรงพลังทว่าไม่ซับซ้อนหลายชั้นเริ่มก่อตัวขึ้นมา
“เฮ้ ดูเหมือนว่าพวกคนแก่เหล่านั้นจะอดใจรอไม่ไหวแล้ว เราเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวกันเถอะ”
ฉินอวี้โม่ยิ้มพลางจับมือบุรุษคนรักและตรงเข้าไปในคฤหาสน์ล่องหน แม้รอบ ๆ หอคอยต้องห้ามแห่งนี้จะเต็มไปด้วยข่ายอาคมหลายประเภท รวมถึงผนึกป้องกันมากมาย ทว่าทุกอย่างเหล่านั้นไม่มีผลใด ๆ ต่อคฤหาสน์เฟิงหัวของนางแม้แต้น้อย
กล่าวคือหากฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวตรงไปเรื่อย ๆ ทั้งสองจะผ่านพ้นข่ายอาคมรอบตัวได้อย่างง่ายดายและไปถึงข้างหน้าประตูหอคอยโดยตรง
หลังจากเข้ามาภายในคฤหาสน์เฟิงหัว ทั้งสองก็หาที่นั่งลงอย่างสบาย ๆ และมองดูสถานการณ์ภายนอก
เป็นจริงดังที่คิดไว้ เพียงไม่นานหลังจากนั้น บุรุษชราคนหนึ่งก็ปรากฏตัวในจุดที่ทั้งสองเคยยืนอยู่ก่อนหน้านี้
“อะไรกัน ?”
บุรุษชราผู้นี้คือผู้อาวุโสที่กระวนกระวายใจที่สุดในทั้งสี่คน เมื่อหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่หายไปจากทัศนวิสัย เขาก็อดไม่ได้และต้องเหาะออกมาโดยเร็ว
ทว่าเมื่อเขาปรากฏกายที่นี่ ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เขาไม่อาจสัมผัสถึงกลิ่นอายของคนทั้งสองได้เลยด้วยซ้ำและนั่นทำให้เขาประหลาดใจยิ่งนัก
เมื่อเห็นเช่นนี้ เขาจึงแผ่พลังวิญญาณออกไปรอบตัวทันทีเพื่อตรวจจับหาทั้งสองคน และจู่ ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังงานที่ผันผวนบางอย่าง
หลังจากเดินตรงไปในทิศทางนั้นได้เพียงไม่กี่ก้าว จู่ ๆ สภาพแวดล้อมรอบตัวก็เปลี่ยนไปและเขาก็ตกอยู่ท่ามกลางฝูงอสูรมายาอย่างที่คาดไม่ถึง
เหล่าอสูรรอบตัวเขาไม่มีตัวใดที่แข็งแกร่งถึงระดับนภาเซียน ทว่าพวกมันทั้งหมดล้วนจับจ้องตรงมาที่ตัวเขาอย่างดุดันราวกับต้องการจะกลืนกินเขาทั้งเป็น
ผู้อาวุโสผู้นี้มีความรู้ที่กว้างขวางและมีประสบการณ์ที่โชกโชน เขาตระหนักได้ทันทีว่ามันเป็นข่ายอาคมประเภทหนึ่งจึงไม่วู่วามทำสิ่งใด
อย่างไรก็ตาม อสูรมายาเหล่านั้นมิได้ใจเย็นเหมือนกับเขาในขณะที่พวกมันพุ่งตรงเข้าหาผู้อาวุโสอย่างไม่รีรอ
ฟิ้ววว !
เมื่อสัมผัสถึงร่างอสูรจำนวนมากพุ่งผ่านอากาศจนเกิดเสียงลมหวิว สีหน้าของผู้อาวุโสก็เปลี่ยนไปทันที เขาไม่เคยเผชิญกับข่ายอาคมที่ทรงพลังมากเช่นนี้มาก่อนและไม่ทราบเลยว่าต้องกำจัดมันอย่างไร เวลานี้เขาทำได้เพียงต่อสู้กับอสูรมายาเหล่านี้ขณะที่พลังของเขาค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ
“ช่างเป็นข่ายอาคมที่ทรงพลังยิ่งนัก !”
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว หานโม่ฉือยิ้มพร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ เขาทราบถึงทักษะการวางข่ายอาคมของฉินอวี้โม่เป็นอย่างดี สำหรับข่ายอาคมเช่นนี้ อย่าว่าแต่ผู้อาวุโสตระกูลหานเลย แม้แต่ตัวเขาก็ไม่มีหนทางกำจัดมันได้
ฉินอวี้โม่เพียงยิ้มบาง ๆ โดยไม่กล่าวสิ่งใด ข่ายอาคมนี้ดูทรงพลังและแข็งแกร่งยิ่งนัก ทว่ามันจะคงอยู่ได้เพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น หลังจากครบเวลาดังกล่าว ข่ายอาคมจะค่อย ๆ สลายไปด้วยตัวเองและอสูรมายาเหล่านั้นก็จะหายไปโดยปริยาย
อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็น่าจะปรากฏตัวในไม่ช้า
และก็เป็นเช่นนั้นจริง ภายในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งก้านธูป บุรุษชราอีกคนก็ปรากฏตัวในจุดที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเคยยืนอยู่ก่อนเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัว
เขาสำรวจรอบตัวและไม่พบสิ่งใดเช่นกัน ทว่าในขณะที่กำลังจะกลับไปในจุดเดิมของตนนั้น จู่ ๆ เขาก็ได้กลิ่นบางอย่างที่แปลกประหลาด
เมื่อได้กลิ่นประหลาดแตะจมูกนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปทันทีและเขาเริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมา ทว่าก่อนที่เขาจะมีเวลากลั้นหายใจได้ทัน ดวงตาของเขาก็แดงก่ำและดูน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ในขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสอีกคนก็ปรากฏกายข้างเขาพอดิบพอดี
ผู้อาวุโสนัยน์ตาแดงก่ำหันขวับราวกับพบเหยื่อหรือศัตรูตัวฉกาจที่ชิงชังเป็นที่สุดก่อนพุ่งตรงเข้าจู่โจมผู้อาวุโสผู้มาใหม่ทันที
“ผู้อาวุโสสาม ท่านคิดจะทำอะไร ?!”
เมื่อผู้อาวุโสรองเห็นการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของผู้อาวุโสสาม สีหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวไปทันที โดยปกติแล้วผู้อาวุโสสามเป็นคนอ่อนโยนมาเสมอ ทว่าเวลานี้กลับดูเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนและพุ่งเข้าจู่โจมเขาอย่างไม่มีเหตุผล
อย่างไรก็ตาม ราวกับว่าผู้อาวุโสสามไม่ได้ยินวาจาดังกล่าวแม้แต่น้อยขณะพยายามโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งไปกว่านั้น การโจมตีของเขาก็ดุเดือดรุนแรงและไร้ความปรานี ราวกับหมายที่จะสังหารผู้อาวุโสรองให้ได้
ผู้อาวุโสรองไม่กล้าประมาทแต่อย่างใด ความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสสามไม่แตกต่างไปจากตัวเขามากนัก แน่นอนว่าเขาไม่อาจวางใจและจำต้องตอบโต้อย่างเต็มกำลัง ในช่วงระยะหนึ่ง ทั้งสองก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด จากผู้อาวุโสสี่คนของตระกูลหานที่ทำหน้าที่คุ้มกันหอคอย ตอนนี้สามคนในนั้นได้ถูกควบคุมไว้แล้ว
เหล่าผู้ชมโดยรอบไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจนนักเนื่องจากข่ายอาคมของฉินอวี้โม่ที่บดบังไว้ ทว่าพวกเขาทั้งหมดล้วนมีปฏิกิริยาที่ไม่ดีเมื่อได้ยินเสียงการต่อสู้ดังอย่างต่อเนื่อง
ทุกคนในตระกูลเหมยและตระกูลไป่หลี่เป็นกังวลเล็กน้อย พวกเขาล้วนทราบถึงความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสทั้งสี่คนของตระกูลหานเป็นอย่างดี หากฉินวี้โม่และหานโม่ฉือประจันหน้ากับผู้อาวุโสเหล่านั้น สถานการณ์จะต้องเลวร้ายเป็นแน่
ในขณะเดียวกัน ทุกคนในตระกูลหานและตระกูลหลิวมองดูสถานการณ์อย่างสบาย ๆ ต่อให้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือจะเป็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่ง พวกเขาก็เชื่อว่าคนทั้งสองไม่มีทางผ่านไปถึงหอคอยต้องห้ามได้สำเร็จ เวลานี้ในเมื่อบรรดาผู้อาวุโสที่ทรงพลังลงมือแล้ว หนุ่มสาวผู้อาจหาญทั้งสองก็ไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จแม้แต่น้อย
แทบไม่มีใครทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในม่านหมอกของข่ายอาคม ทว่ามันก็ไม่อาจปิดบังซ่อนเร้นไปจากคนบางคนได้
.