เปรี้ยง

สายฟ้าสีแดงเลือดแลบแปรบปราบอยู่ภายในหมู่เมฆเคลื่อนคล้อย มันดูไม่เหมือนของจริงแต่ดูเหมือนกับภาพมายาที่ก่อเกิดจากบรรยากาศโกลาหล ซึ่งคล้ายคลึงกับหลายๆ ชั้นในมิติอเวจี

หมู่เมฆเคลื่อนคล้อยและสายฟ้าสีแดงโลหิตหาได้ดึงความสนใจของโอเกอร์ จิตอาวุโส เดโมกอร์กอนแห่งดวงตา และผู้มีพลังชั้นตำนานคนอื่นๆ เพราะสภาพอากาศเช่นนี้ถือเป็นปกติของป่าปีศาจ ตามจริงแล้ว มันคงจะผิดปกติหากว่ามิมีปรากฏการณ์เช่นนี้อยู่

แต่ทันใดนั้น สายฟ้าขนาดมหึมาก็เปล่งแสงวาบสว่างไสวบนท้องฟ้าและแผ่ขยายออกไปประดุจต้นไม้ยักษ์ มิติพิเศษกว่าครึ่งสว่างเจิดจ้าเพราะแสงสีแดงโลหิตนั้น

แม้ว่าหอคอยเวทมนตร์จะไม่มีหน้าต่างบนชั้นนี้และมีเพียงไม่กี่บานบนชั้นบนๆ และชั้นล่าง มันก็ยังถูกสายฟ้าสีแดงฉานอาบย้อมไปทั่ว

ตูม!

หลังจากเกิดสายฟ้าแลบ จึงเกิดเสียงฟ้าคำรามดังกึกก้องตามมา ซึ่งมันดังเสียจนทั้งหอคอยเวทมนตร์สั่นสะเทือนเลือนลั่นราวกับว่ามันกำลังตัวสั่นด้วยความเกรงกลัว แม้แต่ผู้มีพลังชั้นตำนานเองยังถึงกับอึ้งงัน

ในตอนนั้นเอง ดานิซอส มังกรแห่งกาลเวลาและแสงสว่าง ที่นั่งคู้ตัวอยู่ตรงมุมหนึ่งโดยปรือตาลงครึ่งหนึ่ง พลันเบิกตาโพลง ภาพสะท้อนของลูเซียนปรากฏชัดภายในคลื่นสั่นสะเทือนล่องหนภายในนั้น

จากนั้นเขาก็อ้าปาก เกล็ดสีเทาบนร่างกายคล้ายกับจะแผ่กลิ่นอายแห่งกาลเวลาที่ผ่านพ้น และวงแหวนสีดำทั้งสิบสองบนร่างเขาที่ดูเหมือนกับวงปีก็ค่อยๆ หมุนโคจร เขาพ่นลมหายใจมังกรไร้สีสันที่ดูทั้งเหมือนจริงและเป็นเพียงภาพมายาออกมาคำใหญ่

เวลารอบๆ ตัวลูเซียนพลันเชื่องช้าลง มันหนาแน่นเสียจนเขารู้สึกเหมือนกับตนเองร่วงลงจากท้องฟ้าลงสู่มหาสมุทร ไม่มีการป้องกันรูปแบบใดที่ดูจะใช้การได้เมื่ออยู่ต่อหน้าลมหายใจของมังกรบรรพกาลแห่งกาลเวลา

ดานิซอสโจมตีใส่ลูเซียนอย่างไม่ลังเล!

อุปกรณ์สีเงินเปล่งแสงอยู่ภายในกระเป๋าเสื้อคลุมของลูเซียน มันดูทั้งเย็นเยียบและชวนฝันขณะที่มันส่งเสียงดังติ๊กๆ ไม่หยุด

‘สายน้ำ’ เอื่อยเฉื่อยพลันกลับสู่ความปกติหลังจากที่เสียงนาฬิกาดังขึ้น และความหนาแน่นก็หายไปแล้วเช่นกัน มันก็คือพลังติดตัวของนาฬิกาจันทรากาลหลังจากที่มันถูกยกระดับขึ้นเป็นอุปกรณ์ชั้นตำนานระดับสาม ‘สัจจะนิมิต!’

หลังจากที่นาฬิกาจันทรากาลกลายเป็นอุปกรณ์ชั้นตำนานระดับสาม จำนวนการใช้เวท ‘หยุดเวลาขั้นสูง’ และ ‘เวทแรงโน้มถ่วงยุบตัว’ ก็เพิ่มขึ้นเป็นเวทละห้าครั้ง ส่งเสริมการควบคุมกาลและอวกาศของลูเซียนขึ้นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ความสามารถในการหยุดการแทรกแซงของพลังกาล-อวกาศก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นความสามารถติดตัว เมื่อใดที่กาลและอวกาศถูกควบคุมและเกิดความผิดปกติเหนือธรรมชาติ นาฬิกาจันทรากาลก็จะถูกกระตุ้นใช้โดยอัตโนมัติ เพื่อทำให้กาลและอวกาศภายในบริเวณรอบๆ นั้นกลับมาเป็นปกติให้ได้มากที่สุด

ดานิซอสมิได้คาดหวังว่าจะเหนี่ยวรั้งลูเซียน ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกาลและอวกาศ ได้ด้วยเพียงลมหายใจเดียวอยู่แล้ว หลังจากที่เสียงนาฬิกาทำลายห้วงเวลาหนาแน่นลง วงแหวนสีดำบนร่างกายเขาก็หมุนโคจรเร็วขึ้น และเขาก็เริ่มร้องคำรามร่ายคาถาเพื่อใช้เวทมนตร์ของตน

ตามจริงแล้ว ระยะเวลาสั้นๆ ของการแสดงผลติดตัวนั้นไม่เพียงพอจะร่ายคาถาได้เสร็จสมบูรณ์ แม้ว่าจะใช้อุปกรณ์วิเศษเข้าช่วยแล้วก็ตาม ทว่า สำหรับดานิซอสแล้วกลับแตกต่างออกไป เขาดูเหมือนกับถูกห้วงเวลาที่ถูกเร่งความเร็วห้อมล้อมอยู่ หรือไม่เขาก็อาจ ‘ขโมย’ เวลาจากอนาคตมา เขากำลังสำแดงฤทธิ์เดชของเวทลี้ลับทรงพลังด้วยภาษามังกรอยู่จริงๆ!

โดยทั่วไปแล้ว นักเวทชั้นตำนานหรือสัตว์เวทที่ทรงพลังตนใดก็สามารถเร่งความเร็วในการร่ายคาถา แต่ไม่สามารถทำกับเวทมนตร์ชั้นตำนานได้ ไม่ว่าจะเพิ่มความสามารถในการเร่งความเร็วให้กับตนเองเพียงใดก็ตาม เพราะมันต้องตรงตามเงื่อนไขจำเพาะบางประการ แต่มังกรแห่งกาลเวลาและแสงสว่างนั้นมิใช่สามัญ ‘เวทเร่งเวลา’ ของเขาสามารถเร่งความเร็วในการร่ายคาถามากถึงสองเท่า!

นี่นับเป็นส่วนที่น่าเกรงขามที่สุดของมังกรบรรพกาลแห่งกาลเวลา อย่างไรเสีย แม้ว่าเขาจะมีทักษะอันเยี่ยมยอดมากมายเพื่อโจมตีหรือส่งผลต่อคนอื่นๆ ศัตรูของเขาก็ยังรับมือกับมันได้ตราบใดที่พวกเขาแข็งแกร่งมากพอ แต่ ‘เวทเร่งเวลา’ นี้จะส่งผลต่อตัวเขาด้วยเช่นกัน ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น จะมีดานิซอสสองตัวที่ทำการโจมตีใส่ลูเซียนพร้อมๆ กัน!

เกล็ดที่ก่อตัวเป็นวงปีสีดำของดานิซอสเปิดอ้าออก พร้อมกับที่ขนกายลุกตั้ง จุดแสงมากมายผุดพรายขึ้นจากความว่างเปล่าและมารวมตัวกันเป็นสายธารล่องหนทว่าเปร่งแสงระยิบระยับที่ถาโถมเข้าใส่ลูเซียน

ในยามนี้ ลูเซียนเพิ่งจะหลุดพ้นจากลมหายใจของอีกฝ่ายเท่านั้น!

เงาของสายธารแห่งกาลเวลาสาดซัดทำลายปราการคุ้มกันอันหนาแน่นรอบกายลูเซียนและก่อตัวเป็นกรงแห่งเวลาที่หยุดนิ่งรอบนอกสัจจะนิมิต มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คนข้างในจะออกมาได้ และมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่คนด้านนอกจะฝ่าเข้าไปได้ ดูเหมือนว่าเขาจะตั้งใจกักขังลูเซียนเอาไว้

ทว่า แดรกคูลากลับคิดต่างออกไป!

ในตอนที่ดานิซอสร่ายคาถาภาษามังกร เขาก็ยื่นมือขวาในถุงมือสีขาวออกไปและตวัดเข้าไปในความว่างเปล่า

มือขวาข้างนั้นดูราวกับถูกความมืดยามราตรีโอบล้อมไว้ เงามากมายหลายชั้นทำให้วัตถุที่แท้จริงพร่าเลือน แล้วกรงขังกาลเวลาที่หยุดนิ่งก็คล้ายกับไม่มีอยู่จริง มือขวาของแดรกคูลาแทรกผ่านมันไปและจับหน้าอกลูเซียน!

นั่นคือ ‘ท่องราตรี’ ทักษะของแวมไพร์ที่มีมาแต่กำเนิด ซึ่งสามารถทลายปราการแห่งกาล-อวกาศได้!

ส่วนใหญ่แล้วแวมไพร์ตนอื่นมักจะใช้ ‘ท่องราตรี’ เพื่อการหลบหนี แต่แดรกคูลาแตกต่างออกไป เขาควบคุมทักษะนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมเสียจนสามารถบังคับร่างกายเพียงบางส่วนให้เดินทางไปได้ ฉะนั้นแล้ว ‘ท่องราตรี’ จึงกลายเป็นวิธีการโจมตีที่สามารถทะลวงผ่านได้แทบทุกปราการป้องกัน!

ในระหว่างนั้น ดานิซอสที่ยังอยู่ใน ‘เวทเร่งเวลา’ ก็เริ่มร่ายคาถาภาษามังกรขึ้นอีกบทหนึ่งเพื่อหักล้างเวทมนตร์ติดกายของลูเซียน

ริมฝีปากสีแดงบนใบหน้าอันซีดเซียวของแดรกคูลาดูเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาอันแปลกประหลาด ราวกับว่าเขากำลังตั้งตาคอยที่จะได้แก้แค้นให้กับตนเอง

นัยน์ตาสีแดงโลหิตของเขา ปรากฏภาพลูเซียนในชุดสูทสีดำแบบกระดุมสองแถวที่ดูค่อนข้างตะลึงงัน แต่นั่นนับเป็นเรื่องปกติ ผู้ใดก็ตามที่ไม่มีภูมิต้านทานเวทมนตร์กาล-อวกาศย่อมไม่มีเวลาจะแสดงปฏิกิริยาใดยามเผชิญหน้ากับการโจมตีชุดใหญ่จากดานิซอสและตัวเขา

‘ในเมื่อเจ้าพาตัวเองมาสู่อุ้งมือข้า ก็อย่าโทษข้าแล้วกันหากข้าจักแก้แค้น!’

ในตอนที่ดานิซอสกับแดรกคูลาคลุ้มคลั่งโจมตีลูเซียน มังกรแห่งบรรพกาลทั้งหกตนและเจ้าชายแวมไพร์ทั้งสองตน ที่เมื่อครู่ถอยห่างเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ต่างก็ทุ่มการโจมตีใส่เดโมกอร์กอนแห่งดวงตา ‘ผู้ไต่สวนหกกร’ เซร์วานเตส และงฝันร้าย สายฟ้าสีโลหิตขนาดมหึหาคล้ายกับจะเป็นสัญญาณของพวกเขา

แม้ว่าจะไม่ทันตั้งตัว แต่ผู้มีพลังชั้นตำนานอย่างเดโมกอร์กอนแห่งดวงตาเองก็เคยผ่านช่วงความเป็นความตายมาแล้ว พวกเขาพลันตระหนักได้ในทันทีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ลำแสงถูกยิงออกไปอย่างไร้เป้าหมาย แขนทั้งหกยื่นและหมุนวนราวกับพายุทอร์นาโด บดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าให้กลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย…พวกเขาต้านทานการโจมตีรอบแรกได้

สตานิสมีรัศมีแห่งธาตุเป็นรูปวงแหวนปกคลุมตัว เขาหาได้รู้สึกว่าการต้านทานการโจมตีจากมิเลอเรียส มังกรแดงแห่งบรรพกาล นั้นยากเย็นจนเกินไป แต่ทันใดนั้น เงาใต้เท้าและเงาของเศษซากผนังก็มีชีวิตขึ้นมา และรวมกันเป็นดาบยาวที่พุ่งเข้าฟาดฟันร่างของเขาจากพื้น!

เปรี๊ยะ

ร่างของสตานิสแตกร้าวราวกับบานกระจก แต่ม่านหมอกเลือนรางกลับแผ่พุ่งออกมาและเข้าห้อมล้อมบริเวณนั้น สร้างพื้นที่ที่ดูเหมือนจะเป็นดินแดนแห่งความฝันขึ้นมา

“โอเกอร์?” เสียงของสตานิสดังสะท้อนมาจากทุกมุมของม่านหมอก มันทั้งอู้อี้และคลุมเครือ เหมือนกับการสื่อสารผ่านกระแสจิตในที่ที่มีลมกรรโชกแรง แต่น้ำเสียงเขากลับบ่งบอกชัดเจนถึงความตกตะลึง เพราะไม่ใช่ทั้งมังกรแห่งบรรพกาลและเจ้าชายแวมไพร์ที่ลอบโจมตีเขาเมื่อครู่นี้ แต่เป็นโอเกอร์ ราชันย์ร่มเงา ต่างหาก!

ร่างของโอเกอร์ปรากฏขึ้นในม่านหมอกดินแดนแห่งฝัน เขายืนอยู่ข้างมิเลอเรียสและหัวเราะร่าเสียงแหบแห้งผ่านกระแสจิต “ข้าทำไมงั้นรึ เจ้ายังไม่เห็นอีกหรือว่าเกิดอะไรขึ้น”

“อ๊ากกกกกกกกกก!!!”

เสียงกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมานพลันดังก้อง สเตอร์ลิงที่ถูกมังการเงินแห่งบรรพกาลสะกดข่มอยู่นั้น มีหนวดปลาหมึกอันหนึ่งอยู่บนศีรษะของเขา มันยื่นออกมาจากศีรษะของจิตอาวุโส และเสียบทะลุสมองของสเตอร์ลิง!

อวัยวะทุกส่วนบนใบหน้าของสเตอร์ลิงพลันหายไป ราวกับเขาเพิ่งสวมหน้ากากทับ จากนั้น ร่างของเขาก็กลับกลายเป็นเลือนลาง เขาสามารถหลุดจากการควบคุมของจิตอาวุโสได้

“ท่านอยู่ฝ่ายนั้นด้วยหรือ!” สเตอร์ลิงเดินไปเดินทางท่ามกลางหมอกหนาอย่างโกรธเกรี้ยว นี่ ‘เจ้าแห่งจิต’ ก็ร่วมมือกับดานิซอส แดรกคูลา และโอเกอร์งั้นหรือ

“เจ้าสังหารนาทราวอสงั้นรึ เป็นดานิซอสเองที่กลบร่องรอยแห่งกาลเวลาใช่หรือไม่” เดโมกอร์กอนแห่งดวงตายกหนวดปลาหมึกนับสิบขึ้นและยิงลำแสงหลากสีสันออกไป เพื่อต้านทานมังกรแห่งบรรพกาลทั้งสอง

เหตุใดพวกเขาจึงมองไม่เห็นความจริงทั้งหมดนี้กันนะ การประชุมครั้งนี้คือเรื่องหลอกลวงมาตั้งแต่ต้น!

ข่าววงในที่ว่าดานิซอสและแดรกคูลาตั้งใจจะรวมสภามืดเป็นหนึ่งเดียวถูกแพร่งพรายออกไป แต่มันกลับเผยแพร่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมมากเสียจนผู้มีพลังชั้นตำนานที่ไม่ใคร่จะยินยอม จำต้องทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปกับเรื่องนี้โดยไม่พิจารณาถึงเรื่องอื่นใดอีก นอกจากนี้ เวลาที่เหลือให้พวกเขาคิดนั้นมีน้อยเกินกว่าจะเห็นความขัดแย้งระหว่างสมาชิกของสภามืด แต่บัดนี้ทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนแล้ว แดรกคูลาและผู้ร่วมแผนการจงใจปล่อยข่าวออกมาเพื่อดึงความสนใจทุกคนจากแผนการร้ายที่แท้จริง!

ความยโสโอหังและความโหดเหี้ยมเด็ดขาดของดานิซอสและแดรกคูลาอาจจะเป็นนิสัยของพวกเขาก็จริง แต่มันก็ช่วยสร้างแรงกดดันในที่ประชุมได้จริงๆ ผู้มีพลังชั้นตำนานคนอื่นๆ ต่างก็จดจ่อกับการต่อต้านพวกเขาและพยายามจะฉวยทุกโอกาสที่มี ดังนั้น การตายของนาทราวอส กับดักที่พวกเขาเตรียมการไว้ล่วงหน้า จึงถูกยื่นเสนอมาในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด

ขณะหารือกัน ผู้มีพลังชั้นตำนานบางคนอาจเป็นกังวล ทว่า ด้วยฐานะ ‘สายลับ’ โอเกอร์และจิตอาวุโสได้ชักนำให้ทุกคนเอาแต่คิดหาวิธีทำลายแผนการปรับโครงสร้างสภาของดานิซอสและแดรกคูลาโดยไม่นึกถึงว่าจะมีแผนการร้ายอื่นใดแฝงอยู่หรือไม่ นอกจากนี้ พวกเขาทำให้เหยื่อรู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้มิได้อันตรายแต่อย่างใด ดังนั้น เหยื่อจึงตกลงไปในกับดักทีละก้าวๆ

อีกอย่างคือ สถานที่แห่งนี้คือมิติพิเศษของนาทราวอสซึ่งถูกปิดกั้นจากโลกภายนอก มันคือสถานที่อันสมบูรณ์แบบในการต่อสู้!

แผนการทั้งหมดวางไว้อย่างดีโดยยึดหลักการควบคุมจิตใจอย่างสมบูรณ์แบบ มันไม่มีทางที่ดานิซอสกับแดรกคูลาจะเป็นผู้คิดขึ้นเพราะทั้งสองต่างหยิ่งยโสจนเกินไป หรือว่าจะเป็น ‘เจ้าแห่งจิต’ กันนะที่เสนอแผนการนี้ หรือจะเป็นความชาญฉลาดของนักเวทโบราณอย่างฟิเทียกับโอเกอร์กันแน่

“เราไม่เคยคิดจะรวมเจ้าอยู่แล้วตั้งแต่แรก การกำจัดเจ้าไปก่อนจะเป็นการดีกว่าเก็บเจ้าไว้ เจ้ามันโรคร้ายของกลุ่มเรา แบบนี้ เจ้ายังได้สร้างคุณงามความดีด้วยการเสริมความแข็งแกร่งให้กับพวกเรา!” เสียงของโอเกอร์นั้นทั้งแหบแห้งและเย็นชา

ทุกคนต่างทราบในทันทีว่าใจความหลักของประโยคนั้นอยู่ที่ส่วนท้าย มันเป็นเพราะพวกเขาเชื่อว่าความแข็งแกร่งที่จะเพิ่มพูนขึ้นหลังจากจบภารกิจนี้นั้นเพียงพอต่อการชดเชยการสูญเสียเหล่าผู้มีพลังชั้นตำนานที่ดานิซอส แดรกคูลา เจ้าแห่งจิต และโอเกอร์โจมตีอย่างโจ่งแจ้ง

การเข้าร่วมประชุมของลูเซียนนั้นเป็นปัจจัยที่อยู่เหนือความคาดหมาย และยังลดทอนพลังของพวกเขาลง ทว่า ดานิซอสและกลุ่มของเขาก็ยังคงเป็นฝ่ายได้เปรียบ นอกเหนือจากดานิซอสกับแดรกคูลา ที่กำลังรับมือกับลูเซียนอยู่นั้น พวกเขายังมีมังกรแห่งบรรพกาลอีกหกตน เจ้าชายแวมไพร์สองตน นักเวทชั้นตำนานระดับสามหนึ่งคน และตัวแทนของ ‘เจ้าแห่งจิต’ อีกหนึ่ง พวกเขามีชั้นตำนานระดับสูงสุดสิบตนกับระดับสามอีกสาม

อีกทางด้านหนึ่ง โซนิเตกับดูเบนอล เจ้าชายมนุษย์หมาป่านั้นเป็นผู้มีพลังชั้นตำนานระดับสาม เดโมกอร์กอนแห่งดวงตามีระดับสาม และผู้ไต่สวนหกกร สเตอร์ลิง กับราชาแห่งฝันร้ายนั้นอยู่ที่ระดับสอง แม้ว่าผู้มีพลังชั้นตำนานจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แต่จำนวนนั้นแทบจะต่างจากศัตรูเกือบครึ่ง!

……………………………………..