ตอนที่ 1121 - ผู้มาเยือนจากต่างโลก

The Divine Nine Dragon Cauldron

เซียนมณีจ้องมองซือหยูนางจะไม่ปล่อยให้เขาหนีไป! นางหัวเราะอย่างเย็นชาเมื่อพลังเทพร่วงหล่นลงมาราวกับนภาสลาย มันกำลังจะบดขยี้เทพอสูรกระดูกโรยให้เป็นชิ้น ๆ
  ประตูมิติเทวะสามารถถูกทำลายด้วยพลังวเทพของเซียนมณีได้
  เมื่อเห็นดังนั้นหยุนหยาซือค่อนข้างตึงเครียด เขาโบกมือเพื่อปกปิดประตูมิติด้วยพลังลึกลับ
  เมื่อพลังเทพร่วงลงมาเกิดเสียงแตกมากมายจากประตูมิติ จากนั้นก็เกิดจุดรอยแตกให้เห็น
  ไม่มีใครรู้ว่าหยุนหยาซือใช้วิชาอะไรเขาใช้พลังเทพในประตู แต่เขาไม่ได้รบกวนการเคลื่อนย้ายแม้แต่น้อย
  สุดท้ายประตูก็ถูกใช้จนสำเร็จซือหยูหายตัวไปพร้อมกับแสงวาบ  ก่อนที่จะถูกพาตัวไปซือหยูได้เก็บโลหิตเทพที่อยู่บนพื้นสามหยดเอาไว้
  เทพอสูรกระดูกโรยร้องคำรามเมื่อพลังเทพเข้าปะทะผิวเต็มไปด้วยน้ำสีทองที่ไหลออกมาปกคลุม ต่อมาเขาก็ได้กลายเป็นร่างสีทองที่พยายามสุดพลังเพื่อที่จะต่อต้านพลังเทพ
  แต่โลหิตเทพบนผิวของเขาก็ระเหยไปอย่างต่อเนื่องเขาบาดเจ็บหนักจากการเสียเลือดมาก ดูเหมือนว่าเขาจะต้านพลังได้อีกไม่นานแล้ว
  เซียนมณีหัวเราะเสียงดัง
  “ฮ่า!ฮ่า! ฮ่า! กระดูกโรยเอ๋ย ข้าจะเอาแหล่งพลังเทพของเจ้าไปในวันนี้เพื่อล้างแค้น!”
  จากนั้นนางเตรียมจะบดขยี้เทพอสูรกระดูกโรยให้สิ้นซากด้วยพลังเทพ
  ในตอนนั้นเองพลังเทพอันยิ่งใหญ่ได้ตกมาจากฟ้าและกลายเป็นกระบี่เทพเล่มยักษ์มันพุ่งเข้าหาเทพอสูรทั้งสองอย่างรวดเร็ว
  เทพอสูรกระดูกโรยชักสีหน้า
  “โอ้ไม่นะ พวกมันมาแล้ว!”
  รอยยิ้มบนใบหน้าเซียนมณีหายไปนางตะโกนด้วยความตกใจ
  “พวกมันอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย!”
  ต่อมากระบี่เทพได้เข้าถึงมิติเหนือน่านฟ้าเมืองเขตกลางและสร้างแรงสั่นสะเทือนอันน่ากลัว ดูเหมือนมิติทั้งจิวโจวกำลังจะพังทลายโดยกระบี่เทพ
  เซียนมณีเลิกล้มความคิดที่จะฆ่าเทพอสูรกระดูกโรยนางพยายามสุดความสามารถเพื่อที่จะข่มความกลัวในใจ นางกัดฟันแน่นและพยายามต้านทานกระบี่เทพโดยใช้พลังเทพของตัวเอง
  เงาเทพของนางร้องคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวไปยังกระบี่เทพ
  แต่เงาเทพมิอาจเทียบกับพลังของกระบี่เทพได้เงาเทพถูกหั่นเป็นสองท่อนจากกระบี่เทพ
  เมื่อเงาเทพถูกทำลายเซียนมณีหน้าซีดพร้อมกระอักเลือดสีทองออกมาเป็นจำนวนมาก ร่างกายของนางแหลกเป็นชิ้น ๆ
  หลังจากร่างระเบิดเทพอสูรร่างเล็กที่ตัวสูงเพียงครึ่งเดียวของซือหยูก็หนีไปโดยการฉีกมิติ นางอุ้มเลือดเทพไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง
  เทพอสูรกระดูกโดยเองก็ได้หนีไปในตอนที่เงาเทพต้านทานกระบี่เทพ
  ฟึ่บ!
  ไม่นานแสงเทพสองสายพุ่งลงมาจากฟ้า ร่างวิญญาณสองร่างปรากฏตัว
  ร่างวิญญาณของทั้งสองเหมือนจริงเป็นอย่างมากสื่อได้ว่าพวกเขามีพลังอย่างน้อยที่ระดับเซียน
  “น่าเสียดายนัก!เซียนกระบี่ควันแดงฆ่าเทพอสูรกระดูกโรยที่หนีออกมาไม่ได้!”
  ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งที่ด้านซ้ายกล่าว  ชายหนุ่มทางด้านขวาถือพัดเล่มเล็กสีทองในมือเขาดูหล่อเหลาสง่างาม เขายิ้มอย่างอ่อนโยน
  “หากเซียนกระบี่ควันแดงลงมือด้วยตัวเองกระดูกโรยคงจะตายไปแล้ว น่าเสียดายที่เขามาที่นี่ไม่ได้ เขาทำได้แค่ส่งร่างปลอมมาจู่โจมพวกมัน แล้วก็ยังมีเทพอสูรอีกตนซ่อนตัวอยู่ ถ้านางไม่ใช้เงาเทพ ทั้งนางกับมันก็คงจะตายไปแล้ว!”
  “ใช่แล้ว!นางบาดเจ็บหนัก ทั้งสองหนีไปแล้ว แยกกันไปตามล่าพวกมันเถอะ!”
  ชายผิวสีน้ำผึ้งกล่าว
  ชายถือพัดหยักหน้า
  “ย่อมได้!ข้าจะไล่ตามกระดูกโรยต่อไป ส่วนนังอสูรนั่นเป็นของเจ้า!”
  แต่ทั้งคู่ไม่ได้ไล่ตามในพริบตาทั้งสองมองรอบ ๆ เมืองก่อน
  “หาร่างให้วิญญาณพวกเราก่อนเถอะพวกเรามาจากโลกใบอื่น เราต้องสิงร่างคนอื่นตลอดเวลา!”
  ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยความละอายเมื่อเหลือบมองเมืองเขตกลาง
  การจู่โจมเมื่อครู่ทำให้ทั้งเมืองเขตกลบางกลายเป็นซากอย่างสมบูรณ์โชคดีที่คนส่วนมากในเมืองหวาดกลัวจนหนีไปหมดแล้ว การโจมตีของพวกเขาไม่ได้ทำให้เกิดความสูญเสียมากนัก
  “ไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้วรึ?”
  ชายถือพัดขมวดคิ้วจากนั้นเขาก็ตาลุกวาวเมื่อเห็นคนที่กำลังจะหนีในระยะหลายล้านลี้ เขายิ้มอ่อน
  “ขอข้ายืมร่างเจ้าสักหน่อยก็แล้วกัน!”
  เขาพัดพัดทองคำเล่มเล็กในมือเบาๆ จากนั้นจ้าวดินแดนมีดสวรรค์ที่กำลังหนีในระยะหลายล้านลี้ก็ถูกพลังมิติที่มองไม่เห็นกลืนกิน ต่อมาก็เกิดรอยแยกมิติต่อหน้าชายหนุ่มถือพัด และจ้าวดินแดนมีดสวรรค์ก็ตกลงมา
  จ้าวดินแดนมีดสวรรค์ตกตะลึงมากเมื่อได้เห็นชายหนุ่มที่พาตัวเขาที่เป็นอสูรเนรมิตรขั้นสูงสุดกลับมาอย่างง่ายดายเขาถามด้วยความสะพรึงกลัว
  “เจ้าเป็นใคร?”
  ชายถือพัดยิ้มแต่ไม่พูดอะไรจากนั้นเขาก็บินเข้าสู่ร่างจ้าวดินแดนมีดสวรรค์ราวกับลำแสง
  ต่อมาร่างวิญญาณที่หวาดกลัวและโกรธแค้นก็ถูกบังคับให้ออกจากร่างของจ้าวดินแดนมีดสวรรค์
  เขาถูกขโมยร่าง!ร่างของเขาถูกคนอื่นชิงเอาไป
  จ้าวดินแดนมีดสวรรค์หวาดกลัวจนต้องหนีในทันทีเพราะเขาไม่มีความกล้าพอที่จะชิงร่างกลับคืนมา
  พร้อมกันนั้นชายหนุ่มอีกคนก็จับตัวหนึ่งในอดีตจ้าวดินแดนมา เขาสิงร่างอดีตจ้าวดินแดนด้วยวิธีเดียวกัน
  เมื่อร่างวิญญาณของอดีตจ้าวดินแดนถูกผลักออกมาเขาก็ตะโกนด้วยความสะพรึงกลัวและกำลังจะหนี
  ชายผิวสีน้ำผึ้งชกร่างวิญญาณด้วยรอยยิ้มเหยียดหยามด้วยเหตุนี้ วิญญาณของอสูรเนรมิตรขั้นสูงสุดจึงแตกสลายไป
  ชายถือพัดขมวดคิ้ว
  “ทำไมเจ้าต้องฆ่ามันเล่า?อย่างไรมันก็เป็นคนจิวโจว!”
  ชายผิวสีน้ำผึ้งตอบอย่างเรียบเฉย
  “ช่างมันปะไรเทพในโลกใบนี้ตายไปแล้ว หากไร้การปกป้องจากเทพ ข้าจะฆ่าใครหน้าไหนก็ได้! แล้วตัวตนของพวกเราก็ควรเป็นความลับ คนอื่นจะรู้ว่าเราอยู่ที่นี่ไม่ได้!”
  เมื่อได้ฟังชายถือพัดถอนหายใจก่อนจะฉีกมิติเข้าไป
  ชายผิวสีน้ำผึ้งถอนหายใจแรงเมื่อเห็นว่าชายถือพัดไม่ตอบจากนั้นเขาก็ฉีกมิติและเริ่มไล่ล่าเซียนมณี
  เมืองเขตกลางกลายเป็นซากเมืองในวันเดียวเทพอสูรสองคนเริ่มต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนมียอดฝีมือลึกลับมายังจิวโจว ข่าวแพร่กระจายทั่วจิวโจวอย่างรวดเร็วราวกับไฟป่า
  …
  ในเมืองที่มีผู้คนคับคั่งในทวีปบูรพาประตูมิติเทวะที่เงียบสนิทมาหลายวันเปล่งแสงวาบขึ้น
  อสูรเนรมิตรที่ป้องกันที่นี่คือสตรีอสูรเนรมิตรขั้นหกนางสวมชุดไหมสีม่วงยาว เวลานี้ นางกำลังบ่มเพาะพลังและหลับตาสนิท
  จู่ๆ ประตูมิติก็ส่องแสงแปลบปลาบพร้อมสั่นเล็กน้อย
  นางลืมตาด้วยความแปลกใจ
  “โอ้?จากเขตกลางรึ? ไม่มีคนจากเขตกลางมาทวีปบูรพาหลายวันแล้ว!”
  นางตกใจเล็กน้อยจากนั้น นางหลับตาบ่มเพาะต่อไปโดยไม่สนใจคนที่เพิ่งจะมาถึง
  ซือหยูปรากฎกายเขารู้สึกเวียนหัวอยู่นาน  การเดินทางไกลเป็นพิเศษที่ยาวนานกว่าครึ่งชั่วยามทำให้เขารู้สึกแย่มาก
  แต่ซือหยูก็ไม่มีเวลาจะสนใจใบหน้าซีดเผือดของตัวเองในเวลานี้
  ไม่นานหลังจากมาถึงมิติทั้งจิวโจวสั่นอย่างรุนแรง เส้นทางประตูเทวะถูกตัดออกด้วยพลังเทพอันยิ่งใหญ่
  จากนั้นวายุมิติอันน่ากลัวก็เริ่มที่จะพัดพาไปทั่วพื้นที่สถานการณ์ฉุกเฉินมาก
  หยุนหยาซือถูกหยุดในวายุมิติและต้องยื้อเวลาให้ซือหยูหนีได้สำเร็จ
  เขามาถึงทวีปบูรพาแต่หยุนหยาซือยังติดอยู่ในมิติและไม่มีใครรู้ความเป็นตายของเขา
  “เกิดอะไรขึ้น?อะไรทำให้มิติปั่นป่วนเช่นนั้น?”
  ซือหยูรู้สึกตื่นกลัวเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของอาจารย์เป็นอย่างมาก
  หากอาจารย์ตายในวายุมิติซือหยูจะต้องใช้ชีวิตด้วยความโศกเศร้าไปตลอดชีวิต  “เจ้าหนูหยุดหน้ามืดตามัวได้แล้ว อาจารย์เจ้าเป็นยอดฝีมือขั้นสุดยอดที่ไม่มีทางตายในวายุมิติ!”
  เทพปีศาจหัวเราะอยู่ในมิติวิญญาณ
  น้ำเสียงหนักแน่นของเทพปีศาจทำให้ซือหยูสบายใจขึ้นเมื่อคิดถึงพลังลึกลับของอาจารย์
  ‘ข้าจะอยู่ที่นี่อีกหนึ่งวันถ้าหากท่านอาจารย์กลับมาทัน เขาจะหาข้าเจอได้โดยง่าย!’
  ซือหยูคิดในใจ
  เทพปีศาจไม่สนใจเรื่องเวลาเลยมันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
  “เจ้าหนูขอบคุณสำหรับอาหารที่เจ้าเตรียมให้ วิญญาณเกินหมื่นดวงเสียอีก! หึหึ! พวกมันน่าอร่อยนัก!”
  ซือหยูทั้งหมดหวังและเป็นกังวล
  เขาไม่อยากจะให้เทพปีศาจกินวิญญาณเหล่านั้นเพราะมันจะต้องทำให้เทพปีศาจแข็งแกร่งขึ้นมาก
  มิติวิญญาณแข็งแรงมากก็จริงแต่ซือหยูไม่แน่ใจว่ามิติวิญญาณจะจองจำเทพปีศาจที่กินดวงวิญญาณเหล่านั้นได้อีกต่อไปหรือไม่
  “ทำไมเทพอ่อนพลังอย่างเจ้าถึงชอบกลืนกินดวงวิยญาณมากนัก?”
  ซือหยูพูดด้วยความขยะแขยง
  เซียนมณีเทพอสูรกระดูกโรย และเทพปีศาจนั้นฟื้นคืนพลังด้วยการกลืนกินดวงวิญญาณ เซียนมณีกับเทพอสูรกระดูกโรยถึงกับกินหัวใจไปด้วย
  “มันเข้าใจยากมากนักหรือ?วิญญาณเหล่านี้ถูกสร้างจากเทพที่มีแหล่งพลังเทพของโลก ดวงวิญญาณย่อมสะอาดบริสุทธิ์ ดังนั้นพวกข้าจึงฟื้นพลังแหล่งพลังเทพได้โดยการกลืนกินดวงวิญญาณ ถึงดวงวิญญาณจะมีแหล่งพลังเทพแค่ไม่มาก แต่พลังเล็กน้อยก็ประเมินมิได้ มิเช่นนั้นเซียนมณีจะแข็งแกร่งได้ในระยะเวลาเพียงเท่านี้หรือ? นางดูดซับแหล่งพลังจากการกินดวงวิญญาณของเขตมหาสัตว์อสูรยังไงล่ะ!”
  เทพปีศาจตอบอย่างเรียบเฉย
  ซือหยูโกรธแค้นเขาพูดอย่างจริงจัง
  “สำหรับเทพอย่างพวกเจ้าพวกเจ้าเห็นดวงวิญญาณเป็นอะไรกันแน่?”
  “อืม…ก็คงจะเป็นยาบำรุงกระมัง…”
  เทพปีศาจกล่าวด้วยรอยยิ้ม
  “ใจเย็นก่อน!ตอนที่เจ้าสามารถสร้างชีวิตได้ ความคิดของเจ้าต่อชีวิตก็จะเปลี่ยนไป สำหรับเทพส่วนใหญ่ ชีวิตก็เป็นแค่แหล่งพลังเล็ก ๆ! มันสามารถสร้างและเอามาใช้ใหม่เมื่อใดก็ได้!”
  “เทพกิเลนของจิวโจวก็คิดเหมือนข้าสำหรับเขา ชีวิตเองก็เป็นแหล่งพลัง ดังนั้นการสังหารยอดฝีมือในจิวโจวจึงเป็นเรื่องง่ายยังไงล่ะ!”
  เมื่อได้ฟังซือหยูรู้สึกไร้พลัง!
  ผู้สรรสร้างชีวิตรวมถึงเทพกิเลนล้วนปฏิบัติต่อชีวิตด้วยความไม่แยแส  เทพกิเลนเคยพูดว่าความตายของยอดฝีมือในจิวโจวก็เป็นเพื่อจิวโจวซือหยูไม่เคยลืมคำนั้น
  เซียนมณีเองก็ยอมรับว่าความตายของพวกเขาก็เพื่อตัวของพวกเขาเอง
  ในเวลานี้ซือหยูเริ่มเข้าใจความหมายของคำพูดเหล่านั้นแล้ว
  “เจ้าจะรออะไรอยู่?เจ้าอยู่รอบ ๆ ประตูมิติเทวะได้ไม่นานนะ!”
  สตรีสวมชุดไหมพูดโดยไม่ลืมตา
  คำพูดของนางทำให้ซือหยูตกใจจนต้องกระโดดออกจากประตูมิติเขามองนาง
  “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”
  เมื่อเขาออกมาจากหอเคลื่อนย้ายซือหยูหรี่ตามองประตูมิติ จากนั้นตะปูมิติที่มีอยู่ของเขาก็หายไปหนึ่งตัว
  เมื่อซือหยูเดินออกมานางเหลือบมองเขาจากด้านหลัง นางตาลุกวาว
  “หรือว่าเขา…”   นางดีใจนางรีบยืนขึ้นและวิ่งออกไปทันที
  “จริงด้วย!ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะมีทวีปบูรพา! เขาประหยัดเวลาให้ข้ามากทีเดียว!”