ภาคที่ 33 กลับชาติมาเกิด ตอนที่ 49 บรรพชนฝาน

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 49 บรรพชนฝาน Ink Stone_Fantasy

 

“เรื่องนี้มิอาจละเลยได้ เจ้าต้องรีบไปคารวะท่านบรรพชนโดยเร็วที่สุด” ฝานเทียนฉ่งพูดแล้วทอดถอนใจในทันใด “ข้าบำเพ็ญมานานปีถึงเพียงนี้ ก็เพิ่งจะเคยพบท่านบรรพชนเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเอง เจ้าช่างโชคดีเหลือเกิน ในภายหน้าสามารถไปพบท่านบรรพชนได้บ่อยๆ… ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าที่แท้แล้วท่านบรรพชนต้องตาอะไรในตัวเจ้ากันแน่! คงมิใช่แค่เพราะบำเพ็ญได้อย่างรวดเร็วหรอกกระมัง แล้วยังเป็นเพียงแค่ขั้นอลวนชั้นที่สิบเท่านั้นเองอีกด้วย”

ขั้นอลวนชั้นที่สิบที่รัฐประเทศลำดับสองลำดับสามเหล่านั้นก็จะต้องเป็นผู้ปกครองของฝ่ายหนึ่งอย่างแน่นอนแล้ว

แต่สำหรับ ‘บรรพชนฝาน’ ผู้สูงส่ง สามารถทำให้เขารับเป็นศิษย์ได้นั้นก็ช่างยากเย็นแสนสาหัส เทพจักรวาลจำนวนมากมายอยากจะกราบเขาเป็นอาจารย์ก็ไม่สามารถทำได้ การที่เขาจะรับศิษย์นั้น หนึ่งดูจากตัวศิษย์ สองคือดูอารมณ์ของตัวเอง ถ้าหากใจเขาไม่ชอบ ต่อให้ล้ำเลิศล้นฟ้าหรือร้ายกาจเพียงใดเขาก็คร้านที่จะรับ “ถึงแม้ว่าข้าจะมีความมั่นใจ แต่ถึงอย่างไรข้าก็เป็นประชากรของรัฐเมฆทักษิณาอยู่ดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “ท่านบรรพชนรักคนผิดเสียแล้วล่ะ”

“รักคนผิดหรือ”

ฝานเทียนฉ่งเบิกตาโพลง

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้wfh

“เจ้าเข้าใจหรือไม่ ที่แท้แล้วเจ้าเข้าใจหรือไม่ว่าท่านบรรพชนบ้านข้าเป็นใคร กราบเขาเป็นอาจารย์หมายความว่าอย่างไร” ฝานเทียนฉ่งเบิกตาโพลงพลางเอ่ยอย่างอดมิได้ว่า “กราบเข้าสู่สำนักของท่านบรรพชนบ้านข้าแล้วเจ้าก็สามารถเดินอาดๆ ไปรอบๆ รัฐประเทศทั้งหลายได้เลยนะ! ประมุขรัฐเมฆทักษิณาอะไรนั่นก็ยังมิกล้าละเลยเจ้าเลยแม้แต่น้อย”

ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายศีรษะเบาๆ เช่นเดิม

“ข้ายอมรับว่าประมุขรัฐเมฆทักษิณานั้นมั่งมี สมบัติล้ำค่าล้นเหลือเป็นอย่างยิ่ง คาดว่าคงจะสามารถมอบให้ท่านได้ไม่น้อยเลย แต่ว่านั่นล้วนเป็นเพียงของนอกกายเท่านั้น!” ฝานเทียนฉ่งตะโกนว่า “สมบัติล้ำค่านั้นได้มาง่าย! จะร้องขอก็ไม่มีทาง! นำไปสู่เคล็ดสืบทอดลับอันสุดยอด นั่นล้วนเป็นสิ่งที่ย่อมไม่มีทางเผยแพร่ออกสู่ภายนอก เช่นประมุขรัฐเมฆทักษิณา ตอนแรกถูกไล่ล่าสังหารเสียจนราวกับสุนัขจนตรอก ระหกระเหินไปทั่วทุกทิศเพียงเพื่อหนีเอาชีวิตรอดเท่านั้น”

“พี่เทียนฉ่ง เกินไปแล้วนะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงขมวดคิ้ว

ฝานเทียนฉ่งเอ่ยอย่างอดไม่ไหว “เอาล่ะๆ ข้าก็พูดเกินไปหน่อย แต่การระหกระเหินไปทั่วทุกทิศของประมุขรัฐของพวกเจ้าในตอนนั้น ภายหลังยังโชคดีได้เข้าไปในโบราณสถานอันโบร่ำโบราณแห่งหนึ่งแล้วได้รับต้นฉบับศาสตร์ลับเคล็ดวิชาสามชาติภพมา อีกทั้งยังได้รับสมบัติลับล้ำค่า ‘ดาบทวิภพ’ อันแข็งแกร่งเป็นที่สุดมาอีกด้วย อาศัย ‘ดาบทวิภพ’ จึงสามารถมีพลังยุทธ์ มีสถานะดังเช่นในปัจจุบันได้! ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับเคล็ดวิชาสามชาติภพมา แต่นั่นคือศาสตร์ลับขั้นสุดยอดทางด้านกาลเวลา ส่วนเจ้า อิงซานเสวี่ยอิงเป็นสายห้วงอากาศ เคล็ดวิชาสามชาติภพมิได้มีประโยชน์อันใดกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเคล็ดสืบทอดลับที่มุ่งไปสู่จุดสูงสุดนั้นล้ำค่าเพียงใด ประมุขรัฐของพวกเจ้าโชคดี จึงได้มีสถานะดังเช่นปัจจุบันนี้ ถ้าหากเจ้ากราบเข้าสู่สำนักของท่านบรรพชนก็จะได้รับถ่ายทอดเคล็ดสืบทอดลับที่เหมาะสมกับเจ้าในทันทีเลยนะ” ฝานเทียนฉ่งมองดูตงป๋อเสวี่ยอิง “ตอนนี้เจ้าปฏิเสธเสียแล้ว ด้วยอุปนิสัยของท่านบรรพชนบ้านข้า ในภายหน้าหากเจ้าอยากจะกราบท่านเป็นอาจารย์ก็จะทำไม่ได้แล้วนะ”

“ข้าเข้าใจ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า

ฝานเทียนฉ่งมองดูตงป๋อเสวี่ยอิง

ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มน้อยๆ “ท่านบรรพชนรักคนผิดเสียแล้วล่ะ”

“เฮ้อ”

ฝานเทียนฉ่งส่ายศีรษะเบาๆ “ถึงอย่างไรข้าก็ได้พูดในสิ่งที่ข้าควรจะพูดไปหมดแล้ว! ก็นับได้ว่าข้าทำเต็มที่กับเจ้าแล้วนะ น้องเสวี่ยอิงเอ๋ย ในภายหน้าหากเจ้านึกเสียใจก็มิอาจโทษข้าได้นะ”

“ข้าไม่โทษท่านแน่นอนอยู่แล้ว พี่เทียนฉ่ง ล้วนเป็นการตัดสินใจของข้าเองทั้งสิ้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด

“จริงๆ เลยนะ ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเจ้า…” ฝานเทียนฉ่งยังคงอดที่จะนึกถึงมันมิได้

ตงป๋อเสวี่ยอิงอมยิ้มเงียบๆ

ไม่กราบบรรพชนฝานเป็นอาจารย์…

เหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือเพื่อศึกษาเคล็ดร่างแยกให้สำเร็จเร็วที่สุด! พอตนเองสำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้วก็จะส่งร่างแยกกลับไป

ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็เป็นเพราะตอนนั้นที่ตนยังสำแดงเพียงแค่พลังยุทธ์ขั้นรวมเป็นหนึ่งระดับชั้นที่หก แม่เฒ่าอิงซานก็ได้ส่งหัวหอกเล่มนั้นมาให้! ถึงอย่างไรท่านบรรพชนก็เป็นเพียงแค่ขั้นอลวนชั้นที่สิบคนหนึ่งเท่านั้น นางอาจจะมีสมบัติล้ำค่าบางส่วนสะสมเอาไว้ แต่ว่าตามปกติก็เปลี่ยนเป็นอาวุธที่เหมาะสมกับตนเองที่สุดแล้ว ดังนั้นผู้แกร่งกล้าขั้นอลวนชั้นที่สิบจะบอกว่ามั่งมีก็มั่งมี จะบอกว่ายากจน ก็ยากจนข้นแค้น

ก็เหมือนกับตงป๋อเสวี่ยอิงที่มั่งมีเป็นอย่างยิ่ง หอกเทพเมฆาแดงเล่มหนึ่งก็มีมูลค่าเกือบๆ หมื่นล้านแก้วผลึกจักรวาลแล้ว! แต่หอกยาวเล่มนี้เขาก็ตัดใจขายไม่ลง นอกจากหอกยาวเล่มนี้แล้วสมบัติล้ำค่าอื่นๆ ในตัวเขาก็น้อยเสียจนน่าสงสารแล้ว โชคดีที่การสังหารมารเฒ่าเซวี่ยฝูและขั้นอลวนสี่คนในคราวนี้ จึงนับได้ว่าได้อะไรมาบ้างเล็กน้อย มิฉะนั้นก็คงยากจนยิ่งกว่านี้เสียอีก ดังนั้น…

หัวหอกเล่มนั้นก็เป็นปัจจัยเล็กๆ อย่างหนึ่งเช่นกัน

แน่นอนว่าเป็นเพียงแค่เหตุผลเล็กๆ เท่านั้น ถ้าหากทางสกุลฝานนั้นสามารถมอบเคล็ดร่างแยกให้ได้โดยตรง ต่อให้ตงป๋อเสวี่ยอิงจะรู้สึกผิดต่อแม่เฒ่าอยู่บ้าง ก็จะกราบเข้าสู่สกุลฝานด้วยความเต็มใจ ถึงเวลานั้นค่อยใช้วิธีการอื่นตอบแทนแม่เฒ่าก็ได้

แต่น่าเสียดายที่สกุลฝานเย็นชาเกินไป กฎเกณฑ์เคร่งครัด ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเพียงเพื่อเด็กน้อยคนหนึ่งอย่างเขาได้

สำหรับพวกเขาแล้วบรรพชนฝานเต็มใจรับศิษย์ก็เป็นบุญคุณอันล้นฟ้าแล้ว ต้องรู้ไว้ว่าอีกสองตระกูลใหญ่ของรัฐโบราณคิมหันตวายุนั้นมิได้แยแสสนใจรัฐประเทศภายนอกเลย ต่อให้พรสวรรค์ของเจ้าสูงส่งกว่านี้ก็ไม่มีทางรับ! จะรับเพียงแค่รัฐของตนเท่านั้น

******

ภายในวังหลวงของรัฐเมฆทักษิณา

ประมุขรัฐเมฆทักษิณากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นหญ้าสีดำ บนพื้นดินมีวัชพืชสีดำอันแปลกประหลาดเจริญอยู่ ที่เบื้องหลังของประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็คือสระลึกที่กินอาณาบริเวณราวๆ ร้อยจั้งแห่งหนึ่ง สระลึกมีน้ำสีเขียวครามไหลวน พื้นผิวของสระลึกแผ่กระไอหนาวเหน็บสีขาว ไอหนาวเหน็บแผ่กระจายไปรอบด้าน

“บรรพชนฝานถึงกับจะรับศิษย์เลยหรือ”

ประมุขรัฐเมฆทักษิณาขมวดคิ้ว

เขาใช้สมบัติล้ำค่าจำนวนนับไม่ถ้วนผูกไมตรีไปทั่วทิศ ดูเหมือนว่าเขาจะมีเส้นสายจำนวนมากอยู่ทั่วทั้งหกรัฐโบราณ รัฐโบราณคิมหันตวายุที่อยู่ใกล้กับรัฐเมฆทักษิณามากที่สุดนั้นเขาก็ยิ่งใช้จ่ายเป็นมูลค่ามหาศาลเพื่อสร้างมิตรไมตรีเอาไว้เป็นจำนวนมาก บรรพชนฝานถึงกับพยักหน้าหมายมั่นปั้นมือจะรับอิงซานเสวี่ยอิงเป็นศิษย์… ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาในระดับสูงของสกุลฝาน พวกเขามิกล้าทัดทานท่านบรรพชน ในบรรดาคนเหล่านั้นมีบางคนที่นำข่าวมาแจ้งให้ประมุขรัฐเมฆทักษิณาทราบ

“เด็กน้อยขั้นอลวนคนหนึ่ง ต่อให้มีพรสวรรค์ร้ายกาจ แต่ถึงอย่างไรก็มาจากรัฐประเทศภายนอก บรรพชนฝานถึงกับจะรับเป็นศิษย์อย่างนั้นหรือ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง

ผู้แกร่งกล้าระดับสุดยอดของรัฐโบราณคิมหันตวายุกลุ่มนั้นออกจะไม่เห็นรัฐประเทศรอบๆ อยู่ในสายตาเลยถึงแม้ว่าสกุลฝานจะสร้างไมตรีไปทั่วทิศ แต่ก็ยังมีความรู้สึกทะนงตนว่าข้าคือรัฐโบราณคิมหันตวายุอยู่ด้วย ถึงแม้บรรดาเค่อชิงเหล่านั้นต่างก็กราบคารวะเข้าสู่สกุลฝานกันหมดแล้ว แต่สกุลฝานก็ยังคงเลือกปฏิบัติกับเค่อชิงเหล่านั้นอยู่ดี

“บรรพชนฝาน”

ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเงียบงัน

บรรพชนฝานรับศิษย์ เขาก็มิได้มีความมั่นใจอีกแล้ว

“ท่านประมุขรัฐ ฝานเทียนฉ่งเคยพบเสวี่ยอิงแล้ว แต่เสวี่ยอิงก็ยังตัดสินใจที่จะกราบท่านประมุขรัฐเป็นอาจารย์อยู่ดี” แม่เฒ่าอิงซานถ่ายเสียงแจ้งข่าว นางเองก็มีความไม่สมดุลอยู่บ้าง ถึงอย่างไรนางก็คาดเดาถึงการรวมตัวกันของสกุลฝานได้ แต่กลับมิอาจคาดเดาถึงการที่ ‘บรรพชนฝานรับศิษย์’ ได้เลย อิงซานเสวี่ยอิงตัดสินใจแน่วแน่ที่จะกราบประมุขรัฐเมฆทักษิณาเป็นอาจารย์ นางก็หมดหนทาง

ประมุขรัฐเมฆทักษิณาประหลาดใจอยู่บ้าง

อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้เทิดทูนเขาถึงเพียงนี้เชียวหรือ อยากจะกราบเขาเป็นอาจารย์อย่างนั้นหรือ เป็นความเยาว์วัยไม่ประสีประสาเกินไป ไม่เคยประสบกับความล้มเหลวหรือไม่

“ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นเรื่องดีเสมอ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาเผยรอยยิ้มออกมา ผู้ช่วยที่ดีถึงเพียงนี้คนหนึ่ง อย่างน้อยก็ยังอยู่ภายในรัฐ มิฉะนั้นเมื่อใดที่เข้าสู่สกุลฝานก็คงฟังแต่คำสั่งสกุลฝานแล้ว

“ข้ามิได้ห้ามหรอกนะ เป็นเสวี่ยอิงเจ้าเด็กผู้นี้ที่ไม่เต็มใจจะกราบเข้าสู่สกุลฝานของเจ้าเอง” มุมปากของประมุขรัฐเมฆทักษิณาเผยรอยยิ้มสายหนึ่ง

……

ข่าวคราวก็แพร่กลับมายังสกุลฝานอย่างรวดเร็วแล้วรายงานขึ้นไปยังบรรพชนฝานท่านนั้น

บรรพชนฝานกำลังอยู่ที่พื้นดินอันรกร้างว่างเปล่า ขณะนี้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ริมลำธารสายหนึ่ง ใบหน้าของเขานั้นหากให้คนละคนมาดูก็จะเป็นลักษณะที่แตกต่างกัน

มีบางคนเห็นบรรพชนฝานเป็นหญิงสาวผู้งดงามทรงเสน่ห์ล้ำเลิศ

มีบางคนเห็นบรรพชนฝานเป็นผู้เฒ่าที่เคร่งขรึมคนหนึ่ง

หรือบางทีก็เป็นทารกน้อยน่ารัก หรือแม้กระทั่งเป็นยักษ์ศิลาที่สูงตระหง่านดุจภูผา ส่งกลิ่นอายอันเหนี่ยวนำให้ฟ้าดินสั่นสะท้าน หรือเป็นผู้วิเศษที่เปี่ยมเมตตา…

รูปลักษณ์ต่างๆ นานา

ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเกิดจากจิตวิญญาณ จิตวิญญาณแตกต่างกัน ก็จะเห็นเป็นรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน

พื้นฐานดังเช่นดินแดนจิตโลกา เขาก็เป็นบุคคลที่ยืนอยู่ที่จุดสูงสุดอันไร้ซึ่งศัตรู ร่วมมือกันกับสหายเก่าแก่อีกสองท่านสรรสร้างรัฐโบราณคิมหันตวายุขึ้นมา

“ปฏิเสธแล้วหรือ”

บรรพชนฝานมองดูลำธาร

กลางลำธารปรากฏภาพเหตุการณ์ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังบำเพ็ญ ภาพเหตุการณ์ตั้งแต่เขาเป็นเด็กน้อยเริ่มต้นบำเพ็ญ ทั้งหมดล้วนตกอยู่ภายใต้การสังเกตการณ์ของบรรพชนฝาน ตอนที่เขาซ่อนเร้นพลังยุทธ์ในอดีตก็ล้วนถูกสอดแนมจนหมดสิ้น กระทั่งตงป๋อเสวี่ยอิงบำเพ็ญวิถี ‘เขตลวงโลกเทียม’ ไปถึงระดับขั้นอลวน ก็ล้วนอยู่ภายใต้การสังเกตการณ์ของเขาทั้งสิ้น

“บำเพ็ญอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ตอนนี้ยังบำเพ็ญวิถีอากาศและเขตลวงโลกเทียมไปควบคู่กันอีกด้วย” บรรพชนฝานหัวเราะเบาๆ “เกรงว่าเจ้าเด็กผู้นี้จะเป็นผู้ที่มาจากโลกกำเนิดภายนอก แล้วหยวนอนุญาตให้กลับชาติมาเกิดกระมัง”

การกลับชาติมาเกิด

มิใช่ความลับสำหรับบุคคลระดับบรรพชนฝานเลย

เช่น ‘รัฐโบราณสหโลกา’ รัฐโบราณที่แข็งแกร่งที่สุดในหกรัฐโบราณ ซึ่งยังแข็งแกร่งกว่ารัฐโบราณคิมหันตวายุอยู่พอสมควร ที่รัฐโบราณสหโลกาได้ชื่อว่า ‘สหโลกา’ นั้นก็เป็นเพราะตอนนั้นบรรดาผู้เฒ่าที่ก่อตั้งรัฐโบราณสหโลกาหลายคนต่างก็มาจากการกลับชาติมาเกิดจากโลกกำเนิดอื่นๆ ในตอนเริ่มแรกผู้บำเพ็ญจำนวนหนึ่งก็รักษาความลับเอาไว้ แต่เมื่อพลังยุทธ์ไปถึงระดับหนึ่งแล้วก็ย่อมสามารถเปิดเผยสู่สาธารณะได้

“มาจากโลกกำเนิดภายนอก บางทีชาติก่อนเขาอาจจะได้เป็นเทพจักรวาลแล้วก็เป็นได้ สามารถได้รับอนุญาตจากหยวนได้ พรสวรรค์ก็ต้องไม่เลวเลย” บรรพชนฝานก็มิได้ใส่ใจ ปฏิเสธก็ปฏิเสธไปเถิด

เขาก็ตื่นเต้นอยู่เพียงแค่ชั่วขณะเดียวเท่านั้น

ก็เป็นเพราะเขามีความใส่ใจผู้ที่อยู่นอกรัฐประเทศเหล่านั้นเท่าๆ กัน ปรารถนาจะดึงดูดผู้แกร่งกล้าทั่วสารทิศ จึงจะมีกะจิตกะใจดูสักคราหนึ่ง การดูครั้งนี้ก็ได้ค้นพบความแตกต่างของตงป๋อเสวี่ยอิง

ในเมื่อเขาปฏิเสธก็ช่างเถิด

“พรึ่บ” บรรพชนฝานหลับตาลง แล้วทิ้งเรื่องนี้ออกไปจากสมอง มาถึงระดับขั้นเช่นเขานี้ การรับศิษย์ก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่ขึ้นอยู่กับอารมณ์เท่านั้นเอง

……………………………………….