ภาคที่ 33 กลับชาติมาเกิด ตอนที่ 50 กราบอาจารย์ ส่งมอบของกำนัล

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 50 กราบอาจารย์ ส่งมอบของกำนัล Ink Stone_Fantasy

 

รัฐเมฆทักษิณาจะมีพิธีแต่งตั้งท่านอ๋องใหม่ท่านหนึ่ง

นี่คือเรื่องใหญ่ของทั้งรัฐ ตระกูลอ๋องโหวจำนวนมากต่างก็ส่งบุคคลระดับสูงมุ่งหน้าไปยังนครหลวง

ทั้งร่างจริงของบรรดาเฟิงโหวและเฟิงอ๋อง หรือไม่ก็ส่งร่างแปรไป

หนึ่งวันก่อนหน้าพิธีแต่งตั้ง

“ไปกันเถิด พวกเราไปพบท่านประมุขรัฐกัน”

แม่เฒ่าอิงซานนั่งอยู่บนรถม้ากันสองคนกับตงป๋อเสวี่ยอิง มังกรมารสีดำถึงเก้าตัวลากจูงรถม้า มังกรมารทุกตัวล้วนเป็นมารรับใช้ที่สามารถสำแดงพลังรบขั้นอลวนระดับชั้นที่เก้าออกมาได้ สูงส่งกว่ามารรับใช้จื่อไป๋มากมายนัก! มังกรมารถึงเก้าตนมาลากจูงรถม้า… ทั่วทั้งรัฐเมฆทักษิณาก็มีเพียงแค่ประมุขรัฐเท่านั้นจึงจะมีเอกลักษณ์เช่นนี้ได้

ถึงอย่างไรมังกรมารตัวหนึ่งก็เพียงพอที่จะทำให้เฟิงอ๋องอย่างแม่เฒ่าอิงซานทุ่มเทสมบัติล้ำค่าจนสิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว

พูดถึงความมั่งมีในทั้งดินแดนจิตโลกา ต่างก็ถูกจัดอยู่ในแถวหน้า สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

……

ประมุขรัฐส่งรถม้ามารับด้วยตนเอง ตงป๋อเสวี่ยอิงและแม่เฒ่าอิงซานก็มาถึงภายในพระราชวังอย่างรวดเร็ว มาถึงสถานที่ที่ประมุขรัฐบำเพ็ญอย่างสงบอยู่เป็นประจำ

ตามปกติแล้วมีเพียงเรื่องใหญ่เท่านั้นจึงจะสามารถทำให้ภายในวังยอมรับได้

กิจวัตรตามปกติ ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็จะอยู่ภายในสถานที่บำเพ็ญตลอด ก็สามารถเห็นได้จากสิ่งนี้ว่าเขาทำเหมือนตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นคนกันเองแล้ว

“โฮก…”

มังกรมารเก้าตนคำรามพลางเคลื่อนที่ต่ำลง จากนั้นก็ค่อยๆ หยุดเคลื่อนที่อย่างช้าๆ

ตงป๋อเสวี่ยอิงและแม่เฒ่าอิงซานลงจากรถม้า รถม้าหายลับไปจากสายตาในทันที มังกรมารเก้าตนเดินจากไปในทันใด แล้วบินตรงไปอย่างส่วนลึกของยอดเขาที่ถูกไอสีขาวอันหนาวเหน็บบดบังทางด้านหลังไกลออกไปของประมุขรัฐเมฆทักษิณา

“คารวะท่านประมุขรัฐ”

ตงป๋อเสวี่ยอิงและแม่เฒ่าอิงซานต่างก็คารวะอย่างเคารพ

นี่คือครั้งแรกที่ตงป๋อเสวี่ยอิงได้พบกับประมุขรัฐเมฆทักษิณา ประมุขรัฐเมฆทักษิณาสวมอาภรณ์สีทองอันหรูหรางดงาม ร่างกายผอมเล็กนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นหญ้าสีดำ ถึงแม้ว่าจะร่างผอมเล็ก แต่กลับรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์กับห้วงอากาศบริเวณรอบๆ ทำให้คนอดที่จะเกิดความรู้สึกเคารพบูชามิได้

“ช่างเป็นตำนานในบรรดาวีรบุรุษโดยแท้” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจดีว่าผู้แกร่งกล้าที่มิได้เป็นหกรัฐโบราณคนหนึ่ง ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีเคล็ดสืบทอดลับ อาศัยเพียงแค่สมบัติลับล้ำค่าที่กล้าแกร่งชิ้นหนึ่งแล้วบำเพ็ญมาจนถึงระดับนี้ ก่อตั้งสำนักวิชา อีกทั้งยังขึ้นชื่อว่าเป็นสิบสำนักใหญ่ได้ ความมั่งมีของเขายังเลื่องลือไปทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา มั่งมีจนถึงระดับขั้นนี้ แม้กระทั่งบรรดาบรรพชนของหกรัฐโบราณเหล่านั้นก็ยังอิจฉาตาร้อนกันเป็นอย่างยิ่ง แน่นอนว่าย่อมต้องเคยลงมือกับประมุขรัฐเมฆทักษิณามาก่อนอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่เคยประสบความสำเร็จเลย ก็ได้แต่ยอมแพ้ไปเท่านั้น

แปดสำนักในบรรดาสิบสำนักใหญ่ล้วนมาจากหกรัฐโบราณทั้งสิ้น

ที่มิใช่หกรัฐโบราณ… หนึ่งก็คือสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ ส่วนอีกหนึ่งแห่งก็คือ ‘ลัทธิกระบี่สวรรค์’ ที่ประมุขรัฐกระบี่สวรรค์ก่อตั้งขึ้น

ประมุขรัฐกระบี่สวรรค์ก็เป็นวีรบุรุษแห่งยุคคนหนึ่งเช่นกัน แต่เขากลับมิได้มีความแกร่งดังเช่นประมุขรัฐเมฆทักษิณา เขาทำกำไรเป็นแก้วผลึกจักรวาลจำนวนมหาศาล แต่กลับส่งมอบให้กับรัฐโบราณคิมหันตวายุและรัฐโบราณสหโลกาเป็นจำนวนมาก จึงเพียงพอที่จะทำให้ ‘ลัทธิกระบี่สวรรค์’ แผ่ขยายไปได้ตามอำเภอใจ ถึงขนาดที่ระดับความแพร่หลายร้ายกาจกว่าสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์อยู่เล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรก็ยังถูกสองรัฐโบราณกดดัน พูดถึงความมั่งคั่งก็ย่อมห่างชั้น มิอาจเทียบกับประมุขรัฐเมฆทักษิณาได้เลย

ตอนแรกประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็สามารถต้านทานการสังหารระลอกแล้วระลอกเล่าได้ นั่งประจำตำแหน่งอย่างมีเสถียรภาพผ่านวันเวลาอันยาวนานมาจนกระทั่งบัดนี้ พื้นฐานของเขาก็ย่อมทวีความลึกล้ำยากหยั่งถึง  แน่นอนว่าเขาอยู่อย่างถ่อมตนมาโดยตลอด สร้างมิตรไมตรีไปทั่วทิศ พลังยุทธ์อันแท้จริงของเขาที่แท้แล้วเป็นเช่นไร ตอนนี้ก็ยังคงเป็นความลับอยู่

“ข้าประหลาดใจนัก เหตุใดเจ้าจึงเลือกข้าเป็นอาจารย์ มิใช่บรรพชนฝานเล่า” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูดพลางยิ้มน้อยๆ ในขณะนี้ข้างกายของเขามีเงาร่างอื่นๆ อีกห้าสายยืนอยู่ ซึ่งก็คือศิษย์คนอื่นๆ อีกห้าคนของประมุขรัฐเมฆทักษิณา ทุกคนต่างก็มองดูตงป๋อเสวี่ยอิง พวกเขาต่างก็ประหลาดใ

เช่นเดียวกัน…บรรพชนฝานรับศิษย์หรือ แล้วอิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้ยังปฏิเสธอีกด้วยอย่างนั้นหรือ

“ข้าอยากศึกษาเคล็ดร่างแยกให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา

“เคล็ดร่างแยกหรือ”

ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพยักหน้าน้อยๆ

บรรดาศิษย์พี่ชายหญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินวาจานี้แล้วกลับเกิดความคิดต่างๆ นานาขึ้นมา

“เคล็ดร่างแยกเป็นเคล็ดลับรักษาชีวิตระดับยอดสุดของดินแดนจิตโลกา ยากที่จะศึกษาได้อย่างแท้จริง  แต่อาจารย์ก็จะถ่ายทอดให้กับศิษย์โดยตรง”

“ช่างมีบุคลิกระแวดระวังตนยิ่งนัก”

“กลัวตายหรือไร เฮอะ กลัวว่าอยู่ในสกุลฝานแล้วจะตายเสียตั้งแต่ยังมิได้เป็นเทพจักรวาล ศึกษาเคล็ดร่างแยกไม่สำเร็จกระมัง”

พวกเขาคิดกันไปต่างๆ นานา

แต่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็เพียงแค่ประหลาดใจเท่านั้น เขาย่อมมิได้สนใจเหตุผลของตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่แล้ว เขาก็มิได้เหมือนกับบรรพชนฝานที่เลือกศิษย์ตามอารมณ์เท่านั้น ประมุขรัฐเมฆทักษิณาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ผู้ช่วยที่ร้ายกาจจำนวนหนึ่ง ถึงอย่างไรไม่ว่าจะเป็นการทำให้รัฐเมฆทักษิณามีเสถียรภาพมั่นคง หรือว่าการเผยแพร่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ ก็จำเป็นต้องใช้ยอดฝีมือผู้ร้ายกาจทั้งสิ้น

“เอาล่ะ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพยักหน้า “เจ้าคุกเข่าเสียสิ”

“อิงซานเสวี่ยอิงคารวะท่านอาจารย์” ตงป๋อเสวี่ยอิงคุกเข่าลงกราบอาจารย์ในทันที ผู้สำเร็จย่อมมาก่อน ในภายหน้าการบำเพ็ญทางด้านห้วงอากาศของเขายังต้องให้ประมุขรัฐเมฆทักษิณาชี้แนะ ทั่วทั้งดินแดนจิตโลกานั้น ผู้ที่สามารถเทียบเคียงกับประมุขรัฐเมฆทักษิณาทางด้านห้วงอากาศนั้นน้อยจนสามารถนับนิ้วได้ ก็ย่อมมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นอาจารย์ของตนอยู่แล้ว

ประมุขรัฐเมฆทักษิณาอมยิ้มน้อยๆ พลางพยักหน้าเอ่ยว่า “พวกเรามีกฎเกณฑ์น้อยนิด เพียงแค่อย่างเดียวเท่านนั้นก็คือห้ามทรยศหักหลังสำนัก ก่อนหน้านี้เจ้าเป็นเพียงแค่ศิษย์ภายใต้สำนักคนหนึ่ง ที่เรียนได้ก็มีเพียงแค่เคล็ดสืบทอดลับวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าเท่านั้น ศาสตร์ลับศาสตร์นี้มีผู้เรียนรู้เป็นจำนวนมาก ถึงเจ้าจะคารวะเข้าสู่ขุมอำนาจอื่นก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้ในเมื่อเป็นศิษย์ถ่ายทอดเองของข้าแล้วก็ห้ามทรยศสำนัก ถ้าหากหักหลังแล้วข้าก็จะตามล่าสังหารเจ้าโดยไม่เสียดายสิ่งใดเลย”

“ศิษย์เข้าใจดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด

ประมุขรัฐเมฆทักษิณาอยากจะสังหารผู้ใด…

ต่อให้ตัวเขามิอาจฆ่าให้ตายได้ด้วยตนเอง ด้วยความมั่งมีของเขาก็สามารถเชื้อเชิญบุคคลผู้ไร้เทียมทานระดับบรรพชนฝานไปลงมือให้ได้อยู่แล้ว!

“เอาล่ะ” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพยักหน้าแล้วพลิกมือขวาคราหนึ่ง ก็มีตำรากึ่งโปร่งแสงสองเล่มปรากฏขึ้น บนตำรามีประกายสีทองระยิบระยับ

“เข้าสู่สำนักของข้า จะต้องศึกษาเคล็ดร่างแยกและศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา สองเคล็ดวิชาการรักษาชีวิตนี้เสียก่อน” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูด ตำราสองเล่มในมือลอยไปถึงตรงหน้าตงป๋อเสวี่ยอิง “ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาเป็นเคล็ดวิชาที่ข้าคิดค้นขึ้น ส่วนเคล็ดร่างแยกศาสตร์นี้ของข้า เดิมทีเป็นข้าที่ริเริ่มคิดค้น ต่อมา ‘คนพเนจร’ หนึ่งในห้าบรรพชนของรัฐโบราณสหโลกาได้ช่วยทำให้สมบูรณ์แบบ”

ตงป๋อเสวี่ยอิงรับมา

“ปัง”

รับสัมผัสเล็กน้อย

ทันใดนั้นประกายจำนวนมหาศาลก็ลอยออกมาจากกลางตำรา ลอยเข้าสู่ส่วนลึกของหว่างคิ้วตงป๋อเสวี่ยอิง

วิชาสืบทอดสองศาสตร์ ด้วยระดับความแข็งแกร่งของวิญญาณเขาก็จดจำลงไปจนหมดสิ้นได้อย่างรวดเร็วยิ่ง

“โอ้” ตงป๋อเสวี่ยอิงประหลาดใจเล็กน้อย

ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาก็แล้วไปเถิด ชาติก่อนตนก็สามารถทำการส่งถ่ายผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้ ความจริงแล้วก็คือศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกา ถึงแม้ว่าจะเป็นโลกกำเนิดสองแห่งที่แตกต่างกัน ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกามีความแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ก็มีพื้นฐานที่เหมือนกัน เขาเพียงแค่อ่านดูรอบหนึ่งก็เรียนรู้ได้สำเร็จในทันที

ส่วนเคล็ดร่างแยกนั้นแตกต่างไปจากที่เขาคาดคิดเอาไว้

เคล็ดร่างแยกศาสตร์นี้

ถึงอย่างไรก็ต้องบำเพ็ญศาสตร์ ‘ทลายเวหา’ หนึ่งในสองเคล็ดสืบทอดลับของวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าให้สำเร็จก่อน! ศาสตร์นี้ก็คือพลังยุทธ์ระดับขั้นอลวนชั้นที่สิบ มีเพียงการฝึกศาสตร์นี้ให้สำเร็จเท่านั้น ด้วยสิ่งนี้ทลายเวหา ก็คือสามารถตีพื้นฐานห้วงอากาศของโลกกำเนิดให้แตกได้แล้ว สัมผัสได้ถึงโลกระดับที่สูงขึ้นของโลกภายนอก หลังจากนี้ด้วยการดึงดูดกลิ่นอายของโลกภายนอกมาบำเพ็ญวิญญาณของตนเอง จึงมีความหวังที่จะสำแดงเคล็ดร่างแยกออกมาได้

“นี่คงจะไม่เหมือนกันกับเคล็ดร่างแยกของจ้าวภูเขาฉื้อเหมย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ

ตัวจ้าวภูเขาฉื้อเหมยเองก็มีพลังยุทธ์ขั้นอลวนชั้นที่เก้า แต่กลับมีเคล็ดร่างแยกแล้ว

เห็นได้ชัดว่าเคล็ดร่างแยกของทั้งสองคนนั้นไม่เหมือนกัน

ตัวประมุขรัฐเมฆทักษิณาเองก็พูดแล้วว่าเป็นเขาที่คิดค้นขึ้นมาก่อน ภายหลังจึงได้ ‘คนพเนจร’ หนึ่งในห้าบรรพชนรัฐโบราณสหโลกามาทำให้สมบูรณ์

“เส้นทางการเข้าสู่สำนักแตกต่างกัน แต่กลับสามารถบำเพ็ญเคล็ดร่างแยกได้สำเร็จเหมือนกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบทอดถอนใจ

“ที่ดินแดนจิตโลกา ผู้ที่มีวิชาสืบทอดเคล็ดร่างแยกนั้นน้อยจนสามารถนับนิ้วได้” ประมุขรัฐเมฆทักษิณามองดูตงป๋อเสวี่ยอิง “เหล่าเทพจักรวาลต่างก็อยากที่จะศึกษา แต่ก็ไม่มีหนทางที่จะศึกษาได้ แม้กระทั่งภายในสกุลฝาน ก็ยังเป็นเคล็ดลับระดับขั้นสูงสุดเลยทีเดียว”

ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ยังมีความภาคภูมิใจอยู่พอสมควร

“นี่คือวัตถุล้ำค่าที่จำเป็นต้องใช้ในการบำเพ็ญไปถึงร่างเมฆทักษิณาทิพย์ชั้นที่สิบอันสมบูรณ์” แล้วประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็โบกมือคราหนึ่ง ก่อนจะส่งกำไลเก็บวัตถุวงหนึ่งมาให้ นี่ก็เป็นเรื่องปกติที่เขาทำเช่นนี้กับศิษย์ทุกคน “บำเพ็ญให้ดีๆ ล่ะ ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า การบำเพ็ญเคล็ดสืบทอดลับวิชาเมฆทักษิณาทิพย์สิบสองกระบวนท่าจนสำเร็จก็น่าจะรวดเร็วเช่นกัน ยังมี… มังกรมารตนนี้ ยกให้เป็นพาหนะของเจ้าก็แล้วกัน”

พูดพลางโบกมือคราหนึ่ง

โฮก~~~

ที่ด้านหลังของสระลึกที่อยู่เบื้องหลัง ท่ามกลางทิวเขาที่ปกคลุมด้วยไอหนาวเหน็บ มังกรมารดำตนหนึ่งบินออกมา มันบินมาถึงตรงหน้าตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างฉลาดเฉลียวยิ่ง

พูดแล้วก็มอบลูกแก้วสีแดงโลหิตลูกหนึ่งให้กับตงป๋อเสวี่ยอิง ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจว่านี่ก็คือแก่นที่ใช้ควบคุมมังกรมารดำ เช่นมารรับใช้จื่อไป๋ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะติดตามตนเองอยู่ แร่ในความเป็นจริงแล้วเจ้านายของมันก็คือแม่เฒ่าอิงซาน

“มังกรมารหรือ” ในบรรดาศิษย์ห้าคนที่อยู่ด้านข้าง นอกจากสองคนที่ยังสามารถรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ได้ คนอื่นๆ อีกสามคนล้วนมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย

สิ่งที่มอบให้ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นไปตามปกติทั้งสิ้น

มังกรมาร…

ตอนที่พวกเขากราบอาจารย์ล้วนไม่ได้รับกันทั้งสิ้น! นี่เป็นสิ่งที่เพิ่มให้เป็นพิเศษ! มังกรมารที่จงรักภักดีซึ่งสามารถสำแดงพลังยุทธ์ขั้นอลวนชั้นที่เก้าได้ตนหนึ่ง มูลค่าสูงถึงหนึ่งพันห้าร้อยล้านแก้วผลึกจักรวาลเลยทีเดียว! แล้วจะให้พวกเขาสงบจิตสงบใจได้อย่างไรกัน

………………………………………………..