ตอนที่ 779 คนตัดหญ้า

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 779 คนตัดหญ้า

เฉินเฉียนมองศพของฮั่วจิงที่อยู่บนพื้นด้วยอารามตกตะลึงงัน

เขาเงยหน้าขึ้นมาช้า ๆ ดวงตาเย็นเยือกราวกับตาของเพชรฆาต พลางจดจ้องไปยังเจิ้งเถี่ยโถวและอู๋ฉาง

หลังจากนั้นเขาก็ชี้ไปยังด้านล่าง “นี่คือทหารดาบเทวะ ข้าจำได้ว่าพวกเขาทำเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านเมืองซินโจว แต่พวกเจ้า… พวกเจ้ามิได้บอกว่าต้องอยู่ที่นี่เพื่อขัดขวางชาวฮวงหรอกหรือ ? ”

“คาดมิถึงว่าพวกเจ้าจะสั่งให้ทำลายเหล่าทหารดาบเทวะ ! ”

เฉินเฉียนตะโกนเสียงดัง ดวงตาของเขาแดงก่ำ จากนั้นก็จดจ้องไปยังทหารทั้งสองนาย พลางเอ่ยอย่างดุดัน “ด้านล่างคือชาวฮวง พวกเจ้ารีบออกคำสั่งให้สังหารพวกมันเสีย ! ”

“นี่คือปืนที่ติ้งอันป๋อสร้างขึ้นแล้วมอบให้แก่พวกเรา ทว่าพวกเจ้ากลับใช้ปืนนี้ไปสังหารทหารดาบเทวะของติ้งอันป๋อ ! ”

“พวกเขาคือกองทัพของราชวงศ์หยู ทหารดาบเทวะคือผู้พิทักษ์บ้านเมืองที่ฟ้าประทานให้แก่ฝ่าบาท หรือพวกเจ้าจะกบฏเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

บนซงกั่งแห่งนี้บังเกิดความเงียบ ไร้ซึ่งสุ้มเสียงใด

โดยมีเพียงเสียงตวาดของเฉินเฉียนเท่านั้นที่ดังขึ้นมา

“เฉินเฉียนหุบปาก ! นี่คือคำสั่ง ! คำสั่งที่ท่านแม่ทัพใหญ่บัญชาให้แก่พวกข้า ! ”

“คำสั่งกับผีน่ะสิ ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วที่พวกเจ้าบอกว่ากองทัพของแม่ทัพหานก่อกบฏ แท้จริงเป็นพวกเจ้าต่างหากที่ก่อกบฏ ! เจ้านำคำสั่งของท่านแม่ทัพใหญ่ออกมาให้เหล่าสหายได้อ่านสิ ! ”

อู๋ฉางและเจิ้งเถี่ยโถวสบตากัน จากนั้นก็หยิบคำสั่งของท่านแม่ทัพใหญ่เผิงออกมาจากอกเสื้อ จากนั้นก็ส่งให้กับเฉินเฉียน

เฉินเฉียนอ่านพร้อมกับคิ้วที่เลิกขึ้น ทันใดนั้นก็ขบกรามแน่นแล้วฉีกคำสั่งเป็นชิ้น ๆ เขามิได้ตวาดออกไปอีกครา น้ำเสียงแปรเปลี่ยนเป็นทุ้มลึก “คำสั่งเยี่ยงนี้… ข้ามิขอปฏิบัติตาม ! ”

“หากพวกเจ้าอยากจะปะทะกับทหารดาบเทวะก็เชิญ แต่ข้ามิไป ! ถ้าการเป็นทหารที่ยอดเยี่ยมมันไร้ค่า ข้าขอลาออก ! ”

เขาแบกศพของฮั่วจิงขึ้นมา จากนั้นก็เดินลงเขาไปทีละก้าว อีกทั้งยังทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยคว่า “ข้าขอยกให้กองทัพทหารชายแดนเหนือเป็นความอัปยศใหญ่หลวงที่สุดในชั่วชีวิตนี้ ! ”

เจิ้งเถี่ยโถวยกปืนในมือขึ้นมา จากนั้นก็เล็งไปทางเฉินเฉียน

ทว่าในชั่วพริบตานั้นเอง มีปืนจำนวนมากเล็งมาที่เขาด้วยเช่นกัน

“พวกเจ้า… ก็มิอยากทำตามคำสั่งเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“คำสั่งเยี่ยงนี้มิสมควรปฏิบัติตาม ! ”

“ดังนั้นพวกเจ้าจะขัดขืนเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“หากเจ้ากล้าสังหารเขา พวกเราก็กล้าต่อต้าน ! ”

สุดท้าย เจิ้งเถี่ยโถวก็มิได้ลั่นไกปืนในมือออกไป ขบวนทัพ 60,000 นายจึงแตกออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งนำอาวุธติดตามไปกับเฉินเฉียนราว 40,000 นาย

เหลือเพียง 20,000 นายเท่านั้นที่ยังอยู่บนซงกั่ง ทว่ามิมีผู้ใดเอ่ยถึงการไล่ตามทหารดาบเทวะอีกต่อไป แม้แต่เจิ้งเถี่ยโถวและอู๋ฉางก็มิเอ่ยถึง

“หานเฟิ่งตายอย่างไร้ความเป็นธรรมอย่างแท้จริง ! ” อู๋ฉางทรุดกายลงนั่งกับพื้นหิมะ

“ศึกในครานี้ช่างน่าละอายยิ่งนัก ! ” เจิ้งเถี่ยโถวเองก็ทรุดลงนั่งบนพื้นหิมะด้วยเช่นกัน

“ดังนั้น…งานนี้จึงมิประสบความสำเร็จแล้ว จะทำเยี่ยงไรต่อไปดี ? ”

“…ข้ารู้สึกว่าเฉินเฉียนเอ่ยถูก ข้าเป็นทหารกองทัพชายแดนเหนือมายี่สิบกว่าปี นี่เป็นคราแรกที่เล็งปลายกระบอกปืนไปทางคนของตน เป็นคราแรกที่สังหารสหายร่วมรบของตน เป็นคราแรกที่เปิดประตูด่านให้สุนัขชาวฮวงด้วยตนเอง ชาวเมืองซินโจวตกตายไปกว่าครึ่ง พวกเขาต้องตายเพื่อปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของตน…”

เจิ้งเถี่ยโถวทิ้งปืนในมือ จากนั้นก็มองไปทางอู๋ฉางพร้อมเอ่ยถามว่า “ยังจำประโยคที่อยู่บนป้ายหลุมศพหน้าจวนอันกั๋วกงได้หรือไม่ ? ”

อู๋ฉางหัวเราะอย่างขมขื่น “อย่าทรยศต่อบ้านเมือง อย่าทรยศต่อกองทัพ อย่าหันดาบในมือของตนไปทางคนในแคว้น อย่าให้ศัตรูก้าวเข้ามาในแคว้นได้แม้เพียงก้าวเดียว… ! ”

“พวกเรา…จะชดใช้ความผิดนี้เยี่ยงไรดี ? ”

“ก็ต้องสังหารชาวฮวงเพื่อชดใช้ความผิด ! ”

“เยี่ยงนั้นก็ไปสังหารเถิด ตายไปเสียยังดีกว่ามีชีวิตอยู่ ! ”

กองทัพ 20,000 นายถือปืนขึ้นมาอีกครา พวกเขาโผทะยานลงไปด้านล่าง ส่งผลให้กองทัพดาบสวรรค์ที่สองที่อยู่ในลำธารป่าสนซึ่งกำลังไล่โจมตีทัพของฟู่เสี่ยวกวนโดนกัดหาง

เสียงปืนทำลายความเงียบของราตรีกาลจนสิ้น โลหิตสีสดเจิ่งนองอยู่บนพื้น

เฉินเฉียนหยุดลงแล้วหันกลับไปมอง นิ่งเงียบไปสิบอึดใจจากนั้นก็วางศพของฮั่วจิงลงแล้วเอ่ยเสียงแผ่วว่า “ถือว่าพวกเขายังมีจิตใจที่เข้มแข็งอยู่ สหายฮั่ว บัดนี้คงต้องวางเจ้าเอาไว้ที่นี่ชั่วคราว ข้าต้องไปสังหารชาวฮวงก่อน พอเสร็จสิ้นแล้ว ข้าจะนำเจ้าไปฝังที่ด่านภูเขาเยี่ยน ! ”

……

……

ฟู่เสี่ยวกวนหยุดฝีเท้าลง

เขายกกล้องส่องทางไกลขึ้นมองสนามรบแสนดุเดือดตรงนั้น

หรือว่าตนจะทำผิดไปเยี่ยงนั้นหรือ ?

ทหารที่ดักซุ่มอยู่บนซงกั่ง แท้จริงแล้วมีเพื่อสกัดชาวฮวงกลุ่มนี้เยี่ยงนั้นหรือ ?

ผู้บัญชาการกองทัพดาบสวรรค์ที่สองท่าป๋าเสวี่ยเฟิงได้เปลี่ยนทิศอาชาไปแล้ว การต่อสู้ในค่ำคืนนี้คงทำให้มันสับสนไปเสียหมด

ศัตรูที่วิ่งราวกับโผบินอยู่เบื้องหน้ากลุ่มนั้น คือตัวหลอกล่อเยี่ยงนั้นหรือ ?

พวกที่โผล่มาจากด้านหลังต่างหากคือกำลังหลักของศัตรู ข้าเข้าใจถูกหรือไม่ ?

ทว่ามิเหมือนกำลังหลักเลยนี่ เหตุใดจึงมีคนเพียงเท่านี้เล่า ?

ในมือของพวกเขามีปืนคาบศิลาหรือจะเป็นทหารดาบเทวะกัน ?

“สังหารพวกมันให้หมด ! ” ท่าป๋าเสวี่ยเฟิงตวัดดาบออกไป ทหารม้าชาวฮวงโผทะยานเข้าหากองทัพชายแดนเหนือ 20,000 นาย

ทหารกองทัพชายแดนเหนือล้มลงไปทีละคน ส่วนทหารม้าชาวฮวงก็ถูกยิงทะลวงอก เกิดเสียงแตกหักของกระดูกยามม้าศึกเหยียบย่ำศพบนพื้น เกิดเสียงโอดครวญยามมีดาบฟันร่างของชาวฮวงและมีเสียงหวีดร้องสุดท้ายดังออกมาจากทหารกองทัพชายแดนเหนือ บางคนถูกดาบของชาวฮวงฟันเข้าให้

สำหรับทหารกองทัพชายแดนเหนือนี่คือศึกชดใช้ความผิด พวกเขาพกพาปณิธานแน่วแน่ที่จะตายมาด้วย พวกเขาจะมอบบทเรียนอันแสนสาหัสให้แก่ทหารม้าของแคว้นฮวงกลุ่มนี้ด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้อันแข็งแกร่ง

ในยามที่เฉินเฉียนพากองทัพชายแดนเหนือ 40,000 นายมาถึง แท้จริงแล้วเพิ่งจะผ่านไปเพียง 1 ก้านธูปเท่านั้น

ทว่าภายในระยะเวลา 1 ก้านธูปนี้ สหายร่วมรบ 20,000 นายเหลือผู้รอดชีวิตมิมากเท่าใดแล้ว

ทหารม้าชาวฮวงหกหมื่นนายก็สูญเสียไปถึงสองหมื่นกว่านาย !

การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป เฉินเฉียนลั่นไก 1 นัดสังหารชาวฮวง 1 นายจนตกจากหลังอาชา ชักดาบที่เหน็บอยู่ช่วงเอวออกมาแล้วคำรามลั่นโผทะยานขึ้นไป ปรากฏภาพหนึ่งดาบบั่นหัวอาชาและหนึ่งดาบนี้ก็ได้ตัดช่วงเอวของชาวฮวงที่อยู่บนหลังม้าขาดเป็นสองท่อน

“ข้าจะสังหารเศษเดนเยี่ยงพวกเจ้าให้สิ้น ! ”

ทหารราบ 40,000 นายหลั่งไหลมาราวกับสายน้ำ โลหิตร้อนละลายหิมะบนพื้น สายโลหิตสีแดงสดไหลรินอยู่ในร่องลำธารป่าสนราวกับลำธารเล็ก ๆ สีแดงสายหนึ่ง

“ศิษย์พี่แปด…”

“อือ”

“ช่วยพวกเขา ! ”

“รับทราบ ! ”

กองพลอิสระ 5,000 นายย้อนกลับมารุกสังหารอีกครา 1 ชั่วยามให้หลังท่าป๋าเสวี่ยเฟิงก็ได้สิ้นใจลง ส่วนกองทัพดาบสวรรค์ที่สองจำนว 60,000 นายก็ถูกกวาดล้างจนสิ้น

ทัพ 40,000 นายของเฉินเฉียนเหลือเพียง 3,000 นายเท่านั้น

ภายในลำธารป่าสนนี้ มีซากศพทั้งสิ้น 120,000 ศพ !

ซากศพกองพะเนินราวกับภูเขาขนาดย่อม

แขนขวาของเฉินเฉียนหัก ทว่ามือซ้ายของเขายังคงจับดาบได้อยู่

เขาหันมาจ้องมองซูม่อ ริมฝีปากยกยิ้มขึ้น “ทหารดาบเทวะเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ใช่ ! ดาบเทวะกองพลอิสระ พวกเจ้าคือทหารกองทัพชายแดนเหนือเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

เฉินเฉียนเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าของเขาแสดงสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย เกล็ดหิมะจำนวนหนึ่งตกกระทบใบหน้าเปื้อนโลหิตของเขา

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกและหันไปมองทางซูม่อก่อนจะส่ายศีรษะ “มิใช่ ! พวกเรามิใช่ทหารกองทัพชายแดนเหนือ”

เขาหมุนตัวช้า ๆ ซูม่อจึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า “เยี่ยงนั้นพวกเจ้าคือกองทัพใด ? ”

เขาส่ายหน้าไปมา “พวกเราเป็นเพียงคนตัดหญ้า”

ตัดหญ้า ในที่นี้หมายถึงไปแคว้นฮวงเพื่อล่าสังหารชาวฮวง

ทหารดาบเทวะเองก็เคยไปตัดหญ้าที่แคว้นฮวงมาแล้ว ซูม่อจึงแสดงความเคารพเยี่ยงทหาร แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “รักษาตัวด้วย ! ”

เฉินเฉียนมิได้หันกลับไปมอง เขายกมือเพียงข้างเดียวขึ้นมาแล้วโบกมือให้กับซูม่อ

เขาพาทหารที่รอดตาย 3,000 นายจากไป โดยแบกศพของฮั่วจิงไว้ที่หลังและหายตัวไปท่ามกลางความมืดมิดของยามราตรี