ตอนที่ 780 คำสั่ง

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 780 คำสั่ง

รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบเอ็ด เดือนสอง วันที่ยี่สิบแปด อากาศแจ่มใส

ในที่สุดหิมะที่ตกหนักตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาก็ได้สิ้นสุดลงเสียที

อากาศแจ่มใสเช่นนี้ เดิมทีควรให้ความรู้สึกสดชื่นรื่นรมย์ ทว่าบัดนี้เฟิงเสียนชูแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นอี๋ที่ประจำการอยู่ในอาณาเขตหลานฉีของแคว้นฮวง ได้บังเกิดอารมณ์มิดีเยี่ยงสภาพอากาศเอาเสียเลย

อย่าว่าแต่มิดีเลย บัดนี้สีหน้าของเขาแสนมืดมน ประหนึ่งโดนหิมะกลบฝังเอาไว้ใต้ดิน

มิมีเสบียงอาหารส่งมากว่าครึ่งเดือนแล้ว !

กองทัพที่ต้องอยู่ท่ามกลางหิมะอันหนาวเหน็บเช่นนี้ แต่ละวันทหารรูปร่างกำยำกว่า 200,000 นายต้องกินต้องดื่มเป็นจำนวนมาก แต่บัดนี้อาหารที่เหลืออยู่แทบจะเห็นก้นหม้ออยู่แล้ว

อาหารในแต่ละวันของเหล่าทหาร เดิมทีวันละ 3 เวลาก็ถูกเปลี่ยนเป็นวันละ 2 เวลา และบัดนี้พวกเขาได้รับประทานอาหารเพียงวันละ 1 มื้อเป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้ว… หากเสบียงยังมิส่งมาอีกก็เกรงว่าทหารจำนวน 200,000 นายเหล่านี้คงหิวตายกันอยู่ที่นี่ !

แน่นอนว่า… เขารู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด

ผืนปฐพีของแคว้นอี๋ถูกทำลายไปกว่าสามในสิบส่วนและกองทัพทหารที่บัดนี้เพิ่งสืบพบว่าคือกองทัพใด พวกมันมีจำนวน 100,000 นายเท่านั้น… พวกมันมีนามว่าทหารดาบเทวะกองทัพที่สองและผู้บัญชาการคือไป๋ยู่เหลียน !

กองทัพนั้นล้วนเป็นองครักษ์ชุดแดงแห่งราชวงศ์อู๋ที่รวมตัวกันขึ้นมา พวกมันช่างเก่งกาจเสียจริง ต่อให้เป็นเฟิงเสียนชูก็ยังไร้ความสามารถที่จะรั้งพวกมันเอาไว้ได้

นอกเสียจากว่าจะสามารถรวบรวมทหารได้จำนวน 800,000 นาย และทหารทั้งแปดแสนนั้นจะต้องยินยอมทำการสู้รบกับพวกมัน

ในยามที่เขากำลังนั่งอยู่ในกระโจมแม่ทัพนั้น ทหารนายหนึ่งก็ได้เดินเข้ามาด้วยความระมัดระวัง จากนั้นก็กระซิบว่า “ท่านแม่ทัพขอรับ อาหารวันละ 1 มื้อ…บัดนี้เกรงว่าจะสามารถอยู่ได้เพียง 3 วันเท่านั้น ! ”

เฟิงเสียนชูสูดหายใจเข้าลึก แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปก่อนเถิด”

เขาขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น สายตาจ้องมองไปบนโต๊ะซึ่งมีรายงานฉบับล่าสุดของหน่วยสอดแนมวางเอาไว้อยู่

ทหารดาบเทวะกองทัพที่สองมิได้มุ่งหน้าไปทางเมืองไท่หลินซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นอี๋ ทว่าพวกมันกลับมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ… พวกมันต้องการไปที่ใดกันแน่ ?

ตะวันตกเฉียงเหนือ… หรือว่าพวกมันจะหันกลับไปยังเทือกเขาฉางหลิงและร่วมกันโจมตีพร้อมกับทหารชายแดนตะวันออกของราชวงศ์หยู ?

หรือว่า… อยู่ ๆ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนในทันใด เขาเดินตรงเข้าไปหน้าแผนที่ สายตาจ้องมองไปยังตำแหน่งของเกาเชวียซาย !

พวกมันจะเดินทางออกจากเกาเชวียซาย เพื่อเข้าไปในอาณาเขตหลานฉีของชาวฮวง !

สถานที่แห่งนี้เป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่กองทัพของเฟิงเสียนชูตั้งมั่นอยู่ พวกมันจะมาทำลายล้างทหารของข้าเยี่ยงนั้นหรือ ?

เฟิงเสียนชูสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ สีหน้าซีดเผือดขึ้นมาทันใด และเมื่อนึกถึงการกระทำของทหารดาบเทวะกองทัพที่สองเมื่อยามที่อยู่ในแคว้นอี๋ พวกมันทำการต่อสู้กับทหารอี๋โดยมิเข้ายึดครองเมืองและมิสังหารชาวบ้าน… พวกมันเพียงต้องการตัดกำลังทหารของแคว้นอี๋เท่านั้น !

เมื่อสามวันก่อน เขาได้รับรายงานว่าทหารดาบเทวะกองทัพที่สองเดินทางมาถึงหยวนหนิงซึ่งเป็นเมืองใหญ่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของแคว้นอี๋แล้ว เวลา 3 วันนั้นหากพวกมันมุ่งหน้ามาทางเกาเชวียซายจริง ๆ ก็เกรงว่าอีกมิถึงหนึ่งวันพวกมันก็คงมาเยือนแล้ว

จะต้านเยี่ยงไรดี ?

ข้าจะเอาอันใดไปต่อต้านได้กัน ?

จะเอาทหารที่หิวโหยเสียจนตาลายจำนวน 200,000 นายนี้ไปต่อสู้กับทหารดาบเทวะกองทัพที่สองผู้แข็งแกร่งเยี่ยงนั้นหรือ ?

หากจะให้สู้กับทหารดาบเทวะกองทัพที่สอง ข้ายอมไปตัดหญ้าเสียยังดีกว่า !

“ทหาร… ! ”

“จงประกาศคำสั่งของข้าว่าให้ทุกคนเก็บค่ายและจัดระเบียบทัพโดยเร็วที่สุด พวกเราจะไปแย่งชิงเสบียงและจุดมุ่งหมายอยู่ที่เมืองหลานฉี ! ”

หลังจากผ่านไป 2 ชั่วยาม ทหารจำนวน 200,000 นายของเฟิงเสียนชูก็ได้เดินทางออกจากค่ายอย่างรีบเร่ง

หลังจากผ่านไป 1 ชั่วยาม ไป๋ยู่เหลียนและทหารดาบเทวะกองทัพที่สองก็ได้เดินทางมาถึง ทว่าสิ่งที่พวกเขาพบเห็นกลับเป็นพื้นที่ว่างเปล่า

และในที่แห่งนี้ เขาได้พบกับคนผู้หนึ่ง และคนผู้นั้นก็คือเป่ยหวังฉวน

“ข้าได้รับบัญชาจากองค์ชายจึงรอท่านอยู่ที่นี่”

เป่ยหวังฉวนยื่นจดหมายให้ไป๋ยู่เหลียนหนึ่งฉบับ หลังจากที่ไป๋ยู่เหลียนรับมาอ่านก็พลันตกตะลึงงันทันที

‘คำสั่ง : ปรับเปลี่ยนแผน ทหารดาบเทวะกองทัพที่สองจงมุ่งหน้าไปทางเซียวเหอหยวนและรวมทัพเข้ากับทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่ง จากนั้นให้รอฟังคำสั่งต่อไป ! ’

อ่า…จากที่นี่ไปยังเซียวเหอหยวนมีระยะทาง 1,300 ลี้เลยทีเดียว

……

……

ห่างจากเป่ยเฟิงภูเขาผิงหลิง 30 ลี้

มีหมู่บ้านเล็ก ๆ ของชาวฮวงตั้งอยู่ และแน่นอนว่ามิมีชาวฮวงอาศัยอยู่แม้แต่คนเดียว

ทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งทั้งหกกองพลน้อยกำลังรวมตัวกันอยู่ที่นี่

เฉินป๋อได้รับรายงานล่าสุดที่ฟู่เสี่ยวกวนฝากเป่ยหวังฉวนส่งมาให้แล้ว ทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งมิต้องเดินทางไปยังเป่ยเฟิงผิงหลิงแต่ให้มารวมตัวกันที่นี่แทน

ณ กระโจมแม่ทัพใหญ่

เฉินป๋อและหนิงซือเหยียนได้นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน

“จากคำสั่งของติ้งอันป๋อเกรงว่าท่านต้องออกหน้าแล้วล่ะ” เฉินป๋อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ทหารกองทัพชายแดนเหนือจำนวน 200,000 นายของเผิงเฉิงอู่กำลังเดินทางเข้าไปในเป่ยเฟิง พวกเขากำลังมองมาจากด้านบนภูเขา ติ้งอันป๋อคาดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ชาวหยูจะสมรู้ร่วมคิดกับชาวฮวงและโอบล้อมพวกเราเอาไว้ที่นี่”

หนิงซือเหยียนได้ยินดังนั้นก็ดีอกดีใจมากยิ่งนัก

เขาอยู่ในกองทัพทหารดาบเทวะที่หนึ่งกองพลน้อยที่หกมาเป็นเวลา 5 วันแล้ว เขาได้ทำตามคำสั่งของฟู่เสี่ยวกวนอย่างเคร่งครัดและมิได้ออกหน้าแม้แต่คราเดียว

บัดนี้ถึงเวลาที่ตนจะต้องแสดงความสามารถเสียที เขายื่นมือไปลูบคลำดาบยาวที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข “แม่ทัพเฉินจงออกคำสั่งมาเถิด หรือว่า…จะมอบกองพลน้อยที่หกให้แก่ข้าเพื่อให้ข้านำพวกเขาไปออกรบ ? ”

หนิงซือเหยียนคันไม้คันมือมากยิ่งนัก เจ้าเฮ้อซานเตาและกวนเสี่ยวซีกลับมาเมื่อวานนี้ และยังเล่าถึงเหตุการณ์อันน่าตื่นเต้นมากยิ่งนักให้เขาฟังอีกด้วย !

ทั้งสองได้ทำลายล้างอาณาเขตธงทั้งหกของชาวฮวงและสามารถตีกองป้องกันเมืองแปดทิศได้ถึงสาม ชีวิตเช่นนี้สิ… ถึงจะเรียกได้ว่ามีรสชาติอย่างแท้จริง !

อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าการได้เป็นทหารนั้นสบายกว่าเป็นคนเฝ้าประตูมากมายนัก และที่สำคัญคือเขามิมีความสามารถที่จะแย่งตำแหน่งคนเฝ้าประตูมาจากตาเฒ่าเจี่ยหนานซิงนั่นได้

“ท่าน…ท่านคือติ้งอันป๋อ ! ” ท่าทางของเฉินป๋อมิดีเท่าใดนัก “บัดนี้ท่านต้องใช้อำนาจของติ้งอันป๋อออกไปประกาศคำสั่ง ! ”

“หา…อ่า ใช่ ! บัดนี้ข้าคือติ้งอันป๋อ เช่นนั้นท่านก็เอ่ยมาเถิดว่ามีคำสั่งอันใด ? ”

“จงประกาศสิ่งที่ทหารชายแดนเหนือได้ก่อเอาไว้ ! …ข้างบนนี้ได้เขียนเอาไว้แล้วว่าทหารกองทัพชายแดนเหนือทำผิดเยี่ยงไรบ้าง ! ”

หนิงซือเหยียนรับมาอ่าน จากนั้นก็เบิกตาโพลงทันที… ทหารกองทัพชายแดนเหนือไร้ประโยชน์สิ้นดี พวกเขายอมละทิ้งด่านภูเขาเยี่ยนและเมืองซินโจวเพียงเพื่อต้องการให้ฟู่เสี่ยวกวนตาย !

แน่นอนว่าข้าจะมิทน !

ข้าต้องไปจัดการพวกมัน !

หนิงซือเหยียนเดินออกมาจากกระโจมแม่ทัพและขึ้นไปยังเวทีซึ่งสร้างเอาไว้ชั่วคราว

เฉินป๋อรีบตามติดไปด้วย ทหารทั้งหมดของดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งก็ลุกขึ้นทันที

มิมีผู้ใดรู้ว่าติ้งอันป๋อที่อยู่เบื้องหน้านี้คือตัวปลอม บัดนี้หนิงซือเหยียนสูดลมหายใจเข้าลึก แม้แต่ตนเองยังลอบคิดไปว่ามีวิญญาณของฟู่เสี่ยวกวนมาสิงอยู่ในร่างด้วยซ้ำ

“บัดนี้ กองทัพดาบสวรรค์จำนวน 400,000 นายของชาวฮวงกำลังเคลื่อนพลไปทางใต้ ด่านภูเขาเยี่ยนได้ทำการต้านทานเอาไว้ได้นานถึง 7 วันโดยมิแตก แต่กลับถูกหนอนบ่อนไส้ของทหารกองทัพชายแดนเหนือเปิดประตูออกจากด้านใน…”

“ทหารฮวงมุ่งหน้าไปทางเมืองซินโจว ทว่าแม่ทัพใหญ่เผิงเฉิงอู่กลับพาทหารจำนวนสองแสนกว่านายมายังเป่ยเฟิงภูเขาผิงหลิงซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกเราจะไปรวมตัวกันในคราแรก”

“ทหารชายแดนเหนือละทิ้งประตูของราชอาณาจักร อีกทั้งยังเล็งปากกระบอกปืนมาทางพวกเราแทน… แน่นอนว่าเป้าหมายของพวกเขาก็คือฟู่… ก็คือข้า ! ”

“พวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นคนของราชวงศ์หยู ข้าจึงมิต้องการบีบบังคับพวกเจ้าให้ต่อสู้กับทหารกองทัพชายแดนเหนือ หากมีผู้ใดต้องการเดินทางจากไป…ก็สามารถไปได้ตั้งแต่บัดนี้ ข้าจะมิกล่าวโทษอันใดแก่พวกเจ้า”

เมื่อเขาเอ่ยประโยคนี้ออกไป ทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งที่อยู่ด้านล่างก็ได้พากันลุกฮือขึ้นมา

“บัดซบ ! ทหารกองทัพชายแดนเหนือ เหตุใดถึงเลวทรามได้ถึงเพียงนี้กัน ? ”

“ติ้งอันป๋อขอรับ พวกเราคือทหารของท่าน ในเมื่อพวกเขากล้าเป็นกบฏ พวกเราก็จะติดตามท่านไปบดขยี้มัน ! ”

“พวกข้าขอสาบานว่าจะออกรบพร้อมติ้งอันป๋อ ! ”

“บดขยี้ทหารกองทัพชายแดนเหนือ บดไอ้พวกเศษสวะเหล่านั้นให้สิ้นซาก ! ”

“…”

ชั่วอึดใจนั้นเอง เสียงจากด้านล่างที่แสนฮึกเหิมก็ได้ดังกระหึ่มขึ้นมา

หนิงซือเหยียนเพิ่งจะรู้ว่าอำนาจของฟู่เสี่ยวกวนนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด แม้ว่าทหารเหล่านี้จะเป็นชาวหยู แต่พวกเขาก็จงรักภักดีต่อฟู่เสี่ยวกวนมากยิ่งนัก !

เมื่อแขนทั้งสองข้างของเขาขยับ เสียงด้านล่างก็เงียบสนิทลงทันที

“บัดนี้ ข้าขอออกคำสั่งว่าให้ทหารทุกนายเดินทางไปยังเซียวเหอหยวนเพื่อรวมทัพเข้ากับทหารดาบเทวะกองทัพที่สอง ! ”