แววตาของซูจิ่งเหยียนเริ่มสั่นไหว เขาไม่กล้ามองจักรพรรดิแห่งความมืดตรงๆ ดวงตาสีม่วงคู่นั้นเหมือนจะมองทะลุได้ทุกสิ่ง
“ประมุขของเก้าอารามเป็นคนของอาณาจักรบนหรือ?” จวินอู๋เสียถามอย่างสงสัย จวินอู๋เหยาไม่เคยพูดเรื่องพวกนี้ให้นางฟังมาก่อน
จวินอู๋เหยาเอื้อมมือออกไปดึงเก้าอี้มาข้างๆจวินอู๋เสีย จากนั้นก็ลงนั่งไขว่ห้าง แขนข้างหนึ่งพาดอยู่ที่พนักเก้าอี้ของจวินอู๋เสีย นิ้วของเขาม้วนพันผมของนางเล่น และพูดขึ้นด้วยท่าทางไม่ใส่ใจว่า “คนจากอาณาจักรบนเปรียบได้กับเทพเจ้า แต่ก็ยังไม่ใช่เทพเจ้าที่แท้จริง อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาอยู่ห่างจากตำแหน่งเทพแค่เพียงก้าวเดียวเท่านั้น แต่ก้าวเดียวนี้คือเส้นแบ่งที่ชัดเจนแยกพวกเขาจากความเป็นเทพไปตลอดกาล พวกเขาไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตาและหาทางแก้ปัญหาด้วยวิธีที่บ้าคลั่ง พวกเขาคิดจะใช้ประโยชน์จากอาณาจักรล่างและอาณาจักรกลางสร้างวงเวทย์บูชายัญเลือดขึ้นมาเพื่อที่จะทำลายขอบเขตนี้ เพื่อให้การนี้สำเร็จ จะอาศัยแค่อาณาจักรบนอย่างเดียวย่อมไม่เพียงพอ พวกเขาจึงเลือกคนเก้าคนให้มาที่อาณาจักรกลางเพื่อปูทางให้ตัวเอง คนเก้าคนนี้เป็นผู้มีพรสวรรค์และสติปัญญาที่ไม่ธรรมดา ไม่นานกองกำลังของเก้าอารามก็ถูกสร้างขึ้น”
“สิบสองวิหารถูกสร้างขึ้นโดยคนในอาณาจักรกลาง พวกเขาต้องการแข่งขันกับเก้าอารามอย่างสุดใจ แต่พวกโง่นั้นไม่ได้รู้เลยว่าเก้าอารามไม่เคยสนใจเรื่องนี้เลยสักนิด เท่าที่ข้ารู้ เหตุผลที่อาณาจักรบนยอมปล่อยเก้าคนนี้มาก็เพราะพวกเขาไม่มีหนทางอื่น ตอนที่พวกเขาเข้าสู่อาณาจักรกลาง พวกเขาได้กินยาที่ทำให้เป็นหมันเข้าไป พูดได้เลยว่าตั้งแต่แรกเริ่ม เก้าอารามเป็นแค่เครื่องมือของอาณาจักรบนเพื่อให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายเท่านั้น เรื่องหนึ่งที่ข้าประหลาดใจมากคือพฤติกรรมของเก้าอารามในช่วงหลังค่อนข้างจะทำแบบขอไปที หรือนี่จะหมายความว่าเก้าอารามมีใจคิดกบฏต่ออาณาจักรบนแล้ว?” เสียงของจวินอู๋เหยาไม่ได้ดังมากนัก แต่เมื่อซูจิ่งเหยียนได้ยิน เขาก็ขนลุกไปทั้งร่าง novel-lucky
จักรพรรดิแห่งความมืดผู้เคยรวมอาณาจักรกลางให้เป็นหนึ่งเดียวไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ แค่พูดไม่กี่คำก็ทำให้ซูจิ่งเหยียนรักษาความสงบไว้ไม่ได้แล้ว
“เป็นหมัน? แต่ท่านหญิงของอารามหลิงซวี ไม่ใช่……” จวินอู๋เสียเริ่มงง
จวินอู๋เหยาหัวเราะและพูดว่า “นางเป็นแค่ลูกบุญธรรม เก้าอารามต้องการรักษาเสถียรภาพของอำนาจเอาไว้ และจะให้คนอื่นรู้ความลับของพวกเขาไม่ได้ ถ้าปล่อยให้คนของพวกเขารู้ว่าประมุขเป็นแค่หนอนแมลงน่าสมเพชที่ไม่สามารถมีบุตรได้ ใครจะรู้ว่าจะเกิดความคิดอะไรผุดขึ้นมาบ้าง”
ไม่เพียงแต่อารามหลิงซวีเท่านั้น แต่ประมุขอีกแปดคนของเก้าอารามก็แอบรับลูกบุญธรรมเอาไว้หลายคนเช่นกัน ตอนที่พวกเขายังเป็นทารก พวกเขาก็ถูกนำตัวเข้าไปในเก้าอารามอย่างลับๆ และได้รับตำแหน่งเป็นลูกชายลูกสาวของประมุข แต่เมื่อผ่านไปหลายปี เด็กๆพวกนี้เติบโตขึ้น หลายคนเสียชีวิตไปด้วยวัยชรา แต่พ่อของพวกเขายังแข็งแรงอยู่ เวลาพันปีไม่ทิ้งร่องรอยใดไว้ให้พวกเขาเลย คนในอาณาจักรกลางเริ่มสงสัยว่าทำไมประมุขเก้าอารามไม่ส่งต่อความเป็นอมตะให้กับลูกหลานของพวกเขา ตอนนี้จวินอู๋เหยาได้เปิดเผยความจริงที่มีอายุนับพันปีแล้ว
จวินอู๋เสียฟังอย่างเพลิดเพลิน แต่ซูจิ่งเหยียนกลัวจวินอู๋เหยาจนวิญญาณไม่อยู่กับร่างแล้ว สายตาหวาดกลัวของเขามองไปที่จวินอู๋เหยาเป็นระยะ
“ผู้อาวุโสซู เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามข้าเลย” จวินอู๋เหยาเหมือนไม่ได้สังเกตเห็นความกลัวของซูจิ่งเหยียน ที่มาของเก้าอารามเป็นความลับสุดยอด แม้แต่ในเก้าอารามเองก็มีคนเพียงแค่หยิบมือที่รู้เรื่องนี้ จวินอู๋เหยาแน่ใจว่าซู
จิ่งเหยียนรู้เรื่องทั้งหมดนี้ ไม่อย่างนั้นทำไมซูจิ่งเหยียนถึงรู้เรื่องคนที่ถูกส่งมาจากอาณาจักรบนได้?