Ch.12 – จีบสาวหลังเลิกเรียน
Translator : Reheikichi / Author
หลังเลิกเรียน
ขณะที่ผมกำลังจะเดินออกจากโรงเรียน พร้อมเก็บของเข้ากระเป๋า กุเร็นที่อยู่ข้างๆ ผมก็บ่นขึ้นมา
[ ทรูเอท พวกแผนกผู้กล้ามันชักจะเล่นแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ ]
ในช่วงสองสามวันมานี้ แผนกผู้กล้าเริ่มแกล้งหนักขึ้น
ไม่ใช่แค่ผมที่ถูกกลั่นแกล้ง แต่รวมถึงนักเรียนทุกคนในแผนกสามัญ แม้อาจารย์ในโรงเรียนจะเห็น แต่พวกแผนกผู้กล้าก็ยังไม่สนใจ
[ ใจเย็นไว้ ไม่ใช่ว่านายเกลียดการต่อสู้หรอกเหรอ? ]
[ เกลียดก็จริง แต่ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ ]
กุเร็นพูดด้วยน้ำเสียงโกรธ
กุเร็นมีร่างกายที่แข็งแกร่งในหมู่เพื่อนร่วมชั้นจึงไม่ถูกพวกแผนกผู้กล้ามารังควาน แต่ที่เขาโกรธคือเพื่อคนอื่นไม่ใช่ตัวเอง เขาเกลียดการต่อสู้ แต่ก็ไม่ลังเลหากต้องทำ เป็นชายที่รักความยุติธรรม
[ เอาเถอะ หากเมินการแกล้งไป อาจจะจบลงได้เร็วกว่าก็ได้ ยังไงตอนนี้ก็ยังไม่มีการทำร้ายร่างกายแบบชัดเจนออกมา ]
ผมพูดออกไป
[ เฮ้ๆ … ตอนนี้อาจจะไม่ถึงขั้นนั้นก็จริง แต่ถ้าเจ้าพวกนั้นคิดจะทำจริงๆ ตอนนั้นทรูเอทนายจะทำยังไงล่ะ? ]
คำถามนั้นทำให้ผมกลับมาคิดนิดหน่อย
เนื่องจากในองค์กรมีเด็กอยู่ไม่น้อย การแกล้งกันก็ไม่น้อยเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วถ้าผมตัดสินใจเมินการแกล้งก็จะหายไปเอง ดังนั้นคำพูดเมื่อครู่ก็มาจากประสบการณ์จริงของผมเอง
เป็นคำพูดที่ได้มาจากการโดนแกล้งในอดีต
[ …. เคยเล่าให้ฟังสินะ มาผมทำงานมาจนกระทั่งมาเรียนที่นี่ ]
[ อา งานทำความสะอาดเมืองนั่นนะเหรอ? ]
[ นั้นแหละ ผมมีเพื่อนร่วมงานที่เหมือนพี่สาว และพี่สาวคนนั้นก็เป็นเจ้านายของผม แต่วันหนึ่งก็มีงานระยะยาวหนึ่งส่งมาทางผม ทำให้เราไม่ได้เจอกันไปพักหนึ่ง ดังนั้นในวันที่กำลังจะได้พบกันอีกครั้งหลังจากผ่านไปนาน เธอจึงบอกว่า [ ไมได้เจอกันนาน นานๆ ทีออกไปเที่ยวไหนด้วยกันสองคนเถอะ … ] แต่ในวันนั้นผมก็มีงานด่วนเข้ามาอีกแล้ว ท้ายที่สุดในวันนั้นก็ไม่ได้เจอกัน ]
[ น่าเสียดายนะ แล้ว? ]
[ ผมค่อนข้างยุ่ง จึงไม่แปลกที่จะผิดนัด เลยคิดว่าเธอน่าจะให้อภัยได้… แต่จากที่ได้ยินมาจากเพื่อนร่วมงาน ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นวันเกิดของเธอนี่สิและเธอก็เฝ้ารอวันนั้นมาหลายวันแล้ว ซึ่งผมไม่รู้เรื่องนั้นเลย แต่เธอคงจะผิดหวังมาก หลังจากนั้นผมก็ถูกสั่งให้ทำงานแบบไม่ได้พักไปพักใหญ่ๆ เลยล่ะ ทันทีที่คิดว่าเสร็จงานแล้วก็มีงานใหม่ดาหน้าเข้ามาทันทีหรือในตอนที่กำลังนอนอยู่ จู่ๆ ก็มีงานเข้ามาอีก ราวกับกำลังรอเวลาที่ผมหมดแรง …. สุดท้ายเลยคิดว่าจะไปขอโทษเธอ แต่เธอก็หัวเราะแล้วพูดว่า [ ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ ยังไงงานก็สำหรับกับนายที่สุดไม่ใช่เหรอ? ถ้างั้นฉันจะทำให้ทำงานจนตายเลยแล้วกัน ] เรื่องก็เป็นแบบนี้ล่ะ ]
[ …. ]
[ สุดท้ายผมก็ต้องทำงานตลอดหนึ่งเดือนโดยแทบไม่ได้พัก จนเธอหายอารมณ์เสีย …. แต่ขอบอกเลยว่าตอนนั้นอันตรายจริงๆ ไม่อยากเจอแบบนั้นอีกแล้ว ]
[ …. เราจะไม่โดนเล่นหนักถึงขั้นนั้นจริงๆ ใช่มั้ย? ]
กุเร็นเครียดเล็กน้อย
ตอนนั้นผมคิดว่าจะตายซะแล้ว
[ เมื่อเทียบกับตอนนั้นการแกล้งกันของแผนผู้กล้ามันก็แค่เรื่องเล็กน้อย อย่างที่บอกไป แค่ไม่ต้องไปสนใจเดี๋ยวเจ้าพวกนั้นก็เบื่อไปเอง ]
[ ถ้าเจ้าพวกนั้นเบื่อไปเองก็ดีไป … แต่ถ้ามันเกิดความขัดแย้งขึ้นก็คงยุ่งยากน่าดู ]
ผมพยักหน้ารับกุเร็นแล้วปิดกระเป๋า
[ จริงสิทรูเอท หลังเลิกเรียนนายจะไปทำอะไรบ้าง? ]
[ หลังเลิกเรียนแล้วผมก็ไม่มีอะไรทำหรอก …. จริงสิ คิดว่าจะไปห้องสมุด ]
[ ห้องสมุดเหรอ? ฉันไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือด้วยสิ ]
ผมอ่านหนังสือเป็นเรื่องปกติตั้งแต่อยู่องค์กร
แต่เดิมได้คำสั่งจากผู้สั่งสอนว่าให้หาความรู้ด้วยตัวเอง แต่หลังจากนั้นผมก็รู้ว่าการอ่านหนังสือเป็นวิธีฆ่าเวลาที่ดีที่สุดในองค์กรที่ไม่มีอะไรให้เล่น สำหรับทหารอาจเป็นประสบการณ์ที่หาได้เพียงอย่างเดียว ในตอนนั้นผมที่ยังไม่รู้จักผู้บริหารองค์กรอย่างคริส จึงได้ใช้เวลาว่างมากมายไปกับการอ่านหนังสือ
――ไม่ว่าผมจะมาที่โรงเรียนราชวงศ์แล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังใช้ชีวิตประจำวันเหมือนกับที่เคยอยู่ในองค์กร
เพียงแค่การฝึกและภารกิจ ถูกแทนที่ด้วยการมาเข้าชั้นเรียนเท่านั้น
ทำให้เกิดสงสัยถึงความหมายที่แท้จริงของการใช้ชีวิตอย่างคนปกติ
[ แล้วกุเร็นล่ะ นายทำอะไรหลังเลิกเรียน? ]
[ ฉันเหรอ? นั่นสินะ …. แม้จะอยู่แผนกสามัญ แต่ยังไงก้เป็นนักเรียนของโรงเรียนชื่อดัง เพื่อไม่ให้หย่อนหยาน ฉันเลยฝึกทุกวัน หลังจากนั้นก็เข้าไปในเมืองไปจีบสาว …. ไม่สิ เมื่อกี้ไม่ใช่นะ ]
[ จีบสาว? ]
ผมเอียงคอเพราะมันเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะกับนักเรียนนัก
[ อ่ะ ทรูเอทนายสนใจเหรอ? ]
[ ผมก็แค่สนใจว่า…. นั่นเป็นเรื่องปกติที่นักเรียนทั่วไปทำกันเหรอนะ? ]
[ ก็ไม่รู้ว่ามันปกติหรือเปล่าหรอกนะ แต่เห็นว่ามีคนอื่นอีกสองสามคนไปจีบสาวด้วยนะ แถมสาวสวยเมืองหลวงก็เยอะด้วยสิ ]
กุเร็นพูดขณะที่สีหน้าดื่นเต้นชอบกล
ผมไม่มีประสบการณ์แบบนั้นเลย ซึ่งในที่สุดตอนนี้ก็ได้ใช้ชีวิตใหม่ในฐานะทรูเอทแล้ว ไม่ว่ายังไงก็คอยลุยเข้าไปเพื่อพบเจอกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยเจอบ้าง
[ … จะลองไปด้วยกันไหม? ]
[ อ โอ้ ไปสิ! ไปลองกันเถอะ! ไปกัน! ]
ขณะที่กุเร็นมีรอยยิ้มเมื่อได้ยิน