Ch.13 – ตายเพราะแผนการ

Translator : Reheikichi / Author

เราไม่สามารถไปจีบสาวในสภาพสวมชุดนักเรียนได้

ผมและกุเร็นจึงเปลี่ยนเป็นชุดไปรเวทและเดินผ่านประตูออกไปยังในเมือง

[ เอาล่ะทรูเอท ในเมืองหลวงมีสาวสวยอยู่เยอะก็จริง แต่ว่า… เพราะแบบนี้พวกเธอถึงได้เคยชินกับการโดนจีบและปากไม่ค่อยตรงกับใจ ]

กุเร็นพูดพลางมองผู้คนที่เดินผ่านไปมาด้วยสายตาจริงจัง

[ เคล็ดในการจีบสาวเมืองหลวงก็คือแสร้งทำว่าเราเคยทำมาก่อน กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ [ โอ๊ะ เธอเองก็เคยเหมือนกันเหรอ ] อะไรทำนองนี้ ทำให้สาวชาวเมืองหลวงเชื่อใจว่าวางใจได้กับเรา เข้าใจใช่มั้ย? ]

[ เอาเถอะ ก็พอไหว… ]

ชายหญิงหลายคนในเมืองหลวงต้องพบปะผู้คนมากมาย ดังนั้นจึงมีภูมิคุ้มต้นปฏิสัมพันธ์ต่อเพศตรงข้าม

เพื่อการเป็นเจ้าแห่งการจีบสาวสำเร็จจะต้อง [ เป็นคนที่ทำให้ผู้หญิงมากมายสนุกมาแล้ว ] ให้อีกฝ่ายคิดว่า [ เราเป็นคนสนุก ] ให้ได้

[ คอยดูนะ ฉันจะแสดงตัวอย่างให้ดู ]

จากนั้นกุเร็นก็เดินออกไป

ไปคุยกับผู้หญิงอายุประมาณ 20 ที่เดินผ่านหน้าเขาไป

[ คุณผู้หญิงพอจะมีเวลาว่างไหม? ]

[ คะ? มีอะไร――ฮี๊!? พวกโรคจิต!? ]

[ ไม่นะ ฉันไม่ใช่พวกโรคจิต ]

[ ไปให้พ้นนะ!! ]

กุเร็นโดนตบหน้าอย่างแรง

ผู้หญิงคนนั้นเดินจากไปด้วยเสียงส้นเท้าหนัก ๆ ขณะที่กุเร็นดูตกตะลึง

[ เฮ้ เมื่อกี้เป็นตัวอย่าง? คือต้องโดนแบบนายเมื่อกี้เหรอ? ]

[ …. ขอลองอีกครั้ง ]

กุเร็นเข้าไปจีบสาวอีกครั้ง

แต่ก็โดนตบกลับมาอีกครั้ง

เขาดูหดหู่ทันทีเพราะดูเหมือนจะโดนสงสัยว่าเป็นคนไม่น่าไว้ใจ

[ กุเร็น ขอถามทีสิ… แผนนายเคยสำเร็จบ้างไหม? ]

[ ไม่เลย… แต่ถ้าเป็นไปตามในหัวฉัน มันน่าจะสำเร็จสิ ]

กุเร็นพูดขณะที่ไหล่ตก

หรือว่าที่เขาคิดว่ามันจะสำเร็จ เกิดจากการคิดไปเองของเขา?

[ ครั้งที่แล้วเป็นยังไง? นายเคยจีบสาวจีบติดเหรอ? ]

[ ….คลับคล้ายว่าจะติดนะ หรือว่ามันจะต่างไปเพราะเรามากันสองคน… คงจะใช่ล่ะมั้ง ]

ดูเหมือนแผนการจีบของเขาจะไม่เคยสำเร็จเลย

ไอ่ที่พูดว่า [ ฉันจะทำ! ] ตอนนั้นมันอะไรกัน ผมถอนหายใจ

[ ก็ตามนี้ล่ะ ต่อไปตานายแล้วทรูเอทไปเลย! ]

[ [ ก็ตามนี้ล่ะ ] บ้าอะไรกัน ไม่เห็นจะใช้อะไรเป็นตัวอย่างได้เลยนี่ ]

[ ลองคิดดีๆ สิ นายคิดว่าจะมีผู้หญิงที่อยากให้ฉันจีบอยู่เหรอ? ]

พนันว่าคงไม่มี…

กุเร็นค่อนข้างจะจัดว่าค่อนข้างหน้าตาดี แต่เพราะร่างกายสูงใหญ่มันเด่นกว่าหน้าตา ทำให้ด้านความหล่อโดนความน่ากลัวกลบไปหมด ไม่คิดว่าเขาจะเหมาะกับการจีบสาวหรอก

――ไหนๆ ก็มาแล้ว มาลองดูหน่อยแล้วกัน

ผมที่รู้สึกถอดใจไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่นี่ก็ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตเช่นกัน

[ …เข้าใจแล้ว ฉันจะลองดู ]

[ โอ้ มันต้องอย่างนั้นสิ! ถ้าใช้วิธีไหนแล้วได้ผล อย่าลืมสอนฉันทีหลังด้วยล่ะ ]

ผมสงสัยว่านี่อาจเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของเขาแต่แรก

ขณะที่มองหาผู้หญิงที่ดูจะน่าจะคุยด้วยไหว

สมัยที่ผมอยู่องค์กร ก็มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่ชอบจีบสาวไปทั่วเหมือนกัน ทำให้ผมจำคำพูดที่เขาเคยบอกไว้ได้ [ การจีบคือการสื่อสารขั้นสูง ] [ มันยากมากในได้รับความวางใจจากอีกฝ่าย ดังนั้นจึงต้องคำนวณบทสนทนาที่อีกฝ่ายจะพูดออกมา ] [ คนที่เก่งเท่านั้นที่จะใช้ทักษะการจีบได้ ] [ ปล่อยให้พวกเธอได้ใจและรอโอกาส ]

[ ขอโทษนะครับ ]

ผมตัดสินใจทักผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ข้างทาง

[ … มีอะไรเหรอคะ? ]

ผู้หญิงคนนั้นดูจะสงสัยผม

ในตอนแรกไม่ว่าจะพูดอะไรไปก็ดูเหมือนจะมองเป็นคนไม่น่าไว้ใจ ต่อจากนั้น ผมก็มองไปยังต่างหูที่ผู้หญิงคนนั้นใส่อยู่

[ ต่างหูนั้น เป็นของอาณาจักรอัลเคเดียเหรอครับ? ]

[ เอ๊ะ? อ เอ่อ ใช่แล้วค่ะ… รู้ด้วยเหรอคะ? ]

เธอพูดออกมาและดูจะคลายความระแวงผมลง

――อย่างนี้นี่เอง ทำให้ไหลลื่น เหมือนกับเป็นตัวเอง

บางทีผมอาจจะจับเคล็ดได้แล้วก็เป็นได้

ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือให้ประโยคสนทนาไหลลื่น

ผมสังเกตผู้หญิงคนนั้นและเห็นหัวข้อที่จะคุยเรื่องใหม่แล้ว

รองเท้าของเธอเปื้อนโคลนอยู่นิดหน่อย ล่าสุดที่เมืองนี้ฝนตกก็เมื่อสองวันก่อนและในเมืองยังมีร่องระบายน้ำอยู่ ดังนั้นหากเปื้อนโคลนก็แปลว่ามาจากนอกกำแพงเท่านั้น ผมยืนยันด้วยตามาแล้วว่าข้างนอกกำแพงมีแต่โคลนเพราะเพียงออกกำลังกายยามเช้ามา

บางทีเธอคงจะสังเกตเห็นโคลนที่เปื้อนรองเท้าจึงได้พยายามเช็ดอย่างแรงแต่ก็ยังเหลือรอยอยู่บ้าง เป็นรอยที่พยายามเช็ดอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตามก็ใช่ว่าเธอจะเป็นคนรอบคอบ เพราะเธอใส่กระผิด ไม่ใช่จุดโจ่งแจ้งอย่างบริเวณหน้าอก แต่เป็นบริเวณแถวสะดือ จะไม่เห็นก็ไม่แปลก ถ้าเป็นคนรอบคอบคงไม่ผิดพลาดแบบนี้หรอก

กล่าวก็คือเธอเป็นประเภทไม่สนใจกับหน้าตาตัวเองมากนัก แต่กลับมีเพียงรองเท้าที่เช็ดอย่างระมัดระวัง ทั้งที่ดูแล้วไม่น่าจะของแพง น่าจะเป็นเพียงรองเท้าถูกๆ และน่าจะไม่ใช่ของขวัญที่ได้รับจากคนรัก เพราะยังไม่เก่าขนาดนั้น

ผมมองต่อไปเห็นรอยสีแดงจางๆ ที่แขนของเธอคนนั้น ราวกับว่าต้องแบกกระเป๋าหนักๆ มาเป็นเวลานาน…

[ ….คุณมาดูปราสาทเหรอครับ? ]

เมื่อผมถาม ผู้หญิงคนนั้นก็ลืมตาขึ้น

[ ค ค่ะ ได้ยินว่าเขาเปิดส่วนหนึ่งให้ไปเข้าชมได้เพื่อระลึกถึงชัยชนะน่ะค่ะ ]

[ อ่อ ใช่ครับ เปิดให้เข้าชมได้…. คุณเพิ่งมาถึงเมืองหลวงวันนี้เหรอครับ? หรือจะเป็นอาณาจักรที่ไกลจากอัลเคเดียครับ? ]

[ ค่ะ ยิ่งกว่านั้นเพราะฝนตกทำให้ถนนมีแต่โคลน รถม้าเลยเดินทางได้ช้ามากจนเพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้เองค่ะ รองเท้าก็สกปรกไปด้วย ลำบากแย่เลยค่ะ ดังนั้นจึงเพิ่งไปฝากกระเป๋าที่โรงเรียนไม่นานนี้เอง ]

กล่าวก็คือผู้หญิงคนนี้อยู่ในสภาพเกือบจะว่างนั่นเอง

จากนั้นต่อไปก็แกว่งเบ็ด…

[ ด้านนอกของปราสาทมันก็มีแต่โคลนเต็มไปหมด… เลยทำให้รองเท้าสกปรกไปหมดเลยค่ะ ]

จังหวะนี้ล่ะ

[ …ก็คงอย่างนั้นล่ะครับ ถึงอย่างนั้นแม้ส่วนปราสาทจะเปิดให้เข้าชมได้ แต่ก็เป็นปราสาทอันทรงเกียรติ ถ้าไม่รังเกียจให้ผมพาไปร้านขายรองเท้าใกล้ๆ แถวนี้ดีไหมครับ? ]

[ เอ๊ะ? จะดีเหรอคะ? ]

[ ครับ ที่จริงผมทักคุณก็เพราะต่างหู อาณาจักรอัลเคเดียเป็นอาณาจักรที่ผมชอบมาก แต่ไม่ได้กลับไปนานแล้ว กลับกันกลับที่ผมพาไปที่ร้านขายรองเท้า ช่วยเล่าเรื่องของอาณาจักรอัลเคเดียให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ? ]

[ ค่ะ ถ้าเรื่องนั้นไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ ]

ผมพยายามยิ้มให้เธอมากที่สุดเท่าที่ทำได้

มาได้ไกลขนาดนี้แปลว่าสำเร็จสินะ

เมื่อเห็นว่าแผนสำเร็จ กุเร็นจึงมองมาด้วยสายตาตกตะลึง

[ ขอโทษนะครับ แต่ถ้าให้เพื่อนไปด้วย จะมีปัญหาไหมครับ? ]

[ ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ ]

เมื่อได้รับอนุญาต ผมจึงกวักมือเรียกกุเร็น

[ คร๊าบบบ! สวัสดี! ชื่อกุเร็นครับ ]

[ ฮี๊!? ]

ผู้หญิงคนนั้นตกใจกุเร็นที่จู่ๆ ก็โผล่พรวดเข้ามา

เธอมองผมกับกุเร็นสลับกันไปมาและหน้าซีด

[ ข ข ขอโทษด้วยค่ะ! จ จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่ามีธุระค่า!! ]

ผู้หญิงคนนั้นรีบหนีไปทันที

[ … เฮ้ ]

[ …. ขอโทษ ]

กุเร็นคอตกพลางขอโทษ

[ แต่ทรูเอทนายมีพรสวรรค์ในการจีบสาวนะ บอกตามตรงทีแรกฉันยังกลัวเลย ]

[ ผมก็ตกใจตัวเองเหมือนกัน… บางทีคงเป็นประสบการณ์จากการทำงานล่ะมั้ง ]

[ งาน? อ่อ… ไอ่พนักงานนักกำจัดขยะก็เหมือนธุรกิจที่ต้องติดต่อกับลูกค้า เลยได้การจีบสาวมาจากตอนนั้นสินะ? ]

[ ก็คงอย่างนั้น ]

แตกต่างนิดหน่อย แต่ก็คล้ายกัน

บางองค์กรมีเจ้าหน้าที่ซึ่งใช้คำพูดเป็นอาวุธ แต่ส่วนใหญ่งานของผมจะเป็นงานลอบสังหาร คุ้มกัน ไม่ก็จับกุม จึงไม่เคยเรียนรู้การพูดอย่างมืออาชีพ อย่างดีก็ได้แค่เรียนวิธีปลอมตัวมาเท่านั้น

ดังนั้นของผมมันคือการใช้ความเข้าใจไม่ใช่วิธีใช้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากคำพูด

ดั่งเดิมเป็นการฝึกฝนที่ได้รับการฝึกเพื่อล้วงความลับอีกฝ่ายเพื่อหาอาวุธลับ ผมจึงสงสัยว่ามันจะใช้ได้เหรอ?

[ ดีจัง อยากทำงานแบบนั้นบ้างจังน้า ]

กุเร็นพูด

บางทีถ้าเป็นกุเร็น ขนาดแค่คุยติดต่อธุรกิจกับลูกค้ายังยากเลยมั้ง

[ … มาลองดูกันอีกครั้งแล้วกัน ]

[ ทรูเอท! ต้องอย่างนั้นสิเพื่อน! ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่รู้สึกดีใจที่ได้นายเป็นเพื่อน! ]

[ เริ่มรู้สึกอยากเลิกเป็นเพื่อนแล้วสิ ]

ผมพูดพร้อมกับหาเป้าหมายใหม่อีกครั้ง

เพราะการจีบครั้งแรกเป็นไปได้ด้วยดี ตอนนี้เลยเริ่มตื่นเต้นนิดหน่อย

[ โอ๊ะ ทรูเอทดูสิ ผู้หญิงคนนั้นน่ารักสุดๆ เลยไม่ใช่เหรอ? ]

ผมมองตามที่กุเร็นชี้ไปเห็นคนๆ หนึ่ง

เป็นเด็กสาวผมสีเงินที่ไม่ค่อยเห็นแถวนี้ เส้นผมและผิวสีขาวและสวมเสื้อผ้าสีขาวดูเรียบร้อย สวยราวกับนางฟ้าหิมะขาวในปราสาทที่โดดเด่นท่ามกลางผู้คน

[ ถึงจะดูน่ารัก แต่… นั่นมันเด็กไม่ใช่เหรอ? ]

[ ไม่หรอก บางทีอาจจะโตช้า แต่อายุน่าจะไล่เลี่ยกับพวกเรานะ ]

[ ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่การจะลำบากนะ ให้มาจีบผู้หญิงที่ดูเหมือนเด็กแบบนั้นนะ ]

[ ฉันชอบผู้หญิงตั้งแต่เด็กไปจนถึงคนแก่นั้นแหละ …. ไม่เป็นไรน่า พอเห็นท่าไม่ดีจะถอยมาเอง ]

กุเร็นพูดและเดินไปหาเด็กสาว

แต่ว่านะ… พอมองดูดีๆ แล้ว หน้าตาคุ้นๆ แฮะ

[ เอ่อ ขอโทษครับ ]

เด็กสาวหันกลับมามองเมื่อได้ยินเสียงทัก

เพราะเธอตัวเล็ก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทรงตัวได้อย่างดีและมองไปยังชายที่ทักเธอมา โดยที่ราวกับไม่ได้ขยับร่างกายเลย

[ คะ มีอะไรเหรอคะ? ]

เด็กสาวถามดูคำถามดูเป็นธรรมชาติตั้งแต่เริ่ม

ทำให้ผมอ้ำอึ้งอยู่เล็กน้อยพลางคิดว่า [ เธออาจจะเคยชินกับการถูกจีบ ] ผมสงสัยว่าเธอคงเป็นปลาที่ว่ายน้ำในทะลสาบได้อย่างสบายแม้จะมีตะขอเบ็ดมากมาย

ความยากเพิ่มพูนขึ้นทันใด

แต่เพราะแบบนี้มันถึงได้คุ้มค่าหากจีบสำเร็จ

ภายในใจของผม ชักจะรู้สึกสนุกกับการจีบขึ้นมาแล้ว

[ แถวนี้มีที่ให้นั่งพักบ้างไหมครับ? ]

[ ที่นั่งพัก… งั้นเหรอคะ? ]

[ ครับ ที่จริงแล้วผมไม่คุ้นกับเมืองหลวงแถมยังเป็นพวกหลงทิศนะครับ ทำให้รู้สึกเหนื่อยที่ต้องเดินหลงไปมา ]

[ ถ้าเดินไปตามถนนแล้วเลี้ยวขวาตรงหัวมุมก็จะเจอร้านดีๆ ค่ะ ]

[ ตามถนนนี้ไปเหรอ… ทางนั้นสินะครับ? ]

[ เปล่าค่ะ นั่นมันทิศตรงข้ามแล้วค่ะ …. ขอโทษนะคะ แต่ดูเหมือนคุณจะเป็นพวกหลงทิศสุดๆ ถ้าไม่รังเกียจให้ฉันนำทางไปดีไหมคะ? ]

เพราะมันเป็นไปอย่างราบรื่น ผมจึงโพสท่าดีใจในใจอยู่

[ จะดีเหรอครับ? ]

[ ค่ะ เพราะฉันคงปล่อยคนที่กำลังลำบากไว้ไม่ได้อยู่แล้ว ]

[ ขอบคุณมากครับ… ว่าแต่วันนี้ไม่ใช่ว่าคุณมีแผนจะมาทำธุระสักอย่างเหรอครับ? ]

[ ไม่หรอกค่ะ ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ]

[ งั้นถ้ายังไง เพื่อเป็นการขอบคุณให้ผมเลี้ยงอะไรสักอย่างในร้านตอบแทนก็แล้วกันครับ ]

[ อ เอ๋… ]

รุกเกินไปรึเปล่านะ?

อาจจะดีกว่า หากไว้ขอบคุณทีหลัง

ผมคิดแบบนั้นพลางโค้งคำนับเล็กน้อย

[ อ เอ่อ ขอโทษด้วยค่ะ ฉันขอปรึกษากับเพื่อนก่อนได้ไหม? ]

[ เพื่อน? ]

ผมคิดถึงคำพูดของเด็กสาว

ในตอนนั้นเอง ก็มีวี่แววใครบางคนจากข้างหลัง

[ ――ทำไมกันเหรอ? ]

คนๆ นั้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เมื่อมองกลับไปข้างหลัง มีเด็กสาวที่หน้าตาคุ้นเคยยืนอยู่

[ นายมีสเป็คแบบนี้เองสินะ? หืม ใช่มั้ย? ทรูเอท ]

เด็กสาวผมสีน้ำตาลพูดพลางแสดงรอยยิ้มน่ากลัว