Ch.6 – ตอนที่ 12-13 พวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์กันจริงๆ?

Translator : Akanirawan / Author

 

ตอนที่ 12 พวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์กันจริงๆ? (1/2)

ตอนที่ตื่นขึ้นมา ก็กลับถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว

อันอี่เจ๋อวางเขาไว้บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ซูเจี๋ยนตื่นขึ้นมาแล้วก็กวาดตามองไปรอบบ้านด้วยความอยากรู้อยากเห็น บ้านนี้ดูเหมือนจะมีสามห้องนอน สองห้องโถงใหญ่ ถูกตกแต่งไว้อย่างเรียบง่ายแต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกพื้นเพธรรมดา กลับเต็มไปด้วยความเรียบหรูสง่างาม เพียงแต่สีพื้นโทนขาวดำนั้นดูจะไม่เข้ากับคู่แต่งงานใหม่สักเท่าไรนัก ไม่ว่าจะมองอย่างไร ห้องนี้ก็ไม่เหมือนเรือนหอของคู่แต่งงานใหม่เลยสักนิด

ผู้ชายคนนี้เป็นถึงประธานกรรมการของ CMI จะมีบ้านอยู่แค่หลังเดียวได้อย่างไร? บางทีนี่อาจจะเป็นห้องชุดสำหรับพักอยู่ชั่วคราวก็เป็นได้ ซูเจี๋ยนครุ่นคิดอย่างอิจฉาเล็กน้อย แล้วก็ปล่อยวางความสงสัยไป

อย่างไรก็ตาม พอนึกถึงว่าร่างนี้ได้แต่งงานกับอันอี่เจ๋อแบบถูกต้องตามกฎหมาย ยิ่งอันอี่เจ๋อร่ำรวยมากแค่ไหนก็ยิ่งดี เพราะเวลาหย่ากันเขาก็จะได้สินสมรสครึ่งหนึ่ง คิดแบบนี้แล้วจิตใจของซูเจี๋ยนก็ได้แต่ลิงโลดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

“อัน ไม่สิ อี่เจ๋อ ฉันอยากเดินดูรอบๆ บ้านเราซักหน่อย!” พูดจบก็ไม่รออันอี่เจ๋อกล่าวตอบ เขานั่งบนวีลแชร์แล้วขยับล้อเที่ยวชมไปทั่ว

อันอี่เจ๋อไม่ได้มีทีท่าจะห้ามปราม ชายหนุ่มนั่งอยู่บนโซฟาเพื่อพักเหนื่อย ควบคุมลมหายใจให้กลับมาปกติ

เป็นไปตามคาด ห้องนอนของอันอี่เจ๋อก็ดูสมกับเป็นตัวเขาจริงๆ เบื้องหน้าฉาบไว้ด้วยโทนสีขาวเทาดำ ตายด้านไร้ความรู้สึก ซูเจี๋ยนเดาะลิ้นจึ้กจั้กพลางส่ายศีรษะน้อยๆ ขณะที่กำลังจะออกมา สายตาก็กวาดผ่านเตียงนอนหลังใหญ่แบบที่ตัวเขาตอนนี้น่าจะลงไปนอนได้สักห้าหกคนหลังหนึ่ง จู่ๆ ก็นึกได้ขึ้นมาว่าตอนนี้เขาเป็นภรรยาของอันอี่เจ๋อ พูดอีกอย่างก็คือ หลังจากนี้ทุกๆ ค่ำคืน เขาก็ต้องนอนร่วมกับอันอี่เจ๋อบนเตียงหลังมหึมานี่งั้นหรือ?

ให้-ฟ้า-ผ่า-ตาย-เถอะ!

ถ้าจะให้เขามานอนบนเตียงเดียวกันกับศัตรูหัวใจของตัวเอง ให้เขาไปตายยังจะดีซะกว่า!

อย่างไรก็ตาม พวกเขาสองคนก็เป็นคู่สมรสที่แต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ต่อให้อันอี่เจ๋ออยากจะทำเรื่องอย่างว่ากับเขา คุณลุงตำรวจก็ช่วยเหลืออะไรเขาไม่ได้! ทำไงดีทำไงดีทำไงดี๊! ….ใช่แล้ว! ขาเจ็บไงล่ะ!

ซูเจี๋ยนก้มหัวลงมองท่อนขาที่พันห่อไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวหนาเตอะ จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามันดูน่ารักน่าชังอย่างที่สุด

แค่บอกไปว่าเพราะขาเจ็บ พวกเราสองคนไม่ควรนอนห้องเดียวกัน แค่นี้ก็แก้ปัญหาได้อย่างสวยงาม!

ขณะที่ซูเจี๋ยนกำลังจะหันกลับไปต่อรองกับอันอี่เจ๋อ ก็พลันได้ยินเสียงทุ้มของอันอี่เจ๋อกล่าวขึ้นมาจากด้านหลัง : “มานี่เถอะ ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอ”

ซูเจี๋ยนพยักหน้ารับ : “บังเอิญจริง ฉันก็มีเรื่องจะพูดกับคุณเหมือนกัน”

อันอี่เจ๋อชะงักค้างไป : “งั้นเธอพูดก่อน”

ซูเจี๋ยนพูดออกไปตามตรง : “ที่ฉันอยากพูดก็คือว่า ขาฉันยังบาดเจ็บอยู่ ช่วงนี้น่าจะแยกห้องนอนกันไปก่อนนะ”

เบื้องลึกในดวงตาของอันอี่เจ๋อมีแววตาประหลาดใจวาบผ่านไปสายหนึ่ง ขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงท้องร้องดังโครกขึ้นมา

จากนั้นเขาก็ได้ยินซูเจี๋ยนกล่าวต่อ : “เรื่องที่สองที่อยากพูดก็คือว่า ฉันหิวแล้ว สัมมี~ ไม่ใช่ว่าคุณควรจะต้องรีบไปเตรียมอาหารหรอกเหรอ”

อันอี่เจ๋อดูอึ้งงันไปอย่างเห็นได้ชัด

ซูเจี๋ยนยกขาขึ้นเบาๆ : “คุณดูสิ ขาฉันหักอยู่นะ” ความหมายที่แฝงอยู่นั้นก็ชัดเจน ‘ฉันอาการหนักขนาดนี้แล้ว คุณยังจะใช้งานคนพิการอย่างฉันอีกหรือไง’

อันอี่เจ๋อไม่ได้พูดอะไรมากความออกมาอีก ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่ซูเจี๋ยนกำลังรอดูอย่างใจจดจ่อ ให้ศัตรูหัวใจน่าชังคนนี้ไปเข้าครัวทำอาหารให้เขาอย่างว่าง่ายเชื่อฟัง ทว่า เขากลับนึกไม่ถึงว่าอันอี่เจ๋อจะลุกขึ้นยืนแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา

“ภัตตาคารเจียงหนาน?”

นี่โทรสั่งอาหารนี่นา! นี่มันเป็นการโกงกันแบบหน้าด้านๆ ชัดๆ! ซูเจี๋ยนไม่ยินยอมพร้อมใจอย่างที่สุด เขาถลึงตาใส่แผ่นหลังของอันอี่เจ๋ออย่างขุ่นเคือง

อันอี่เจ๋อหันกลับมากล่าว : “จะมาถึงในสามสิบนาที”

ซูเจี๋ยนได้แต่ประท้วงด้วยเสียงท้องร้องดังโครกคราก

อันอี่เจ๋อทรุดกายลงนั่ง จ้องมองเขาอย่างเยือกเย็น

ซูเจี๋ยนถูกอีกฝ่ายจ้องมองจนรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาเล็กน้อย : “คุณ คุณมาจ้องฉันทำไม”

อันอี่เจ๋อหรี่ตาจ้องมองเขาอย่างลึกซึ้ง : “นี่เธอจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ หรอ”

ในใจของซูเจี๋ยนยิ่งรู้สึกกระวนกระวาย ได้แต่ผงกศีรษะรับอย่างเชื่องเชื่อ : “จำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ”

อันอี่เจ๋อเงียบขรึมไปชั่วขณะ แล้วจู่ๆ ก็กล่าวออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย : “อันที่จริง พวกเราแต่งงานแบบมีข้อตกลงร่วมกัน”

“หา?” ซูเจี๋ยนเบิกตากลมกว้าง แต่งงานแบบมีข้อตกลงร่วมกัน? มันคืออะไรกันล่ะนั่น?

อันอี่เจ๋อยังคงกล่าวต่อไปแบบไม่แยแส : “ดังนั้น พวกเราไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ หรอก ฉันกับเธอตกลงกันไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าพอพ้นหนึ่งปีก็จะหย่าขาดจากกัน”

“อ๋า?” ซูเจี๋ยนอ้าปากกว้างอย่างโง่งม ถูกสถานการณ์แปลกประหลาดที่อุบัติขึ้นตรงหน้าทำให้รู้สึกตกตะลึงจนไม่อาจควบคุมสติได้ชั่วขณะ

หลังจากงงงันอยู่พักใหญ่ ในที่สุดซูเจี๋ยนก็กะพริบตารัวเร็ว : “เดี๋ยวๆๆๆ! คุณหมายความว่า คุณ…..อันที่จริงแล้วพวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้นกัน?”

อันอี่เจ๋อกล่าวตอบ : “ในทางกฎหมาย พวกเรามีความสัมพันธ์แบบสามีภรรยา แล้วพวกเราก็ตกลงกันไว้ก่อนตั้งแต่แรกแล้ว ตอนที่อยู่ต่อหน้าคนนอก พวกเราต้องแสดงออกว่ารักกันอย่างลึกซึ้ง”

สีหน้าของซูเจี๋ยนยิ่งสับสนหนักกว่าเดิม : “ที่คุณอยากบอกก็คือ ถึงแม้ว่าพวกเราจะแต่งงานแบบมีเงื่อนไขสัญญาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่าจะหย่าขาดกันในหนึ่งปี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น พวกเราก็ไม่สามารถเปิดเผยความจริงนี้ออกไปได้ ทุกๆ วันพวกเราต้องแกล้งแสดงออกว่ารักกัน”

อันอี่เจ๋อตอบกลับแบบรวบรัดได้ใจความ : “ใช่”

ไอ๊โหยว… นี่มันฉากพื้นฐานของพล็อตละครน้ำเน่าในจอทีวีชัดๆ เรื่องแบบนี้ ไม่คิดเลยว่าจะมาเกิดขึ้นกับฉัน การเกิดใหม่ครั้งนี้มันจะมหัศจรรย์เกินไปหน่อยแล้วมั้ง! ซูเจี๋ยนถูกพล็อตเรื่องน้ำเน่านี้ทำให้อึ้งงันไปชั่วครู่ จึงโพล่งถามออกมาอย่างงุนงงสงสัย : “ทำไมล่ะ”

อันอี่เจ๋อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

ซูเจี๋ยนพูดต่อ : “ฉันหมายความว่า ทั้งสองคน…เราสองคน ทำไมถึงตกลงแต่งงานกันตั้งแต่แรก” ถึงแม้อันอี่เจ๋อจะเป็นศัตรูหัวใจของเขา แต่ก็มีจุดหนึ่งที่เขาจำต้องยอมรับความจริง นั่นคือข้างกายอันอี่เจ๋อรายล้อมไปด้วยหญิงสาวมากหน้าหลายตาอยู่เสมอ ส่วนสาวน้อยแซ่ซูคนนี้ก็หน้าตาสะสวยหุ่นดี ไม่เห็นต้องกังวลว่าจะหาคนแต่งด้วยไม่ได้ คนทั้งคู่ล้วนแต่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยม กลับไม่ยอมแต่งงานแต่งการให้มันดีๆ ทำไมถึงต้องมาแต่งงานหลอกๆ ให้วุ่นวายแบบนี้ด้วย

อันอี่เจ๋อปรายตามองเขา : “เพราะเธอต้องการเงิน”

ซูเจี๋ยนยิ่งเบิกตากลมกว้างหนักกว่าเดิม : “เงิน?” ให้ตายเถอะ! นี่มันเหมือนละครทีวีไม่มีผิดเพี้ยนเลย!

อันอี่เจ๋อพูดต่อ : “แม่เธอมีภาวะยูรีเมีย (uremia-อาการเนื่องจากไตวายระยะสุดท้าย) ต้องเข้ารับการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก”

“ดังนั้นคุณก็เลยช่วยจ่ายค่ารักษาให้แม่ฉัน ส่วนฉันก็ตกลงแต่งงานปลอมๆ กับคุณ ช่วยกันแสดงออกต่อหน้าคนนอกว่ารักกันอย่างลึกซึ้ง?” ซูเจี๋ยนรู้สึกทำใจลำบากอยู่บ้าง

อันอี่เจ๋อพยักหน้ารับ

ว้อทเดอะฟั-! ชีวิตนี้มันจะน้ำเน่าเจิ่งนองเกินไปแล้วนะ! ซูเจี๋ยนระเบิดเสียงคำรามกราดเกรี้ยวอยู่ในใจ จากนั้นจึงเอ่ยถามอันอี่เจ๋อ : “แล้วคุณล่ะ การแต่งงานหลอกๆ ครั้งนี้คุณทำไปเพื่ออะไร” อย่าบอกนะว่านายจะประพฤติตัวตามแบบคุณอาเหลยเฟิงผู้เสียสละตนเอง [1] โดยการอุทิศตนช่วยเหลือสาวน้อยแซ่ซูที่น่าสงสารด้วยน้ำใจอันดีงาม นั่นมันฟังไม่ขึ้นโคตรๆ!

อันอี่เจ๋อตอบกลับแบบชอบด้วยหลักเหตุผลทุกประการ : “เธอไม่จำเป็นต้องรู้”

เชิงอรรถ

[1] คุณอาเหลยเฟิง (雷锋) บุคคลต้นแบบที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนสมัยก่อนนำมาใช้ในการ โฆษณาชวนเชื่อ โดยสร้างภาพลักษณ์ให้เป็นผู้เสียสละทั้งชีวิตจิตใจ อุทิศตนให้กับแนวคิดของเหมาเจ๋อตุงตั้งแต่ยังหนุ่ม

—————————————————-

ตอนที่ 13 พวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์กันจริงๆ? (2/2)

凸!ซูเจี๋ยนโกรธมากจนต้องแอบยกนิ้วกลางให้เขาเงียบๆ ในใจก็คิดอย่างเดือดดาล : นายไม่บอกฉันแล้วฉันจะเดาเองไม่ได้รึไง? กับพวกไอ้หนุ่มเพอร์เฟ็คอย่างนาย ที่ไม่ยอมแต่งงานแต่งการให้มันดีๆ กลับไปคว้าเอาสาวน้อยร้อนเงินมาแต่งงานกันหลอกๆ แบบนี้ ยังจะมีเหตุผลอะไรได้อีก? มันก็มีแค่อย่างเดียวนั่นแหละ——ก็คือ ที่ตำแหน่งนั้น…. มีปัญหา! แถมปัญหานั้นก็คงเป็นอาการบางอย่างที่บอกกล่าวกับผู้คนไม่ได้อะไรเทือกๆ นั้นด้วยล่ะสิ? เหอะ งั้นก็ต้องเป็นเพราะว่าแก——ไม่แข็งล่ะสิท่า!

อันอี่เจ๋อที่ถูกซูเจี๋ยนตราหน้าว่าเป็นเจ้าคนไร้สมรรถภาพไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวเรียบร้อยแล้วพลันเปิดปากกล่าวต่อขึ้นอย่างเรียบเฉย : “ยังมีอะไรที่เธอไม่เข้าใจอีกไหม”

ซูเจี๋ยนชำเลืองมองสีหน้าตายด้านไร้อารมณ์ของเขาแล้วก็นึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งขึ้นมา : อันที่จริง อาจจะไม่ใช่เสื่อมสมรรถภาพก็ได้นี่นา ถึงยังไงก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่อีกอย่าง นั่นก็คืออันอี่เจ๋อเป็นพวก——รัก ชอบ เพศ เดียว กัน!

นึกได้แบบนี้แล้ว ซูเจี๋ยนก็อดไม่ได้ต้องตัวสั่นขึ้นมาวูบหนึ่ง ถ้าเจ้านี่มันชอบเพศเดียวกันจริงๆ แล้วเขาต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกับมันแบบนี้ จะไม่อันตรายไปหน่อยหรือ?

คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้ตระหนักแม้แต่น้อยว่าตัวเองไม่หลงเหลือเครื่องมือความเป็นชายอยู่อีกแล้ว จะใช้ส่วนไหนไปทำเรื่องรักชอบเพศเดียวกันกับอันอี่เจ๋อได้….

อันอี่เจ๋อมองสีหน้าสับสนของซูเจี๋ยนแล้วก็เห็นว่าอีกฝ่ายยิ่งสติหลุดลอยไปไกลขึ้นทุกขณะ : “ยังมีอะไรอยากถามอีกรึเปล่า”

ซูเจี๋ยนพลันได้สติทันที : “มีสิ!”

อันอี่เจ๋อมองเขานิ่งๆ เป็นสัญญาณว่าให้ถามออกมาได้

ซูเจี๋ยนกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังอย่างมาก : “คุณบอกที ในเมื่อสถานการณ์ของเราสองคนเป็นแบบนี้ แล้วพอหย่ากันไป คุณจะให้สินสมรสครึ่งนึงมาเป็นส่วนของฉันอยู่รึเปล่า”

อันอี่เจ๋อ : “……”

……………………………….

ซูเจี๋ยนทั้งขมขื่นโศกสลดทั้งโมโหโกรธาเอามากๆ

เกิดใหม่มาเป็นผู้หญิงที่แต่งงานกับศัตรูคู่แค้นคู่อาฆาตเก่าของตัวเองแบบนี้ เดิมทีเรื่องราวก็บิดเบี้ยวทำใจยากมากพออยู่แล้ว ไม่คิดเลยว่าถึงที่สุดแล้ว สองคนนี้กลับยังแต่งงานกันปลอมๆ เสียอีก มิหนำซ้ำยังมีข้อตกลงไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ว่านอกจากเงินค่ารักษาที่อันอี่เจ๋อต้องจ่ายให้แม่ของซูเจี๋ยนแล้ว ซูเจี๋ยนก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากอันอี่เจ๋ออีกแม้แต่ครึ่งเฉียน!

จากที่อันอี่เจ๋อบอก น้องสาวคนงามแซ่ซูนี่ยังเป็นคนยกข้อตกลงเด็ดขาดข้อนี้ขึ้นมาเสนอกับเขาด้วยตัวเองอีกต่างหาก ชั่วขณะนั้นซูเจี๋ยนรู้สึกปวดกระเพาะขึ้นมาบ้าง ไอ๊หยาแม่สาวน้อยของฉัน ทำไมเธอถึงได้โง่อย่างนี้? เธอจะใสซื่อดีงามเกินไปแล้วนะ แค่แต่งงานหลอกๆ กับไอ้เจ้าคนแซ่อันนี่ชั่วคราวแท้ๆ กลับยังไปคิดแทนเขาอีก ต่อให้ระหว่างนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ แต่พอพ้นหนึ่งปีไปเธอก็ต้องกลายเป็นผู้หญิงที่ผ่านการหย่าร้างมาแล้วนะ สำหรับหญิงสาวคนหนึ่ง ความสูญเสียแบบนี้มันหนักหนาสาหัสเกินไปแล้ว ถ้าเป็นฉันล่ะก็ จะต้องขู่เข็ญไอ้เจ้าคนแซ่อันนี่ให้มันจ่ายค่าเสียหายที่ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงมาให้สาสมเลย แม่สาวคนนี้นี่ เธอจะสูงสง่าทระนงตนอะไรขนาดนี้!

ซูเจี๋ยนรู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งยวด มีแต่ความหดหู่เกลียดชังอย่างไร้จุดสิ้นสุด

หลังหย่าขาดกับอันอี่เจ๋อแล้วก็จะได้สินสมรสครึ่งหนึ่ง หากอันอี่เจ๋อเกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้นก็จะได้รับส่วนแบ่งทรัพย์สินจากเขา เรื่องนี้เป็นสิ่งเดียวที่ซูเจี๋ยนใช้ปลอบประโลมใจตัวเองหลังจากพบว่าต้องกลายมาเป็นภรรยาของอันอี่เจ๋อ แต่ผลสุดท้าย ช่างดีจริงๆ แม้แต่เรื่องปลอบประโลมจิตใจปลอมๆ นี้ก็ไม่มีหลงเหลืออยู่อีกแล้ว! ที่หนักกว่านั้นก็คือไอ้เจ้านี่ยังเปลี่ยนสถานะเป็นนายจ้างของเขาไปแล้วอีกต่างหาก ต้องประพฤติตนเป็นภรรยาตัวน้อยๆ ที่หัวอ่อนว่าง่ายเพื่อหาเงินไปรักษามารดาที่ป่วย แค่คิดก็ปวดร้าวทรมานจะตายแล้ว!

เอาเถอะ นี่แหละสาเหตุแห่งความโศกเศร้าที่แท้จริงของซูเจี๋ยน

ซูเจี๋ยนลากสังขารตัวเองกลับเข้าห้องไปอย่างเงียบงันไร้ปากเสียง อันอี่เจ๋อบอกเขาไว้แล้ว ว่าสำหรับบ้านนี้ ห้องนอนหลักและห้องหนังสือล้วนแต่เป็นของอันอี่เจ๋อ ส่วนตัวซูเจี๋ยนนั้น ที่ผ่านมานอนอยู่ในห้องรับแขก ซูเจี๋ยนไปวนดูที่ห้องรับแขกนั้นมาแล้ว โชคดีที่ห้องรับแขกมีพื้นที่กว้างขวางไม่น้อย ด้านในมีทั้งเตียง ตู้ โต๊ะ และสิ่งของจำเป็นอย่างอื่นครบถ้วน อีกทั้งหากเทียบกับห้องอันอี่เจ๋อแล้ว สไตล์การตกแต่งยังนุ่มนวลผ่อนคลายกว่ามาก แม้รูปแบบของตกแต่งจุกจิกแบบผู้หญิงๆ บางอย่างจะทำให้ซูเจี๋ยนรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วเขาก็พึงพอใจในห้องนี้

และแน่นอน อันอี่เจ๋อยังบอกกับเขาว่า เพื่อที่จะเก็บเรื่องการแต่งงานปลอมๆ นี้ไว้เป็นความลับ เขาจึงไม่ได้จ้างแม่บ้านมาดูแลที่นี่ ทั้งยังไม่คิดจะจ้างคนมาให้บริการอื่นใดทั้งสิ้น ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำอาหารหรือทำความสะอาด ซูเจี๋ยนคนก่อนล้วนเป็นคนรับผิดชอบเองทั้งหมด

ไอ๊หยาแม่สาวน้อยคนนี้นี่ เธอจะประเสริฐเลิศเลออะไรปานนั้น! พอนึกถึงว่าต่อจากนี้ต้องใช้ชีวิตเป็นแม่บ้านทำงานงกๆ รับใช้อันอี่เจ๋อ ซูเจี๋ยนก็พลันรู้สึกปวดร้าวตรงขาที่สามในจินตนาการขึ้นมาอีกครั้ง!

บนโต๊ะมีแล็ปท็อปวางไว้เครื่องหนึ่ง น่าจะเป็นของสาวงามซูเจี๋ยนเจ้าของร่างนี้เอง ทว่ายามนี้มันย่อมต้องตกทอดมากลายเป็นของซูเจี๋ยนเรียบร้อยแล้ว ซูเจี๋ยนทรุดกายนั่งลงที่หน้าโต๊ะ เปิดแล็ปท็อปขึ้นมา น่าแปลกที่ไม่ได้มีการใส่รหัสผ่านล็อคเครื่องไว้แต่อย่างใด เครื่องเปิดใช้งานได้อย่างราบรื่น

แม้เขาจะรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อยที่ต้องละเมิดความเป็นส่วนตัวของคนอื่น แต่พอคิดว่าตอนนี้เขาได้กลายเป็นซูเจี๋ยนคนปัจจุบันแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องใช้ตัวตนของเธอดำรงชีวิตอยู่ต่อไป เป็นธรรมดาที่ต้องทำความเข้าใจเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับหญิงสาวเจ้าของร่างให้มากขึ้น คิดแบบนี้แล้วใจของซูเจี๋ยนก็ผ่อนคลายลงมาก เขาเปิดไดร์ฟเก็บข้อมูลของสาวน้อยซูเจี๋ยนแล้วสำรวจดูไฟล์ต่างๆ ไปทั่ว

เห็นได้ชัดว่าสาวน้อยซูเจี๋ยนคนนี้เป็นกุลสตรีที่เรียบร้อยมาก ไฟล์ข้อมูลต่างๆ ในคอมถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ ซูเจี๋ยนกวาดตามองไปทั่ว ในคอมพิวเตอร์ของซูเจี๋ยนเครื่องนี้ นอกจากเอกสารการสอนที่หญิงสาวเตรียมไว้แล้ว ก็มีแค่พวกหนังและเพลงทั่วๆ ไป ดังนั้นซูเจี๋ยนจึงเพียงเปิดผ่านๆ ไปอย่างเบื่อหน่าย จนท้ายที่สุด เมื่อซูเจี๋ยนเหลือบไปเห็นโฟลเดอร์ที่ตั้งชื่อว่า ‘รูปภาพ’ เรื่องราวก็ดูน่าสนใจขึ้นมาในฉับพลัน

ในโฟลเดอร์ประกอบไปด้วยรูปภาพของสาวงามซูเจี๋ยนกับครอบครัวและเพื่อนๆ ของเธอ สำหรับคนอื่นๆ ซูเจี๋ยนในยามนี้ย่อมไม่รู้จักแม้แต่คนเดียว จึงได้แต่มองหาสาวงามซูเจี๋ยนเท่านั้น จำต้องกล่าวว่าซูเจี๋ยนที่อยู่ในรูปนั้นเป็นสตรีที่งดงามเพียบพร้อมอย่างแท้จริง ยามที่ยกยิ้มหญิงสาวยังมีลักยิ้มน้อยๆ ประดับอยู่ที่ข้างแก้ม ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารักมีเสน่ห์

ซูเจี๋ยนมองดูรูปภาพเหล่านี้อยู่พักใหญ่ แล้วจู่ๆ ก็มองเห็นโฟลเดอร์ด้านในที่ตั้งชื่อไว้ว่า ‘เขา’ ซูเจี๋ยนชะงักมือค้างไว้ตรงนั้น รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที แค่เห็นชื่อก็รู้ได้เลยว่าต้องมีเรื่องน่าสนใจแน่นอน! เขากดคลิกสองทีอย่างไม่รอช้า ที่ด้านในเป็นรูปชายหนุ่มคนหนึ่งจริงๆ ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีหลายรูปที่เป็นสาวน้อยซูเจี๋ยนถ่ายคู่กับเขา จากท่าทางของคนทั้งคู่ บ่งบอกชัดว่าเป็นคู่รักที่คบหากันอยู่แบบไม่ต้องสงสัย!

ซูเจี๋ยนลูบปลายคางมองประเมิน คนสนิทของสาวน้อยซูเจี๋ยนคนนี้ รูปลักษณ์ภายนอกไม่อาจก้าวข้ามอันอี่เจ๋อได้ ทั้งความหล่อเหลาและบุคลิกสภาวะส่วนตัวก็ล้วนไม่อาจเทียบเคียงอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อย จะมีก็แต่….ความขี้เก๊กนี่แหละที่ไม่แพ้กันเลย! เหอะ!

ซูเจี๋ยนยอมตายเสียดีกว่าจะยอมเปิดเผยความรู้สึกแท้จริงในซอกหลืบจิตใจของตัวเองออกมา : ‘ทำไมผู้ชายทุกคนมันหล่อกว่าฉันกันหมด’ ความคิดอิจฉาริษยาอันน่าเคียดแค้นนี้ เขาไม่ยอมรับเด็ดขาด

กลายเป็นว่าแม่สาวน้อยแซ่ซูคนนี้มีคนรักอยู่ก่อนแล้ว! แบบนี้แล้วยังมาแต่งงานกับอันอี่เจ๋ออีกทำไมกัน? ถ้าหากเป็นเพราะหาเงินไม่พอจะมารักษาแม่ ก็เลยได้แต่ต้องเลิกรากับคนรักอย่างเจ็บปวดเพื่อมาเดินทางสายนี้หรืออะไรเทือกๆ นั้นแล้วล่ะก็….นี่มันจะไม่น้ำเน่าเกินไปหน่อยแล้วหรือไง!

แต่ก็นับว่าโชคดี ที่ทั้งสองคนไม่ได้คบกันแล้ว นี่ทำให้ซูเจี๋ยนแอบโล่งใจอยู่เงียบๆ เพราะอย่างน้อยในกรณีของซูเจี๋ยนกับอันอี่เจ๋อก็เพียงแต่งงานกันหลอกๆ เท่านั้น หากเปลี่ยนเป็นคนรักจริงๆ แบบนั้นซูเจี๋ยนในตอนนี้คงจะต้องรับมืออย่างยากลำบากมากแล้ว

——————————

แฟนเพจ ‘Akanirawan’ https://bit.ly/3gBu94T

ได้รับลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย