“นี่มันน่าสงสัยเกินไปแล้ว!” เมื่อสุ่ยเยี่ยนยวี่กลับมาถึงที่พัก นางก็พูดบ่นพึมพัมออกมาทันที
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้ว!”
“เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ต้องการให้พวกเราตรวจสอบ หากเป็นตามที่เขาพูด ผู้คนที่อยู่ที่นี่ต้องการความสงบ แล้วทำไมเขาถึงปรากฏตัวในยามดึกเช่นนี้? มันเห็นได้ชัดว่าพวกเรากำลังถูกจับตามองอยู่” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “แต่น่าเสียดายที่ข้าเป็นคนอยากรู้อยากเห็น ยิ่งพวกเขาห้ามข้ามากเท่าไหร่ มันทำให้ข้ายิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเท่านั้น”
ครั้งนี้ สุ่ยเยี่ยนยวี่เห็นด้วยกับหลิงฮันและพูดว่า “พวกเราควรแอบออกไปอีกครั้งหรือไม่?”
“ไม่ พวกเราจะเข้านอน” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินเช่นนั้นสุ่ยเยี่ยนยวี่แทบบ้าคลั่ง นี่เขากำลังคิดเรื่องพวกนั้นอีกแล้วหรือ?
หลิงฮันเริ่มรุกทันที เขาจุมพิตนางและพูดว่า “พวกเราเพิ่งมาถึงที่นี่เป็นวันแรกเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะระวังเป็นพิเศษ แล้วข้าคิดว่าคนพวกนั้นห้าคนน่าจะคอยจับตาดูพวกเราอยู่ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะลอบออกไปได้ในค่ำคืนนี้”
“ถ้างั้นพวกเราจะรอให้ถึงพรุ่งนี้อยากนั้นรึ?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ถาม
“ใช่แล้ว!” หลิงฮันกล่าว ตอนนี้เขาอยู่ในหมู่บ้านที่มีทางเข้าและทางออกเพียงทางเดียว จึงเป็นเรื่องยากที่จะลอบออกไปได้ ในเมื่อเขาได้เข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว เขาก็จะต้องไม่รีบร้อนและประมาท
“อืม!” สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้าเห็นด้วย
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนจึงเข้าไปในหอคอยทมิฬอีกครั้ง สุ่ยเยี่ยนวี่เริ่มฝึกฝนบ่มเพาะพลัง ในขณะที่หลิงฮันยังคงหลอมเม็ดยาไข่มุกนภาต่อ เขาจะต้องหลอมมันขึ้นมาให้ได้เร็วที่สุด
หากทำสำเร็จ เม็ดยาไข่มุกนภาจะไม่ได้ทำให้แค่เขาก้าวหน้าขึ้นราวกับติดปีกเท่านั้น แต่จะนำความมั่งคั่งมหาศาลมาให้เขาอีกด้วย เพราะการฝึกฝนบ่มเพาะพลังทรัพยากรทางการเงินถือมีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ค่ำคืนแรกผ่านไป หลิงฮันยิ้มอย่างพอใจ ดูเหมือนว่าเขาจะก้าวหน้าขึ้นอีกก้าวแล้ว
หลังจากที่ทั้งสองคนรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จ พวกเขาก็ออกมาจากหอคอยทมิฬและเดินไปที่ลานกว้าง
หยางเทียนเฉิงและคนอื่นบางคนนอนหลับสนิทอย่างสบายใจ ราวกับที่นี่คือสวรรค์แห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง มิฉะนั้นเมื่อคืนพวกเขาคงไม่หลับสนิทขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม คนอย่างหยางเทียนเฉิงและฟานหยงนั้นมีประสบการณ์ทางโลกมากมาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ไว้วางใจคนอื่น
ในทางตรงกันข้าม จินจื้อฮุยและคนที่เหลือทำตัวประมาทมาก เมื่อคืนพวกเขานอนหลับกันสนิท
เมื่อทุกคนมารวมตัวกันครบแล้ว หลัวอู่และฟานหยงก็ไม่ปกปิดจิตสังหารที่มีต่อหลิงฮันอีกต่อไป แต่ตอนนี้พวกเขายังไม่อาจลงมือได้ เพราะมีหยางเทียนเฉิงอยู่ที่นี่ด้วย
“ทุกท่าน วันนี้เป็นวันที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนักที่อาจารย์ของข้าอยากจะพบพวกท่าน” โกวชิ่วเหวินเข้ามาและกล่าว แน่นอนว่าเขากำลังขี่เสืออยู่ ราวกับว่าเขาไม่สามารถเดินไปไหนได้หากไม่มีมัน
แต่ในทางตรงกันข้าม การที่อีกฝ่ายขี่หุ่นเชิดอยู่ตลอดทั้งวัน มันไม่แปลกไปหน่อยหรือ?
“ฮ่าฮ่าฮ่า เช่นนั้นพวกข้าก็รอที่จะไปเยี่ยมเจ้าของเกาะไม่ไหวแล้ว” ทุกคนหัวเราะ
“อาจารย์ของข้าเป็นปรมาจารย์นักเชิดหุ่น เขาเชี่ยวชาญในการประดิษฐ์ของแปลกๆขึ้นมา หากพวกท่านได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์ของข้า เขาจะต้องช่วยพวกท่านสร้างเรือที่ดีขึ้นมาให้อย่างแน่นอน เพื่อให้พวกท่านเดินทางกลับได้อย่างปลอดภัย” โกวชิ่วเหวินกล่าว
ภายใต้การนำทางของโกวชิ่วเหวิน พวกเขาก็มาถึงห้องโถงของคฤหาสน์ มันมีความลึกมากกว่าสิบฟุต และสูงห้าฟุต ราวกับเป็นวิหาร แล้วมีชายชราคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ เขาน่าจะเป็นอาจารย์ที่พวกโกวชิ่วเหวินกล่าวถึง
ชายชราคนดังกล่าวมีรูปร่างที่สูงมาก แม้ว่าเขากำลังนั่งอยู่ แต่ก็สูงเท่าคนทั่วไป ซึ่งเกือบจะเท่าหยางเทียนเฉิงที่กำลังยืนอยู่เลย
“ข้ามีนามว่าเผยจี่” ชายชรานั่งกล่าวแนะนำตัว แล้วพยักหน้าให้อีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าอย่าได้คิดว่าข้าทำตัวไร้มารยาท แต่ขาทั้งสองข้างของข้านั้นได้หายไปนานแล้ว ข้าเลยไม่สะดวกที่จะลุกขึ้นยืน”
เขายกเสื้อคลุมขึ้นมาให้ทุกคนได้เห็น ตั้งแต่เข่าลงไปนั้นว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่าขาทั้งสองข้างหายไปอย่างที่เขาพูด เมื่อดูจากรอยแผลแล้ว มันน่าจะถูกตัดมากกว่าประสบอุบัติเหตุ
“ผู้อาวุโส ท่านไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้” ทุกคนรีบส่ายหัวของพวกเขาอย่างรวดเร็ว
เผยจี่กล่าวว่า “ข้ารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า ด้วยวัสดุที่ข้ามีมันอาจจะต้องใช้เวลาสักเล็กน้อยเพื่อสร้างเรือให้กับพวกเจ้า หากเป็นไปได้อย่างราบรื่นก็อาจจะใช้เวลาแค่ห้าวัน แต่ถ้านานหน่อยก็อาจถึงสิบวัน หากข้าสร้างเรือให้กับพวกเจ้าเสร็จแล้ว ข้าจะส่งคนไปแจ้งให้พวกเจ้าทราบเอง ในช่วงเวลานี้ ทุกคนสามารถพักผ่อนและสนุกกับชีวิตที่เงียบสงบได้อย่างเต็มที่”
“ขอบคุณผู้อาวุโส!” ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความสุข
อีกฝ่ายเป็นถึงปรมาจารย์นักเชิดหุ่น ทุกคนสามารถฝากความหวังไว้กับเขาได้อย่างแน่นอน
เผยจี่พยักหน้า “หากพวกเจ้าคนใดสนใจเรื่องการสร้างหุ่นเชิด พวกเจ้าสามารถพูดคุยกับลูกศิษย์ของข้าได้ และข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีหลายคนที่สนใจศึกษามัน”
เมื่อเขาพูดจบ ทุกคนดูแปลกใจ
การสร้างหุ่นเชิดเป็นเหมือนกับทักษะยุทธลึกลับ แต่เผยจี่กลับเต็มใจที่จะสอนพวกเขา ความใจกว้างของเขาทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกใจ
แม้แต่สุ่ยเยี่ยนยวี่ก็ยังรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย คนดีแบบเขาจะเป็นคนไม่ดีได้อย่างไร?
เผยจี่พูดคุยกับทุกคนอยู่สักพัก แต่ระหว่างที่พูดคุยกันนั้นท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไป และเขาก็รีบพูดกับทุกคนว่าเขาไม่ต้องการเสียเวลาและจะเริ่มสร้างเรือทันที
แน่นอนว่าทุกคนรู้สึกดีใจ ยิ่งเขาเริ่มสร้างเรือเร็วขึ้นเท่านั้น พวกเขาก็จะได้ออกไปจากเกาะแห่งนี้ได้เร็วขึ้นเท่านั้น
“ทุกท่าน หากท่านสนใจที่จะสร้างหุ่นเชิดสามารถถามศิษย์น้องของข้าได้เลย” โกวชิ่วเหวินพูดด้วยรอยยิ้ม และดูทุกคนจะให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
แต่หลิงฮันนั้นไม่สนใจที่จะเรียนรู้สร้างหุ่นเชิด เพราะเขาเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตนเองเสมอ ไม่ว่าหุ่นเชิดจะทรงพลังแค่ไหน แต่มันก็ไม่ใช่พลังของตัวเองอย่างดี ซึ่งแตกต่างจากการปรุงยา อย่างน้อยเม็ดยาที่เขาหลอมขึ้นมาก็ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น
ในขณะที่สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกสนใจมาก นางอยากจะรู้ว่าตัวเองมีพรสวรรค์ด้านศาสตร์นี้หรือไม่ แต่นางก็ถูกหลิงฮันขวางเอาไว้ เพราะตอนนี้พวกเขาไม่ควรแยกจากกันเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องที่คาดไม่ถึง
เขาจะพาสุ่ยเยี่ยนยวี่ออกไปจากหมู่บ้าน ตอนนี้พวกเขายังมีเหตุผลอะไรอีกที่จะต้องอยู่ในคฤหาสน์?
“พี่ชายหลิงและแม่นางสุ่ย พวกท่านจะออกไปข้างนอกหรือ?” เมื่อทั้งสองคนเดินไปที่ประตูของคฤหาสน์ปู้เชิงหยุนขี่ลิงดำมาขวาง ซึ่งทำให้หลิงฮันรู้สึกสงสัยมากขึ้น หรือว่าคนพวกนี้จะไม่มีขาเหมือนกับเผยจี่?
มิฉะนั้น ทำไมพวกเขาจะต้องขี่หุ่นเชิดตลอดทั้งวันด้วย?
“ใช่ พวกข้าอยากจะออกไปเดินเล่นชื่นชมทิวทัศน์ที่งดงามเสียหน่อย มันไม่ง่ายเลยที่จะเห็นทิวทัศน์ที่งดงามแบบนี้” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“โอ้ เช่นนั้นข้าจะไปกับพวกท่านด้วย”