Ch.9 – คนส่วนน้อยต้องยอมตามคนส่วนมาก

Translator : Asiran / Author

 

ตอนที่ 9 – คนส่วนน้อยต้องยอมตามคนส่วนมาก

 

สไตล์การเล่นกับผู้เล่นตำแหน่งป่าคนก่อนหน้าแตกต่างกันงั้นหรือ

แม้ว่าเหออวี้จะยังเบียดเสียดยัดเยียดอยู่ในกลุ่มคน แต่คำพูดของโหยวย่าจงก็ดังเข้าไปรูหูโดยไม่ขาดแม้แต่คำเดียว ผู้เล่นตำแหน่งป่าคนก่อนหน้านั้นของทีมเทียนเจ๋อมิใช่พี่ชายของเขาเหอเหลียงหรอกเหรอ โหยวย่าจงบอกว่ากลยุทธ์ของเทียนเจ๋อไม่มีอะไรเปลี่ยนไป ความแตกต่างมีเพียงสไตล์การเล่นของผู้เล่นตำแหน่งป่า พูดแบบนี้ไม่ใช่หมายความว่าที่ก่อนหน้านี้เทียนเจ๋อไม่เคยได้แชมป์มาก่อนเลยเป็นความผิดของผู้เล่นตำแหน่งป่าอย่างเหอเหลียงคนเดียวเลยหรือไง

เหออวี้นึกไม่ออกเลยว่าพี่ชายจะรู้สึกอย่างไรตอนที่เขาได้ยินแบบนี้ เขาอยากจะเบียดคนออกไปโต้เถียงแต่ว่าในตอนนั้นพี่ชายก็วางมือลงบนบ่าของเขา เหออวี้บิดศีรษะกลับไปและเห็นเหอเหลียงสั่นศีรษะให้เขา

โหยวย่าจงยังคงตอบคำถามต่อไป “ผู้เล่นเหอเหลียงเป็นผู้เล่นก่อนหน้าผม แล้วก็เป็นผู้เล่นที่ผมให้ความเคารพอย่างที่สุดด้วย ตอนที่นั่งม้านั่งตัวสำรองในทีมเทียนเจ๋อหลาย ๆ ซีซั่นก่อนหน้านี้ ผมได้เรียนรู้อะไรจากเขามากมาย คงจะเป็นเพราะว่าได้เรียนรู้จากข้างกายเขา ทำให้พอผมมาเป็นหนึ่งในห้าผู้เล่นของเทียนเจ๋อบนสนามแข่ง หลังจากกลายมาเป็นตัวฟาร์มป่าของเทียนเจ๋อผมก็สามารถหลบเลี่ยงจากปัญหาต่าง ๆ นานาได้เยอะแยะเลย จากจุดนี้ผมก็อยากจะขอบคุณรุ่นพี่เหอเหลียง ผมสามารถจะช่วยเหลือทีมได้ถึงขนาดนี้ สาเหตุสำคัญมาจากการได้ปีนจากไหล่ของเขาขึ้นไปครับ”

เสียงปรบมือดังขึ้น คำตอบของโหยวย่าจงฟังดูถ่อมตัวและเป็นคนดี แฟน ๆ พึงพอใจมาก แต่เหออวี้กลับรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย คำพูดที่ออกมาจากปากของโหยวย่าจงที่ว่าเรียนรู้มาจากเหอเหลียง สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่การ “หลบเลี่ยงปัญหาต่าง ๆ นานา” เหมือนกับว่าเขาได้ก้าวข้ามข้อบกพร่องและความผิดพลาดที่ไม่อาจแก้ไขได้ของเหอเหลียงแล้วสุดท้ายจึงได้ “ปีนจากไหล่ของเขาขึ้นไป”

แล้วปัญหาที่ว่า “ข้อบกพร่องและความผิดพลาด” ของเหอเหลียงที่เขาพยายามแก้ไขอยู่มันคืออะไรกันแน่ ในใจของพวกเทียนเจ๋อเองก็บอกไม่ได้ใช่ไหมล่ะ

นั่นมันก็แค่พรสวรรค์แท้จริงของเหอเหลียงกับความสามารถที่แสดงออกมาได้เท่านั้นล่ะ!

เล่นอาชีพมาห้าปี เหอเหลียงทุ่มเททั้งหมดให้กับทีมเทียนเจ๋อ เหออวี้ไม่เคยพลาดเกมสักเกมเดียวของทีมเทียนเจ๋อตลอดสิบซีซั่นในห้าปีนั้น แม้แต่เกมฝึกซ้อมหรือเกมแสดงโชว์ก็ยังได้ดูตั้งมาก

ไม่มีใครที่สามารถเล่นได้เป๊ะตลอดทั้งเกมไม่มีพลาด เหอเหลียงเองก็เล่นพลาดเหมือนกัน เรื่องพวกนี้เหออวี้เองก็เห็นอยู่ แต่เรื่องที่ได้รับการรายงานมาตลอด คอมเม้นต์ที่ว่าเล่นหลุดออกไปจากทีม คำตำหนิจากคนหลากหลายที่ว่าเป็นความผิดพลาด ที่โหยวย่าจงพูดออกจากปากว่าเป็นเรื่องที่เป็น “ปัญหา” นั้น เหออวี้ไม่เคยรู้สึกเลยว่าเป็นปัญหาของเหอเหลียง

เรื่องที่ว่าเล่นต่อกันไม่ติดกับความผิดพลาดก็เป็นแค่การที่พวกเทียนเจ๋อคนอื่น ๆ เล่นตามจังหวะที่ถูกต้องไม่ทันก็เท่านั้นล่ะ เป็นแค่การปฏิบัติที่คนส่วนน้อยต้องยอมตามคนส่วนมาก เหอเหลียงที่เล่นในจังหวะที่ถูกต้องกลับถูกบอกว่าเล่นแปลกแยกไป เล่นเสี่ยงเกินไป ไม่เข้ากับจังหวะของเพื่อนร่วมทีม

ดังนั้นเขาก็เลยควรจะลดระดับความสามารถลงมาแล้วปรับให้เข้ากับเพื่อนร่วมทีมที่เล่นช้าไปครึ่งก้าวอย่างนั้นหรือ

การร่วมมือที่ทุกคนหวังเอาไว้ก็คือการเสียสละพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมไปงั้นหรือ

ไม่ใช่ว่านักเล่นเกมอาชีพควรจะพยายามเล่นให้เหนือชั้นขึ้นไปเรื่อย ๆ เหรอ ดังนั้นไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นเพื่อนร่วมทีมอีกสี่คนที่พยายามปรับจูนให้เข้ากับเหอเหลียงแล้วก็พยายามตามให้ทันจังหวะของเหอเหลียงหรือไง

พวกเขาไม่ทำ

ตลอดห้าปี เหออวี้ได้เห็นพี่ชายพยายามอย่างไม่ยอมหยุด พยายามตลอดที่จะปรับจูนตัวเองในหลาย ๆ แบบ โทษตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าว่า “ฉันยังไม่ดีพอ” แล้วเพื่อนร่วมทีมก็เหมือนจะเอาแต่รอ

พวกเขารอให้เหอเหลียงวางมือ รอจนโหยวย่าจงกลายมาเป็นผู้เล่นหลัก จากนั้นพวกเขาก็คว้าแชมป์มา

ดังนั้น พวกเขาจึงเป็นคนถูก ทุกคนรวมทั้งตัวพวกเขาเองด้วยก็คงจะคิดอย่างนั้น

เหออวี้ไม่

เขาไม่เห็นด้วยสักนิดเลย

ถึงแม้เทียนเจ๋อจะคว้าแชมป์ได้สำเร็จในที่สุด เขาก็ไม่คิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ถูกต้อง ไม่คิดเหมือนเทียนเจ๋อว่าพรสวรรค์และความสามารถของเหอเหลียงเป็น “ปัญหา” แล้วก็ทำมาเป็นพูดว่าให้ความเคารพ แต่ที่จริงแล้วกลับเป็นการปฏิเสธการเล่นที่ถูกต้องของเหอเหลียง

ปัญหาที่แท้จริงเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นพวกนายเองที่ไม่เก่งพอ ตอนนี้กลับมาชี้กวางเป็นม้า บอกว่าความเก่งกาจของคนอื่นเขาเป็นปัญหา มันช่างหน้าด้านและน่าหัวเราะสิ้นดี

แต่ว่าบรรยากาศในงานกลับคึกคักมาก หลังจากโหยวย่าจงตอบแล้วก็หันไปมองโจวจิ้น เห็นโจวจิ้นเอื้อมมือออกมาก็ส่งไมโครโฟนไม่ให้เขา ทุกคนต่างหันไปมองโจวจิ้น รอฟังว่าเขาอยากจะพูดอะไรออกมา

“ย่าจงถ่อมตัวไปแล้ว ที่จริงแล้วในฐานะนักเล่นเกมอาชีพ การเล่นบนสนามทุก ๆ นาทีของพวกเราต่างก็ตกอยู่ในสายตาของคนอื่น ไม่มีอะไรที่ทุกคนมองไม่เห็นหรือไม่ได้รับความสนใจ เหอเหลียงกับผมเป็นเพื่อนร่วมทีมกันมาห้าปี ความสามารถและพรสวรรค์ของเขาเป็นเรื่องที่ไม่อาจปฏิเสธได้ การเล่นหลี่ไป๋ที่ยอดเยี่ยมตอนแรกทำให้มีการใช้ฮีโร่ตัวนี้ในเกมเยอะมากขึ้นถึง 7% แต่ไม่รู้ว่ามีใครสังเกตเห็นรึเปล่าว่าในขณะที่อัตราการใช้หลี่ไป๋ในตอนนั้นเพิ่มขึ้น 7% ในเวลาเดียวกัน อัตราการชนะก็ลดลงถึง 19% ด้วย ท่ามกลางเหล่าฮีโร่ในห้าปีให้หลังนับเป็นฮีโร่ตัวฟาร์มป่าที่ถูกใช้น้อยที่สุดแล้ว”

“ทำไมหรือ ก็เพราะว่าสไตล์การเล่นของเหอเหลียงมันเสี่ยงมากเลยน่ะสิ เล่นพลาดไม่ได้เลย พลาดนิดเดียวก็ล้มทั้งกระดานแล้ว ในเกมการเล่นธรรมดา ๆ อาจจะมีช่องว่างให้เล่นพลาดได้บ้าง แต่บนสนามอาชีพ ส่วนมากแล้วก็คือพลาดครั้งเดียวหมายถึงความพ่ายแพ้”

“ดังนั้นพวกเราก็เลยพยายามจะช่วยเหอเหลียงให้เปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่พูดกันตามตรงแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้มันก็งั้น ๆ พวกเราล้วนรู้สึกเสียใจกับเขามาก”

“แต่ย่าจงไม่เป็นแบบนั้น” โจวจิ้นพูดพลางตบไหล่โหยวย่าจงที่อยู่ข้าง ๆ “ก็คงจะเป็นอย่างที่เขาพูดนั่นแหละ ตลอดมาเขาเฝ้ามองเหอเหลียงจากม้านั่งสำรอง เห็นเหอเหลียงทำงานอย่างหนัก ปัญหาของเหอเหลียงที่ไม่เคยแก้ไขได้ สุดท้ายแล้วเขากลับแก้ไขได้ดีมาก การเป็นแชมป์ฟอลซีซั่นที่แล้วก็คือเครื่องยืนยันถึงความพยายามของเขาที่ดีที่สุด! ผมเชื่อว่าอนาคตของเขาจะต้องดีกว่านี้อีก พวกเราเทียนเจ๋อก็จะได้รับแชมป์มากกว่านี้แน่ ๆ!”

“ดี!” ไม่รู้ว่าเสียงปรบมือเริ่มดังขึ้นจากตรงไหน แต่ยังไงมันก็เป็นครั้งที่น่าทึ่งที่สุดแล้ว เป็นอีกครั้งที่เหออวี้อยากจะเบียดออกไปโต้เถียงกับคนอื่น แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ถูกเหอเหลียงดึงตัวเอาไว้ด้วยแรงที่มากกว่าครั้งก่อน

เขามองเหอเหลียง

“พี่เต็มใจเหรอ”

หนึ่งปีที่แล้วเขาได้ยินเสียงพี่ชายร้องไห้อย่างหนักบนทางเดิน เขาเสียใจมากที่ตัวเองคิดที่จะถามคำถามข้อนี้กับพี่ชาย

แต่หนึ่งปีให้หลังกลับได้ยินเพื่อนร่วมทีมของเขาพูดถึงเขาแบบนี้ เหออวี้เองอยากจะตอบคำถามข้อนี้ เขารู้สึกไม่ยินยอมแทนพี่ชาย รู้สึกไร้ค่า เขาหวังสุดใจว่าในเกมเปิดซีซั่นคืนนี้เหอเหลียงจะสามารถเล่นแข่งกับเทียนเจ๋อได้ ใช้หลี่ไป๋ของเขาบอกให้ชัด ๆ ว่าใครกันแน่ที่เล่นถูก เป็นใครที่มีปัญหาเล่นผิดจังหวะ

ที่โจวจิ้นพูดคอมเม้นต์เกี่ยวกับหลี่ไป๋ต่อว่าเหอเหลียงนั้นเห็นได้ชัดว่าพูดมั่ว ๆ

การเล่นของเหอเหลียงมีความเสี่ยงสูงมาก ไม่อาจพลาดได้ ผู้เล่นส่วนมากที่พยายามเลียนแบบการเล่นฮีโร่หลี่ไป๋ดึงอัตราชนะให้ลดต่ำลงฮวบ ๆ นี่ล้วนเป็นความจริง

ปัญหาก็คือนี่มันเกี่ยวอะไรกับเหอเหลียง เหอเหลียงแกร่งพอที่จะใช้สไตล์การเล่นแบบนี้ หลี่ไป๋ของเขาไม่เคยเล่นผิดพลาด การเอาผู้เล่นเป็นพัน ๆ คนที่เล่นหลี่ไป๋สไตล์นี้มาปฏิเสธเหอเหลียงมันไม่ใช่เรื่องชวนมึนงงหรอกหรือ

อย่าว่าแต่ในตอนนั้นไม่เคยมีครั้งไหนที่เทียนเจ๋อไม่ถูกแบนจนให้เหอเหลียงได้เลือกหลี่ไป๋ นั่นก็พอแล้วที่จะอธิบายว่าพวกเขาก็เชื่อมั่นและคาดหวังกับหลี่ไป๋ของเหอเหลียงเหมือนกัน สิ่งที่ทำให้หลี่ไป๋ของเหอเหลียงไร้ค่าจริง ๆ ก็คือระบบ BP ของเกมนี่ล่ะ ตอนที่หลี่ไป๋กลายเป็นฮีโร่ที่ถูกฝ่ายตรงข้ามแบนอย่างสม่ำเสมอ เหอเหลียงก็ใช้มันไม่ได้ แน่นอนว่าย่อมไม่มีทางได้เล่นมันออกมา

แต่ว่าแอสซาซินสายป่าที่ระเบิดพลังโจมตีออกมาได้ก็มีอีกเยอะแยะ แต่น้อยมากที่เทียนเจ๋อจะให้โอกาสเหอเหลียงได้ใช้ฮีโร่พวกนี้ หลี่ไป๋ถูกแบน แอสซาซินสายป่าของเหอเหลียงก็ถูกปฏิเสธ เรื่องไร้ตรรกะสุด ๆ แบบนี้มันเกิดขึ้นจริง ๆ

ตอนนี้โจวจิ้นมาพูดสวย ๆ ว่าให้เหอเหลียงเปลี่ยนแปลง ให้พวกคู่แข่งของเทียนเจ๋อหลังจากนี้ตอนที่เจอกับทีมเทียนเจ๋อในการแข่งหลาย ๆ ครั้งเลิกแบนหลี่ไป๋

นี่คือการแบน แล้วก็เป็นการแสดงความนับถือด้วย

คู่แข่งล้วนกลัวหลี่ไป๋ของเหอเหลียง แต่เทียนเจ๋อยังยืนกรานในความเห็นของตัวเอง ไม่เคยยอมให้เหอเหลียงได้เล่นตัวที่ถนัด

เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่แชมป์ในฟอลซีซั่นปีที่แล้วก็เป็นพลังที่เหนือกว่าซึ่งปิดปากทุกคนได้สนิท ถ้วยแชมป์ของผู้ชนะย่อมน่าเชื่อถือยิ่งกว่าการวิเคราะห์ใด ๆ

ในเรื่องนี้เหออวี้เองก็ไม่มีความเห็นต่าง ทีมที่สามารถคว้าแชมป์มาได้ย่อมต้องมีข้อดีของมัน เทียนเจ๋อเองก็ไม่ต่างกัน

สิ่งเดียวที่เหออวี้ไม่ยินยอมก็คือท่าทีที่พวกเขามีต่อเหอเหลียง ที่ยอมรับไม่ได้ก็คือการที่พวกเขาป่าวประกาศว่าแค่ถ้วยแชมป์ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ พูดมาอย่างไม่ละอายหน้าไม่แดงใจไม่เต้นเลยด้วย

นี่มันช่างหน้าด้านจริง ๆ!

พอเห็นคนสองคนสีหน้าอิ่มอกอิ่มใจท่ามกลางเสียงปรบมือเหออวี้ก็ลืมเลือนเสียงร้องไห้ของพี่ชายในทางเดินนั่นไม่ได้เลย เขานึกไม่ออกเลยว่าตอนนี้พี่ชายจะรู้สึกอย่างไรกัน แต่ตอนนั้นเองเหอเหลียงก็ดึงตัวเขาลากออกมาจากกลุ่มคน

โหยวย่าจงที่ยิ้มแย้มอยู่ก็ปรบมือขึ้นมาในตอนนั้นเช่นกันเพื่อสนับสนุนคำพูดของกัปตันทีมเมื่อครู่นี้ สายตาของเขาก็ไม่ได้ลังเลเหมือนก่อนหน้านี้ในที่สุด แต่เพิ่งจะเหลือบมองดูกลุ่มคนก็มองเห็นแผ่นหลังที่เบียดออกไปในทันที

นั่นมัน…โหยวย่าจงตกใจเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับมายิ้มอีกครั้ง ทำตัวนิ่ง ๆ แล้วเอนศีรษะไปหาโจวจิ้น

“ดูเหมือนจะเป็นเหอเหลียงนะ” โหยวย่าจงกล่าว เมื่อไม่มีไมโครโฟนการพูดจาระหว่างพวกเขาสองคนก็จะไม่มีใครสามารถได้ยินได้

“รู้แล้ว เห็นเขามาแต่แรกแล้วล่ะ” รอยยิ้มบนใบหน้าของโจวจิ้นไม่สั่นไหว ศีรษะก็ไม่ได้เอนไม่ทางโหยวย่าจง แต่เพียงขยับริมฝีปากอย่างรังเกียจ “ฉันว่านะ อัจฉริยะบ้าบออะไรกัน เทียนเจ๋อไม่มีเขาแล้วแข็งแกร่งกว่าเดิมอีก”

“ฮะฮะ” โหยวย่าจงหัวเราะ ในสายตาของเหล่าแฟน ๆ ทั้งสองคนก็แค่พูดคุยส่วนตัวกันสั้น ๆ อย่างสนุกสนานเท่านั้นเอง

……………………………………………….

 

อืมมมมมมมมมมมม