Ch.8 – มหาเทพแห่งวงการอาชีพ

Translator : Asiran / Author

 

ตอนที่ 8 – มหาเทพแห่งวงการอาชีพ

 

พอคนดูแยกย้าย เหออวี้ก็มองเห็นเหอเหลียงเดินมาหาเขาในทันที จู่ ๆ ก็รู้สึกอึกอักขึ้นมาเหมือนกับเป็นเด็กที่แอบทำเรื่องไม่ดีแล้วถูกผู้ใหญ่พบเห็น แต่เหอเหลียงที่เดินมาหาเขากลับยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ “หิวยัง เดี๋ยวพาไปกินข้าวก่อน”

“ดีครับ” เหออวี้รีบพยักหน้า คิดว่าเหอเหลียงเพิ่งจะมาถึง ไม่ทันได้เห็นเขาเล่น The Kings of Glory

สองคนพี่น้องเดินไปทางโรงอาหารของมหาวิทยาลัย ตอนที่เดินผ่านทางเดินข้าง ๆ สนามกีฬา เหออวี้ก็เห็นเกาเกอกับโจวม่อเก็บโต๊ะหาคนเข้าทีมคลื่น7 หลังจากทั้งสองคนวางม้านั่งไว้บนโต๊ะก็พร้อมที่จะย้ายโต๊ะไปเก็บแล้ว เด็กสาวคนหนึ่งที่ทำเรื่องพวกนี้ก็ย่อมต้องดึงดูดนักศึกษาชายไม่น้อยให้เข้ามาช่วยเหลือ แต่ทั้งหมดก็ถูกเกาเกอปฏิเสธไป สุดท้ายก็มีเพียงเธอและโจวม่อที่ช่วยกันยกโต๊ะเดินออกไปจากกลุ่มคน

ในทางตรงกันข้าม โต๊ะสมัครเข้าชมรม The Kings of Glory ที่อยู่ไม่ห่างจากพวกเขากลับคึกคักมาก อยู่ ๆ ก็มีนักศึกษาที่สวมเสื้อที่มีโลโก้ The Kings เพิ่มขึ้นมาไม่น้อย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้วุ่นวายขึ้นมาแบบนี้ ชมรม The Kings of Glory ของมหาวิทยาลัยตงเจียงเป็นชมรมที่เป็นที่นิยม ที่ตั้งโต๊ะสมัครก็ทั้งใหญ่ทั้งโดดเด่น เมื่อเทียบกับชมรมอื่น ๆ ที่มีแต่แขวนป้ายผ้ากับตั้งบอร์ดประกาศแล้ว วิธีการของที่ดึงดูดความสนใจคนของพวกเขามันมีเอกลักษณ์มาก นอกจากแสตนดี้ของฮีโร่สองตัวที่ยืนอยู่แล้วก็ยังมีตัวอักษรขนาดใหญ่ยักษ์สามตัวที่แขวนอยู่บนต้นไม้ด้านหลัง

K-P-L!

ตัวอักษรสามตัวนี้หมายถึงอะไร คนที่ไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจ ส่วนคนที่เข้าใจก็จะถูกดึงดูดความสนใจทันที

KPL นี่เป็นการแข่งขันระดับสูงสุดของแวดวงอาชีพเกม The Kings of Glory แล้ววันนี้ก็เป็นวันเปิดฟอลซีซั่นของ KPL พอดีอีกด้วย ผู้เล่นเกม The Kings เพียงเห็นคำสามคำนี้ก็ยากที่จะไม่เลือดลมพลุ่งพล่าน

เหออวี้เห็นจางเฉิงห่าว เห็นพวกคนที่เคยมุงอยู่รอบ ๆ ตัวเขาตอนนี้ยุ่งจนหัวปั่น แต่อีกทางก็ดูเหมือนกำลังตั้งตารอคอยอะไรบางอย่างเหมือนกัน

“มาแล้ว มาแล้ว!” ไม่รู้ว่าใครอยู่ดี ๆ ก็ร้องตะโกนขึ้นมา ทำให้นักศึกษาชมรม The Kings ที่กำลังรวมกลุ่มกันอยู่หันไปมองตรงสุดทางเดินเป็นตาเดียวกัน เสียงกรีดร้องและเสียงเชียร์ที่มาพร้อมกับเสียงปรบมือดังขึ้นอย่างกะทันหัน ชมรมอื่น ๆ บนทางเดินล้วนถูกกลืนหาย สายตาของทุกคนต่างจ้องมองไปยังจุดเดียวกัน

“อะไรเหรอ มีอะไรเกิดขึ้น” มีคนถามอย่างอยากรู้

“ดูเหมือนว่าจะมีนักเล่นเกมอาชีพมาเยือนน่ะสิ”

“ถึงขนาดไปเชิญตัวนักเล่นเกมอาชีพมาได้เลยเหรอ ชมรม The Kings นี่ก็มีความสามารถไม่เบาเลยนะ!”

“หลัก ๆ แล้วก็เป็นเพราะประธานของพวกเขาที่ชื่อซูเก๋อนั่นแหละ คนเขามีชาติตระกูล ถ้าอยากจะทำความรู้จักนักเล่นเกมอาชีพสักหลาย ๆ คนก็จะไปยากอะไรล่ะ”

“ถ้าเราไปเชิญตัวดาราดังมาได้มั่งจะเป็นยังไงนะ” สมาชิกชมรมฟุตบอลฝันหวาน

“ฝันไปเถอะนาย” เพื่อนของเขาทำลายฝันกลางวันของเขาอย่างโหดร้าย

กลุ่มคนที่มารวมตัวกันอย่างว่องไวทำให้สองพี่น้องที่อยู่บนทางเดินติดแหง็กไปไหนไม่ได้ นักเล่นเกมอาชีพเหรอ เป็นใครกันนะ ในใจเหออวี้รู้สึกอยากรู้อยากเห็นมาก ถ้าเขาอยู่คนเดียวก็เกรงว่าจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่ตื่นเต้นนี้แล้ว แต่ตอนนี้มีพี่เหอเหลียงยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น KPL หรือนักเล่นเกมอาชีพ ตั้งแต่ตอนที่เหออวี้ได้ยินเหอเหลียงร้องไห้อยู่ในทางเดินวันนั้น เขาก็รู้ว่าจะต้องมีความเจ็บปวดและเสียใจที่พี่ชายของเขาคงจะไม่มีวันลืมเลือนได้ไปจนชั่วชีวิต ภาพเหตุการณ์แบบตอนนี้จะไม่ทำให้เขาต้องเจ็บปวดหรอกหรือ

เหออวี้มองหน้าเหอเหลียงอย่างเป็นห่วง แต่ก็พบว่าพี่ชายไม่ได้มีปฏิกิริยาใด ๆ เป็นพิเศษ ถึงจะถูกอัดอยู่ตรงกลางกลุ่มคนก็ยังมีท่าทางปล่อยตัวตามสบาย เห็นเหตุการณ์แบบนี้แล้วเขาก็ยังยิ้มได้ แต่พอเขาหันกลับไปรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แข็งทื่อขึ้นมาทันที

“มาแล้ว! เป็นโจวจิ้น! เป็นโจวจิ้นจริง ๆ ด้วย!!” มีแฟนคลับที่ร้องตะโกนขึ้นมาอย่างยินดี เหออวี้เองก็มองทะลุผ่านศีรษะของคนมากมายจนเห็นผู้คนที่เดินเข้ามาตามช่องว่างในที่สุด

โจวจิ้น

ผู้เล่นเลนกลางผู้มีชื่อเสียงของทีมเทียนเจ๋อ แล้วก็ยังเป็นกัปตันทีมเทียนเจ๋อ อีกทั้งเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ต่อสู้เคียงข้างเหอเหลียงมาเป็นเวลาห้าปีอีกต่างหาก* มาตอนนี้ผู้เล่นที่ติดตามเขามาก็เป็นผู้เล่นทีมเทียนเจ๋อเช่นกัน แต่เป็นผู้เล่นตำแหน่งป่าที่เข้ามาเสียบแทนตำแหน่งของเหอเหลียงหลังจากที่เขาวางมือ เป็นโหยวย่าจงที่ช่วยให้เทียนเจ๋อได้รับแชมป์เป็นครั้งแรกหลังจากที่เข้ามาเป็นผู้เล่นหลัก

แต่เมื่อเทียบกับโจวจิ้นแล้ว ความโด่งดังของเขามันน้อยกว่าเยอะ เสียงเชียร์และกรีดร้องส่วนมากในตอนนี้ถูกส่งมอบให้โจวจิ้น โจวจิ้นที่สวมเสื้อผ้าตามสบายเดินอยู่ข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม โบกไม้โบกมือให้กลุ่มคนที่รายล้อมอยู่เป็นระยะ โหยวย่าจงที่ตามเขามาใส่เครื่องแบบของทีมเทียนเจ๋อ ปล่อยให้ตัวเองตกไปอยู่ข้างหลังอย่างเหมือนจงใจแต่ไร้เจตนา เขาเองก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าเช่นกันแต่ว่าไม่ได้เหลือบซ้ายแลขวา ปล่อยให้โจวจิ้นรับเสียงเชียร์และความชื่นชมของแฟน ๆ ไปเต็ม ๆ ตัวตนของเขาในตอนนี้ยังจืดจางยิ่งกว่าซูเก๋อที่ยืนอยู่อีกข้างของโจวจิ้นเสียอีก

ในฐานะที่เป็นเพียงบุคคลระดับรากหญ้าจากมหาวิทยาลัยตงเจียง ประธานชมรม The Kings อย่างซูเก๋อกลับยืนเคียงข้างโจวจิ้นได้โดยไม่ด้อยกว่าสักนิด แม้ว่าเขาจะไม่ได้ดึงดูดเสียงเชียร์และกรีดร้อง แต่เสียงปรบมืออย่างน้อยครึ่งหนึ่งก็ถูกส่งไปให้เขาที่สามารถจะไปเชื้อเชิญนักเล่นเกมอาชีพมาที่มหาวิทยาลัยได้ อย่างว่าแต่ยังเป็นโจวจิ้นซึ่งเป็นผู้เล่นระดับท็อปอันมีชื่อเสียงโด่งดังแบบนี้เลย

คนทั้งสามเดินมาถึงตรงหน้าโต๊ะสมัครเข้าชมรม The Kings ที่เบียดเสียดในที่สุด สาเหตุของความวุ่นวายก่อนหน้านี้ของจางเฉิงห่าวและการตระเตรียมของสมาชิกชมรมก็ชัดเจนขึ้นมาในตอนนี้นี่เอง ทั้งสามคนได้รับการเชิญไปที่หลังโต๊ะให้อยู่ห่างจากกลุ่มคนสักหน่อย ไมโครโฟนที่ได้รับการเตรียมมาล่วงหน้าแล้วก็ถูกส่งให้ซูเก๋อโดยทันที

“เพื่อน ๆ ทุกคน กรุณาเงียบหน่อยครับ เงียบหน่อย” เสียงของซูเก๋อที่พูดใส่ไมโครโฟนดังสะท้อนไปทั่วทางเดิน กลุ่มคนที่จ้อกแจ้กจอแจก็ค่อย ๆ สงบลงมา

“วันนี้พวกเราโชคดีมากที่สามารถเชื้อเชิญนักเล่นเกมอาชีพสองท่านจากทีมเทียนเจ๋อมาที่ชมรม The Kings of Glory มหาวิทยาลัยตงเจียงของพวกเราได้ ส่วนสองคนนี้ยังต้องให้ผมแนะนำตัวพวกเขาอีกไหมครับ”

“ไม่ต้อง!” กลุ่มคนร้องตะโกนอย่างกระตือรือร้น

“ผมก็รู้ว่าไม่จำเป็นหรอก แต่ตามมารยาทแล้วก็ยังต้องขอเชิญให้ทั้งสองคนช่วยแนะนำตัวให้เพื่อน ๆ ของพวกเราหน่อย ช่วยกล่าวอะไรสักหน่อยสิครับ” ซูเก๋อพูดจบก็ส่งไมโครโฟนไปให้โจวจิ้น โจวจิ้นรับไปด้วยรอยยิ้มพลางชกใส่ซูเก๋อเล่น ๆ ไปหมัดหนึ่ง การกระทำนี้แสดงออกถึงความสัมพันธ์อันไม่ธรรมดาระหว่างคนทั้งสอง ทำให้แฟน ๆ ต่างมองด้วยความอิจฉา

“สวัสดีครับทุกคน ผมคือโจวจิ้นจากทีมเทียนเจ๋อ” โจวจิ้นที่รับไมโครโฟนไปแล้วก็กล่าวแนะนำตัวเองทันที จากนั้นก็โค้งให้กลุ่มคนที่ยืนล้อมอยู่ และได้รับเสียงปรบมือดังขึ้นมาอีกคำรบ

“ได้โปรดให้ผมแนะนำตัวคนที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยครับ เป็นเพื่อนร่วมทีมของผม ตัวป่าของทีมเทียนเจ๋อ โหยวย่าจง!” โจวจิ้นยื่นไมโครโฟนไปด้านข้างเหมือนอยากจะส่งสปอตไลท์ให้โหยวย่าจง แต่ไมโครโฟนในมือกลับไม่ได้ถูกส่งให้โหยวย่าจงถือ หลังจากที่โหยวย่าจงกล่าวทักทายกลุ่มคนแล้วเขาก็จัดการแนะนำตัวโหยวย่าจงต่อไปด้วยตนเอง

“ย่าจงกลายมาเป็นผู้เล่นหลักของเทียนเจ๋อของเราในฟอลซีซั่นปีที่แล้ว เล่นตำแหน่งป่า เป็นเขาที่ช่วยให้เทียนเจ๋อของเราเปลี่ยนแปลงไป ในซีซั่นแรกก็ช่วยในเทียนเจ๋อสร้างประวัติศาสตร์ได้รับแชมป์แรกของเราแล้ว! หลังจากนั้นการเล่นในสปริงซีซั่นก็ยังคงน่าตื่นตาตื่นใจ แต่โชคร้ายที่ในสปริงซีซั่นผมฟอร์มไม่ดี ในรอบเพลย์ออฟไปถ่วงทีมแล้วก็ถ่วงย่าจงด้วย ทำให้เทียนเจ๋อพลาดโอกาสที่จะเป็นแชมป์ ต้องขอโทษจริง ๆ ครับ” โจวจิ้นยังคงพูดต่อไป

เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง

รอบเพลย์ออฟในสปริงซีซั่นมีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรือ ผู้เล่นที่สนใจ KPL ล้วนทราบดี ไม่ใช่ว่าโจวจิ้นเล่นแย่หรือว่าเล่นพลาดหรอก แต่เพียงแค่ไม่สามารถเล่นได้ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพเท่านั้นเอง นี่ทำให้ทีมเทียนเจ๋อขาดพลังไป เหตุผลด้านสุขภาพเป็นเรื่องที่ช่วยอะไรไม่ได้ และในทางหนึ่งมันก็ยังแสดงถึงความสำคัญของโจวจิ้นที่มีต่อเทียนเจ๋ออีกด้วย แฟน ๆ ไม่มีอะไรจะโทษเขา แต่เขาก็ยังแสดงความรับผิดชอบเช่นนี้ออกมาทำให้คนยิ่งรู้สึกดีด้วย เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างยาวนาน บังคับให้ซูเก๋อต้องคว้าไมโครโฟนคืนมา ร้องบอกผู้คนท่ามกลางเสียงปรบมือให้หยุดได้แล้ว

“ทุกคนก็คงรู้อยู่แล้วว่าวันนี้มีเกมเปิดซีซั่นของฟอลซีซั่นนี้ ทีมเทียนเจ๋อก็มาที่เมืองตงเจียงของเราเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันเหมือนกัน ผมก็เลยมีโอกาสดึงตัวโจวจิ้นมาที่ชมรมของเราเพื่อพบกับทุกคนได้ อีกไม่นานเขาก็ต้องกลับไปเตรียมตัวแข่งขันแล้ว ดังนั้นผมคิดว่าเสียงตบมือของทุกคนเก็บไว้ก่อนดีกว่า รอจนถึงเกมเปิดคืนนี้ค่อยเอาออกมาเชียร์ทีมเทียนเจ๋อดีไหมครับ ตอนนี้มีเวลานิดหน่อย อย่าปล่อยให้โจวจิ้นกับโหยวย่าจงอยู่ว่าง ๆ เลย โอกาสที่หายากแบบนี้พวกคุณมีคำถามอะไรอยากจะสอบถามนักเล่นเกมอาชีพทั้งสองคนรึเปล่าครับ แน่นอนว่าถ้าจะถามเรื่องการออกของหรือรูนก็ไม่ต้องถามออกมาก็ได้ พวกคุณมาถามผมก็ได้เหมือนกัน จะดีที่สุดถ้าทุกคนถามเรื่องที่ปกติไม่มีใครรู้ พวกเราไม่มีนักข่าวอยู่แถวนี้ บางทีพวกเขาอาจจะกระซิบบอกความลับอะไรกับพวกเราก็ได้นะ” ซูเก๋อกล่าว

ที่ตรงนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะในทันใด โจวจิ้นเองก็โบกนิ้วชี้ใส่ซูเก๋อด้วยสีหน้าไร้ทางเลือกและทำอะไรไม่ได้

“เอาล่ะ นี่ก็คือช่วงถามตอบของพวกเรา ถ้าใครมีคำถามอะไรก็โปรดยกมือขึ้นมา พวกเราขอเชิญโจวจิ้นหรือโหยวย่าจงเลือกคนที่จะถามคำถามด้วยครับ” ซูเก๋อพูดขึ้นมา

กลุ่มคนยกมือขึ้นเต็มพรืดไปหมด คนอย่างโจวจิ้นที่เป็นผู้เล่นระดับดารานี้ปกติแล้วเข้าร่วมแต่การสัมภาษณ์หรือแถลงการณ์ระดับสูงทั้งนั้น แต่ตอนนี้กลับสามารถจะมาพบปะกันแบบง่าย ๆ อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน โอกาสแบบนี้มันหาได้ยากสุด ๆ ไปเลย

ตอนนี้โจวจิ้นก็ทำตัวสุภาพขึ้นมา หันไปมองโหยวย่าจงแล้วกล่าวขึ้นว่า “ผมพูดไปตั้งมากแล้ว ให้ย่าจงเลือกคนมาตอบเถอะนะ”

ในเมื่อเขาพูดแบบนี้ซูเก๋อก็ย่อมต้องส่งไมโครโฟนไปให้โหยวย่าจง โหยวย่าจงรับไมโครโฟนมาด้วยท่าทางระมัดระวัง แล้วก็ไม่กวาดสายตามองไปทั่วกลุ่มคนอีกด้วย ไม่นานก็ชี้นิ้วใส่นักศึกษาชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้า “งั้นเอาเป็นเพื่อนคนนี้แล้วกัน”

“สวัสดีครับท่านมหาเทพทั้งสอง!” นักศึกษาชายที่ได้รับการชี้ตัวรู้สึกตื่นเต้นมาก พอกล่าวทักทายนักเล่นเกมอาชีพทั้งสองคนแล้วก็ทนไม่ไหวจนต้องถามคำถามของตัวเองออกไปทันที “ผมเป็นแฟนทีมเทียนเจ๋อมาหลายปีแล้ว รู้สึกตื่นเต้นจริง ๆ ครับที่ได้แชมป์ในฟอลซีซั่นที่แล้ว มหาเทพโจวจิ้นเพิ่งพูดว่ามหาเทพย่าจงเป็นคนที่นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่เทียนเจ๋อ ผมอยากจะรู้ว่าความเปลี่ยนแปลงที่พูดถึงนี่หมายถึงอะไรกันแน่ครับ”

“นี่มัน…” โหยวย่าจงมือถือไมโครโฟน สายตาหันไปมองโจวจิ้น

“นายพูดก่อนเลย เดี๋ยวฉันจะช่วยพูดเสริมเอง” โจวจิ้นบอกกับเขายิ้ม ๆ

โหยวย่าจงหยักหน้าแล้วมองนักศึกษาชายที่ถามคำถามออกมา “ก่อนที่ผมจะกลายมาเป็นผู้เล่นหลักของเทียนเจ๋อในปีที่แล้วก็ได้เป็นสมาชิกของทีมเทียนเจ๋ออยู่ก่อนแล้ว กลยุทธ์ของทีมเทียนเจ๋อมีแนวทางที่มั่นคงแล้วก็หยั่งรากลึกอยู่แล้ว ผมไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรมากจากการขึ้นมาเป็นผู้เล่นหลักหรอก หากจะให้พูดว่ามีอะไรเปลี่ยนก็คงจะเป็นความแตกต่างระหว่างสไตล์การเล่นของผมกับผู้เล่นตำแหน่งป่าคนก่อนหน้าเท่านั้นเองล่ะครับ!”

……………………………………………………………….

*เหอเหลียงเล่นห้าปีสิบซีซั่น อันนี้ก็ไม่แน่ใจว่าคุณผีเสื้อเบลอเขียนผิดจากห้าปีหรือสิบซีซั่นเป็นห้าซีซั่นหรือจะบอกว่าโจวจิ้นเป็นเด็กที่เข้ามาทีหลังกันแน่นะคะ  *แก้ไข อ่านจะตอนหลัง ๆ จะรู้ว่าโจวจิ้นเข้าก่อนเหอเหลียงอีก ดังนั้นต้องเป็นห้าปีหรือสิบซีซั่นค่ะ

 

อุ๊ก ได้กลิ่นดราม่า