ตอนที่ 1,894 : ประลองเป็นตาย…อีกแล้ว!
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วดั่งประกายอัสนีแลบลั่น!
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่อาจคาดคิดได้จริงๆ! ว่าอยู่ๆอาวุโสหลี่อันจะซัดกระบวนท่าสังหารหมายฆ่าต้วนหลิงเทียนแบบนี้!!
“อาวุโสหลี่อัน!”
กระทั่งอาวุโสเถิงชานเองก็ไม่คิดฝัน ว่าหลี่อันจะโหดเหี้ยมขนาดนี้! สีหน้ามันเปลี่ยนไปทันใด เร่งลงมือเพื่อขัดขวางหลี่อันทันที!!
อย่างไรก็ตาม แต่เดิมพลังฝีมือของมันก็อ่อนด้อยกว่าหลี่อันอยู่แล้ว
ยิ่งมาเป็นหลี่อันเป็นผู้ลงมือก่อนอีก…
ดังนั้นถึงแม้มันจะตอบสนองฉับไวเร่งลงมือช่วยเหลือต้วนหลิงเทียนอย่างเร็วที่สุด แต่พลังที่มันปะทุซัดออกไป…ก็ทำได้แค่ไล่หลังคลื่นพลังฝ่ามือของหลี่อันแล้วบ่อนทำลายไปได้ราวๆ 5 ส่วนเท่านั้น! มวลพลังที่เหลือกว่าครึ่งยังคงถล่มลงใส่ต้วนหลิงเทียน!!
ปงงง!!
ถึงแม้ว่าพลังสังหารจะลดทอนลงไปครึ่งหนึ่ง หากแต่ยังเป็นอันตรายถึงตายสำหรับต้วนหลิงเทียน!และทันทีที่มวลพลังดังกล่าวซัดกระแทกเข้าร่าง ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดอันยากจะทานทนทันที!!
ความเจ็บปวดนี้ยังทำให้สติเขาพร่าเลือน เจียนสลบอยู่รอมร่อ!
‘ไม่…หลับไม่ได้! ข้าวูบหลับไปไม่ได้เด็ดขาด!!’
ต้วนหลิงเทียนพยายามประคองสติฝืนทนเอาไว้สุดตัว ทำให้แม้จะต้องพบพานกับความเจ็บปวดราวถูกกระชากหัวใจฉีกอกเขาก็ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้ไม่สลบ!
หลังจากสามารถประคองสติเอาไว้ได้จนจบ และแม้ร่างล้มลงไปนอนสิ้นท่าบนพื้น แต่ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดี…ว่าตอนนี้เขารอดแล้ว
ปราณสุริยันแรกกำเนิดรีบโคจรไหลเวียนไปทั่วร่างฟื้นฟูรักษาอาการบาดเจ็บทันที หลังผ่านไปไม่กี่ลมหายใจต้วนหลิงเทียนที่เหงื่อโชกโทรมกายก็ค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองเถิงชานด้วยสายตาสำนึกบุญคุณ สองมือป้องประสานกล่าวว่า “ขอบคุณอาวุโสเถิงชานที่ยื่นมือเข้าช่วย!”
‘ยังไม่ตาย?’
เห็นต้วนหลิงเทียนยังรอดชีวิตอยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นหลี่อันผู้ลงมือ หรือเถิงชานที่ช่วยเหลือก็ตื่นตระหนกตกใจไม่น้อย!
‘เป็นไปได้ยังไง!?’
หน้าหลี่อันคล้ายมีคำเหลือเชื่อเขียนไว้กลางหน้าผาก เพราะมันรู้ดีที่สุดว่าเมื่อครู่มันลงมือหนักเบาเพียงใด!
พลังฝ่ามือที่มันซัดออกไปเมื่อครู่ ต่อให้พลังอานุภาพลดทอนลงไปครึ่งหนึ่งเพราะเถิงชาน แต่ก็มากพอจะป่นร่างผู้ฝึกตนที่มีพลังฝึกปรือต่ำต้อยกว่าขอบเขตเซียนสวรรค์ให้ตกตายหมดสิ้น!
ทว่าชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องล่างกลับยังไม่ตาย!
เรื่องนี้ทำให้มันรู้สึกเหลือเชื่อถึงที่สุด!
หลี่อันไม่อยากจะเชื่อ ด้านเถิงชานเองก็รู้สึกยากจะเชื่อเช่นกัน!
ถึงแม้มันจะลงมือช่วยเหลือได้ทัน หากแต่ก็เป็นการช่วยทำลายพลังไปได้แค่ 5 ส่วนเท่านั้น! แต่พลังฝ่ามือที่เหลือ 5 ส่วนนั่นของหลี่อัน…คิดฆ่าผู้ฝึกตนมนุษย์ที่ด่านพลังฝึกปรือต่ำกว่าเซียนสวรรค์ยังมากพอ!!
‘หรือ…มันมิใช่มนุษย์?’
หลี่อันกับเถิงชานพอคืนสติก็เร่งแผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบร่างกายต้วนหลิงเทียนทันที เพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายที่แท้เป็นมนุษย์หรือตัวอะไรกันแน่
เพราะแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์ใต้ขอบเขตพลังฝึกปรือเซียนสวรรค์จะมีชีวิตรอดจากการพลังฝ่ามือเมื่อครู่ได้!
ทว่าจากสำนึกเทวะที่แผ่ไปตรวจสอบ ผลก็บอกชัดเจนว่าต้วนหลิงเทียนเป็นมนุษย์แน่นอน!
‘กลับเป็นมนุษย์จริงๆ แต่ไฉนร่างกายมันถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้เล่า?!’
ไม่นานผลลัพธ์ก็กระจ่าง ต้วนหลิงเทียนเป็นมนุษย์จริงๆ
อย่างไรก็ตามขณะสำรวจพวกมันก็พบว่าร่างกายของต้วนหลิงเทียนกลับแข็งแกร่งผิดมนุษย์มนานักยังมากพอจะเทียบได้กับร่างกายของสัตว์ร้ายหรือสัตว์เซียนระดับแนวหน้าด้วยซ้ำ!
ในสายตาของพวกมัน เรื่องนี้เป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อเหลือเกิน!
หากแต่ความเป็นจริงตั้งโทนโท่อยู่เบื้องหน้าตำตาพวกมันไม่เชื่อก็คงไม่ได้!
ครู่ต่อมาพวกมันก็ทำได้แค่อิจฉา ‘วาสนา’ ที่ต้วนหลิงเทียนเคยพบพานในอดีตเท่านั้น
หากไม่พบพานวาสนาปาฏิหาริย์อันใดมา หาไม่แล้วร่างกายคงไม่อาจแข็งแกร่งได้ขนาดนี้!
‘หากร่างกายของข้าอ่อนแอกว่านี้แค่เล็กน้อย ข้าได้ตายคาที่แน่!’
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนเองก็รู้เรื่องนี้ชัดเจน!
กล่าวได้ว่าวันนี้ที่ทำให้เขารอดตายมาได้ กว่าครึ่งล้วนต้องขอบคุณร่างกายที่แข็งแกร่ง!
เมื่อครู่ในห้วงเวลาคับขันเป็นตาย เขาถูกไอพลังของหลี่อันสะกดกักเอาไว้ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่อาจขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกายได้ กระทั่งปราณสุริยันแรกกำเนิดในร่าง เขาก็ไม่อาจโคจร!
ภายใต้สถานการณ์ดั่งถูกมัดมือมัดเท้าเช่นนั้น เขาไม่อาจแปลงกายเป็นนักรบมังกรได้เลย…
อย่างไรก็ตามถึงแม้เขาจะยังไม่ตาย แต่ตอนนี้อาการของเขาก็นับว่าบาดเจ็บสาหัสนัก หรืออย่างน้อยๆ ก็บาดเจ็บหนักกว่าหยางหวู่หลายขุม!
“ฝ่ามือของอาวุโสหลี่อันช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก! หากมิใช่เพราะอาวุโสเถิงชานยื่นมือเข้าช่วย เจ้านั่นมันตายแน่!”
“มิผิด ดูจากอาการบาดเจ็บของมันตอนนี้ ก็บอกให้รู้ว่าฝ่ามือของอาวุโสหลี่อันรุนแรงเพียงใด…แม้อาวุโสเถิงชานจะยื่นมือเข้าช่วยสลายพลังไปหลายส่วน แต่อาศัยพลังที่เหลือ ก็ซัดมันเกือบเดี้ยง!”
“สุดท้ายอาวุโสหลี่อันก็เข้าข้างหยางหวู่ไม่น้อย…แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ จะอย่างไรหยางหวู่ก็เป็นบุตรชายของสหายสนิททั้งคน…”
…
ผู้คนที่คืนสติ ก็เริ่มพูดคุยกันดังระงม ความเงียบบริเวณแท่นบูชาเต่าทมิฬหายไปไม่มีเหลือ
และตอนนี้ ยามทุกคนมองไปที่หลี่อันอีกครั้ง ในแววตายังเผยความหวาดกลัวออกมา
ตอนที่หลี่อันปรากฏกายครั้งแรก ทุกผู้คนคิดว่ามันเป็นคนซื่อตรงวางตัวเป็นกลาง
แต่ทว่าการกระทำต่อมาของหลี่อัน ก็ปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้นมาทันที…ว่าไม่ใช่อาวุโสเพลิงเงินของแท่นบูชาเต่าทมิฬทุกคน จะมีนิสัยซื่อตรงอย่างอาวุโสเถิงชาน!!
‘มารดาของมัน…สารเลวหลี่อันทำข้าเกือบตาย! ตัวอุบาทว์นี่ข้าไม่เคยมีเรื่องราวอะไรกับมันแท้ๆ แต่มันอาศัยเรื่องบาดหมางเล็กน้อยระหว่างข้ากับหยางหวู่ กลับคิดลงมือทำร้ายข้าจนตาย!’
ต้วนหลิงเทียนหันหน้าไปมองร่างหลี่อันอีกครั้ง ในแววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาอาฆาตจากต้วนหลิงเทียน หลี่อันเพียงเหลือบมองต้วนหลิงเทียนผ่านๆ จากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก
ถึงแม้ร่างกายต้วนหลิงเทียนจะแข็งแกร่งเหนือคนธรรมดา แต่ในสายตาของมันต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่ต่างอะไรจากมดที่มันจะเหยียบให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้
และต้วนหลิงเทียนคงตกตายไปแล้วด้วยซ้ำ หากเถิงชานไม่ยื่นมือเข้ามาสอด
“หลี่อัน…”
เมื่อเห็นหลี่อันไม่ได้แยแสอะไรในชีวิตเขาแม้แต่น้อย ต้วนหลิงเทียนที่เดิมก็โกรธแค้นอยู่แล้ว พลันบังเกิดความเคียดแค้นชิงชังหลี่อันเข้ากระดูกดำ!
หากตอนนี้พลังฝึกปรือเขาเหนือกว่าหลี่อันล่ะก็ แม้จะเสี่ยงกับการล่วงเกินลัทธิบูชาไฟและถูกตามล่า เขาก็จะลงมือฆ่าหลี่อันทันที แล้วค่อยรีบหลบหนีไปแปลงโฉมเสีย!
อย่างไรก็ตามตอนนี้ต่อให้เขาใช้ออกด้วยทุกสิ่ง ลงมือยิงกระบวนท่าสังหารด้วยกระบี่นิลสวรรค์ เขาก็ไม่อาจฆ่าหลี่อันได้…
เช่นนั้นแล้วเขาทำได้แค่อดทน…กล้ำกลืนฝืนทนเอาไว้!
ลูกผู้ชายล้างแค้นสิบปีไม่สาย! ขุนเขาเขียวยังอยู่ใยต้องกลัวไร้ฟืนไฟ!!
“น้องหลิงเทียน เจ้าเป็นอันใดมากหรือไม่?!”
ตอนนี้เองกู่ลี่ที่พึ่งคืนสติ ก็เร่งถามขณะมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเป็นกังวล
ก่อนหน้านี้มันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนจริงๆ ว่าหลี่อันจะหน้าด้านลงมืออย่างไร้ยางอายถึงเพียงนี้! คิดฆ่าต้วนหลิงเทียนที่ยังไม่ได้เข้าร่วมลัทธิบูชาไฟด้วยซ้ำ!!
จูลู่ฉีเองก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเป็นห่วงเช่นกัน แม้จะไม่ได้กล่าวอะไรออกมาก็ตาม
“อาวุโสหลี่อัน ข้าคิดว่าความผิดเล็กน้อยเพียงเท่านี้ของเจ้าหนูนั่น ยังไม่สมควรต้องโทษตายมิใช่หรือ?”
เถิงชานมองถามหลี่อันด้วยสีหน้าอึมครึม วาจายังเยียบเย็นราวกับจะเค้นความให้ได้
“ข้าก็รู้ว่าความผิดยังไม่ถึงโทษตาย…เมื่อครู่ข้าก็แค่พลั้งมือออกแรงมากไปเล็กน้อยเท่านั้น แล้วที่สำคัญมันก็ยังมิตายไม่ใช่หรือไร?”
เผชิญหน้ากับเถิงชานที่จี้ถามมาด้วยทีท่าแข็งกร้าว หลี่อันเพียงกล่าวตอบไปอย่างไม่แยแส
ได้ยินคำตอบนี้ของหลี่อัน เถิงชานถึงกับไร้คำจะกล่าวไปพักหนึ่ง
คนอื่นๆที่ได้ยินเองก็รู้สึกหมดคำจะพูดเช่นกัน ไม่คิดเลยว่าหลี่อันจะกล่าวออกมาตรงๆ อย่างหน้าด้านๆแบบนี้
‘พลังมือ? ข้ายังไม่ตาย?’
หน้าต้วนหลิงเทียนเริ่มมืดคล้ำดำลงราวจะคั้นได้น้ำหมึก เขาเองก็ไม่คิดเลยว่าหลี่อันมันจะหนังหน้าหนา กล่าวตอบบอกปัดมาอย่างไร้ยางอายได้ขนาดนี้ เห็นกันอยู่ชัดๆว่ามันคิดฆ่าเขา แต่มันกล้าทำไม่กล้ารับ!
“เอาล่ะ ในเมื่อพวกเจ้าสองคนต่างก็ถูกลงโทษกันไปแล้วทั้งคู่…เช่นนั้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ก็เลิกแล้วต่อกันเถอะ”
หลี่อันเหลือบมองต้วนหลิงเทียนผ่านๆอีกครั้ง ค่อยหันไปมองหยางหวู่ที่กำลังขมวดคิ้วเพราะได้ยินคำของมัน
ทว่าวินาทีต่อมาเมื่อเสียงที่ส่งผ่านปราณของมันดังขึ้นในหูหยางหวู่ คิ้วที่ยู่ย่นเป็นปมก็คลี่คลายลงทันที มันยังรีบหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสองตาลุกวาว!
“อาวุโสเถิงชาน ท่านยังมีความเห็นอันใดอีกหรือไม่?”
หลี่อันมองถามเถิงชานอีกครั้ง
เถิงชานก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา ในเมื่ออีกฝ่ายมาซะขนาดนี้แล้ว มันยังจะทำอะไรได้อีก?
นอกจากนี้มันเองก็ถือว่าได้ลงโทษคนทำผิดไปแล้ว
“อาวุโสหลี่อัน!”
แต่ในขณะที่เถิงชานส่ายหัวไปมานั้นเอง หยางหวู่พลันหันมองไปยังหลี่อันและรีบกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังทันที “วันนี้ข้าคิดท้าประลองเป็นตายเพื่อชำระแค้นกับคนๆหนึ่ง…ข้าหวังว่าอาวุโสหลี่อันจะช่วยเป็นสักขีพยานในการประลองเป็นตายให้ข้า! ขณะที่ข้ากำลังประลองเป็นตายกับมัน!!”
ประลองเป็นตาย!
ได้ยินวาจากล่าวเสียงดังของหยางหวู่ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหันมองไปทางต้วนหลิงเทียนอย่างอัตโนมัติ
จากนั้นไม่นานสายตาของทุกคนก็มองสลับไปมาระหว่างหยางหวู่กับต้วนหลิงเทียน
พวกมันล้วนเห็นกันชัดถนัดตา ว่าหยางหวู่ที่บาดเจ็บก่อนหน้า ตอนนี้อาการดีขึ้นจนแทบจะหายดีแล้ว ส่วนต้วนหลิงเทียนกระทั่งยืนยังจะไม่รอด…
“มารดามันเถอะ…หยางหวู่ผู้นี้ช่างไร้ยางอายได้อุบาทว์ยิ่ง”
จังหวะนี้หลายคนอดไม่ได้ที่จะกระซิบออกมาด้วยความรังเกียจ
เรียกว่าหากคำก่นด่าบริภาษฆ่าคนได้ ให้หยางหวู่มีสิบชีวิตก็คงไม่พอตาย!
อยู่ๆหยางหวู่ก็กล่าวร้องขอให้หลี่อันเป็นสักขีพยานในการประลองเป็นตายแบบนี้…ไม่ต้องบอกพวกมันก็รู้ว่าเป้าหมายของหยางหวู่ ก็คือต้วนหลิงเทียนที่ถูกหลี่อันซัดจนจะตายแหล่มิตายแหล่…!
“ไร้ยางอาย! ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!!”
“อย่าได้บอกข้าว่าหยางหวู่มันกล้าคิดฆ่าคนอย่างหน้าด้านๆ ท้าประลองเป็นตายอย่างอยุติธรรมเช่นนี้จริงๆ?”
“พวกเจ้าอย่าพึ่งกังวลไป! เรื่องราวยังไม่ใช่ว่าจะแน่…ถึงแม้หยางหวู่มันคิดท้าประลองเป็นตายจริง แต่มันก็ต้องรอฟังคำตอบรับของอีกฝ่ายก่อน! หากเจ้านั่นปฏิเสธคำท้าของมันอย่าว่าแต่หยางหวู่เลย กระทั่งอาวุโสหลี่อันก็ไม่อาจแตะต้องเจ้าหนุ่มชุดม่วงได้!!”
……
คนที่มารวมตัวในพื้นที่แท่นบูชาเต่าทมิฬหลายคน ไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะบ้าจี้รับคำท้าประลองเป็นตายจากหยางหวู่!
ในสายตาของพวกมัน
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ยามสมบูรณ์พร้อมต้วนหลิงเทียนจะเป็นคู่ต่อสู้หยางหวู่ได้หรือไม่ มาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้รับบาดเจ็บสาหัสจนยืนแทบไม่อยู่ ย่อมไม่มีวันตอบรับคำท้าของหยางหวู่เด็ดขาด เว้นแต่จะเบื่อชีวิตคิดหาที่ตายเอง…
“หืม? คิดให้ข้าเป็นสักขีพยานงั้นหรือ? ย่อมได้!”
หลี่อันกล่าวคำตอบรับอย่างเห็นด้วยทันที “ว่าแต่เจ้าคิดท้าทายผู้ใดประลองเป็นตายเล่า?”
ขณะที่หลี่อันกล่าวถาม หยางหวู่ก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนทันที “ไอ้สวะ! เจ้ากล้าประลองเป็นตายกับข้า หยางหวู่ หรือไม่?”
ถึงแม้หลายคนจะเดาได้แต่แรกว่าคนที่หยางหวู่คิดท้าประลองเป็นตายไม่พ้นต้วนหลิงเทียน แต่ไม่คิดเลยว่ามันยังจะใช้วาจาด่าทอผู้อื่นว่า ‘สวะ’ เพื่อยั่วโมโหให้ต้วนหลิงเทียนรับคำท้าแบบนี้…
จังหวะนี้พวกมันอดไม่ได้ที่จะก่นด่าออกมาดังๆแล้วจริงๆ “หน้าด้านนัก! เจ้าหยางหวู่นี่มันไม่มียางอายเลยรึยังไง?!”
“ใต้หล้าไฉนมีตัวหน้าหนาไร้ยางอายพรรค์นี้ได้?”
“วิชาป้องกันสำนักใดกัน ถึงทำให้หนังหน้ามันทนทานปานฝาบ้านเช่นนี้?”
หลายคนเลือกจะด่าทอตรงๆ หลายคนเลือกจะกล่าวเสียดสี แต่ทั้งหมดล้วนพุ่งเป้าไปที่หยางหวู่ทั้งสิ้น
“น้องหลิงเทียนเจ้ามิต้องไปฟังวาจาเหลวไหลของมัน! ตัวอุบาทว์พรรค์นี้มันก็ได้แต่กล้าท้าประลองเป็นตายกับเจ้ายามเจ้าบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น!”
กู่ลี่เร่งกล่าวเตือนต้วนหลิงเทียนทันที
“เจ้ารีบรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าก่อนเถอะ…อาการบาดเจ็บของเจ้ามิจำเป็นต้องหายดี เพียงฟื้นฟูให้มีเรี่ยวแรงกลับมาไม่กี่ส่วน เจ้าคิดฆ่ามันก็นับว่าง่ายดายไม่ต่างตัดหญ้าฆ่าไก่!”
จู้ลู่ฉีกล่าว
ทว่าทันใดนั้นเองภายใต้สายตาของทุกคน ต้วนหลิงเทียนที่ถูกกล่าวท้าพลันหยีตาลงพร้อมหันไปมองหยางหวู่ กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า “เจ้าท้าข้าประลองเป็นตายงั้นเหรอ?”