ตอนที่ 697: การมาของฉินหวู่เจี้ยน

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 697: การมาของฉินหวู่เจี้ยน

สิ่งที่เทียนเจี้ยนพูดนั้นเหมือนน้ำเย็นราดหัวของเจี้ยนเฉิน มันทำให้เขารู้สึกเย็นยะเยือกในใจ แม้ว่าเจี้ยนเฉิน จะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบมากนัก แต่เขาก็เข้าใจดีถึงความแข็งแกร่งของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบซึ่งคอยปกป้องทวีปเทียนหยวน ถ้าพลังอำนาจเช่นนี้หันมาต่อต้านเขาละก็ เขาก็เหมือนมดที่ไม่สามารถไปต่อต้านใด ๆ ได้ แม้ว่าเขาจะเป็นถึงเซียนผู้คุมกฎ

ท่าทีของเจี้ยนเฉินเริ่มจริงจังมากขึ้น ความรู้สึกดีใจที่สามารถรอดตายมาจากคนของตระกูลกิลลิกันมาได้หายไปในทันที

เจี้ยนเฉินโอบลูกเสือขาวแน่นขึ้นและลูบเบา ๆ ไปที่ขนของมันอย่างไม่รู้ตัว ลูกเสือนี้ช่างน่าสงสาร แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์เทวะในตำนาน แต่ตอนนี้มันเป็นแค่ลูกเสือที่ไร้พลัง ตั้งแต่ที่มันเกิดมา มันก็พบกับหนทางที่ยากลำบาก ไม่แค่ที่พ่อของมันตายเท่านั้น แต่แม่ของมันก็ยังได้รับบาดเจ็บหนักและถูกบังคับให้ออกไปจากเทือกเขาครอส ซึ่งตอนนี้ไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ นอกเหนือจากนั้น ยังมีกองกำลังที่ทรงพลังของทวีปสัตว์เทวะและตระกูลผู้พิทักษ์ที่คอยจับตาดูมันไปด้วยความอยากได้ เป็นเส้นทางชีวิตที่ยากลำบากจริง ๆ

แม้แต่เจี้ยนเฉินก็ยังไม่รู้ว่าจะปกป้องลูกเสือนี้ต่อไปในอนาคตได้ไหม ถ้าตระกูลผู้พิทักษ์และทวีปสัตว์เทวะ เริ่มเคลื่อนไหว

เทียนเจี้ยนมองไปยังท่าทีของเจี้ยนเฉินที่แสดงถึงความตึงเครียดแล้วถอนหายใจออกเบา ๆ “เวลาเหลือไม่มากแล้ว เจี้ยนเฉิน เจ้าต้องรีบทำให้พยัคฆ์ปีกเทวะโต เมื่อเจ้าและมันทรงพลังจริง ๆ แล้วเจ้าถึงจะมีพลังที่จะต่อต้านตระกูลผู้พิทักษ์”

“ผู้อาวุโส อะไรที่ข้าจำเป็นที่จะต้องมีเพื่อที่จะสามารถต่อต้านพวกตระกูลผู้พิทักษ์และทวีปสัตว์เทวะได้ ? ” เจี้ยนเฉินถาม

“ถ้าเจ้าต้องการที่จะต่อต้านพวกตระกูลผู้พิทักษ์และทวีปสัตว์เทวะ เจ้าต้องเป็นเซียนราชาขั้นสูง หรือแม้แต่เซียนจักรพรรดิที่เหนือกว่าเซียนราชา”

เจี้ยนเฉินนิ่งไปเป็นเวลานาน และความรู้สึกสิ้นหวังก็เริ่มเติบโตขึ้นในใจของเขา

เซียนราชาเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะพูดกับตระกูลผู้พิทักษ์ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงแค่เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 1 เท่านั้น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า อีกนานเท่าไรเขาถึงจะกลายเป็นเซียนราชา และแม้ว่าถ้าเขาได้กลายเป็นเซียนราชาแล้ว เขาก็มีสิทธิ์ที่จะพูดได้เท่านั้น

แม้ว่าการที่เขาจะสามารถปกป้องลูกเสือได้นั้นจะยากมาก ๆ แม้ว่าเจี้ยนเฉินมั่นใจว่าเขาจะสามารถจัดการพวกเซียนราชาระดับสูงหรือแม้แต่เซียนจักรพรรดิได้ในอนาคต แต่เขาก็ไม่มีเวลาที่เพิ่มพลังนั้น ยิ่งเขาพยายามขึ้นมากเท่าไร มันก็ยิ่งยากมากขึ้นเท่านั้น ไม่เหมือนที่ผ่าน ๆ มา

เทียนเจี้ยนขมวดคิ้วเดินไปรอบรอบห้อง หลังจากคิดซักพักแล้ว เขาก็พูดขึ้น “ตอนนี้ สถานการณ์ก็ไม่ได้ถือว่าเลวร้ายสุดขีด แม้ว่าทวีปสัตว์เทวะจะรู้เรื่องพยัคฆ์ปีกเทวะแล้ว แต่ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหวใหญ่โตและไปยุ่งกับตระกูลผู้พิทักษ์ อันตรายที่จะเกิดขึ้นกับพยัคฆ์ปีกเทวะก็ยังไม่มากเท่าไร เมื่อข้ากลับไปแล้ว ข้าจะสั่งให้บางคนไปคุ้มกันที่ชายหาดเพื่อป้องกันไม่ไห้ตระกูลกิลลิกันส่งข้อความไปยังทวีปสัตว์เทวะได้”

“แต่นี้แค่มาตรการป้องกันชั่วคราวเท่านั้น เพราะว่าตระกูลกิลลิกันมีทักษะลับที่จะทำให้ติดต่อกับทวีปสัตว์เทวะได้ เมื่อพวกเขารู้ว่าเขาส่งข้อความไม่ได้ พวกเขาคงจะไม่ลังเลที่จะลงทุนใช้ทักษะลับนั้นเพื่อส่งข้อมูลให้ทวีปสัตว์เทวะ เจี้ยนเฉิน เจ้าจงใช้โอกาสนี้ทำให้พยัคฆ์ปีกเทวะเติบโตโดยเร็ว”

“ผู้อาวุโส ถ้างั้นท่านรู้วิธีที่จะทำให้เสี่ยวไป๋โตขึ้นเร็วกว่านี้ไหม?” เจี้ยนเฉินมองไปที่เทียนเจี้ยนอย่างมีความหวัง หวังว่าเขาจะรู้วิธีที่จะทำให้เสี่ยวไป๋โตขึ้นเร็วกว่านี้

เทียนเจี้ยนส่ายหัวอย่างช้า ๆ “ตอนนี้ มันไม่มีวิธีไหนเลยนอกจากให้มันกินสมบัติสวรรค์เท่านั้น”

เจี้ยนเฉินรู้สึกผิดหวัง แม้ว่าเขาจะมีสมบัติสวรรค์มากมาย แต่ตอนนี้ลูกเสือนั้นก็เพิ่งเป็นสัตว์อสูรระดับ 5 เท่านั้น แม้ว่าการให้สมบัติสวรรค์จะทำให้มันโตเร็วขึ้น แต่การที่จะโตจากระดับ 5 ไประดับ 7 หรือแม้กระทั่งระดับ 8 ก็คงยังใช้เวลามากอยู่ดี ตอนนี้ สิ่งที่ขาดมากที่สุดก็คือเวลา ทวีปสัตว์เทวะและตระกูลผู้พิทักษ์คงไม่รอจนเสือมีพลังเพียงพอที่จะต่อกรกับพวกเขาแน่

เทียนเจี้ยนส่งแหวนมิติให้เจี้ยนเฉินและพูดว่า “เจี้ยนเฉิน ในนี้บรรจุสมบัติสวรรค์ทั้งหมดที่พวกเรา เมืองทหารรับจ้างรวบรวมมาได้ใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ในข้อตกลงของผู้อาวุโสที่ 2 ผู้อาวุโสที่ 4 และข้า พวกเราทั้งหมดจะช่วยทำให้เสือเติบโต เราปรารถนาให้มันโตทันที่จะรับมือสถานการณ์ที่เลวร้ายในอนาคต”

เจี้ยนเฉินไม่ปฏิเสธ เขารับแหวนมาจากเทียนเจี้ยนด้วยท่าทางจริงจังและขอบคุณ “ขอบคุณขอรับ ผู้อาวุโส ! “

“ไม่ต้องขอบใจข้าหรอก ข้าแค่ทำตามคำส่งของท่านเจ้าเมืองคนก่อน นี่เป็นสิ่งที่เมืองทหารรับจ้างของข้าทำได้” เทียนเจี้ยนตอบกลับอย่างสงบ

หลังจากนั้นเทียนเจี้ยนก็อธิบายบางสิ่งกับเจี้ยนเฉินอีกครั้ง ก่อนที่จะทิ้งประตูมิติที่เขาสร้างขึ้นเมื่อเขาแหวกมิติไป ทิ้งให้เจี้ยนเฉินจ้องมองออกไปอย่างว่างเปล่าอยู่บนเตียงกับลูกเสือที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา

เจี้ยนเฉินนั่งอยู่บนเตียงและจ้องไปอย่างว่างเปล่าเป็นเวลา 1 ชั่วยาม ก่อนที่ในที่สุดเขาจะได้สติตอนที่ลูกเสือในมือตื่นจากการงีบหลับ

“ฮืมมม” เสือตัวนี้มีความฉลาดดังนั้นเมื่อมันตื่นและเห็นรอยเลือดบนเสื้อของเจี้ยนเฉิน มันก็ครางออกมาตลอดตอนที่จ้องไปที่เจี้ยนเฉินด้วยดวงตาเล็ก ๆ ที่สดใส มันดูเหมือนจะห่วงใยเขาและรู้สึกเสียใจต่อเขา หรือแม้แต่ส่งเสียงร้องออกมา

เจี้ยนเฉินใช้มือของเขาลูบอย่างนุ่นนวลไปที่หัวน้อย ๆ ของลูกเสือ เขาจ้องไปที่ตาเล็ก ๆ ที่สดใสและดูจริงใจของลูกเสือด้วยสายตาสับสนและพูดเบา ๆ “เสี่ยวไป๋ที่น่าสงสาร บางทีเวลาที่สงบสุขจะเหลืออีกไม่นานแล้วล่ะ”

ลูกเสือกระพริบตาและมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างว่างเปล่า มันดูเหมือนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เจี้ยนเฉินกำลังพูด

การที่ได้เห็นเสี่ยวไป๋ที่ไร้เดียงสา เจี้ยนเฉินก็ถอนหายใจเบา ๆ ออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจของเขา หลังจากนั้นเขาก็เอาสมบัติสวรรค์พันปีกองใหญ่ออกมาและวางมันไว้ที่ข้างหน้าเสี่ยวไป๋โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาพูด “เสี่ยวไป๋ เจ้าควรจะรีบกิน กินให้หมด อย่าทำให้เสียเวลาเลย เจ้าต้องแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว”

ลูกเสือไม่ได้แม้แต่ฟังสิ่งที่เจี้ยนเฉินพูด ตา 2 ข้างที่สดใสของมันหยุดไปที่กองใหญ่ ๆ นั้นและความตื่นเต้นก็ปรากฏในดวงตาของมัน มันร้องด้วยอย่างมีความสุขและกระโดดดิ่งไปที่กองสมบัติสวรรค์ มันเริ่มเคี้ยวด้วยท่าทีที่มีความสุข

หลังจากนั้นไม่นาน สมบัติสวรรค์พันปีมากกว่า 20 ชิ้นก็ถูกกินไปโดยลูกเสือ หลังจากกินมันทั้งหมดแล้ว เจ้าลูกเสือก็เรอออกมาอย่างพอใจก่อนจะปิดตาของมัน มันทิ้งตัวลงบนเตียงโดยไม่ขยับใด ๆ และหลับไปอีกครั้งเพื่อที่จะย่อยสมบัติสวรรค์

เจี้ยนเฉินจ้องมองไปที่ลูกเสือที่กำลังหลับอีกสักครู่ ก่อนที่จะย้ายมันอย่างนุ่มนวลออกไปจากห้อง

ในห้องรับแขก หมิงตงและกลุ่มผู้คนกำลังรวมกันอยู่ที่นั้น พวกเขาทั้งหมดกำลังรอและไม่ได้ไปไหน เมื่อ เจี้ยนเฉินปรากฏตัวออกมา เขาก็เห็นผู้คนที่รอเขาตลอดเวลาทั้งหมดที่นี่ เขาถูกล้อมรอบทันทีและพวกเขาก็ถามเกี่ยวกับสภาพของเจี้ยนเฉิน พวกเขารู้สึกเป็นห่วงเป็นใยในตัวเจี้ยนเฉินเป็นอันมาก

การที่ได้รู้ว่าทุกทุกคนเป็นห่วงเป็นใยในตัวเขา เจี้ยนเฉินก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างช่วยไม่ได้ เขาพูดว่า “ทุก ๆ คนไม่ต้องกังวลไป ข้าหายดีแล้ว” ความสามารถในการฟื้นตัวของร่างบรรพกาลนั้นน่าตกใจมาก แค่เวลา 1 ชั่วยามเศษเท่านั้น อาการบาดเจ็บที่เกิดจากฝีมือของคนจากตระกูลกิลลิกันก็หายไปทั้งหมด ตอนนี้ นอกจากเสื้อที่เปื้อนเลือดของเจี้ยนเฉินแล้ว เขาปกติดีทุกอย่าง

หลังจากที่เขาถามทุกอย่างแล้ว การมาอย่างกะทันหันของคนของตระกูลกิลลิกัน ทำให้ทุกคนอยู่ในอาการตกตะลึง และในเวลาเดียวกัน มันก็สร้างความกดดันให้กับทุกคน ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงอยากที่จะเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ทุก ๆ คนรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของลูกเสือตัวนั้นด้วย

เจี้ยนเฉินไม่ได้อธิบายมากนักในการตอบคำถามของทุกคน เขาไม่สามารถเปิดเผยคุณสมบัติที่แท้จริงของลูกเสือนั้นได้ ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าไรยิ่งดีเท่านั้นไม่อย่างนั้น ถ้าเรื่องสัตว์ในตำนานอย่างพยัคฆ์ปีกเทวะรั่วไหลออกไป ปัญหาจะต้องตามมาอย่างทันทีในไม่ช้าแน่

ในเวลานี้ เจี้ยนเฉิน ก็ยกมือขึ้นทันทีเพื่อให้ทุกคนหยุดหารือกัน หลังจากนั้นไม่นาน เสียงของยามก็ดังกึกก้องมาจากด้านนอก “รายงานหัวหน้า มีคนชื่อฉินหวู่เจี้ยนที่ข้างนอกบอกว่ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องพบท่าน”

“ฉินหวู่เจี้ยน? เขามาทำไมกันนะ?” เจี้ยนเฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย. หลังจากที่บ่นพึมพำกับตัวเองแล้วนั้น เขาก็บอกออกไปที่ข้างนอกว่า “ให้เขาเข้ามาที่หอประชุมกลางเลย ปฏิบัติต่อเขาให้เหมือนเป็นแขกคนสำคัญ”

“ขอรับท่าน ! ” ยามตอบกลับก่อนออกไป

เจี้ยนเฉินลุกขึ้นจากเก้าอี้และบอกทุกคนในห้อง “ทุก ๆ ท่านไปทำธุระของพวกท่านเถอะ ข้าขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”