ตอนที่ 696: คำเตือน
เทียนเจี้ยนจ้องไปที่ไป๋ไฮด้วยสายตาที่ประหลาดใจ เขารู้สึกประหลาดใจในเรื่องที่ไป๋ไฮคือตาของเจี้ยนเฉิน, แต่เขาก็ไม่ได้พูดในประเด็นนั้น เขาโบกมือเบา ๆ และพูดว่า “ทุก ๆ คนควรจะแยกย้ายและหาที่เพื่อให้เจี้ยนเฉินได้พักผ่อนเงียบ ๆ ข้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ก่อนหน้านี้ พวกเจ้าต้องไม่บอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขอให้จำใส่ใจไว้ด้วย!”
“ผู้เยาว์รับทราบและจะไม่ให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปเป็นอันขาด” นูบิส, เจียเต๋อไท่และคนอื่น ๆ กล่าวอย่างเคารพ
หลังจากนั้น หมิงตงก็พาเจี้ยนเฉินไปที่ห้องนอนด้วยตัวของเขาเอง ในขณะที่เทียนเจี้ยน, หวงหลวน, โหยวเยว่, ไป๋เหลียน, เจ้าอ้วนน้อยและคนอื่น ๆ ตามเข้ามา
การที่เห็นเจี้ยนเฉินนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงและเปื้อนเลือดไปทั้งตัวนั้น หวงหลวน, โหยวเยว่และไป๋เหลียนต่างพากันร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวด พวกเขาคือคนที่เป็นห่วงเป็นใยเจี้ยนเฉินมากที่สุด ดังนั้นความทุกข์ยากของเจี้ยนเฉินก็ทำให้หญิงสามคนนี้รู้สึกเจ็บปวดและใจสลายไปด้วย
หลังจากนั้น หวงหลวนก็ได้เอาเม็ดยาจิตวิญญาณธาตุแสงระดับ 6 หลายเม็ดออกมาจากแหวนมิติของนางเพื่อป้อนมันให้กับเจี้ยนเฉิน และหวังว่าอาการบาดเจ็บนั้นจะหายไวขึ้น
“ไม่ต้องป้อนยาให้กับเขาหรอก ร่างกายของเจี้ยนเฉินนั้นแปลกและมีความสามารถในการรักษาตัวเองสูงมาก ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขาก็ฟื้นตัวได้ไวมากและเขาคงจะดีขึ้นในอีกไม่นานนี้” เทียนเจี้ยนหยุดยั้งสิ่งที่หวงหลวนกำลังจะทำและอธิบาย
หวงหลวนหยุดชะงักสักครู่ ก่อนที่จะเก็บเม็ดยาจิตวิญญาณธาตุแสงไป
“ท่านลุงเทียน ข้ารู้ว่าท่านต้องมาแน่ ตอนนี้ช่างโชคดีเหลือเกินที่มีท่าน ไม่อย่างนั้นเจี้ยนเฉินคงไม่รอดแน่ ๆ ” หมิงตงมองไปที่เทียนเจี้ยนด้วยความรู้สึกขอบคุณ แต่ก็ยังมีความลังเลและกลัว เขาพยายามนึกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจี้ยนเฉิน ถ้าเทียนเจี้ยนไม่ปรากฏตัวขึ้นในตอนนั้น
เทียนเจี้ยนยิ้ม “เจี้ยนเฉินเป็นถึงอัจฉริยะของทวีปเทียนหยวน ผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นเขานั้นไม่เคยปรากฏมาก่อนและเขาสามารถพัฒนาได้ไม่สิ้นสุด ถ้าอัจฉริยะเช่นนี้ต้องมาตายด้วยอายุที่ยังน้อยแบบนี้ ทวีปเทียนหยวนคงจะต้องถือว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่แน่ ๆ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ลุงของเจ้าจะไม่ปล่อยให้เจี้ยนเฉินเป็นอันตรายโดยที่ไม่ทำอะไรเลย”
“ท่านลุงเทียน ท่านคงจะคอยอยู่ปกป้องเจี้ยนเฉินอยู่ห่าง ๆ ” หมิงตงดีใจ อย่างนี้หมายความว่าเจี้ยนเฉินจะไม่เจอใครที่ทำให้เขาเป็นอันตรายถึงชีวิตบนทวีปเทียนหยวนแล้วใช่หรือไม่ ? “
เทียนเจี้ยนยิ้ม แต่ไม่ได้แสดงท่าทียืนยันใด ๆ จริง ๆ แล้ว ตั้งแต่ที่เขาได้พบว่าเจี้ยนเฉินนั้นสามารถเห็นและสื่อสารกับจิตวิญญาณม่านพลังของเมืองทหารรับจ้างได้ เขาก็เริ่มเห็นความสำคัญในตัวของเจี้ยนเฉินและได้ทิ้งร่องรอยที่สังเกตเห็นได้ยากติดไว้ที่ตัวเจี้ยนเฉิน เมื่อชีวิตของเจี้ยนเฉินตกอยู่ในอันตราย เขาก็จะสามารถปรากฏตัวออกมาช่วยได้
การที่ได้รู้ว่าท่านผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้างคอยปกป้องเจี้ยนเฉินอยู่ลับ ๆ ทำให้ไป๋เหลียน, โหยวเยว่และหวงหลวนแอบดีใจอยู่ไม่น้อย พวกนางรู้สึกมีความสุขมาก เพราะรู้ว่าการที่มีท่านผู้อาวุโสสูงสุดของ เมืองทหารรับจ้างอยู่เบื้องหลัง มันจะเป็นโล่ที่ดีที่สุดให้กับเจี้ยนเฉินในอนาคต
ในตอนนี้ มือของเจี้ยนเฉินเริ่มขยับเล็กน้อย. หลังจากนั้นไม่นาน ตาของเขาก็เริ่มเปิดขึ้นอย่างช้า ๆ และเขามองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสน เมื่อเขาเห็นเทียนเจี้ยน เขาก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ด้วยเสียงอันอ่อนแรง เขารีบพูด “ของคุณท่านมากที่ช่วยชีวิตข้าไว้”
“เจี้ยนเฉิน ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว”
“อ่า…น้องชาย ท่านฟื้นแล้ว”
การที่เจี้ยนเฉินตื่นขึ้น มันเป็นความประหลาดใจที่น่ายินดีกับทุกคน พวกเขาทั้งหมดมารวมอยู่รอบเตียงของ เจี้ยนเฉินและถามว่าเขารู้สึกอย่างไร พวกเขาห่วงใยเจี้ยนเฉินมาก
เจี้ยนเฉินขยับตัวขึ้นนั่งที่เตียงด้วยความลำบากเล็กน้อย ความเป็นห่วงเป็นใยที่ทุกคนมีให้ ทำให้เขารู้สึกอบอุ่น เขาพูดว่า “ทุก ๆ คนไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงไป ข้าสบายดี” ในขณะนั้น เจี้ยนเฉินก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา เขามองไปรอบ ๆ อย่างควบคุมไม่ได้และก็หยุดสายตาอย่างสบายใจทันทีที่เห็นเสือนอนอยู่ข้างเขา เขายกเสือขาวขึ้นมาแล้วพึมพำ “โชคดีจริง ๆ ที่เสี่ยวไป๋ไม่ได้ถูกราชาแห่งตระกูลกิลลิกันเอาไป ไม่อย่างนั้นนี้คงเป็นหายนะแน่ ๆ
“เจี้ยนเฉิน เสี่ยวไป๋มีคุณสมบัติอะไรเหรอ? ทำไมราชาของตระกูลกิลลิกันถึงสนใจมันและต้องการจะนำมันไป?” หมิงตงจ้องไปที่เสือขาวและถามด้วยความสงสัย
หลังจากที่ได้ยินดังนั้น เจี้ยนเฉินก็ลังเล มันไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการที่จะบอกหมิงตง แต่จริง ๆ แล้วเขาไม่ต้องการให้คนรู้ถึงคุณสมบัติของเสือมากกว่านี้
หลังจากที่เห็นเจี้ยนเฉินหยุดนิ่งไปนาน เทียนเจี้ยนก็เข้ามาพูดแทรกว่า “หลาน เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้มากไปหรอกเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเจ้าทั้งหมดควรจะลืมเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมา ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก เอาล่ะ ทุก ๆ คนออกไปก่อน ข้ามีเรื่องที่ต้องหารือกับเจี้ยนเฉินเป็นการส่วนตัว”
“ขอรับท่านลุงเทียน !” หมิงตงตอบด้วยความเชื่อฟัง ก่อนจะจากไปพร้อมกับความสงสัยของเขาและทุก ๆ คน อย่างไรก็ตาม หลังจากมีเรื่องที่เกิดขึ้น ทุก ๆ คนก็รู้ดีว่าคุณสมบัติของเสือนั้นคือความลับและมันก็ไม่ง่ายอย่างที่ควรจะเป็นอย่างแน่นอน
เมื่อหมิงตงและทุก ๆ คนออกไปแล้ว ม่านพลังใส ๆ ก็ปรากฏออกมา ปกคลุมรอบห้องทั้งหมดไว้ ม่านพลังนั้นถูกสร้างโดยเทียนเจี้ยน เพื่อที่จะแยกห้องนี้ออกจากโลกภายนอก แม้แต่เซียนราชาเองก็ไม่สามารถแอบฟังบทสนทนาที่เกิดขึ้นด้านในได้
“ผู้อาวุโส ท่านมีอะไรจะหารือกับข้างั้นหรือ?” ดูจากการที่เทียนเจี้ยนระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก ทำให้ท่าทีของเจี้ยนเฉินเริ่มตึงเครียด
เทียนเจี้ยนจ้องมองไปที่เสือที่อยู่ในมือเจี้ยนเฉินด้วยสายตาแปลก ๆ หลังจากนั้นซักพักเขาก็ถอนหายใจเบา ๆ “เจี้ยนเฉิน มันมีเวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว เจ้าต้องทำให้พยัคฆ์ปีกเทวะโตขึ้นโดยไว ไม่เช่นนั้น เวลาของเจ้าและเสือจะอยู่ได้อีกไม่นานแน่”
ท่าทีของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาถามว่า “ผู้อาวุโส เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลกิลลิกันหรือไม่ ? “
“เรื่องนี้มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิดไว้ มันมีภัยมาหาพยัคฆ์ปีกเทวะทุก ๆ ทางและมันไม่ใช่ภัยที่เจ้าสามารถรับมือได้” เทียนเจี้ยนหยุดสักครู่ก่อนพูดต่อ “ดูเหมือนว่ามีบางสิ่งที่ข้าต้องอธิบายให้เจ้าฟัง เจี้ยนเฉิน ตระกูลกิลลิกันคือหมากตัวหนึ่งของทวีปสัตว์เทวะที่เหลือทิ้งไว้บนทวีปเทียนหยวน และการที่ตระกูลกิลลิกันพยายามที่จะเอาพยัคฆ์ปีกเทวะไปนั้น น่าจะมาจากคำสั่งของผู้ปกครองทวีปสัตว์เทวะ แม้ผลลัพธ์คือตระกูลกิลลิกันได้ถูกขับไล่ออกไปในครั้งนี้ แต่อีกไม่นานยอดฝีมือของทวีปสัตว์เทวะจะต้องมาที่ทวีปเทียนหยวนอีกแน่ในไม่ช้า”
“แม้ว่าภัยจากทวีปสัตว์เทวะจะถูกจัดการโดยตระกูลผู้พิทักษ์ของทวีปเทียนหยวน แต่เรื่องของพยัคฆ์ปีกเทวะก็สำคัญมาก ถ้าเรื่องนี้รั่วไหลออกไปและตระกูลผู้พิทักษ์รู้เข้า พวกเขาจะต้องสนใจในตัวพยัคฆ์ปีกเทวะแน่ หลังจากที่พวกเขาได้ขับไล่กองกำลังของเผ่าสัตว์เทวะออกไป ในตอนนั้น หากเจ้ามีพลังไม่เพียงพอ เจ้าก็เหมือนปลาที่จะถูกทำร้ายจากทุก ๆ คน แม้แต่เมืองทหารรับจ้างก็ไม่สามารถที่จะช่วยเจ้าได้” น้ำเสียงของเทียนเจี้ยนเต็มไปด้วยความตึงเครียด