ตอนที่ 373 ผู้ใหญ่จากไป

เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก

วันเวลาผ่านไป ทุกอย่างราบรื่นมาก ตอนเช่อเช่อและเยว่เยว่สิบสองขวบ เฉินเยี่ยนและซินห้าวจัดงานครบรอบ 80 ปีให้ซินต้าฉุย วันนั้นครึกครื้นมาก เปิดสิบโต๊ะ เพียงแต่คนในครอบครัว บรรดาญาติก็มา ซินเหลยละซินเหวยก็พาภรรยา และลูกกลับมาโดยเฉพาะ คนในหมู่บ้านต่างมากันหมด 

 

 

คุณปู่แต่งตัวดูมีชีวิตชีวามาก คุณย่าก็รวบมวยผมไม่หล่นลงมาสักเส้น มัดไว้หลังศีรษะ 

 

 

ทุกนต่างบอกว่าคุณปู่และคุณย่า โชคดี ลูกหลานได้ดีแล้วยังกตัญญูด้วย 

 

 

คุณปู่และคุณย่าดีใจมาก รู้สึกว่าชีวิตนี้เพียงพอแล้ว 

 

 

ตอนเช่อเช่อและเยว่เยว่อายุสิบสี่ขวบ คุณย่าจากไปอย่างสงบสุขตอนกลางดึก 

 

 

คุณย่าจากไปโดยไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ เทียบกับคนในหมู่บ้านแล้ว เธอถือเป็นคนที่อายุยืนมาก 

 

 

ถึงแม้คุณย่าจะไปอย่างสงบสุข แต่คนในครอบครัวก็ยังเสียใจอยู่ 

 

 

เช่อเช่อและเยว่เยว่อยู่ม.หนึ่ง หลังได้ยินข่าวก็รีบกลับมา ร้องไห้หนักอยู่ต่อหน้าคุณย่า 

 

 

ซินเหลย ซินเหวยต่างพาภรรยาและลูกกลับมา 

 

 

ลูกซินเหลยเพิ่งหนึ่งขวบ เป็นเด็กผู้ชาย ชื่อซินหมิง เพราะซินเหลยซุ่ยเฟินคลอดเด็กคนนี้ ซุนหม่านเซียงถึงเปลี่ยนมุมมองกับเธอขึ้นเยอะ 

 

 

แต่ซุ่ยเฟิน ซินเหลยและลูกใช้เวลาอยู่ข้างนอกเยอะ ดังนั้นซุนหม่านเซียงเลยไม่มีความขัดแย้งอะไร 

 

 

เฉินหู่ก็กลับมา เขาชอบคุณย่ามาก พอมีเวลาว่าง เขาเลยบินกลับมา 

 

 

ครอบครัวซินรวมตัวกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับเป็นเพราะเรื่องงานศพ 

 

 

ซินเหลยถือว่าเป็นนักแสดงที่โด่งดังเป็นที่นิยม และมีความสามารถในการแสดงจริงๆ 

 

 

ตารางคิวเขาแน่นมาก แต่หลังจากฝังคุณย่า เขาไม่ได้รีบกลับไปทันที บอกว่าจะอยู่ที่บ้านอีกหลายวัน อยู่เป็นเพื่อนคุณปู่และพ่อแม่ 

 

 

ส่งคุณย่าเสร็จ คนบ้านเฉินยังไม่ทันทำใจได้ กำลังจะไปส่งซินเหลยกลับ ตอนนี้คุณปู่ก็จากไปอีกคน 

 

 

สุขภาพซินต้าฉุยถือว่าแข็งแรงดี ถ้าภรรยาไม่จากไป เขายังอยู่ได้อีกหลายปี แต่พอคุณย่าเสีย เขาก็รู้สึกว่ามีชีวิตอยู่ไปก็ไม่มีความหมาย ชีวิตนี้เขาได้ในสิ่งที่ควรได้แล้ว เขาคิดว่าเขาหลับพักผ่อนได้แล้ว ดังนั้นตอนที่ภรรยาจากไปไม่ถึงสิบวัน เขาก็ตามไป 

 

 

บ้านเฉินจัดงานศพของซินต้าฉุยอีกครั้ง ฝังซินต้าฉุยและคุณย่าไว้ด้วยกัน 

 

 

ถึงแม้จะบอกว่าเป็นงานศพที่จากไปอย่างสงบสุข แต่ภายในหนึ่งเดือนมีคนจากไปถึงสองคน บรรยากาศครอบครัวซินเลยดูอึมครึม 

 

 

เฉินหู่ละซินเหลยจัดการงานศพเสร็จก็นั่งเครื่องบินกลับไป เพราะฝั่งนั้นเร่งมาก พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ซินเหวยกับภรรยา แล้วยังมีซุ่ยเฟินและลูกตามกลับไปทีหลัง 

 

 

จนพวกเขาไปหมดแล้ว ซินห้าวตัดสินใจพาคนที่บ้านผ่อนคลาย 

 

 

เดิมทีคิดจะพาซินชาน ซุนหม่านเซียง ซินฉุ่ย และไป๋ซิ่วเหมยไปด้วยกัน แต่พวกเขาบอกว่าอายุเยอะแล้ว ไม่อยากเดินทาง สุดท้ายเลยให้ซินห้าวพาเฉินยี่ยนไป 

 

 

เช่อเช่อและเยว่เยว่ก็ต้องไปเรียน ไปด้วยไม่ได้ ให้คุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุก รอปิดเทอมแล้วทั้งครอบครัวค่อยไปด้วยกัน 

 

 

ซินห้าวพาเฉินเยี่ยนไปต่างประเทศ 

 

 

เป็นครั้งแรกที่เฉินเยี่ยนออกนอกประเทศ เมื่อก่อนเคยเห็นแค่ในทีวี 

 

 

ภูมิประเทศของต่างประเทศและในประเทศไม่เหมือนกัน ซินห้าวพาเฉินเยี่ยนไปสามประเทศติดกัน ได้เห็นสภาพแวดล้อมและผู้คนที่แตกต่าง แล้วถึงค่อยกลับมา 

 

 

ไปครั้งนี้ถึงแม้จะเหนื่อย แต่เฉินเยี่ยนและซินห้าวกลับได้เปิดหูเปิดตา อีกทั้งได้ประสบการณ์เพิ่มขึ้น จิตใจก็สบายขึ้นมาก 

 

 

กลับมาในประเทศ ซินห้าวก็กลับมายุ่งอีกครั้ง ช่วงนี้เขาตั้งบริษัทขนส่ง ตอนนี้บริษัทในมือเขามีห้าหกบริษัท มีพนักงานร้อยกว่าคน ถือว่าเป็นผู้ประกอบการที่มีแนวโน้มในอนาคตดี 

 

 

ส่วนฝากธุรกิจของโรงงานเฉินเยี่ยนก็ไม่ต้องกังวล 

 

 

เช่อเช่อและเยว่เยว่อยู่โรงเรียนประจำ อาทิตย์หนึ่งกลับมาครั้งหนึ่ง ทุกวันเธอมีเวลาว่างมาก เวลาไม่มีอะไรนอกจากไปบ้านเฉินแล้ว เธอจะไปดูร้านในเมือง 

 

 

ร้านเสื้อผ้าขยับขยายใหญ่ขึ้นมาหลายเท่า ตอนนี้ไม่เพียงแต่ขายเสื้อผ้าหลากหลายชนิด ยังมีรองเท้า สินค้าบำรุงผิวต่างๆ เธอขายหมด 

 

 

ถึงแม้ร้านในตลาดจะมีเยอะ แต่ร้านเสื้อผ้าเฉินเยี่ยนเปิดมาหลายปี มีลูกค้าเก่าแก่เยอะ มีการรับประกันคุณภาพของเสื้อผ้า ราคาก็เหมาะสม อีกทั้งการบริการของพนักงานขายในร้านก็กระตือรือร้น แล้วเฉินเยี่ยนก็มีจัดกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ อยู่ ดังนั้นธุรกิจจึงไม่เคยแย่เลย 

 

 

หน้าร้านที่ซินห้าวเปิดกับคนจากทางใต้ก็เฟื่องฟูเช่นกัน ปีหนึ่งหลายแสนไม่มีปัญหาเลย อีกทั้งฝั่งนั้นเป็นแบบใหม่ล่าสุดทั้งนั้น เฉินเยี่ยนรู้ว่าทางนั้นนิยมอะไร ทำการค้าเลยราบรื่นมาก 

 

 

วันนี้เฉินเยี่ยนขับรถมาถึงนอกร้าน ตอนจอดรถเธอได้ยินเสียงร้อง เธอคิดว่าชนคนเข้า รีบลงจากรถมาดู 

 

 

มีผู้หญิงรูปร่างผอมคนหนึ่งล้มลงไปนั่งอยู่บนพื้น เพราะเธอก้มหน้าลง เฉินเยี่ยนเลยมองเห็นหน้าเธอไม่ชัด เห็นเพียงแค่ผมขาว 

 

 

โชคดีบนพื้นไม่มีเลือด น่าจะชนโดนเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่มาก 

 

 

“คุณน้า ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ? เป็นอะไรหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นฉันพาน้าไปตรวจที่โรงพยาบาลไหมคะ?” 

 

 

ยุคนี้ยังไม่มีพวกคนที่จงใจให้รถชนเพื่อเรียกค่าเสียหายเหมือนยุคหลัง ดังนั้นเฉินเยี่ยนเลยกลัวว่าตัวเองขับชนคนอื่นเข้า ถึงแม้เธอจะไม่ได้ชน แต่น้าเขาอายุเยอะแล้ว บาดเจ็บ ตัวเองเห็น ก็ควรจะช่วย 

 

 

“ฉัน ฉันเจ็บขา” 

 

 

มีเสียงแหบแห้งดังขึ้นมา ขณะเดียวกันผู้หญิงผมขาวก็ถูกเฉินเยี่ยนประคองขึ้นมา 

 

 

“เจ็บขา? อย่าเพิ่งไปจับกระดูกนะคะ ฉันจะพาไปโรงพยาบาลเอ็กเรย์ดู” 

 

 

เฉินเยี่ยนพูดไปพลางมองไปที่หน้าคนนั้น 

 

 

พอเห็นเฉินเยี่ยนอึ้งไป 

 

 

คนนี้อายุไม่มากเท่าที่เฉินเยี่ยนคิด เธอคิดว่าเป็นคนอายุห้าหกสิบเสียอีก ตอนนี้ดูแล้วคนนี้โตกว่าตัวเองไม่กี่ปีเอง แต่ก็ไม่มาก ตัวเองเรียกน้า ดูแก่เกินไป 

 

 

เฉินเยี่ยนคิดในใจ พอดูคนนี้อย่างละเอียด หน้าตาไม่แย่ แต่กลับมีรอยแผลเป็นที่ผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชน บนใบหน้ามีรอยเ**่ยวย่นมากมาย เห็นได้ชัดว่าความเป็นอยู่ลำบาก 

 

 

ปีนี้เฉินเยี่ยนอายุประมาณสี่สิบแล้ว เพราะว่าบำรุง และเพราะใช้ชีวิตอย่างสุขสมบูรณ์ ดูแล้วเหมือนอายุราวสามสิบเอง ดูอายุน้อยมาก 

 

 

เธอมองออกว่าคนที่เธอประคองหน้าตาน่าจะดีมาก เพียงแต่ความสวยงามสูญหายผ่านไปตามกาลเวลา 

 

 

แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่เฉินเยี่ยนคิด เธอรู้สึกว่าคนนี้ดูคุ้นหน้า แต่ยังนึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน? 

 

 

“เฉิน เฉินเยี่ยน” 

 

 

เสียงแหบแห้งดังขึ้นมาอีก คนที่โดนเฉินเยี่ยนประคองก็มองใบหน้าเฉินเยี่ยนอย่างชัดเจน 

 

 

ใบหน้าเฉินเยี่ยนเทียบกับตอนวัยรุ่นไม่เปลี่ยนไปมาก ยังมองออกง่าย 

 

 

“เธอ เธอคือ?” 

 

 

เฉินเยี่ยนรู้สึกสงสัย ดูเหมือนอีกฝ่ายรู้จักตัวเอง เธอรู้สึกคุ้นหน้าคนนี้ เธอนึกถึงคนที่เธอรู้จัก คนที่อายุมากกว่า ในสมองเธอนึกอย่างรวดเร็ว แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นเธอที่ไหน 

 

 

“เธอ เธอจำฉันไม่ได้แล้วหรือ?” 

 

 

สีหน้าคนนี้ไม่อยากจะเชื่อเลย เหมือนว่าได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรง 

 

 

มองสายตาที่สงสัยของเฉินเยี่ยน เหมือนเธอโดนทิ่มแทงใจ อยู่ๆ ก็เอามือมาลูบหน้าตัวเอง ถึงค่อยนึกออกว่าใบหน้าเธอตอนนี้แก่กว่าเฉินเยี่ยนเยอะมากจริง 

 

 

อยู่ๆ เธอก็ผลักมือเฉินเยี่ยนออกไป ใช้สายตาที่โกรธแค้นมองเฉินเยี่ยน จากนั้นก็ยิ้มขึ้นมา 

 

 

“เธอจำฉันไม่ได้จริงๆ เธอจำฉันไม่ได้แล้ว ฮาฮา กรรมตามสนอง กรรมตามสนอง”  

 

 

คนนี้ร้องขึ้นมาสองคำ จากนั้นไม่สนใจสายตาคนอื่น และไม่สนใจเฉินเยี่ยนอีก เธอลากขากะเผลกเดินไป