Ch.1 – Prologue 1
Translator : O-Minus / Author
“หืมม….”
ขณะที่นั่งอยู่บนม้านั่งในสวนพร้อมเหม่อมองท้องฟ้า ฉันหยิบน้ำแอปเปิ้ลในมือมาดื่ม
อากาศช่วงกลางเดือนพฤษภาคมปลอดโปร่ง อาจจะดูดีเมื่อได้มองแต่ก็ทำให้รู้สึกว่างเปล่าด้วยเช่นกัน
ก้มมองดูส่วนประกอบของน้ำผลไม้ในมือ ‘สงสัยจังนะว่าเจ้าของเหลวปริศนาที่มีชื่อว่าฟรักโทสไซรัปนี่มันคืออะไรกันนะ’ ฉันมีเวลาว่างเหลือเยอะจนตอนนี้ได้แต่คิดเรื่องเรื่อยเปื่อยแบบนี้
“นานแล้วนะที่เคยได้รู้สึกเบื่อขนาดนี้”
สับสนกับความสโลว์ไลฟ์ที่ไม่ได้สัมผัสมาหลายปี ฉันหยิบแฟ้มใสออกจากกระเป๋าโทรมๆ
ข้างในนั้นมีเรซูเม่ธรรมดาๆที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อที่ฉันไม่ได้เขียนมาสักพักแล้ว ฉันจึงกรอกข้อมูลไปอย่างราบรื่นภายในไม่กี่นาที
ถึงจะไม่จำเป็นจะต้องใช้ในตอนนี้แต่การเตรียมพร้อมไว้ย่อมดีกว่าเสมอ
ฟุตะยาโดะ นานาโกะ เพศหญิง อายุ21ปี เป็นฟรีเตอร์
ด้วยประวัติการศึกษาถึงมัธยมต้น เคยทำงานใช้แรงงาน พนักงานรายวัน ผู้ดูแลปาจิงโกะ ฯลฯ ฉันได้ผ่านงานพาร์ทไทม์มากมายและได้มาถึง ณ จุดนี้
ถ้าจะให้สรุปเนื้อหาในเรซูเม่ก็จะได้ประมาณนั้นล่ะ
ขอเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังสักนิดได้ไหม?
ฉัน…ไม่มีพ่อแม่อีกแล้ว พวกเขาเสียไปในช่วงที่ฉันอยู่มัธยมต้นปีที่สามด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์
ในตอนนั้นฉันเสียใจเป็นอย่างและมันก็ลำบากแต่ฉันไม่มีเวลาให้กังวล
คนที่เป็นผู้ปกครองของฉันคือคุณป้าจากทางฝั่งของแม่ พวกเขาเป็นครอบครัวใหญ่เหมือนในรายการ Big Daddy ที่มีเด็กถึง12คน(รายการโชว์ในญี่ปุ่น)
คุณลุงมีรายได้ที่สูงแต่การใช้ชีวิตก็ยังติดขัด ถ้ายัดฉันเข้าไปด้วยการใช้ชีวิตคงจะขัดสนไปมากกว่านี้แน่ๆ
อีกทั้งเรื่องที่ว่านั่นเป็นที่ที่ฉันไม่รู้จักและยังไม่มีความเป็นส่วนตัวอีก
ก็รู้อยู่หรอกว่าฉันไม่มีสิทธิจะบ่นอะไร เพราะฉันก็ได้เป็นเพียงแค่ “คนนอก” เท่านั้น
เพราะอย่างนั้นฉันเลยตกลงมอบมรดกทั้งหมดที่ได้ให้กับคุณลุงและคุณป้าเพื่อให้พวกเขาจัดการเรื่องทางการให้ฉันใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวได้
พวกเขาไม่ได้ตกลงในทันทีแต่สุดท้ายยอมให้กับความตั้งใจของฉัน
หลังจากวันนั้น ฉันจึงทำงานพิเศษทุกๆวันเพื่อค่าที่พักและค่าอาหาร
งานที่เด็กที่พึ่งจบมัธยมต้นฉันจะทำได้ก็มีแต่การใช้แรงงาน แต่สำหรับฉันที่ถนัดด้านการขยับร่างกายแล้วถือว่ามาถูกทางเลยล่ะ
หลังจากนั้นฉันก็เลยทำงานใช้แรงงาน หาเงิน และส่งค่าที่พักให้คุณลุงและคุณป้า
ผ่านมาได้6ปีแล้วหลังจากที่ฉันเรียนจบมัธยมต้นมา มันเป็นความภูมิใจเล็กๆที่ฉันสามารถหาเงินเองและมีที่อยู่ของตัวเองได้
จะว่าไปแล้ว พอฉันได้เป็นผู้ใหญ่ ฉันถึงได้มารู้ทีหลังว่าคุณลุงกับคุณป้าไม่ได้ใช้เงินในส่วนมรดกที่ฉันให้ไปเลย
“เด็กๆน่ะไม่ต้องไปคิดมากหรอกน่า” แล้วกำปั้นก็ถูกกระแทกเข้ามาบนหัวฉัน ตอนนั้นก็ไม่ได้ร้องไห้มานานเลยกลายเป็นความทรงจำที่ดีไป
เงินมรดกถูกส่งคืนกลับมาแต่มันก็ยังอยู่ในบัญชีเงินเก็บไว้ในกรณีฉุกเฉิน ยังไงซะมันก็ไม่พอสำหรับการใช้ชีวิตที่เหลือของฉัน
และสาเหตุที่ทำไมฉันผู้ซึ่งเป็นนักรบพาร์ทไทม์ถึงได้มานั่งเหม่ออยู่บนม้านั่งในสวนในเวลาเช้าของวันทำงานน่ะเหรอ
ไม่ได้มีสาเหตุอะไรลึกซึ้งหรอก
ฉันผู้ซึ่งทำงานพาร์ทไทม์อย่างไม่หยุดพักและใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย แต่งานหลักทั้งสามที่ของฉันกลับล้มลายไปซะงั้น
และทั้งสามที่นั่นเป็นที่ที่ฉันจัดตารางงานตลอดทั้ง7วันและนั่นส่งผลกระทบกับฉันอย่างหนักมากเลย
ด้วยความเศร้าจากการสูญเสียงานทั้งสามที่ไป ฉันได้แต่รู้สึกกลัวในความโง่เง่าของตัวเองที่ไม่ยอมไปหางานใหม่ตั้งแต่ที่รู้จะถูกปิดตัวลง
ก็นะ ปฏิเสธไม่ได้ว่าฉันทำงานอย่างหนักมาตลอด3ปีที่ผ่านมา ฉันเลยตัดสินใจนั่งพักที่สวน ซึ่งก็ทำมาตั้งแต่เมื่อกี้
และฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อในตอนนี้ฉันเลยได้แต่นั่งรำลึกความหลังอยู่กับตัวเอง
“กลับบ้านดีกว่า”
ฉันโยนขวดพลาสติกเปล่าๆลงถังขยะแล้วลุกจากม้านั่ง
ในเมื่อไม่มีอะไรทำก็กลับบ้านไปนอนดีกว่า
☆
4ทุ่ม ดวงตาฉันเปิดกว้างจากเสียงของสมาร์ทโฟนที่ฉันไม่ค่อยได้ใช้
มันคือเสียงจากแอพที่มีจุดเด่นในเรื่องของการการแชทและโทรฟรีซึ่งโด่งดังขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีก่อน แต่ฉันก็มีแค่เพื่อนคนเดียวที่บันทึกชื่อเอาไว้
จึงมีเพียงแค่คนเดียวที่จะโทรหาฉันได้
“หายากนะเนี่ย ฮัลโหลรินจัง”
“ไม่สิ การที่นานะจะรับสายฉันสิที่หายากกว่าน่ะ”
“อ่ะฮ่ะฮ่า นั่นสินะ”
ด้วยเสียงสั่นเครือฉันตอบเห็นด้วยไป
ฉันที่ทำงานทั้งวันตลอดทั้ง7วันต่อสัปดาห์ปกติแล้วมักจะรับสายไม่ได้
รินจัง – ทาคาโจว รินเนะ เพื่อนสนิทคนเดียวในตลอดชีวิตของฉัน
ความสัมพันธ์ที่เรียกอีกฝ่ายว่ารินจังกับนานะ เป็นเพื่อนกันตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมต้น ไม่พูดเกินจริงเลยว่าเธอเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุด
ได้โทรคุยกับเพื่อนอย่างเธอหลังจากที่ผ่านมาหลายปี ฉันรู้สึกดีใจนิดหน่อย
“มีอะไรหรือเปล่า? ทุกทีจะส่งแค่ข้อความนี่นา?”
“ฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วยน่ะแต่ว่า…นานะ เธอกำลังปิดบังอะไรจากฉันอยู่ใช่ไหม?”
“เอ๋? พ-พูดเรื่องอะไรน่ะ?”
“เปล่านี่ ก็แค่ทุกทีคงจะเป็นไปไม่ได้ที่นานะจะรับสายในเวลานี้”
“อุ๊…ทังๆที่เธอเป็นคนโทรมาเองแท้ๆ…”
“ฉันแค่รู้สึกได้ว่าเธอจะรับน่ะ”
ฉันโอดโอยเมื่อถูกจี้โดยรินจัง
ก็แหม งานกะกลางคืนจะได้เงินเยอะกว่านี่นา ช่วยไม่ได้ที่ฉันจะรับโทรศัพท์ในช่วงเวลานั้นไม่ได้
“ตอบกลับมาอย่างนั้นแสดงว่ามีเรื่องจริงๆสินะ? เล่ามาสิ”
“ม-ไม่ใช่นะ ไม่มีอะไรสักหน่อย”
“ห๊า?”
“ที่ทำงานพาร์ทไทม์ของฉันทุกที่ล้มละลายกันไปหมดแล้วน่ะ…”
ไม่สามารถต้านทานได้ ฉันแพ้ให้กับความกดดันจากรินจัง
สมัยก่อน หลังจากที่สูญเสียพ่อแม่ ฉันบอกกับรินจังว่าฉันจะไปเป็นฟรีเตอร์ รินจังก็บอกกับฉันว่า
“ไม่ใช่ว่าฟรีเตอร์น่ะไม่มีอนาคตหรอกเหรอ? ฉันจะไปขอพ่อให้เพราะงั้นไปทำงานจริงๆซะสิ” เธอบอกมา
พ่อของรินจังเป็นประธานใหญ่ของเครือ “ทาคาโจวกรุ๊ป” ที่รินจังว่าจะขอพ่อให้หมายความว่าฉันจะได้ทำงานในหนึ่งในบริษัทของพวกเขา
พ่อของรินจังเป็นคนประเภทที่โอ๋ลูกสาวอย่างมากและยังเป็นคนที่เอาความรู้สึกส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานอีกด้วย
แน่อยู่แล้วว่าฉันปฏิเสธไป ในตอนนั้นรินจังเสียใจมากนั่นเลยทำให้ฉันรู้ว่าถ้าฉันตกงานเธอจะต้องพูดถึงมันแน่ๆ
แล้วก็นะครอบครัวของเธอน่ะรวยอย่างไม่น่าเชื่อ รินจังที่เป็นลูกสาวคนเล็กสุดจึงถูกตามใจและใช้ชีวิตอย่างไร้อุปสรรค
เธอเองก็ยังมีเงินเก็บของตัวเองอีกมาก แถมตัวเธอเองยังหาเงินได้อีกเยอะด้วยตัวเองอีก ฉันได้แต่คิดว่าเงินมักจะไปรวมกันในที่ที่มีเงินเยอะจังนะ
“ทั้งสามที่เลยน่ะเหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ…”
“งั้นเหรอ…เหมาะเจาะไปเลยนะ ถึงฉันจะมีเรื่องที่อยากพูดอยู่เยอะแต่ก็นะ เวลาเหมาะเจาะพอดีเลย”
“หมายความว่ายังไงน่ะ?”
ฉันนึกว่าจะโดนบ่นซะแล้วแต่รินจังกลับถามกลับมาอย่างน่าผิดหวัง
“นานะ เธอกำลังเบื่ออยู่ใช่ไหม?”
“เบื่อมากจนจะตายอยู่แล้ว”
“เตรียมแพ็คกระเป๋าซะแล้วพรุ่งนี้ตอนบ่ายมาเจอกันที่บ้านฉัน เธอไม่มีสิทธิปฏิเสธนะ”
“เอ๋ ทำไมจู่ๆก็”
“ตอนแรกฉันกะว่าจะคุยผ่านโทรศัพท์แต่ถ้าได้คุยกันต่อหน้าคงจะดีกว่าเยอะ งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”
“อือ ไว้เจอกัน”
พูดแต่เรื่องที่จำเป็นและวางสายไป ฉันถูกชักจูงไปตามกระแสของเธอแต่ก็แย้งไม่ได้ว่าฉันเบื่อมากจริงๆ
ถึงจะสับสนกับแผนกระทันหันนี้ ฉันเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วจัดเตรียมของสำหรับค้างคืน
← ตอนก่อน