วัยรุ่นสวมชุดนักบู๊ของสถาบันบู๊องอาจกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ในนั้น ภายในนั้นมีเว่ยซูจิ้งที่เพิ่งเจอกันเมื่อสองวันก่อน ลู่ฝานมองแวบเดียวก็จำได้

ทันใดนั้น ลู่ฝานพอเข้าใจแล้วว่าคือเรื่องอะไร ตอนนี้หานสงเห็นลู่ฝานมา ก็ตะโกนเสียงดังว่า “ลู่ฝาน นายมาทำไม ให้ตายเถอะ ใครใช้ให้พวกนายไปเรียกลู่ฝานมา ฉันบอกแล้วว่าฉันจัดการเองได้”

“หุบปาก!”

หานจุนที่อยู่ข้างๆ ถลึงตาใส่หานสง หลังจากนั้นหานจุนมองพวกนักเรียนสถาบันบู๊องอาจที่อยู่ด้านหน้า แล้วพูดว่า “เด็กเวรสถาบันบู๊องอาจ จะมาก่อเรื่องคงมาผิดที่แล้วล่ะ ที่นี่คือตระกูลหาน พวกนายดูชัดเจนแล้วหรือยัง”

หานอู๋ซวงก็พูดเสียงดังว่า “เรื่องอะไรกัน กล้ามาโวยวายถึงตระกูลหาน”

นักเรียนที่เป็นคนนำมาก้าวออกมา เสื้อขาวดุจหิมะ คิ้วคมเหมือนกระบี่ มีสง่าราศี ผู้ชายโค้งคำนับหานจุนกับหานอู๋ซวง “ผู้อาวุโสรองหาน ผู้อาวุโสใหญ่หาน ผมเทียนตู้แห่งสถาบันบู๊องอาจ วันนี้มาเพื่อทวงความยุติธรรมให้เหล่าศิษย์น้อง ไม่ได้มาก่อเรื่องที่ตระกูลหาน แต่ลู่ฝานฆาตกรที่ทำร้ายศิษย์น้องผมอยู่ที่ตระกูลหาน ดังนั้นพวกเราจึงต้องมา วันนี้เรามานัดสู้กับลู่ฝานเท่านั้น ไม่มีเรื่องอื่น ถ้าทำอะไรล่วงเกิน เทียนตู้ขออภัยผู้อาวุโสทุกท่านไว้ล่วงหน้า!”

เทียนตู้พูดอย่างสง่าน่าเกรงขาม มีเหตุผลมีหลักฐาน หานจุนไม่มีเหตุผลให้เถียงแล้ว

ขณะนั้นลู่ฝานเดินออกมาพูดว่า “ในเมื่อพวกนายมาแล้ว งั้นเชิญบอกวิธีต่อสู้มา”

เทียนตู้เห็นลู่ฝานออกมาสักที รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า

พวกนักเรียนสถาบันบู๊องอาจมองลู่ฝาน พูดเสียงดังว่า “ศิษย์พี่เทียนตู้ เขานี่แหละ”

เว่ยซูจิ้งดึงเสื้อเทียนตู้แล้วพูดว่า “ศิษย์พี่เทียนตู้ พี่ต้องระบายอารมณ์แทนฉันนะ”

เทียนตู้พยักหน้า ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว

“นายคือลู่ฝาน นักกระบี่แห่งตงหวาเหรอ”

เมื่อพูดจบ ในกลุ่มคนตระกูลหานมีเสียงตกใจดังขึ้น

“เขาคือนักกระบี่แห่งตงหวาเหรอ โอ๊ย ฉันรู้จักเขา นี่คือคนที่เพิ่งมีชื่อใหม่ในรายชื่อประเทศไม่ใช่เหรอ”

“ท่าทางไม่เลวนะ ดูทรงพลัง”

“ดูเหมือนเป็นเพื่อนกับพี่หานสง งั้นก็เป็นเพื่อนกับตระกูลหานของเรา ลู่ฝาน สู้ๆ!”

……

ลูกหลานตระกูลหานกลุ่มหนึ่งเลื่อนเก้าอี้มา นั่งแทะเมล็ดแตงโมอยู่ด้านข้าง ทำท่าเหมือนเตรียมดูเรื่องสนุก

ลู่ฝานกำลังจะพูดอะไร เมื่อหันมามองก็เห็นผู้อาวุโสใหญ่หานอู๋ซวง ผู้อาวุโสรองหานจุน นั่งแทะเมล็ดแตงโมกับเด็กๆ อยู่ด้านข้าง

อืม เป็นสไตล์ของตระกูลหานจริงๆ

ลู่ฝานส่ายหน้า พูดกับเทียนตู้ว่า “ฉันเอง จะสู้ก็มาสิ”

เทียนตู้พูดว่า “ชื่อเสียงของนายโด่งดัง ถ้าไม่เป็นแบบนี้ วันนี้ฉันคงไม่มาหรอก ถือโอกาสบอกนายเลยแล้วกัน ฉันก็เป็นผู้แข็งแกร่งในรายชื่อบู๊เหมือนกัน ฉันไม่รังแกนายหรอก วันนี้แค่มาแจ้งนายไว้ก่อน อีกสามวันกล้าสู้กับฉันต่อหน้าทุกคนหรือเปล่า!”

ลู่ฝานพูดว่า “สู้วันนี้ไม่ได้เหรอ”

เทียนตู้ยิ้มแล้วพูดว่า “ในเมื่อจะชนะ ก็ต้องชนะอย่างดงามหน่อย อีกสามวัน หน้าประตูสถาบันบู๊องอาจ กล้ามาไหม!”

ลู่ฝานพูดอย่างราบเรียบว่า “โอเค งั้นอีกสามวัน”

ได้ยินลู่ฝานรับปาก พวกเว่ยซูจิ้งยิ้มอย่างได้ใจทันที เหมือนพวกเขาเห็นภาพที่ลู่ฝาน โดนศิษย์พี่เทียนตู้ฟันอยู่ใต้กระบี่แล้ว

เทียนตู้สะบัดมือดึงอาวุธตัวเองออกมา เป็นกระบี่สีฟ้าคราม ชี้มาที่หน้าลู่ฝาน จากนั้นวาดลงบนพื้น

นี่คือวิธีนัดสู้ของสถาบันบู๊องอาจ เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เทียนตู้หันหลังพาพวกนักเรียนกลับ

พวกคนตระกูลหานที่เตรียมดูเรื่องสนุก ผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย รู้สึกว่ามานัดสู้จริงๆ ไม่ได้มาทะเลาะกัน

หานอู๋ซวงลุกขึ้นพูดว่า “อีกเดี๋ยวส่งคนไปเอาเงินที่สถาบันบู๊องอาจ นักเรียนของพวกเขาทำลานประลองบู๊ของเราเป็นรอยจนพังแล้ว”

พูดจบ หานอู๋ซวงเดินออกไป

เทียนตู้ที่ยังเดินไปไม่ไกล ได้ยินคำพูดของหานอู๋ซวง ก็ถึงกับเดินเซจนเกือบล้มลงพื้น