เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 944
ข่าวที่เทียนตู้สถาบันบู๊องอาจนัดสู้กับลู่ฝาน แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วภายในคืนนั้น

ไม่รู้ว่าเทียนตู้เป็นคนปล่อยข่าวเอง หรือคนอื่นในสถาบันบู๊องอาจช่วยกระจายข่าว สรุปว่าไม่นานข่าวก็แพร่กระจายออกไป

สถาบันบู๊องอาจ

ตั้งอยู่ในเมืองชั้นนอกทางทิศเหนือของเมืองหลวง มองไปยังเทือกเขาสีเขียวสุดลูกหูลูกตา

ใช่ ในเมืองมีภูเขา อีกทั้งยังไม่ใช่แค่ลูกเดียว แต่เป็นแถบ นี่ถือว่าเป็นจุดเด่นของเมืองหลวง

ล้อมรอบด้วยภูเขา เหล่าสิ่งก่อสร้างสีทองระยิบระยับ นี่คือสถาบันบู๊องอาจ

ตอนนี้ในสถาบันบู๊องอาจ มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยกำลังพูดคุยเรื่องนี้

แสงสว่างขึ้นหน้าประตูสถาบันบู๊องอาจ นักเรียนแต่ละคนเดินออกมาจากแสง

นี่เป็นจุดของค่ายกลเคลื่อนย้าย ใช้สำหรับการเดินทางภายในเมืองหลวง ใช้งานครั้งละหนึ่งเหรียญทอง ถูกและใช้งานได้จริง ครั้งหนึ่งสามารถข้ามได้เป็นหมื่นลี้ ถ้าจ่ายเงินเยอะ สามารถข้ามจากเมืองชั้นนอกไปยังหัวเมืองได้ทันที ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ลู่ฝานกับหานสงอาศัยค่ายกลนี้ รีบกลับมาตระกูลหานภายในเวลาไม่กี่วัน นักเรียนสถาบันบู๊องอาจพวกนี้ก็อาศัยค่ายกลนี้ เดินหาประสบการณ์ทั่วทุกที่ในเมืองหลวง

“ลู่ฝาน สองวันนี้ฉันได้ยินชื่อนี้หลายรอบมาก เขาเก่งมากเหรอ ถึงกับต้องให้ศิษย์พี่เทียนตู้ลงมือ”

“ไม่รู้ แต่คิดดูแล้ว เขตเล็กๆ แบบตงหวา จะมีนักบู๊ที่เก่งกาจออกมาเยอะเหรอ”

“ได้ยินว่าเขาเอาชนะหานสงได้”

“หานสง เหอะๆ ก็แค่คนโง่ที่โดนสถาบันไล่ออกเท่านั้น”

“ฉันก็คิดอย่างนั้น”

……

นักเรียนสองสามคนพูดคุยยิ้มแย้ม

จู่ๆ มีผู้ชายสูงใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามา พูดเสียงใหญ่ว่า “คุยอะไรกัน เขาเก่งหรือไม่เก่ง เกี่ยวอะไรกับพวกนาย รีบไปฝึกเลย!”

นักเรียนสองสามคนรีบโค้งคำนับแล้วพูดว่า “ครับอาจารย์เหลย เราจะไปเดี๋ยวนี้”

นักเรียนทุกคนรีบวิ่งออกไป เหมือนหนูเจอแมว

อาจารย์เหลยลูบคางตัวเอง ยืนอยู่ที่เดิม เหมือนกำลังรอใครอยู่

ทันใดนั้น อาจารย์อีกคนมาถึงแบบตัวกลายเป็นลำแสง ร่วงลงด้านหน้าอาจารย์เหลย

“ไอ้เฒ่าเหลย นายรีบเรียกฉันมามีเรื่องอะไรกันแน่”

คนนี้สวมชุดดำทั้งตัว รูปร่างสมส่วน หัวล้านแวววาว แต่กลับดูมีความรู้ล้ำลึกมาก

อาจารย์เหลยพูดว่า “ถิงยวน ฉันไม่ได้เรียกนายมา แต่วันนี้อยู่ดีๆ อาจารย์ก็ส่งจดหมายมาให้ฉัน นายมาดูสิ”

ถิงยวนใบหน้าประหลาดใจ จากนั้นพูดว่า “อาจารย์เหรอ คนแก่อย่างเขาส่งจดหมายหาเราทำไม”

รีบเดินไปข้างหน้า อาจารย์เหลยเอากระดาษบางๆ ออกมาแผ่นหนึ่ง

ด้านบนมีตัวหนังสือเพียงบรรทัดเดียว “หาลู่ฝานให้เจอ เชิญเขามาสาขาสายฟ้า!”

ถิงยวนขมวดคิ้วพูดว่า “ลู่ฝานคือใคร”

อาจารย์เหลยพูดด้วยรอยยิ้ม “ความน่าสนใจอยู่ตรงนี้แหละ เมื่อวานฉันยังไม่รู้ว่าลู่ฝานคือใคร แต่วันนี้ฉันรู้แล้ว อีกสามวันเขาจะประลองกับเทียนตู้พอดี”

ถิงยวนพยักหน้าพูดว่า “ที่แท้เป็นนักบู๊อายุน้อยนี่เอง แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมอาจารย์ต้องพูดคำว่าเชิญ”

อาจารย์เหลยก็ขมวดคิ้วพูดว่า “ไม่รู้ ฉันก็สงสัยเรื่องนี้เหมือนกัน ทำไมต้องพูดคำว่าเชิญล่ะ ฐานะอาจารย์อย่างเรา ถึงเป็นลูกชายของจักรพรรดิ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้คำนี้ พูดขึ้นมา ฉันยังไม่เคยเห็นอาจารย์ใช้คำนี้เลย นี่เป็นครั้งแรก”

ถิงยวนขมวดคิ้วขึ้นมาเหมือนกัน ทั้งสองครุ่นคิดเงียบๆ

ค่ำคืนดวงดาวเต็มท้องฟ้า

ดวงดาวที่เมืองหลวง สว่างสดใส เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ ดวงดาวที่นี่ระยิบระยับเป็นพิเศษ ราวกับสามารถร่วงลงมาได้ทุกเมื่อ

ที่ตระกูลหาน ลู่ฝานที่เพิ่งนัดสู้กับเทียนตู้เมื่อครู่ กำลังเล่นหมากรุกกับหานอู๋ซวงอย่างมีความสุข