Ch.15 – ตัดสินโทษหรือกดขี่

Translator : Reheikichi / Author

[ ไม่ล่ะ ก็บอกว่า ถ้าทำสินค้าของร้านเสียหาย อย่างน้อยก็ต้องจ่ายค่าชดใช้สิ ]

[ หนวกหู! ไม่เห็นต้องชดใช้ให้ดาบที่แค่ลองฟันก็หักแล้วหรอกเว้ย ]

[ นั่นสิ! อย่างน้อยแกก็น่าจะบอกก่อนว่าดาบนี้เป็นแค่เครื่องประดับ ]

ท่ามกลางฝูงชน ชายมีหนวดเคราและเด็กหนุ่มสามคนในเครื่องแบบโรงเรียนราชวงศ์ของแผนกผู้กล้ากำลังโต้เถียงกันอยู่

ซิคเป็นผู้นำกลุ่มและอีกสองคนที่เคยเห็นหน้าในโรงเรียน

ส่วนดาบที่เสียหายอยู่ที่พื้นบริเวณเท้าของซิค

[ วันนี้จะเจอเพื่อนร่วมชั้นบ่อยไปแล้วล่ะมั้ง ]

เอลิเซียพูดบ่นพลางเอามือก่ายหน้าผาก

[ เอลิเซีย นั่นคือ? ]

[ พวกขุนนางเอาแต่ใจนะ… ดูเหมือนซิคจะใช้ดาบที่เป็นของประดับร้านไปลองฟัน แต่มันดันหักเจ้าของร้านจึงขอค่าชดใช้ แต่ซิคปฏิเสธ ]

[ ไม่ว่าจะคิดยังไงแต่ซิคก็ผิดไม่ใช่เหรอไงนั่น? ]

[ อา… ยิ่งเป็นดาบประดับยิ่งแพงกว่าดาบทั่วไป เจ้าของร้านคงไม่ยอมถอยอยู่แล้ว แม้จะอยู่ว่าอีกฝ่ายเป็นขุนนาง ]

ผมมองเห็นอัญมณีที่หักอยู่บริเวณเท้าของซิค เดิมมันคงจะประกอบอยู่ด้วยกันกับดาบ ซึ่งเป็นดาบที่ระลึกในการฉลองชัยชนะของผู้กล้า แต่ตอนนี้ดูจะกลายเป็นซากไปแล้ว ทั้งตัวดาบยังเป็นสินค้าดูหรูหรา เห็นได้ชัดเลยว่าราคาสูงกว่าดาบอื่นๆ มาก

กึก เสียงนั้นดังมาจากปากของกุเร็นและเอลิเซีย

เอลิเซียทำหน้าเหมือนปีศาจและเอามือแนบไว้ที่ดาบบนเอว พร้อมจะพุ่งเข้าไปหาซิคได้ทุกเมื่อ

[ ใจเย็นๆ สถานการณ์ยังไม่เลวร้ายถึงระดับนั้น ]

[ ไม่ช้าก็เร็วหรอก… พวกขุนนางน่ะเห็นแก่ตัว บางครั้งก็ชอบฆ่าคนตามใจชอบเชียวนะ ]

เอลิเซียพูดราวกับแฝงความหมายไว้ในคำพูดนั้น

น่าเสียดาย ที่มันเป็นอย่างที่เอลิเซียพูดไว้จริงๆ

[ ฮึ สามัญชนนี่ไม่รู้ซะเลยนะ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากมาต่อต้านขุนนาง ]

ซิคดึงดาบออกมาจากเอวข้างซ้าย

บางทีเจ้าของร้านคงไม่คิดว่าเขาจะกล้าชักดาบออกมาต่อหน้ากลางที่สาธารณะแบบนี้ ใบหน้าของเจ้าของร้านจึงซีดไปในทันตา

[ ――หยุดซะ! ]

เอลิเซียพูดด้วยความโกรธ

เสียงดังของเอลิเซีย ทำให้ประชาชนที่มุงอยู่แหวกทาง โดยมีเอลิเซียเดินเข้าไปหาซิค

[ คุณเอลิเซีย? แปลกจังนะที่ได้มาเจอกันในที่แบบนี้ ]

ซิคพูดด้วยความมั่นหน้า ส่วนเอลิเซียมีสีหน้าโกรธชัดเจน

[ รู้ตัวบ้างไหม? ว่าที่นายกำลังทำมันคือการฆาตกรรม ]

[ ฆาตกรรม? ไม่ใช่เลย นี่เป็นการลงโทษ… อา จริงด้วยสิ คุณเอลิเซียถึงจะอยู่แผนกผู้กล้า แต่ไม่ใช่ขุนนางจะไม่รู้ก็ไม่แปลก ขุนนางมีหน้าที่สร้างวินัยให้พวกสามัญชน ดังนั้นนี่ไม่ใช่การฆาตกรรม แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ]

เป็นข้ออ้างที่อวดดีสิ้นดี

ไม่ใช่แค่ผู้คนที่มุงดูเท่านั้นที่โกรธกับทัศนคติของเขา

แต่กุเร็นและมิเซ่ต่างก็เขม็งไปที่เขา

[ คนที่ตัดสินว่ามันถูกหรือไม่ ไม่ใช่นาย แต่ประชาชนที่อยู่ที่นี่ต่างหาก ]

[ ใช่แล้วค่ะ การกระทำของคุณเป็นการคุกคามความสงบเมืองหลวงค่ะ ]

คำพูดนั้นยิ่งทำให้ซิคไม่พอใจ

[ …คุณเอลิเซีย แม้จะเป็นสามัญชนแต่คุณน่ะก็เป็นคนของแผนกผู้กล้า ทั้งยังสามารถเอาชนะอาจารย์ตอนสอบเข้าได้ ดังนั้นเหตุผลที่แนะนำให้ก็ชัดเจนแล้ว… จะดีกว่านะถ้าอยู่ห่างๆ จากเจ้าพวกแผนกสามัญไว้ เพราะโลกที่เราอาศัยอยู่น่ะมันต่างกัน ]

[ ใช่ อย่างที่คุณซิคพูดนั้นแหละ ]

[ ไอ้พวกแผนกสามัญน่ะไปให้พ้นซะ ]

คนข้างๆ ซิค พลางพูดเห็นด้วยกับซิค

จากนั้นซิคก็มองมาที่ผม

[ โอ๊ะ? นึกว่าใครที่ไหน … นั่นมันเจ้าคนที่แม้แต่เวทมนตร์ระดับ D ยังใช้ไม่ได้นี่นา ]

ซิคฉีกรอยยิ้มเย้ยหยัน

[ คุณเอลิเซียก็คงเห็นด้วยสินะ อย่างเจ้าหมอนั่นก็คือสัญลักษณ์ของพวกสามัญชนที่ไร้ความสามารถได้อย่างดี อยู่ใกล้กับคนพวกนั้นมันจะทำให้คุณค่าของคุณต้องด้อยค่าไปด้วย … ถ้าคุณอยากรู้ว่าคุณค่าที่คู่ควรคืออะไร ฉันที่เป็นถึงลูกชายคนโตของบารอนดูสูงส่งกว่าเจ้านั้นเยอะ …. มาสิ มาทางนี้ ]

ซิคยื่นมืออกไปราวกับชวนเต้นรำ

แต่เอลิเซียหัวเราะ ฮึ ออกมา

[ ไม่เห็นจะมีอะไรสูงส่งเลย ]

[ … ว่าไงนะ ]

[ ทรูเอทแข็งแกร่งกว่านายตั้งเยอะ ]

ซิคขมวดคิ้วด้วยคำพูดประโยคเดียวนั้น

กลับกันเอลิเซียมีสีหน้าสะใจราวกับพูดอยู่ในใจว่า [ ตอกหน้าหมอนั่นสำเร็จ ]

[ ฮึ พูดอะไรตลกจังนะ จะบอกว่าเจ้าหมอนั่นแข็งแกร่งกว่าฉันงั้นเหรอ? ]

[ ก็หมายถึงตามที่พูดนั้นแหละ ]

ทำเอาผมรู้สึกปวดหัวเลยล่ะ ส่วนเอลิเซียดูจะทำสีหน้ามั่นใจ

บอกตามตรงว่าไม่อยากทำตัวเด่นเลย จะลืมผมไปก็ได้นะเออ

ซิคจึงจ้องเขม็งมาที่ผมด้วยสายตาโกรธจัด ผมจึงได้แต่ถอนหายใจออกมา

[ …ดูเหมือนเพราะใกล้ชิดกับพวกแผนกสามัญไปเกินไป เลยทำให้สายตาของคุณเอลิเซียพร่ามัวสินะ ]

ซิคพูดและหันดาบมาทางเรา

[ ฉันจะลงโทษแกก่อน จากนั้นก็เจ้าของร้านนั้น ]

ซิคและผู้ติดตามถือดาบและวิ่งมาทางเรา

เอลิเซียดูเหมือนจะไม่ใช่เป้าหมายของพวกนั้น แต่เป็นผม กุเร็น และมิเซ่

[ น่าสนุก… ถ้าคิดว่าทำได้ก็เข้ามาเซ่ ]

กุเร็นพูดเสียงดังและหักนิ้วรอ

ขณะที่มิเซ่ดูท่าทางกลัวๆ

บางทีมิเซ่อาจจะไม่ชินกับการต่อสู้

[ มิเซ่ หลบไปก่อน ]

[ ไม่ค่ะ คุณทรูเอท… ฉันเองก็อยากสู้ด้วย ]

[ อย่าฝืนตัวเองไปเลย ถ้าบาดเจ็บเพราะคนพวกนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก ]

ผมพูดออกไป ขณะที่มิเซ่พลาง [ ขอโทษด้วยค่ะ ] และหลบไปข้างหลัง

ขณะเดียวกันผู้ติดตามคนหนึ่งของซิคก็เหวี่ยงดาบมาทางผม

ไม่ใช่การ หากโดนเข้าไปคงตาย แบบไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

ผมฟันโดยเบี่ยงดาบให้โดนเล็กน้อย เพราะไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าจริงๆ แต่หากไม่ป้องกันดีๆ ก็เป็นบาดแผลสาหัสได้เช่นกัน

[ โอ๊ะ เกือบไป ]

กุเร็นกระโดดมาด้านหน้าและจับดาบพร้อมส่งเสียง

อีกฝ่ายตกใจที่กุเร็นจับดาบด้วยมือเปล่า

[ ห๊ะ!? มือเปล่า!? ]

คนรอบข้างเองก็ทึ่งเช่นกัน

มันคือ《เรจ》ที่มีพลังเข้มข้น ปกคลุมอยู่บริเวณกลางลำตัวจนถึงแขน

[ ไงล่ะ ฉันอาจจะแพ้ทรูเอท ――แต่ไม่แพ้เจ้าพวกงี่เง่าอย่างพวกแกแน่ ]

กุเร็นพูดขณะที่ต่อยเข้าไปที่ท้องของอีกฝ่าย

[ อั๊กก!? ]

คนติดตามคนหนึ่งของซิคเอามือกุมท้อง

[ อย่าคิดว่าจะได้กลับไปแบบสบายๆ มาขนาดนี้ไม่เจ็บตัวกันบ้างไม่ยกโทษให้แน่ ]

แม้จะอยู่เพื่อนร่วมห้องชั้นปีเดียวกัน แต่ด้านความแข็งแรงของร่างกายก็ต่างกันลิบลับจนอีกฝ่ายเห็นแล้วถอยหนีและตัวแข็งทื่อ เพียงแต่―

[ ขวางทางดีนักนะเจ้าพวกแผนกสามัญ ――ระเบิดหายไปซะ!! ]

ซิคยื่นมือออกมาโดยม่ใช่ดาบและใส่พลังเวทไปในฝ่ามือ

เมื่อเห็นวงจรพลังเวทที่มาบรรจบกันบนฝ่ามือ ผมก็สามารถคาดเดาผลลัพธ์ของเวทมนตร์ที่เขากำลังจะใช้ได้ทันที

――ไม่ดีแล้วสิ

หากใช้เวทมนตร์นั้น พวกคนที่อยู่ที่นี่จะโดนลูกหลงไปด้วยแน่

เมื่อตัดสินใจได้เช่นนั้น ผมจึงพลิกปลายนิ้วและเล็งไปยังซิค

ตึง! เสียงนั้นดังมาจากปลายนิ้ว

ทันทีหลังจากนั้น ก็มีเลือดไหลออกมาบนแก้มของซิค

[ อ อะไรนะ? เมื่อกี้นี้… ]

ซิคที่รู้ตัวว่ามีเลือดไหลจากแก้ม เอามือปาดเลือด แต่เขางงงวยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ฉันจึงพูดขณะที่ชี้นิ้วของมือขวาไปทางเขา

[ หยุดเวทมนตร์นั้นแล้วเก็บดาบไปซะ … ไม่งั้นครั้งต่อไปผมเอาจริงแน่ ]

[ หะ หนวกหู! อย่ามาสั่งฉัน! ]

[ …ผมเตือนแล้วนะ ]

ซิคยังคงใช้เวทมนตร์ต่อไป ผมถอนหายไปเล็กน้อยเพราะข้อเสนอล้มเหลว

ผมจึงถูกรวบรวมพลังเวทไว้บนฝ่ามือและควบแน่นกลายเป็นลูกบอลทรงกลมขนาดเล็ก

จากนั้นก็ปล่อยพลังเวทที่ควบแน่นออกไปจากนิ้วชี้ในทีเดียว

กระสุนถูกยิงไปอีกครั้งด้วยเสียงเบาๆ

กระสุนนั้นทะลุฝ่ามือของซิคจนเป็นรู

[ อ๊ากกกกกก!? ]

ทันทีที่มือเขากลายเป็นรูโหว่เขาก็ตะโกนร้องลั่น

เลือดสดๆ ไหลออกมาจากรูนั้น โดยมีพวกผู้ติดตามนั้นต่างไม่รู้สาเหตุที่เขาร้องลั่น

[ เจ็บ… นี่แก … ฝีมือแกงั้นเรอะ!? แกทำอะไรกับฉัน!? ]

[ ไม่รู้สิ ]

เมื่อตอบไปแบบนั้น ซิคก็จ้องมองผมด้วยสายตาแดงก่ำ

[ ฉันจะฆ่าแก…! ]

[ คุณซิค เรารีบห้ามเลือดนั้นก่อนดีกว่าครับ ]

[ ใช่ครับ เจ้าพวกนั้นเอาไว้ทีหลังเถอะ! ]

ทั้งสองคนพยายามห้ามซิคและพาไปห้ามเลือด

ซิคส่ายหน้าไปมา แต่ก็ออกไปตามคำแนะนำของผู้ติดตามทั้งสอง

[ เดี๋ยวก่อน ก่อนไปมีเรื่องที่ต้องทำอยู่รึเปล่า ]

ผมพูดก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินจากไป

[ ค่าชดใช้ดาบ ]

เมื่อผมพูดออกไป ซิคก็โกรธจัดอย่างเห็นได้ชัด

แต่คงเพราะเจ็บที่มือมากกว่า ถึงโต้กลับอะไรไม่ได้ล่ะมั้ง

[ บัดซบ! ]

ซิคโยนถุงหนึ่งไปที่เท้าของเจ้าของร้าน

ถุงกระแทกกับทางเท้าจนได้ยินเสียงเหรียญที่อยู่ข้างใน

[ กล้ามาทำให้ฉันต้องอับอาย… ฝากไว้ก่อนเถอะแก… ]

ซิดมองผมด้วยสายตาแค้น

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็แบกซิคกลับไป คอยโล่งอกหน่อย

[ ทรูเอท… เมื่อกี้นายทำอะไรไปนะ? ]

เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์สงบลงแล้ว เอลิเซียจึงถามผม

[ ไม่ว่าจะดูยังไง ก็แค่ใช้ 《กระสุนเวท》เท่านั้นเองนี่นา ]

[ 《กระสุนเวท》? เรื่องบ้าๆ น่า นั่นมันแค่เวทมนตร์ระดับ E เองไม่ใช่เหรอ? เวทระดับนั้นไม่น่าจะสร้างแผลให้ซิคได้ขนาดนั้นนะ ]

[ นั่นคือ 《กระสุนเวท》ของที่แท้จริงไงล่ะ ผมเชี่ยวชาญพอตัวเลยล่ะ… 《กระสุนเวท》หากเชี่ยวชาญก็จะเพิ่มแรงเจาะทะลุและความเร็วได้ จึงเหมาะจะใช้ยิงในระยะกลาง โดยเพิ่มพลังของเวทให้อยู่ในจุดเดียว ไม่ใช่กระจายพลังเวท ]

นี่คือเหตุผลที่ทำให้พลังของมันสูงขึ้น

เวทมนตร์ยิงระยะไกล 《กระสุนเวท》ปกติแล้วจะมีขนาดเท่ากำปั้นและพลังก็กระจายไปทั้งลูก พลังและการทำลายจึงด้อยกว่า《บอลไฟ》และ 《บอลน้ำ》ถ้าเป็นคนตัวโตก็สามารถรับการโจมตีตรงได้สองถึงสามนัดเลยล่ะ

แต่《กระสุนเวท》ของผมมีไว้ใช้เพื่อฆ่าศัตรูด้วยการโจมตีในนัดเดียว

ทางผมจึงจะใช้《กระสุนเวท》ในการทำลายสมอง หัวใจ หรืออวัยวะสำคัญซะมากกว่า

[ …ปกติ การเปลี่ยนแปลงขนาดให้เล็กลง ผลของพลังเวทข้างในน่าจะน้อยไปด้วย… ไม่เคยเห็นการรวมพลังในจุดเดียวที่รุนแรงขนาดนี้มาก่อนเลย ]

[ ผมถึงบอกไงล่ะ ว่ามั่นใจว่าใช้เวทนี้ได้เก่งกว่าคนอื่น ]

[ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ สิ่งที่คนปกติเขาทำได้ก็มีขีดจำกัดนะยะ… นี่นายเป็นใครกันแน่? ]

ผมครุ่นคิดหาคำตอบ

[ นักกำจัดขยะล่ะนะ ]