ตอนที่ 1201 พิสูจน์ โดย Ink Stone_Fantasy

จีน เบ็ตย่อมไม่อยากเป็นศัตรูของเกรย์คาสเซิลแน่นอน

ถึงแม้เขาจะไม่เคยได้ติดต่อกับคนของเกรย์คาสเซิลจริงๆ แต่เขาก็ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับพวกเขามาไม่น้อย นักรบอาญาสิทธิ์ที่กวาดล้างวูล์ฟฮาร์ทกับอีเทอร์นอลวินเทอร์พ่ายแพ้ให้กับคนเกรย์คาสเซิล กองทัพพันธมิตรของขุนนางอาณาจักรดอว์นที่ปลุกระดมขึ้นมาก็ถูกทำลายลงในวันนี้ โรแลนด์ วิมเบิลดันที่ไร้ผู้ต่อกรภายในอาณาจักร ในเวลาแค่ครึ่งปีก็สามารถรวมอาณาจักรได้ รวมถึงข่าวลือเรื่องการเปลี่ยนแปลงของเกาะอาชดยุคเมื่อไม่นานมานี้ก็มีความเกี่ยวกับเกรย์คาสเซิล

เดิมเขาคิดว่าข่าวลือพวกนี้มันก็น่าตกใจมากพออยู่แล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา กองทัพที่หนึ่งจะไปสู้กับปีศาจอยู่ ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้ปกครองคนอื่นมาเล่าเรื่องแบบนี้ให้เขาฟัง เขาจึงจะหัวเราะดูถูกออกมาแล้ว แต่ในตอนที่มันออกมาจากปากของแม่ทัพของกองทัพที่หนึ่ง บารอนกลับพบว่าตัวเองไม่กล้าที่จะสงสัยในคำพูดของอีกฝ่ายเลย

เพราะไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ อ่าวดีพพูลก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปพิสูจน์ว่ามันจริงหรือเปล่า

ปัญหานั้นอยู่ที่ว่าแผนการของราชาแห่งเกรย์คาสเวลนั้นยิ่งใหญ่อย่างมาก พูดอีกอย่างก็คือเป็นเรื่องเพ้อฝัน ถ้าสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการคือบัลลังก์ของวูล์ฟฮาร์ท เช่นนั้นจีน เบ็ตก็คงจะสวามิภักดิ์อย่างไม่ลังเล แต่นี่อีกฝ่ายกลับต้องการขนย้ายคนของทั้งสองอาณาจักรออกไปทั้งหมด! เมื่อได้ฟังที่แม่ทัพคนนี้พูดมาแล้ว พวกเขาเหมือนจะใช้ทุกทางในการเคลื่อนย้ายผู้คน ไม่ว่าจะเป็นทางบกหรือว่าทางทะเล โดยจะเริ่มจากชนบทก่อนแล้วค่อยเข้าไปในเมือง แถมยังดูเหมือนถ้าเคลื่อนย้ายไม่หมดก็ไม่ยอมเลิกราด้วย ความจริงขุนนางส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจหรอกว่าประชาชนจะเป็นหรือตาย ขอเพียงพวกเขาตายอย่างมีค่า หรือพูดอีกอย่างก็คือทำประโยชน์อะไรให้ แต่การที่ขนเอาคนออกไปจนหมดแบบนี้มันเป็นคนละเรื่องกัน เพราะนั่นมันหมายความว่าในดินแดนจะร้างผู้คน ผลผลิตเก็บเกี่ยวไม่ทัน ภาษีลดต่ำ กิจการต่างๆ ไม่มีคนดูแล…ซึ่งพวกขุนนางไม่ยอมนั่งดูเรื่องนี้อยู่เฉยๆ แน่

ต่อให้กองทัพที่หนึ่งแข็งแกร่งแค่ไหนก็ยากที่จะเป็นศัตรูกับขุนนางทั้งหมดพร้อมกันได้หรือเปล่า? เพราะว่าที่นี่ไม่ใช่เกรย์คาสเซิล ถ้าไม่มีการสนับสนุนจากคนในท้องที่ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนทัพหรือการขนส่งเสบียงก็จะเป็นไปอย่างยากลำบาก แถมพวกเขายังจะแบ่งกำลังแยกกันไปปฏิบัติการอีก เหมือนกับว่าพวกเขามองไม่เห็นขุนนางของทั้งสองอาณาจักรอยู่ในสายตาเลย

หลังนิ่งเงียบไปครู่ จีน เบ็ตจึงพูดเสียงเบาๆ ขึ้นมาว่า “ข้าไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมราชาแห่งเกรย์คาสเซิลถึงต้องทำเช่นนี้ด้วย ถ้าเกิดปีศาจไม่ได้คิดที่จะบุกเข้ามาทางเทือกเขาสิ้นวิถี พวกเราที่อยู่ที่นี่ก็ยังสามารถช่วยสนับสนุนพระองค์ได้ แต่ถ้าเกิดขนคนออกไปหมดแล้ว ทั้งหมด ที่นา เหมืองก็จะว่างเปล่า นี่มันจะกลายเป็นความเสียหายที่ยากจะประเมินได้”

“ข้าไม่สามารถตอบคำถามของเจ้าในข้อนี้ได้ ในฐานะแม่ทัพของกองทัพที่หนึ่ง หน้าที่เพียงหนึ่งเดียวของข้าคือทำภารกิจที่ฝ่าบาททรงมอบหมายมาให้สำเร็จ แต่ว่า…” ขวานเหล็กหยุดชะงักเล็กน้อย “ขอเพียงเจ้าได้ไปยังเมืองเนเวอร์วินเทอร์ดูเองซักครั้ง เจ้าก็จะรู้คำตอบเอง”

“เอาล่ะ อย่างนั้นข้าเหลือคำถามข้อสุดท้าย…” บารอนเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตน “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่า ขุนนางจะไปหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ถ้าข้าตัดสินใจที่จะไปกับพวกเจ้าล่ะ?”

ขวานเหล็กพยักหน้า ก่อนจะชี้ไปยังเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ข้างๆ “ท่านนี้คือเรมี เขาเป็นคนรับผิดชอบเรื่องการเคลื่อนย้ายคนของสำนักบริหารของเนเวอร์วินเทอร์ เขาจะอธิบายรายละเอียดให้เจ้าฟังเอง”

“สวัสดีขอรับท่านบารอน หากเป็นเช่นนั้นท่านก็จะกลายเป็นประชาชนคนหนึ่งของอาณาจักรเนเวอร์วินเทอร์” เจ้าหน้าที่รีบพลิกเอกสารที่อยู่ในมืออย่างรวดเร็ว “สิ่งแรกที่ท่านสามารถมั่นใจได้ก็คือฝ่าบาทโรแลนด์ วิมเบิลดันทรงเป็นราชาที่มีเมตตา พระองค์ทรงไม่มีทางทอดทิ้งคนที่ทำความดีความชอบให้กับเกรย์คาสเซิล เนื่องจากเกรย์คาสเซิลได้ยกเลิกระบบศักดินาไปแล้ว ทั้งอาณาจักรอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ดังนั้นท่านจะสูญเสียสิทธิ์ในการรับสืบทอดที่ดินและศักดินา แต่ในฐานะที่ท่านเป็นผู้บริการที่มีประสบการณ์ ท่านจะสามารถเข้าไปอยู่ในสำนักบริหารและกลายเป็นผู้ว่าการเขตได้ หรือไม่ก็เป็นตัวแทนของฝ่าบาทในการบุกเบิกพื้นที่ใหม่ อย่างเช่นที่ราบลุ่มบริบูรณ์ แต่แน่นอน…ถ้าปีศาจไม่ได้บุกเข้ามาในสี่อาณาจักรใหญ่ ท่านจะเลือกดูแลอ่าวดีพพูลต่อก็ได้ ถ้าโชคดี พื้นที่ที่ท่านรับผิดชอบอาจจะใหญ่กว่าตอนนี้หลายเท่า เพราะไม่ใช่ว่าขุนนางทุกคนจะตัดสินใจเช่นนี้….”

เนื้อหาในเอกสารนั้นยาวอย่างมาก อีกฝ่ายใช้เวลาอ่านอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะจบ ยิ่งไปกว่านั้นเนื้อหาในแต่ละด้านยังผ่านการครุ่นคิดมาเป็นอย่างดี เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สิ่งที่จะเขียนขึ้นมาได้ในเวลาสั้นๆ จีน เบ็ตรู้ว่าคนที่เขียนสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาจะต้องเป็นเสนาบดีที่มีความสามารถอย่างแน่นอน เขาพบว่าตัวเองไม่สามารถเขียนเอกสารที่มีความครบถ้วนขนาดนี้ออกมาได้

พูดง่ายๆ ก็คือใช้ผลประโยชน์ระยะสั้นมาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระยะยาว ขอเพียงแค่ทำผลงานได้ดี สิ่งที่เขาจะได้ก็จะมากกว่าการเป็นผู้ปกครองเมืองท่า ส่วนเมื่อเทียบกันแล้วมันจะคุ้มหรือไม่นั้น อันนี้มันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะมอง

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอนาคตที่ยังไม่รู้ การด่วนตัดสินใจนั้นเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาด แต่ในสถานการณ์ที่่ย่ำแย่ในตอนนี้ จะเลือกยังไงมันก็ไม่สำคัญอีกแล้ว

เมื่อเทียบกับการถูกแขวนคอหรือการถูกเผาแล้ว อย่างน้อยการรอคอยอนาคตก็ยังมีทางรอดมากกว่า

ยิ่งไปกว่านั้นการเคลื่อนย้ายประชากรขนาดใหญ่เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะทำสำเร็จได้ภายใน 1 – 2 ปี ในระหว่างนี้เขายังสามารถอยู่ในตำแหน่งเจ้าเมืองของอ่าวดีพพูลได้ แล้วก็ไม่ต้องกังวลว่าอีกสองตระกูลจะมาทำอะไร

จีน เบ็ตสูดหายใจ “ข้ายินดีรับใช้ราชาแห่งเกรย์คาสเซิล”

“ตัดสินใจได้ฉลาดมาก” สีหน้าขวานเหล็กไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ราวกับคิดเอาไว้แล้วว่าผลต้องออกมาแบบนี้ “อย่างนั้นตอนนี้เจ้าก็เริ่มเกณฑ์ชาวบ้านที่อยู่บริเวณรอบๆ ได้เลย พวกข้ามีหน่วยที่คอยรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่ เดี๋ยวพวกเขาจะให้คำแนะนำแก่แจ้าเอง”

“เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?” บารอนงุนงง

“ถูกต้อง ข้าจะอยู่ที่นี่ไม่นาน อย่างมาก 3 วัน กองทัพที่หนึ่งยังต้องเดินทางเข้าไปในอาณาจักรวูล์ฟฮาร์ทต่อ”

“แต่ว่า..” จีน เบ็ตลังเลเล็กน้อย สุดท้ายจึงกัดฟันพูดออกมาว่า “อัศวินของตระกูลทัสก์กับเรดสโตนเกทไม่มีทางปล่อยให้ข้าทำแบบนั้นแน่ บางทีพวกเขาอาจจะไม่แสดงตัวเองปรปักษ์กับเกรย์คาสเซิลอย่างเปิดเผย แต่อ่าวดีพพูลนั้นมีแต่หน่วยลาดตระเวน ถ้าพวกเขาอยากจะแทรกแซงคำสั่งของข้านั้นก็ทำได้ง่ายนิดเดียว”

คำพูดนี้มันดูแย่อย่างมาก เพราะว่าเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะพูดไปว่าคนที่ใหญ่ที่สุดในอ่าวดีพพูลนั้นมีแต่เขาเพียงคนเดียว แต่บารอนก็รู้ดีว่าในเวลานี้เขาจำเป็นต้องพูดออกมา ไม่อย่างนั้นถ้าให้สองตระกูลนั้นรู้ว่าตัวเองไปสวามิภักดิ์ต่อเกรย์คาสเซิลล่ะก็ เกรงว่าพวกเขาคงต้องก่อเรื่องขึ้นมาแน่ ขณะเดียวกันนี่ยังเป็นการหยั่งเชิงด้วยเหมือนกัน ถ้าหากอีกฝ่ายไม่สนใจใยดี อย่างนั้นคำสัญญาที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ก็จะไม่น่าเชื่อถือ

แต่คำตอบของขวานเหล็กกลับเหนือไปจากที่เขาคิดเอาไว้

“อ่าวดีพพูลนั้นเป็นหัวใจสำคัญของแผนการเคลื่อนย้ายประชากรครั้งนี้ มันจึงไม่อาจมีอะไรผิดพลาดได้ ดังนั้นถึงแม้กองทัพที่หนึ่งจะออกไปจากที่นี่แล้ว แต่ข้าก็จะยิ่งคนคุ้มกันเอาไว้ร้อยกว่าคน” ชายชาวโมเกนพยักหน้าให้ผู้ติดตาม อีกฝ่ายรีบออกไปจากห้องรับแขกอย่างรวดเร็ว “นอกจากนี้ก่อนที่จะมาถึงที่นี่ข้าก็ได้ทำความเข้าใจสถานการณ์ของวูล์ฟฮาร์ทมาบ้างแล้ว ก็เหมือนกับที่ข้าได้พูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นปรปักษ์อย่างเปิดเผยหรือไม่ก็ถือว่าเป็นการขัดขวางทั้งสิ้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ส่งผลกระทบต่อแผนการของฝ่าบาทแล้ว พวกข้าจึงมักจะใช้วิธีการอะไรบางอย่างที่ทำให้คนที่คิดจะขัดขวางล้มเลิกความคิดเหล่านี้ซะ”

“เจ้าหมายความว่า…”

“เทียบกับการพูดแล้ว เอาไว้เจ้าดูมันด้วยตาตัวเองดีกว่า” ขวานเหล็กลุกขึ้นยืน “วางใจได้ อีกไม่นานเรื่องที่เจ้ากังวลก็จะไม่มีอยู่แล้ว”

….

“ฝนนี่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย” เจ้าฉลาดยื่นมือออกไปรองน้ำฝนที่ตกลงมา

“แล้วยังไง” ไวท์ออกแรงทุบขาที่กำลังปวดของตัวเอง “ทำไมเจ้ายังอยู่ที่นี่อีก?”

“ข้าไม่อยากตัวเปียกนี่นา อีกฝ่ายเพิงนี้เป็นเพิ่งที่ท่านเจ้าเมืองสร้างเอาไว้ให้ทุกคนใช้ ข้าอยากจะอยู่นานเท่าไรก็ได้” เขาหันมาทำหน้าล้อเล่นไวท์

“เจ้า….” ชายแก่ถูกกวนจนพูดอะไรไม่ออก เจ้าเด็กบ้านี่ ดูเหมือนถ้าไม่สั่งสอนซักหน่อย เขาก็คงไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่ ในขณะที่ไวท์ยืดตัวขึ้นมาเตรียมจะสั่งสอนอีกฝ่าย เขาพลันสังเกตเห็นคนของเกรย์คาสเซิลเดินออกไปจากค่ายของพวกเขา

ถึงแม้ฝนจะกำลังตกอยู่ แต่คนเหล่านี้ก็ยังต่อแถวอย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะย่ำเท้าเดินไปบนแผ่นหินที่ปูอยู่บนพื้น

สิ่งที่ดูสะดุดตาที่สุดก็คือของที่พาดอยู่ด้านหลังของพวกเขา มันเป็นท่อเหล็กที่มีขนาดใหญ่เล็กไม่เท่ากัน ประกายที่มันส่องออกมาดูเหมือนกับเจ้าท่อเหล็กสีดำที่ตั้งอยู่ตรงด่านเลย

ไวท์มองดูแผ่นหลังของชาวเกรย์คาสเซิลค่อยๆ หายไปในสายฝน แต่จู่ๆ เขาก็เหมือนจะรู้ตัวขึ้นมาแล้วว่าความรู้สึกไม่สบายใจมันมาจากไหน ไม่ว่าจะเป็นท่อเหล็กสั้นหรือยาว แต่ท่อเหล็กเหล่านั้นก็ดูไม่เหมือนสิ่งที่ช่างเหล็กจะทำขึ้นมาได้เลย

คนอื่นๆ ที่หลบฝนอยู่ก็เห็นภาพเหตุการณ์นี้เหมือนกัน ภายใต้เพิ่งมีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นมา

แต่ไวท์กลับรู้สึกแปลกใจที่ไม่ได้ยินเสียงพูดของเจ้าฉลาด

เขาหันหน้าไป ก่อนจะพบว่าข้างกายไม่มีใครอยู่แล้ว

………………………………………………………………………