ในเวลานั้นเองผู้คนในสวนได้ยินเสียงอันไพเราะของกู่ฉิน
เสียงกู่ฉินไพเราะอ่อนหวานเสียงใสดั่งวารีแล่นผ่านศิลา
ทุกคนที่ได้ยินบทเพลงนี้จะได้รับความรู้สึกสดชื่นราวกับเดินอยู่ในพงไพรอันเงียบสงัด
เหล่าชายหนุ่มหยุดพูดคุยเพื่อเพลิดเพลินกับท่วงทำนองอันงดงามแม้แต่หลิวเฉินที่นั่งหลังตรงยังต้องหันมองด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
เมื่อเพลงหยุดเหล่าชายหนุ่มกล่าวชื่นชมกันอย่างยินดี
“พวกเราโชคดีนักที่ได้ฟังบทเพลงนี้!ต่อให้เราไม่ได้พบนางในครั้งนี้ การเดินทางก็คุ้มค่าแล้ว!”
“เพลงนี้มีแต่ทวยเทพเท่านั้นที่ได้ฟัง ช่างหาฟังได้ยากยิ่งนัก! ทั้งเครื่องดนตรี บทเพลง และผู้เล่นสอดรับกันอย่างดี!”
ซือหยูถอนหายใจมันเป็นบทเพลงที่งดงามก็จริง แต่เป็นการกล่าวเกินจริงหากจะเรียกว่ามันเป็นบทเพลงจากสรวงสวรรค์ เหล่ายอดฝีมือเหล่านี้เยินยอจนเกินไป!
ที่ยอดภูเขาหลากสีสาวใช้น่ารักยิ้มจรดสายกู่ฉินด้วยปลายนิ้ว นางหันไปมองสตรีงดงามด้านหลังด้วยสายตาซุกซน
“นายหญิง…”
สาวใช้กล่าว
“คนพวกนั้นเชื่อว่าท่านเป็นคนเล่นกู่ฉินเมื่อครู่ล่ะพวกเขาจะต้องชื่นชมท่านแน่ ๆ!”
สตรีด้านหลังนางเอนกายอยู่กับกระโจม
ชุดขาวของนางโบกสะบัดตามแรงลมโชยเผยให้เห็นรูปร่างโค้งดั่งนาฬิกาทรายความงดงามของหญิงสาวได้ถูกสลักเอาไว้บนตัวนางอย่างดี
นางงดงามอย่างไม่น่าเชื่อทั้งยังมีดวงตาสดใส
ขณะนี้นางเอนกายที่ราวจับบันไดราวกับนางไม้อันสง่างาม
นางในชุดขาวถอนหายใจมองเหล่าชายหนุ่มที่อยู่ไกลลิบ
“พวกคนเหล่านั้นเพียงแค่รักชอบใบหน้างดงามตำแหน่งสูง ฐานะมั่งคั่ง! ช่างน่าขัน ช่างน่าเวทนา!”
“ไม่ว่าเข็มจะไปที่ใดเส้นด้ายก็ย่อมตามไปด้วย! หยุนเอ๋อ เจ้ามีหน้าที่ในการทดสอบต่อไป ข้าเหนื่อยแล้ว!”
นางในชุดขาวหลับตา
หยุนเอ๋อหัวเราะเบาๆ และเอามือปิดปาก นางเริ่มครุ่นคิดและกลอกตา
เหล่ายอดฝีมือในสวนหยุดพูดคุยเมื่อเสียงกู่ฉินหยุด
พวกเขารู้ว่าบทเพลงกู่ฉินคือสัญญาณว่าการทดสอบเริ่มขึ้นแล้ว
ไม่มีการทดสอบที่แน่นอนในการทดสอบของตระกูลบูรพาก่อนหน้านี้ คนเข้าร่วมอาจถูกคัดออกจากการแอบตัดสินบางอย่างเพราะพูดจาไม่ดีหรือประพฤติตัวไม่เหมาะสม
ดังนั้นจึงไม่มีใครลงมือทำอะไรก่อนที่จะรู้กฎของการทดสอบ
ซือหยูมองรอบๆ และพบชายหนุ่มมากพรสวรรค์มากมกาย เขาปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากากสีเงินเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครสนใจเขา เขาจะเลี่ยงปัญหาได้ถ้าหากมีคนรู้ใบหน้าของเขา
ฟึ่บ!ฟึ่บ!
สาวน้อยน่ารักเดินออกมาจากด้านนอกพร้อมกันม้วนกระดาษในมือเมื่อได้เห็น เหล่าชายหนุ่มต้องลุกขึ้นยืนยืดอก
“การทดสอบแรก…”
สาวน้อยพูดด้วยเสียงแปลกๆ และยิ้มอย่างแก่นแก้ว
“ขึ้นเขา!”
นางชี้ภูเขาที่อยู่ด้านข้างนาง ฟึ่บ!ฟึ่บ!
เหล่าชายหนุ่มพุ่งตัวไปยังภูเขาหลังจากเหลือบมอง
ขึ้นเขารึ?
ซือหยูบินอย่างสง่างามไปยังยอดเขาและแอบคิดในใจนี่มันการทดสอบอะไรกัน?
“ทีนี้ลงเขา!”
สาวน้อยน่ารักพูดกับเหล่าชายหนุ่มที่ไปถึงยอดเขา
“ถ้าพวกเรามาถึงยอดเขาแล้วมันก็ธรรมดาที่นางจะบอกให้ลงเขาสินะ”
หลายคนรีบลงมาจากเขาด้วยความกลัวที่จะช้ากว่าคนอื่น
ซือหยูเดินลงจากภูเขาอย่างสง่างามเหมือนเคย
เมื่อทุกคนมาถึงตีนขาสาวน้อยก็พูดด้วยรอยยิ้ม
“ปีนเขาอีกรอบ!” อีกครั้งรึ?หลายคนเริ่มลังเล แต่ไม่นาน พวกเขาก็รีบขึ้นไปเพราะกลัวตกรอบ
ซือหยูขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อยืนอยู่ที่ตีนเขาเขาไม่ค่อยพอใจนักเมื่อเห็นผู้คนผลักกันและก่นด่ากันตลอดทาง
ตระกูลบูรพาเห็นคนเหล่านี้เป็นฝูงลิงหรืออย่างไรกัน?
ซือหยูหลับตาและยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว
“ลงเขา!”
สาวน้อยพูดด้วยรอยยิ้มแต่นางก็ได้เห็นซือหยู
มีเพียงเขาคนเดียวที่ไม่สนใจคำพูดของนาง
“ดี!ขึ้นเขาอีกครั้ง!”
สาวน้อยหันไปมองคนที่เหลือด้วยความหยามเหยียด
อะไรกัน?ปีนเขาอีกครั้งรึ? บางคนโกรธมากเพราะพวกเขากำลังถูกสาวใช้แหย่ก่อนที่จะได้เจอกับแม่นางตงฟาง แต่พวกเขาก็ไม่กล้าจะไม่ทำตามที่นางพูดแม้ว่าจะรำคาญใจมากก็ตาม
สุดท้ายบางคนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไกปพวกเขาเลือกที่จะยืนอยู่บนตีนเขาเหมือนกับซือหยู
“การทดสอบเสร็จสิ้นแล้ว!”
สาวน้อยพูดด้วยรอยยิ้มและชี้ไปที่ซือหยูกับคนอื่นๆ ที่ไม่ฟังคำสั่งของนาง
“พวกเจ้าเป็นอะไรกัน?กล้าดียังไงถึงขัดคำสั่งข้า? พวกเจ้ารู้ผลที่จะตามมาหรือไม่?”
สาวใช้คนนี้คือผู้ประเมินบททดสอบนางมีสิทธิ์คัดใครก็ได้ออกจากการประเมิน
เมื่อคนที่เหลือเห็นว่านางไม่พอใจพวกเขาก็ได้แต่แอบดีใจและถอนหายใจออกมา ช่างเป็นการทดสอบที่ประหลาดนัก!
อย่างไรก็ตามรางวัลในการทดสอบนี้คือแม่นางตงฟาง พวกเขาจึงต้องยอมรับทุกคำสั่งไม่ว่าจะแปลกประหลาดเพียงใด เรื่องเศร้าเล็กน้อยนั้นเทียบไม่ติดกับการที่ได้ชื่อเสียงและภรรยางดงามมาครอง
แต่ทันทีที่เหล่าคนที่รอให้สาวน้อยประกาศตัดสิทธิ์ซือหยูกับคนที่เหลือนางก็ยิ้มออกมา
“ยินดีด้วย!เจ้าผ่านการทดสอบแรก! เจ้าจะได้รับการทดสอบที่สอง! ตามข้ามา!”
อะไรนะ?คนที่หวังจะได้เห็นการแสดงน่าสนุกตัวแข็งทื่อ
เหล่าคนที่ขัดคำสั่งกลับผ่านการทดสอบขณะคนที่ทำตามคำสั่งได้ถูกคัดทิ้ง!
“แม่นางทำไมกัน? บอกเหตุผลข้าจะได้หรือไม่?”
ชายหนุ่มที่ค่อนข้างแข็งแกร่งไม่พอใจนักที่ถูกคัดออกในการทดสอบแรก
สาวน้อยแสยะยิ้ม
“นายหญิงข้ามองหาสามีมิใช่ลิงที่เอาแต่ทำตามคำสั่ง!”
นางพูดต่อด้วยรอยยิ้มน่ารัก “ไม่ต้องห่วงเราจะไม่ทำให้พวกเจ้าที่เดินทางไกลมาต้องผิดหวัง พวกเจ้ามีโอกาสเลือกผู้หญิงอื่นจากตระกูลเป็นภรรยาได้!”
สาวน้อยนำซือหยูและชายหนุ่มที่เหลือไปยังสวนอีกแห่งโดยทิ้งเหล่าชายหนุ่มตกรอบที่กำลังแค้นเอาไว้
เมื่อมาถึงพวกเขาก็ได้พบกับบ้านแบบซื่อเหอย่วน
พวกเขาถูกนำมายังห้องที่ตกแต่งอย่างดีและมีกลิ่นหอมจากสี่ด้านดูเหมือนว่ามันจะเป็นห้องของสตรี
แปะ!แปะ!
สาวน้อยปรบมือเด็กสาวสี่คนเดินออกมาจากห้องของตัวเอง
ทุกคนแต่งตัวดีรูปร่างผอมบางและค่อนข้างงดงาม
เด็กสาวทั้งสี่นี้งามอย่างหาได้ยากซือหยูถึงกับแปลกใจ
คนอื่นๆ ที่มากับซือหยูเองก็ประทับใจในความงามของเด็กสาวเหล่านี้ มีเพียงตระกูลบูรพาเท่านั้นที่สามารถหาเด็กสาวงดงามได้หลายคนพร้อมกัน
นางทั้งสี่เริ่มร่ายรำการแสดงอันงดงามของพวกนางได้กลายเป็นอาหารตาของพวกเขา
ซือหยูมองดูการแสดงของพวกนางอย่างสบายใจและพยักหน้ายอมรับหลายครั้ง
คนข้างๆ เขาค่อนข้างกังวล ไม่เหมือนกับซือหยู พวกเขาไม่กล้าแสดงความคิดและความรู้สึกออกมา ราวกับว่าพวกเขากำลังเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่ง
และการทดสอบที่สองนั้นยังไม่ได้เริ่มขึ้นเลย!
“เอาล่ะการทดสอบที่สองจะเป็น…การประเมินนางทั้งสี่คน!”
สาวน้อยกลบ่าว
ประเมินเด็กสาวเหล่านี้หรือ?ผู้คนสับสน
การทดสอบแรกคือเน้นที่การนับถือตนเองหรือกว่าการทดสอบที่สองจะเป็นการวัดสภาพจิตใจของพวกเขา?
พวกเขาคือคนที่จะได้เป็นสามีของแม่นางตงฟางถ้าหากพวกเขาพูดได้ดี มันก็น่าจะเป็นแต้มต่อ
“พวกนางดี!”
บางคนตอบด้วยความกำกวม
“โปรดประเมินรูปลักษณ์และการแสดงของพวกนางอย่างละเอียด!”
ดูเหมือนว่าสาวน้อยจะไม่พอใจกับคำตอบคุมเครือนัก
แต่แม้จะอย่างนั้นชายคนเดิมกลับตอบ
“หัวใจข้าเป็นของแม่นางตงฟางหญิงสาวเหล่านี้ก็แค่ผู้หญิงทั่วไปสำหรับข้า พวกนางไม่ทำให้ข้าประทับใจเลย!”
“แล้วเจ้าล่ะ?”
สาวน้อยเริ่มถามพวกเขาทีละคน
หลายคนตอบคล้ายกับชายคนแรกพวกเขาไม่ได้ติติงเด็กสาวแต่ก็ไม่ได้กล่าวชมเชยเช่นกัน หรือก็คือ ส่วนมากเลือกที่จะตอบแบบเป็นกลาง
สาวน้อยยืนหน้าซือหยูและถาม
“เจ้าบอกการประเมินของเจ้ามา!”
ซือหยูพูดตรงๆ โดยไม่คิดอะไร
“นางสี่คนงดงามมากการร่ายรำของพวกนางสง่างามสุดยอด ข้าว่าคงหาได้ยากนักที่จะเจอการผสมผสานของการร่ายรำดั่งพวกนางบนโลกใบนี้!”
คำพูดเขาทำให้สาวน้อยแปลกใจเล็กน้อยจากนั้นนางก็เดินไปถามคนที่เหลือ
ซึ่งก็อาจเป็นไปได้ว่าคนที่เหลือได้รับอิทธิพลจากคำตอบของซือหยูพวกเขาเริ่มที่จะกล่าวชมอย่างจริงใจ
เมื่อทุกคนทดสอบเสร็จเด็กสาวชี้ไปยังห้าคน
“ยินดีด้วย…”
นางกล่าว เมื่อได้ฟังคนเหล่านั้นสบายใจเพราะว่าสาวน้อยเลือกคนที่จะผ่านการทดสอบด้วยวิธีเดียวกัน
“แต่พวกเจ้าไม่ผ่าน…”
เด็กสาวตบหัวพวกเขาด้วยคำพูด
ก่อนที่พวกเขาจะมีเวลาคิดหาเหตุผลนางก็ถอนหายใจแรง
“พวกเจ้าไม่รู้วิธีชื่นชมความงามด้วยซ้ำหากนายหญิงแต่งงานกับพวกเจ้าคนใดก็ตาม นางจะไม่ถูกชื่นชม ชีวิตนางจะมีแต่ความเศร้าหมอง! พวกเจ้าขาดคุณสมบัติ! จงไปซะ!”
หลังจากขับไล่คนเหล่านั้นออกไปสาวน้อยหันมาพูดด้วยรอยยิ้ม
“โปรดรออยู่ก่อนข้าจะถามการทดสอบต่อไปจากนายหญิง!”
นางรีบเดินออกไป
“พี่หลิวข้าไม่คิดเลยว่าคำตอบท่านจะถูกต้อง ท่านจะต้องรู้เหตุผลของทุกการทดสอบมาแล้ว ข้าว่าท่านคงได้เป็นผู้ชนะในครั้งนี้โปรดรับคำยินดีจากข้าไปล่วงหน้าด้วยเถอะ!”
เจิ้งควนพูดและมองหลิวเฉินด้วยแววตาอบอุ่น
หวังเฉาที่ยืนอยู่อีกด้านของเจิ้งควนยิ้มชมเชย
“ข้าก็เชื่อว่าพี่หลิวจะผ่านการทดสอบต่อไปได้สำเร็จ!”
เขากล่าว
ทั้งสองเองก็ผ่านการทดสอบที่สองเช่นกัน
เมื่อได้ฟังคำชมหลิวเฉินตอบทั้งสองด้วยการประสานมือและยิ้มอย่างอวดดี
หลิวเฉินรู้ว่าเจิ้งควนกับหวังเฉาพยายามจะเยินยอเขาเขายังรู้อีกด้วยว่าทั้งสองผ่านการทดสอบเพราะตัวอย่างจากซือหยู
การทดสอบที่สองนั้นใช้ตรวจวัดสภาพจิตใจของพวกเขาพวกเขาต้องใจเย็นต่อหน้าสตรีงดงามให้ได้ แต่คนที่พยายามกล่าวชื่นชมแม่นางตงฟางโดยพูดให้เด็กสาวทั้งสี่ดูแย่ลงนั้นก็นับว่าไม่ผ่าน
ถ้าหากไม่มีซือหยูพวกเขาทุกคนคงจะสอบตกไปแล้ว
เจิ้งควนกับหวังเฉาไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเห็นรอยยิ้มอวดดีของหลิวเฉิน
พวกเขาไม่คิดเลยว่าซือหยูที่เป็นคนบ้านนอกจะผ่านการทดสอบแรกและเป็นตัวอย่างให้พวกเขาในการทดสอบที่สองได้
ซือหยูสัมผัสได้ว่ามีคนมองเขาอยู่เขามองข้าง ๆ
เจิ้งควนกับหวังเฉาละสายตาไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นหวังเฉาถึงกับถอนหายใจแรง
“ไอ้แก่แม่นางตงฟางคงไม่ตอบเจ้าต่อให้เจ้าไปอยู่ตรงหน้านาง เจ้าไปซะเถอะ ข้าจะชดเชยให้เจ้าเอง!”
หลิวเฉินพูดและเดินไปหาซือหยู
คำพูดของหลิวเฉินสื่อว่าซือหยูคือศัตรูที่มีภัยเจิ้งควนกับหวังเฉาเป็นผู้ที่ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง ดังนั้นทั้งสองจึงไม่พอใจที่ได้ยินเสียงของหลิวเฉิน
คนบ้านนอกที่พวกเขารังเกียจกลับถูกหลิวเฉินนับว่าเป็นภัย
ซือหยูมองเขาด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ขอบคุณสำหรับน้ำใจเจ้าหลิวเฉิน ข้ารู้ว่าแม่นางตงฟางจะไม่มีวันชอบข้า แต่ข้าหวังว่าข้าจะได้มองนางสักหน่อย การเดินทางครั้งนี้จะได้นับว่าคุ้ม!”
หลิวเฉินไม่สนใจคำพูดของซือหยูนักเขาพยักหน้า
“ข้าก็หวังเช่นนั้น!”
คำพูดของเขาฟังราวกับคำขู่!
��