ตอนที่ 1125 - บททดสอบประหลาด

The Divine Nine Dragon Cauldron

ในเวลานั้นเองผู้คนในสวนได้ยินเสียงอันไพเราะของกู่ฉิน
  เสียงกู่ฉินไพเราะอ่อนหวานเสียงใสดั่งวารีแล่นผ่านศิลา
  ทุกคนที่ได้ยินบทเพลงนี้จะได้รับความรู้สึกสดชื่นราวกับเดินอยู่ในพงไพรอันเงียบสงัด
  เหล่าชายหนุ่มหยุดพูดคุยเพื่อเพลิดเพลินกับท่วงทำนองอันงดงามแม้แต่หลิวเฉินที่นั่งหลังตรงยังต้องหันมองด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
  เมื่อเพลงหยุดเหล่าชายหนุ่มกล่าวชื่นชมกันอย่างยินดี
  “พวกเราโชคดีนักที่ได้ฟังบทเพลงนี้!ต่อให้เราไม่ได้พบนางในครั้งนี้ การเดินทางก็คุ้มค่าแล้ว!”
  “เพลงนี้มีแต่ทวยเทพเท่านั้นที่ได้ฟัง ช่างหาฟังได้ยากยิ่งนัก! ทั้งเครื่องดนตรี บทเพลง และผู้เล่นสอดรับกันอย่างดี!”
  ซือหยูถอนหายใจมันเป็นบทเพลงที่งดงามก็จริง แต่เป็นการกล่าวเกินจริงหากจะเรียกว่ามันเป็นบทเพลงจากสรวงสวรรค์ เหล่ายอดฝีมือเหล่านี้เยินยอจนเกินไป!
  ที่ยอดภูเขาหลากสีสาวใช้น่ารักยิ้มจรดสายกู่ฉินด้วยปลายนิ้ว นางหันไปมองสตรีงดงามด้านหลังด้วยสายตาซุกซน
  “นายหญิง…”
  สาวใช้กล่าว
  “คนพวกนั้นเชื่อว่าท่านเป็นคนเล่นกู่ฉินเมื่อครู่ล่ะพวกเขาจะต้องชื่นชมท่านแน่ ๆ!”
  สตรีด้านหลังนางเอนกายอยู่กับกระโจม
  ชุดขาวของนางโบกสะบัดตามแรงลมโชยเผยให้เห็นรูปร่างโค้งดั่งนาฬิกาทรายความงดงามของหญิงสาวได้ถูกสลักเอาไว้บนตัวนางอย่างดี
  นางงดงามอย่างไม่น่าเชื่อทั้งยังมีดวงตาสดใส
  ขณะนี้นางเอนกายที่ราวจับบันไดราวกับนางไม้อันสง่างาม
  นางในชุดขาวถอนหายใจมองเหล่าชายหนุ่มที่อยู่ไกลลิบ
  “พวกคนเหล่านั้นเพียงแค่รักชอบใบหน้างดงามตำแหน่งสูง ฐานะมั่งคั่ง! ช่างน่าขัน ช่างน่าเวทนา!”
  “ไม่ว่าเข็มจะไปที่ใดเส้นด้ายก็ย่อมตามไปด้วย! หยุนเอ๋อ เจ้ามีหน้าที่ในการทดสอบต่อไป ข้าเหนื่อยแล้ว!”
  นางในชุดขาวหลับตา
  หยุนเอ๋อหัวเราะเบาๆ และเอามือปิดปาก นางเริ่มครุ่นคิดและกลอกตา
  เหล่ายอดฝีมือในสวนหยุดพูดคุยเมื่อเสียงกู่ฉินหยุด
  พวกเขารู้ว่าบทเพลงกู่ฉินคือสัญญาณว่าการทดสอบเริ่มขึ้นแล้ว
  ไม่มีการทดสอบที่แน่นอนในการทดสอบของตระกูลบูรพาก่อนหน้านี้ คนเข้าร่วมอาจถูกคัดออกจากการแอบตัดสินบางอย่างเพราะพูดจาไม่ดีหรือประพฤติตัวไม่เหมาะสม
  ดังนั้นจึงไม่มีใครลงมือทำอะไรก่อนที่จะรู้กฎของการทดสอบ
  ซือหยูมองรอบๆ และพบชายหนุ่มมากพรสวรรค์มากมกาย เขาปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากากสีเงินเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครสนใจเขา เขาจะเลี่ยงปัญหาได้ถ้าหากมีคนรู้ใบหน้าของเขา
  ฟึ่บ!ฟึ่บ!
  สาวน้อยน่ารักเดินออกมาจากด้านนอกพร้อมกันม้วนกระดาษในมือเมื่อได้เห็น เหล่าชายหนุ่มต้องลุกขึ้นยืนยืดอก
  “การทดสอบแรก…”
  สาวน้อยพูดด้วยเสียงแปลกๆ และยิ้มอย่างแก่นแก้ว
  “ขึ้นเขา!”
  นางชี้ภูเขาที่อยู่ด้านข้างนาง  ฟึ่บ!ฟึ่บ!
  เหล่าชายหนุ่มพุ่งตัวไปยังภูเขาหลังจากเหลือบมอง
  ขึ้นเขารึ?
  ซือหยูบินอย่างสง่างามไปยังยอดเขาและแอบคิดในใจนี่มันการทดสอบอะไรกัน?
  “ทีนี้ลงเขา!”
  สาวน้อยน่ารักพูดกับเหล่าชายหนุ่มที่ไปถึงยอดเขา
  “ถ้าพวกเรามาถึงยอดเขาแล้วมันก็ธรรมดาที่นางจะบอกให้ลงเขาสินะ”
  หลายคนรีบลงมาจากเขาด้วยความกลัวที่จะช้ากว่าคนอื่น
  ซือหยูเดินลงจากภูเขาอย่างสง่างามเหมือนเคย
  เมื่อทุกคนมาถึงตีนขาสาวน้อยก็พูดด้วยรอยยิ้ม
  “ปีนเขาอีกรอบ!”   อีกครั้งรึ?หลายคนเริ่มลังเล แต่ไม่นาน พวกเขาก็รีบขึ้นไปเพราะกลัวตกรอบ
  ซือหยูขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อยืนอยู่ที่ตีนเขาเขาไม่ค่อยพอใจนักเมื่อเห็นผู้คนผลักกันและก่นด่ากันตลอดทาง
  ตระกูลบูรพาเห็นคนเหล่านี้เป็นฝูงลิงหรืออย่างไรกัน?
  ซือหยูหลับตาและยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว
  “ลงเขา!”
  สาวน้อยพูดด้วยรอยยิ้มแต่นางก็ได้เห็นซือหยู
  มีเพียงเขาคนเดียวที่ไม่สนใจคำพูดของนาง
  “ดี!ขึ้นเขาอีกครั้ง!”
  สาวน้อยหันไปมองคนที่เหลือด้วยความหยามเหยียด
  อะไรกัน?ปีนเขาอีกครั้งรึ? บางคนโกรธมากเพราะพวกเขากำลังถูกสาวใช้แหย่ก่อนที่จะได้เจอกับแม่นางตงฟาง  แต่พวกเขาก็ไม่กล้าจะไม่ทำตามที่นางพูดแม้ว่าจะรำคาญใจมากก็ตาม
  สุดท้ายบางคนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไกปพวกเขาเลือกที่จะยืนอยู่บนตีนเขาเหมือนกับซือหยู
  “การทดสอบเสร็จสิ้นแล้ว!”
  สาวน้อยพูดด้วยรอยยิ้มและชี้ไปที่ซือหยูกับคนอื่นๆ ที่ไม่ฟังคำสั่งของนาง
  “พวกเจ้าเป็นอะไรกัน?กล้าดียังไงถึงขัดคำสั่งข้า? พวกเจ้ารู้ผลที่จะตามมาหรือไม่?”
  สาวใช้คนนี้คือผู้ประเมินบททดสอบนางมีสิทธิ์คัดใครก็ได้ออกจากการประเมิน
  เมื่อคนที่เหลือเห็นว่านางไม่พอใจพวกเขาก็ได้แต่แอบดีใจและถอนหายใจออกมา ช่างเป็นการทดสอบที่ประหลาดนัก!
  อย่างไรก็ตามรางวัลในการทดสอบนี้คือแม่นางตงฟาง พวกเขาจึงต้องยอมรับทุกคำสั่งไม่ว่าจะแปลกประหลาดเพียงใด เรื่องเศร้าเล็กน้อยนั้นเทียบไม่ติดกับการที่ได้ชื่อเสียงและภรรยางดงามมาครอง
  แต่ทันทีที่เหล่าคนที่รอให้สาวน้อยประกาศตัดสิทธิ์ซือหยูกับคนที่เหลือนางก็ยิ้มออกมา
  “ยินดีด้วย!เจ้าผ่านการทดสอบแรก! เจ้าจะได้รับการทดสอบที่สอง! ตามข้ามา!”
  อะไรนะ?คนที่หวังจะได้เห็นการแสดงน่าสนุกตัวแข็งทื่อ
  เหล่าคนที่ขัดคำสั่งกลับผ่านการทดสอบขณะคนที่ทำตามคำสั่งได้ถูกคัดทิ้ง!
  “แม่นางทำไมกัน? บอกเหตุผลข้าจะได้หรือไม่?”
  ชายหนุ่มที่ค่อนข้างแข็งแกร่งไม่พอใจนักที่ถูกคัดออกในการทดสอบแรก
  สาวน้อยแสยะยิ้ม
  “นายหญิงข้ามองหาสามีมิใช่ลิงที่เอาแต่ทำตามคำสั่ง!”
  นางพูดต่อด้วยรอยยิ้มน่ารัก  “ไม่ต้องห่วงเราจะไม่ทำให้พวกเจ้าที่เดินทางไกลมาต้องผิดหวัง พวกเจ้ามีโอกาสเลือกผู้หญิงอื่นจากตระกูลเป็นภรรยาได้!”
  สาวน้อยนำซือหยูและชายหนุ่มที่เหลือไปยังสวนอีกแห่งโดยทิ้งเหล่าชายหนุ่มตกรอบที่กำลังแค้นเอาไว้
  เมื่อมาถึงพวกเขาก็ได้พบกับบ้านแบบซื่อเหอย่วน
  พวกเขาถูกนำมายังห้องที่ตกแต่งอย่างดีและมีกลิ่นหอมจากสี่ด้านดูเหมือนว่ามันจะเป็นห้องของสตรี
  แปะ!แปะ!
  สาวน้อยปรบมือเด็กสาวสี่คนเดินออกมาจากห้องของตัวเอง
  ทุกคนแต่งตัวดีรูปร่างผอมบางและค่อนข้างงดงาม
  เด็กสาวทั้งสี่นี้งามอย่างหาได้ยากซือหยูถึงกับแปลกใจ
  คนอื่นๆ ที่มากับซือหยูเองก็ประทับใจในความงามของเด็กสาวเหล่านี้ มีเพียงตระกูลบูรพาเท่านั้นที่สามารถหาเด็กสาวงดงามได้หลายคนพร้อมกัน
  นางทั้งสี่เริ่มร่ายรำการแสดงอันงดงามของพวกนางได้กลายเป็นอาหารตาของพวกเขา
  ซือหยูมองดูการแสดงของพวกนางอย่างสบายใจและพยักหน้ายอมรับหลายครั้ง
  คนข้างๆ เขาค่อนข้างกังวล ไม่เหมือนกับซือหยู พวกเขาไม่กล้าแสดงความคิดและความรู้สึกออกมา ราวกับว่าพวกเขากำลังเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่ง
  และการทดสอบที่สองนั้นยังไม่ได้เริ่มขึ้นเลย!
  “เอาล่ะการทดสอบที่สองจะเป็น…การประเมินนางทั้งสี่คน!”
  สาวน้อยกลบ่าว
  ประเมินเด็กสาวเหล่านี้หรือ?ผู้คนสับสน
  การทดสอบแรกคือเน้นที่การนับถือตนเองหรือกว่าการทดสอบที่สองจะเป็นการวัดสภาพจิตใจของพวกเขา?
  พวกเขาคือคนที่จะได้เป็นสามีของแม่นางตงฟางถ้าหากพวกเขาพูดได้ดี มันก็น่าจะเป็นแต้มต่อ
  “พวกนางดี!”
  บางคนตอบด้วยความกำกวม
  “โปรดประเมินรูปลักษณ์และการแสดงของพวกนางอย่างละเอียด!”
  ดูเหมือนว่าสาวน้อยจะไม่พอใจกับคำตอบคุมเครือนัก
  แต่แม้จะอย่างนั้นชายคนเดิมกลับตอบ
  “หัวใจข้าเป็นของแม่นางตงฟางหญิงสาวเหล่านี้ก็แค่ผู้หญิงทั่วไปสำหรับข้า พวกนางไม่ทำให้ข้าประทับใจเลย!”
  “แล้วเจ้าล่ะ?”
  สาวน้อยเริ่มถามพวกเขาทีละคน
  หลายคนตอบคล้ายกับชายคนแรกพวกเขาไม่ได้ติติงเด็กสาวแต่ก็ไม่ได้กล่าวชมเชยเช่นกัน หรือก็คือ ส่วนมากเลือกที่จะตอบแบบเป็นกลาง
  สาวน้อยยืนหน้าซือหยูและถาม
  “เจ้าบอกการประเมินของเจ้ามา!”
  ซือหยูพูดตรงๆ โดยไม่คิดอะไร
  “นางสี่คนงดงามมากการร่ายรำของพวกนางสง่างามสุดยอด ข้าว่าคงหาได้ยากนักที่จะเจอการผสมผสานของการร่ายรำดั่งพวกนางบนโลกใบนี้!”
  คำพูดเขาทำให้สาวน้อยแปลกใจเล็กน้อยจากนั้นนางก็เดินไปถามคนที่เหลือ
  ซึ่งก็อาจเป็นไปได้ว่าคนที่เหลือได้รับอิทธิพลจากคำตอบของซือหยูพวกเขาเริ่มที่จะกล่าวชมอย่างจริงใจ
  เมื่อทุกคนทดสอบเสร็จเด็กสาวชี้ไปยังห้าคน
  “ยินดีด้วย…”
  นางกล่าว  เมื่อได้ฟังคนเหล่านั้นสบายใจเพราะว่าสาวน้อยเลือกคนที่จะผ่านการทดสอบด้วยวิธีเดียวกัน
  “แต่พวกเจ้าไม่ผ่าน…”
  เด็กสาวตบหัวพวกเขาด้วยคำพูด
  ก่อนที่พวกเขาจะมีเวลาคิดหาเหตุผลนางก็ถอนหายใจแรง
  “พวกเจ้าไม่รู้วิธีชื่นชมความงามด้วยซ้ำหากนายหญิงแต่งงานกับพวกเจ้าคนใดก็ตาม นางจะไม่ถูกชื่นชม ชีวิตนางจะมีแต่ความเศร้าหมอง! พวกเจ้าขาดคุณสมบัติ! จงไปซะ!”
  หลังจากขับไล่คนเหล่านั้นออกไปสาวน้อยหันมาพูดด้วยรอยยิ้ม
  “โปรดรออยู่ก่อนข้าจะถามการทดสอบต่อไปจากนายหญิง!”
  นางรีบเดินออกไป
  “พี่หลิวข้าไม่คิดเลยว่าคำตอบท่านจะถูกต้อง ท่านจะต้องรู้เหตุผลของทุกการทดสอบมาแล้ว ข้าว่าท่านคงได้เป็นผู้ชนะในครั้งนี้โปรดรับคำยินดีจากข้าไปล่วงหน้าด้วยเถอะ!”
  เจิ้งควนพูดและมองหลิวเฉินด้วยแววตาอบอุ่น
  หวังเฉาที่ยืนอยู่อีกด้านของเจิ้งควนยิ้มชมเชย
  “ข้าก็เชื่อว่าพี่หลิวจะผ่านการทดสอบต่อไปได้สำเร็จ!”
  เขากล่าว
  ทั้งสองเองก็ผ่านการทดสอบที่สองเช่นกัน
  เมื่อได้ฟังคำชมหลิวเฉินตอบทั้งสองด้วยการประสานมือและยิ้มอย่างอวดดี
  หลิวเฉินรู้ว่าเจิ้งควนกับหวังเฉาพยายามจะเยินยอเขาเขายังรู้อีกด้วยว่าทั้งสองผ่านการทดสอบเพราะตัวอย่างจากซือหยู
  การทดสอบที่สองนั้นใช้ตรวจวัดสภาพจิตใจของพวกเขาพวกเขาต้องใจเย็นต่อหน้าสตรีงดงามให้ได้ แต่คนที่พยายามกล่าวชื่นชมแม่นางตงฟางโดยพูดให้เด็กสาวทั้งสี่ดูแย่ลงนั้นก็นับว่าไม่ผ่าน
  ถ้าหากไม่มีซือหยูพวกเขาทุกคนคงจะสอบตกไปแล้ว
  เจิ้งควนกับหวังเฉาไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเห็นรอยยิ้มอวดดีของหลิวเฉิน
  พวกเขาไม่คิดเลยว่าซือหยูที่เป็นคนบ้านนอกจะผ่านการทดสอบแรกและเป็นตัวอย่างให้พวกเขาในการทดสอบที่สองได้
  ซือหยูสัมผัสได้ว่ามีคนมองเขาอยู่เขามองข้าง ๆ
  เจิ้งควนกับหวังเฉาละสายตาไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นหวังเฉาถึงกับถอนหายใจแรง
  “ไอ้แก่แม่นางตงฟางคงไม่ตอบเจ้าต่อให้เจ้าไปอยู่ตรงหน้านาง เจ้าไปซะเถอะ ข้าจะชดเชยให้เจ้าเอง!”
  หลิวเฉินพูดและเดินไปหาซือหยู
  คำพูดของหลิวเฉินสื่อว่าซือหยูคือศัตรูที่มีภัยเจิ้งควนกับหวังเฉาเป็นผู้ที่ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง  ดังนั้นทั้งสองจึงไม่พอใจที่ได้ยินเสียงของหลิวเฉิน
  คนบ้านนอกที่พวกเขารังเกียจกลับถูกหลิวเฉินนับว่าเป็นภัย
  ซือหยูมองเขาด้วยรอยยิ้มบางๆ
  “ขอบคุณสำหรับน้ำใจเจ้าหลิวเฉิน ข้ารู้ว่าแม่นางตงฟางจะไม่มีวันชอบข้า แต่ข้าหวังว่าข้าจะได้มองนางสักหน่อย การเดินทางครั้งนี้จะได้นับว่าคุ้ม!”
  หลิวเฉินไม่สนใจคำพูดของซือหยูนักเขาพยักหน้า
  “ข้าก็หวังเช่นนั้น!”
  คำพูดของเขาฟังราวกับคำขู่!
  ��