ตอนที่ 1124 - คัดเลือกคู่หมั้น

The Divine Nine Dragon Cauldron

นางกล่าว
  “มีนายน้อยอีกสองคนกำลังรออยู่”
  เอิ่ม…
  ‘ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อพบกับคนของเจ้า!’
  ซือหยูคิดในใจ
  “ผู้อาวุโสข้ามาที่นี่เพื่อตามหา…”
  นางหันมาหาเขาและพูดตัดบท
  “ข้ารู้ว่าเจ้ามาหาใคร!แค่ฟังข้าก็พอแล้ว”
  อะไรกัน?ผู้หญิงทุกคนในตระกูลบูรพามีพลังการทำนายหรืออย่างไรน?
  เขาถูกสตรีวัยกลางคนพาไปยังห้องรับรองเขาเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีสองคนนั่งพูดคุยหัวเราะต่อกัน
  เมื่อเขาเห็นว่าซือหยูและสตรีวัยกลางคนเข้ามาทั้งสองก็ยืนขึ้นตรงนิ่งในทันที ทั้งสองยืนเพื่อทักทายสตรีวัยกลางคนอย่างสง่างาม  นางพยักหน้านางนั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะและจ้องมองแต่ละคนก่อนจะพูดคุย
  “ขอบคุณที่พวกท่านมานายน้อยทั้งสาม”
  “ข้าไม่คิดจะพูดเรื่องกฎระเบียบของตำหนักเหนือมากนักชั้นสตรีแบ่งเป็นสามระดับ จะได้เห็นแม่นางตงฟางหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพลังของพวกท่าน”
  แม่นางตงฟาง…ไม่ใช่ตงฟางเถียนเฟิงหรอกหรือ?ซือหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารู้สึกตกใจอยู่ภายใน คนตระกูลบูรพาสามารถทำนายได้จริง พวกเขารู้ว่าเขามาที่นี่เพื่อหาตงฟางเถียนเฟิง
  ซือหยูถามด้วยความมั่นใจ
  “ข้าขอถามได้หรือไม่ท่านหมายความว่าอย่างไรที่มีชั้นสตรีสามระดับ?”
  นางกับชายหนุ่มทั้งสองถึงกับมองเขาด้วยความแปลกใจ
  “เอิ่มข้ามาจาก…เขตกลาง”
  ซือหยูพูด  สตรีวัยกลางคนเข้าใจทันที
  “อย่างนั้นเองสินะใช่แล้ว ห้องสตรีสามระดับแบ่งเป็นการประเมินสามครั้ง หากผ่านการประเมินได้ ท่านจะมีสิทธิ์ได้เจอแม่นางตงฟาง”
  การประเมินรึ?ซือหยูงุนงงอีกครั้ง เป็นเพราะว่าตงฟางเถียนเฟิงมีคนมาเยี่ยมมากมายหรือ? นี่คือเหตุผลที่พวกเขาต้องเข้ารับการประเมินก่อนที่จะได้พบนางหรือ?
  “พวกเจ้าตามข้ามานายน้อยคนอื่น ๆ ก็รอมานานแล้ว”
  นางยืนขึ้นเดินนำหน้า
  นายน้อย…คนอื่นๆ ซือหยูมุมปากบิดเบี้ยว
  เขาผ่านขวากหนามมากมายกว่าจะถึงที่นี่ทำไมเขาต้องอดทนรอด้วยเล่า? เขาต้องคอยมองหาตงฟางเถียนเฟิงให้ได้
  เมื่อเขาเห็นนายหนุ่มคนอื่นเขาก็ผงะ
  สตรีวัยกลางคนนำเขามายังสวนขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยภูเขาแม่น้ำ และกระโจม
  แต่ที่นี่มีคนอยู่เต็มไปหมด!มีนายหนุ่มมากกว่าร้อยคนที่มีฐานพลังระดับสูง
  ชายหนุ่มเหล่านี้นับว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ล้ำค่าในจิวโจวส่วนใหญ่มีอายุไม่ถึงยี่สิบปี แต่ที่นี่กลับมีจ้าวเทวะระดับเก้าอยู่เต็มไปหมด! มีแม้แต่คนอายุราวยี่สิบห้าที่ได้เป็นอสูรเนรมิตรแล้ว!
  ถึงวันนี้จิวโจวได้อยู่ในคราวใกล้ล่มสลาย การถือกำเนิดของอสูรเนรมิตรถือเป็นเรื่องยากมาก
  ซือหยูเหลือบมองอสูรเนรมิตรอายุยี่สิบห้าอีกครั้งเขาสวมชุดสีหยกและเข้ายึดทั้งกระโจมด้วยตัวคนเดียว สายตาของเขามองตรง เขากำลังนั่งดื่มตามลำพังโดยไม่สนใจผู้คนโดยรอบ
  คนอื่นๆ ไม่กล้าจะเข้าไปยังกระโจมนั้น มีบางคนพยายามเข้าใกล้ แต่พวกเขาก็เพียงแสร้งเป็นมิตรกับเขาเท่านั้น  “นั่นคือยอดฝีมืออันดับหนึ่งของดินแดนชาวสวรรค์หลิวเฉิน ตั้งแต่ที่เขาออกมาจากแดนมณี เขาก็ได้ทะลวงพลังเป็นอสูรเนรมิตร”
  ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาหาซือหยูด้วยรอยยิ้มและอธิบายให้เขาฟังเมื่อเห็นว่าเขาจ้องมองหลิวเฉินเขาพูดต่อด้วยความอิจฉา
  “ในเวลานี้เขาเทียบได้กับสี่นภาจรัสด้วยซ้ำ”
  ไม่ยากที่จะสังเกตเห็นว่าผู้คนค่อนข้างสงสัยในตัวซือหยูและคิดจะผูกมิตรกับเขา
  ในห้าทวีปของจิวโจวเขตกลบางคือจุดที่ยอดฝีมือเกิดขึ้นมากที่สุด
  หลิวเฉินรึ?ซือหยูจำไม่ได้เลย แต่เขาก็อาจจะเป็นจ้าวเทวะระดับเก้าทั่วไปในแดนมณี
  “ข้าชื่อ…ซือเฉินหลงข้าขอถามพี่ชายได้หรือไม่า พวกเรามาทำอะไรกันที่นี่หรือ?”
  ซือหยูมองชายหนุ่มมากมายแม้จะเป็นคนที่โง่เขลาอย่างแท้จริง พวกเขาก็ย่อมรู้ตัวแล้วว่านี่ไม่ใช่การเข้าพบตงฟางเถียนเฟิงเพียงอย่างเดียว
  “ข้านามเจิ้งควนจากเมืองใต้”
  คนที่เริ่มเข้าหาซือหยูคือเจิ้งควน
  “นี่คือพี่น้องข้าหวังเฉาจากเมืองเหนือ”
  หวังเฉาประสานหมัดคารวะและฝืนยิ้มบางๆ
  “น้องซือเจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาแม่นางตงฟางหรือ?”
  เจิ้งควนมองซือหยูด้วยความแปลกใจ
  ซือหยูพยักหน้าอย่างฉงน
  “ใช่แล้วทุกคนที่นี่มาเพียงเพราะอยากจะมองใบหน้างดงามของแม่นางตงฟางรึ?”
  เมื่อได้ฟังเจิ้งควนกับหวังเฉาเหลือบมองกันและอดยิ้มไม่ได้ เจิ้งควนหัวเราะ
  “นี่คือการคัดเลือกคู่หมั้นแม่นางตงฟางน้องซือมาที่นี่โดยไม่รู้อะไรเลยหรือ?”
  หา?ตงฟางเถียนเฟิงกำลังมองหาคู่หมั้นรึ?
  ไม่แปลกใจเลยที่เด็กสาวหน้าประตูตำหนักจะเดาได้ว่าซือหยูมาเพื่ออะไร
  หรือว่าทุกคนที่นี่จะมาเพื่อเข้าการคัดเลือกการเป็นคู่หมั้นตงฟางเถียนเฟิง?
  ซือหยูอ้าปากค้างเขาพูดไม่ออก
  หากเขาอยู่ที่นี่แล้วเขาก็ต้องตามหาตงฟางเถียนเฟิงให้ได้
  “โอ้ข้าเข้าใจแล้ว”
  ซือหยูยิ้ม
  เจิ้งควนหลอกตา
  “น้องซือมาจากส่วนไหนของเขตกลางรึ?ข้าเดาว่าคงจะมาจากเมืองเขตกลางสินะ?”
  “ข้าได้ยินว่าเมืองเขตกลางเต็มไปด้วยคนมากความสามารถยังมีผู้ลิขิตให้ครองใต้หล้าอย่างจางอู๋ชวง แล้วก็มีภูติจ้าวสมบัติอย่างซือหยูเซี่ยน แค่คิดข้าก็ขนลุกแล้ว! น้องซือจะต้องเป็นยอดฝีมือชั้นแนวหน้าจากที่นั่นด้วยใช่หรือไม่?”   ภูติจ้าวสมบัติรึ?ซือหยูได้แต่หัวเราะเบา ๆ เขาไม่คิดว่าเขาจะได้ฉายานี้มาหลังจากต่อสู้ในแดนมณี
  แต่วิบัติโชคชะตาได้ทำลายสมบัติเกือบทั้งหมดของเขาไปตอนนี้เขายากจนยิ่งกว่ายอดฝีมือทั่วไปเสียอีก เรียกเขาว่าภูติจรจัดจะไม่ดีกว่าหรือ?
  “ข้ามาจากส่วนเหนือของเขตกลางในดินแดนพรสวรรค์ มันเป็นดินแดนรกร้าง ข้าจะกล้าเรียกตัวเองว่ายอดฝีมือชั้นแนวหน้าได้อย่างไร?”
  ซือหยูกล่าวอย่างอ่อนน้อม
  เจิ้งควนหัวเราะ
  “น้องซือเจ้าถ่อมตัวเกินไปแล้ว ข้าเองยังบอกฐานพลังเจ้าไม่ได้เลย แต่อย่างน้อยเจ้าก็ต้องเป็นจ้าวเทวะระดับแปด ใช่หรือไม่?”
  เมื่อได้ฟังหวังเฉาเองก็มองเขาด้วยหางตา
  ซือหยูจิตใจใสกระจ่างดั่งคันฉ่องทั้งสองเข้าใจผิดว่าซือหยูเป็นยอดฝีมือชั้นสูงจากเขตกลาง ทั้งสองจึงพยายามจะหาพื้นเพของซือหยู
  “ฮ่าๆๆๆข้าเพิ่งจะได้เป็นภูติระดับเก้าเมื่อไม่นาน ข้ายังไม่เป็นจ้าวเทวะด้วยซ้ำ ข้าจะเทียบกับพี่ชายสองคนได้หรือ?”
  ซือหยูเปิดเผยพลังของเขาอย่าง‘ตรงไปตรงมา’
  แต่กลับกลายเป็นว่า…
  เจิ้งควนฝืนยิ้มเขาประสานหมัด
  “ถ้าเช่นนั้นเอิ่ม น้องซือเพิ่งจะมาถึง คงอยากเดินเล่นในสวนแห่งนี้ น้องหวังกับข้าคงไม่รบกวนเจ้าอีกแล้ว ลาก่อน”
  เมื่อเขาพูดจบเขารีบเดินจากไปโดยไม่เหลียวหลังกลับ
  หวังเฉานิ่งไปหนึ่งวินาทีเขามองซือหยูและถอนหายใจแรงพร้อมกับเดินจากไป
  ซือหยูยักไหล่มองทั้งสองคนและมองรอบ ๆ  ด้วยพลังของเขาเขาสามารถบุกเข้าไปได้ แต่การบุกเข้าไปโดยไม่ทำให้เหล่ายอดฝีมือตระกูลบูรพารู้นั้นเป็นไปไม่ได้
  เขามาที่นี่เพื่อพบตงฟางเถียนเฟิงไม่จำเป็นที่เขาจะต้องสร้างความวุ่นวาย
  ซือหยูเหลือบมองรอบๆ เขาใบหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารีบปิดบังคุกเทวะห้าธาตุในตัว
  เขาตกใจและสงสัยเมื่อมองไปยังทิศทางหนึ่งเขากำลังมองยอดเขาห้าสีที่ตั้งอยู่ในส่วนลึกของตำหนักเหนือ มันเปล่งประกายและไร้ซึ่งต้นไม้แปลกปลอม
  คุกเทวะห้าธาตุของซือหยูสั่นเล็กๆ ราวกับว่ามันกำลังตอบสนองกับยอดเขาห้าสี
  เมื่อเขาขยับตัวห่างจากภูเขาลูกนั้นคุกเทวะห้าธาตุก็กลับมามีสภาพตามเดิม
  “ที่นั่นมันอะไรกัน?”
  ซือหยูครุ่นคิดแววตาเขาเป็นประกาย