การต่อสู้นอกทะเลตาข่ายดาว นอกจากเหนียนเชินแห่งสำนักมังกรโลหิตแล้ว คนที่จู่โจมเยี่ยนจ้าวเกอยังมีเฝิงจิ่งเซิง ‘ปีศาจฟ้า’ เจ้าสำนักตาข่ายปีศาจ และก่วนหลีซึ่งเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรม ยอดฝีมืออันดับหนึ่งหลังจากฟางข่านแห่งเกาะจิตประสานได้เสียชีวิตลง
อีกคนก็คือเจ้าสำนักอัสนีเรืองรองเกิ่งฮุย ‘ราชันสายฟ้าสีชาด’ ซึ่งถูกยกย่องเป็นอันดับหนึ่งในระดับต่ำกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งโลกผืนสมุทร ผู้ยิ่งใหญ่แห่ใพรรคมารที่ถูกจัดอยู่ในอันดับหนึ่งของจอมยุทธ์ขั้นบรรลุธรรมสิบอันดับแรก
เหนียนเชินแห่งสำนักมังกรโลหิต เหยียนกังแห่งบึงหมื่นกระบี่ และหลิวซั่วแห่งเกาะวิญญาณหลอนมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ ยังพอกดดันเกิ่งฮุยได้ ถ้าหากไม่ใช้นิ้วมังกรทั้งเก้า กระบี่ล่องลอย หรือว่าตลับวิญญาณหลอน พวกเขาเห็นเกิ่งฮุยยังต้องหลบเลี่ยง
เจ้าสำนักอัสนีเรืองรองผู้นี้มีชื่อเสียงสมคำร่ำลือ เป็นคนที่อยู่ใกล้กับระดับศักดิ์สิทธิ์บนโลกผืนสมุทรมากที่สุด
เฝิงจิ่งเซิงจากสำนักตาข่ายปีศาจและก่วนหลีจากเกาะจิตประสานลงมือ อยู่ในความคาดคิดของเยี่ยนจ้าวเกอ
ถึงอย่างไรตนก็สร้างความแค้นกับสำนักตาข่ายปีศาจและเกาะจิตประสานไม่น้อย มีโอกาสแก้แค้นย่อมไม่ละทิ้ง
ถึงแม้ธรรมะและมารจะมีจุดยืนตรงกันข้าม แต่อย่างน้อยในเรื่องรับมือเยี่ยนจ้าวเกอ สำนักมังกรโลหิต เกาะจิตประสาน และสำนักตาข่ายปีศาจก็มองข้ามการต่อสู้ระหว่างกันก่อนหน้านี้ แล้วร่วมมือกันชั่วคราว
แต่เยี่ยนจ้าวเกอไม่เคยเกิดความขัดแย้งกับสำนักอัสนีเรืองรองมาก่อน เกิ่งฮุยกลับปรากฏตัวแล้วรุมสังหารตนพร้อมคนอื่น นี่มีความหมายลึกซึ้งแล้ว
ความเป็นไปได้ที่ถูกเชิญให้คนอื่นยืมกำลังไม่สูงนัก
ผลการรบที่เยี่ยนจ้าวเกอได้สังหารฟางข่านที่ทะเลรางเลือน และสยบลิ่นเชียนเฉิงก่อนหน้านี้ ทำให้คนในโลกผืนสมุทรล้วนทราบว่า คนที่มีพลังฝึกปรือต่ำกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ลงไป คิดดวลเดียวกับเยี่ยนจ้าวเกอ นับว่าแทบจะเป็นการหาที่ตาย
จำเป็นต้องมีน้ำใจล้ำลึก หรือต้องจ่ายค่าตอบแทนมากขนาดไหน ถึงทำให้คนเสี่ยงอันตรายเช่นนี้?
ถ้าหากไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่น เป็นความคิดของเกิ่งฮุยและสำนักอัสนีเรืองรองเอง เช่นนั้นเหตุผลคืออะไร?
ในห้วงสมองของเยี่ยนจ้าวเกอปรากฎความคิดหนึ่งขึ้นมาทันที
ในตาขวาที่ซ่อนเศษดวงตาราชันสายฟ้ามีแสงสายฟ้ากะพริบเลือนราง เสียดแทงตาขวาของเขาเล็กน้อย
ในตอนที่สังหารฟางข่านที่ทะเลเรืองราง เยี่ยนจ้าวเกอเคยใช้พลังของเศษดวงตาราชันสายฟ้า
ในตอนนั้นมีคนเห็นอยู่หลายคน ความสนใจของคนส่วนใหญ่อาจจะอยู่บนตัวสมุทรสุดขอบโลกที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์
ทว่าหลังจากสำนักอัสนีเรืองรองได้ยินเหตุการณ์อย่างละเอียดแล้ว อาจจะสังเกตเห็นสายฟ้าชั่วพริบตา
เป็นเพราะจุดเด่นด้านวรยุทธ์ของตน จึงต้องการตัวสร้างพลังเช่นนี้ หรือทราบถึงรายละเอียดของสายฟ้าชั่วพริบตาอยู่แล้ว ดังนั้นจึงหมายตา
ถ้าหากรู้ถึงรายละเอียดของสายฟ้าชั่วพริบตา เช่นนั้นสิ่งที่อธิบายได้ก็คือ เกิ่งฮุยและสำนักอัสนีเรืองรองมีชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าเช่นกัน?
เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตาเล็กน้อย เขาข้ามมหาสมุทรพร้อมกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก บินไปบนแผ่นดิน มุ่งหน้าไปยังอาณาเขตที่เคยเป็นที่อยู่ของสำนักอัสนีเรืองรอง
ในทะเลตาข่ายดาว เกิ่งฮุยหนีเร็วสุดขีด หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอจัดการเหนียนเชินและนิ้วมังกรทั้งเก้าเสร็จ ก็ไม่ได้สนใจเขาอีก
ทว่าในตอนนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็สงสัยถึงการปรากฏตัวอย่างไร้สาเหตุของเกิ่งฮุยแล้ว
ต่อมาเนื่องจากหยุดยั้งไม่ให้ลิ่นเชียนเฉิงจับปลาในน้ำขุ่น ขณะเดียวกันก็เพื่อป้องกันความผิดพลาดจากการคำนวณของตน สามผู้ยิ่งใหญ่แห่งพรรคมารร่วมมือกันกวาดล้างฝ่ายธรรมะ ก่อให้เกิดการทำลายอย่างรุนแรง เยี่ยนจ้าวเกอเลือกจะไปปะทะกับลิ่นเชียนเฉิงที่ทะเลรางเลือนก่อน
แต่ว่าคนที่ระวังตัวอย่างเขาย่อมไม่ลืมเรื่องของสำนักอัสนีเรืองรอง
เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า การเปิดประตูมังกรของลิ่นเชียนเฉิงจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ สำนักอัสนีเรืองรองอยู่เฉยๆ กลับประสบคราเคราะห์
ตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอเห็นแผ่นดินในตอนแรกแตกร้าวออกเป็นหลายส่วน เห็นแนวเขาในอดีตหายไป และเห็นผาสูงกลายเป็นลุ่มน้ำ เขาก็ส่ายหน้าติดต่อกัน ‘นี่จะโชคร้ายเกินไปแล้ว’
การกระแทกอันน่ากลัวของมังกรแสงเมื่อครู่ ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์หากถูกชนใส่ตรงๆ ก็สมควรตายในเสี้ยววินาที
ถึงผาอัสนีเพลิงจะเป็นสถานที่ที่สำนักอัสนีเรืองรองดูแลมาหลายปี แต่จอมยุทธ์ของสำนักอัสนีกลับไม่กล้าแม้แต่จะใช้ค่ายกลของสำนักเพื่อป้องกันภัย
ได้แต่พยายามหนีตัวใครตัวมันอย่างสุดชีวิต
บางคนลังเลคิดป้องกัน สุดท้ายถูกทำลายกลายเป็นซากพร้อมกับสำนัก
เยี่ยนจ้าวเกอมองความเละเทะรอบข้าง ไม่เห็นจอมยุทธ์สำนักอัสนีเรืองรองอีกแล้ว
เขาเชื่อว่ายังมีผู้รอดชีวิต แต่คงมีแต่จอมยุทธ์ระดับสูงสุดไม่กี่คนเช่นพวกเกิ่งฮุยเท่านั้น ที่จะหนีภัยพิบัติครั้งนี้ได้
ตอนนี้ที่หาไม่เจอ สมควรถอยหนีหลังจากตรวจสอบก้นลุ่มน้ำและไม่อาจทำอะไรได้ชั่วคราว
เมื่อไม่มีความได้เปรียบด้านชัยภูมิของสำนัก สำนักก็แทบจะดับสิ้น ภายใต้หายนะเช่นนี้ ถ้าหากคู่แค้นเช่นเยี่ยนจ้าวเกอมาหา หรือว่าพรรคมารที่เหลือคิดฉวยโอกาส ตั้งแต่ตอนนี้สำนักอัสนีเรืองรองจะเหลือแต่ชื่ออยู่บนโลกผืนสมุทรจริงๆ
ต่อให้พวกเกิ่งฮุยเดือดดาลขนาดไหน คับข้องใจขนาดไหน ยามนี้ก็ได้แต่เร้นกาย รักษาบาดแผล คอยดูสถานการณ์ก่อน
เยี่ยนจ้าวเกอวางปัญหาเรื่องสำนักอัสนีเรืองรองลง แล้วสำรวจลุ่มน้ำแห่งนั้นและประตูมังกรที่อยู่ก้นลุ่มน้ำ
ในตอนนี้เขาเห็นปราณสีดำหลายสายพุ่งออกมาจากกลางลุ่มน้ำ ประตูมังกรซึ่งเปิดขึ้นที่ทะเลรางเลือนก่อนหน้า บัดนี้ได้ปิดลงอีกครั้ง
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่า ประตูมังกรในตอนนี้แตกต่างจากก่อนหน้า เพียงแต่ปิดไว้เฉยๆ เท่านั้น
เพียงแต่ในประตูมังกรเหมือนกับกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าทึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอสั่งความคิด ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพุ่งไปด้านล่าง มาถึงเบื้องหน้าประตูมังกรในลุ่มน้ำ จากนั้นก็ยื่นมือทั้งสองจับใส่อากาศ
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกออกแรง เสียงเอี๊ยดดังขึ้น ประตูมังกรขนาดมหึมาเปิดออก
เยี่ยนจ้าวเกอมองไปด้านใน เห็นปราณความตายหนาแน่นลอยอยู่ด้านในเหมือนกับหมึกดำเข้มข้น
กระนั้นเมื่อมองดูให้ดีแล้ว กลับพบว่าปราณสีดำค่อยๆ สลายไป
เส้นสายปราณวิญญาณทั้งหมดบนโลกผืนสมุทรกำลังส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของปราณวิญญาณในประตูมังกรอย่างต่อเนื่อง
กลิ่นอายความตายลดลงไม่หยุดยั้ง ความมีชีวิตชีวาปรากฏขึ้นด้านใน
ขณะเดียวกัน เยี่ยนจ้าวเกอก็พบว่า สภาวะพลังอันยิ่งใหญ่น่าเกรงขามที่เป็นของเผ่ามังกรในประตูมังกรเริ่มปรากฏออกมา
เหมือนกับฝูงมังกรที่ตายไปกำลังฟื้นคืนชีพอย่างไรอย่างนั้น
เพียงแต่ถึงแม้ปราณมังกรนี้จะทรงอานุภาพและสั่นสะท้านจิตใจคน แต่ก็ยังห่างชั้นกับเหตุการณ์ฝูงมังกรบินทะยานทีเดียว
เยี่ยนจ้าวเกอทราบว่า ฝูงมังกรไม่ได้คืนชีพ แต่ว่าพลังชีวิตยังคงไม่สลายไปเหมือนกับซากมังกรน้ำแข็งที่ตนได้มาจากที่อยู่เดิมของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงยังคงมีอานุภาพของมังกรอยู่
แต่ว่าเมื่อปราณมังกรที่สาดซัดและปราณความตายยิ่งใหญ่ผสมผสานกัน ก็กลายเป็นภาพที่น่ากลัวถึงขีดสุด
มิติเวลาด้านในประตูมังกรเหมือนกับเป็นโลกอีกโลกที่เป็นเอกเทศนอกจากโลกผืนสมุทร
ตอนนี้เพราะปราณมังกรขวางทาง หากฝืนเข้าไป เกรงว่าจะมีจุดจบเหมือนกับสำนักอัสนีเรืองรอง กระทั่งจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ใช่ว่าจะรักษาชีวิตไว้ได้
‘ดูจากสภาพแล้ว จำเป็นต้องอดทนรอให้แดนฝังกระดูกมังกรแห่งนี้สงบลงอีกสักพัก ถึงตอนนั้นถึงจะเข้าไปได้’ เยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ มั่นใจ ‘แต่ไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไร?’
หลังจากเวลาค่อยๆ ผ่านไป จอมยุทธ์จากสำนักอื่นก็รีบมาหลังจากได้ยินข่าว ทุกคนต่างมองภาพตรงหน้า จากนั้นก็มองหน้ากันเอง พูดอะไรไม่ออก