Ch.13 – ยืนอยู่บนสนาม

Translator : Asiran / Author

 

ตอนที่****13 – ยืนอยู่บนสนาม

 

เร็วเข้า! ทีมคลื่น7 กำลังรับสมัครสมาชิกใหม่!

แค่หาคนผ่านทางไก่กามาคนหนึ่งก็ถล่มทีมหวงเฉาจนราบคาบได้แล้ว!

ดังนั้น…

หาเพื่อนร่วมทีมเหรอ ไต่แรงค์หาดาวเหรอ

ขอเพียงคุณให้ใจมา ไม่ว่าอะไรก็ไม่ใช่ปัญหา!

รีบมาร่วมทีมกับเราเถอะ! ติดต่อได้ที่…

ไม่น่าเชื่อเลยว่ากระดาษปึกใหญ่นี้เป็นแผ่นพับเชิญชวนสมาชิกใหม่ของทีมคลื่น7 เหออวี้เพียงเหลือบมองแวบเดียวสายตาก็ตกไปอยู่ที่คำห้าคำว่า “คนผ่านทางไก่กา”

“คนผ่านทางไก่กาเหรอครับ” เหออวี้มองเกาเกออย่างถามไถ่ ที่พูดถึงอยู่นี่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากำลังพูดถึงเขารึเปล่า

“โฆษณาชวนเชื่อไง โฆษณาชวนเชื่อไง” เกาเกออธิบาย โจวม่อที่อยู่ด้านข้างรู้สึกกลัวมาก กลัวว่านี่จะทำให้เหออวี้ไม่พอใจขึ้นมา เพิ่งจะเข้าร่วมทีมก็ออกจากทีมพวกเขาไปเลย

แต่เหออวี้ไม่กล่าวอะไรอีก เพียงแต่มองดูเหอเหลียงอย่างไต่ถาม

“ถ้านายอิ่มแล้วก็ไปทำกิจกรรมร่วมกับทีมเถอะ” เหอเหลียงพูดยิ้ม ๆ

เหออวี้พยักหน้า

ทีมสามคนเหรอ คนผ่านทางไก่กาเหรอ ที่จริงแล้วเรื่องพวกนี้ต่างก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับเขา ในที่สุดตนเองก็สามารถจะลองพยายามเล่น The Kings of Glory อย่างจริงจังดูบ้างแล้ว นี่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา

“พวกพี่จะทำอะไรครับ” เหออวี้ลุกขึ้นแล้วถามพลางหยิบปึกแผ่นพับขึ้นมา

“ขั้นแรกก็ไปที่บอร์ดประกาศของมหาวิทยาลัยก่อนแล้วแปะประกาศลงไป หลังจากนั้นนายก็ไปที่หอพักของนักศึกษาแล้วแจก ๆ ไปก็ได้ บนฟอรั่มของมหาวิทยาลัยเราฉันก็ไปลงกระทู้ไว้แล้ว ก็ต้องหาหน้าม้าไปดันให้เป็นท็อปโพสต์ซะ” เกาเกอบอก

“หน้าม้าเหรอครับ” เหออวี้ประหลาดใจ

“รอบคอบมากเลยใช่ไหมล่ะ” เกาเกอกล่าว

เหออวี้หันไปมองเพื่อนสมาชิกอีกคนคือโจวม่อ สีหน้าที่มองเห็นก็คือความจนใจแต่ชินชาแล้ว

“แล้วตอนนี้ให้ผมทำอะไร” เหออวี้ถาม

“เอ่อ…ในเมื่อนายเป็นแค่เด็กใหม่ก็จะพานายไปดูบอร์ดประกาศก่อนแล้วกัน จะได้ทำความคุ้นเคยกับที่ทางในมหาวิทยาลัยไปพลาง ๆ ด้วย” เกาเกอพูด

“ครับ” เหออวี้พยักหน้า จากนั้นก็หันไปมองเหอเหลียง “พี่ ผมไปก่อนนะ”

“เกมนี่ไม่ดูแล้วเหรอ” โจวม่อกำลังดูเกมที่สองที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นบนหน้าจอโทรทัศน์ พอได้ยินเหออวี้พูดว่าจะไปแล้วก็มีสีหน้าไม่ยินยอม

“เดี๋ยวมาดูย้อนหลังก็เหมือนกันแหละ” เกาเกอเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองเหอเหลียง สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ยิ้มหวานออกมาแล้วพูดว่า “ลาก่อนนะคะอาจารย์เหอ”

โจวม่อหน้าตากระอักกระอ่วน หลังจากพยักหน้ามั่ว ๆ ให้เหอเหลียงแล้วก็รีบตามเหออวี้กับเกาเกอไป

หลังจากมองตามคนทั้งสามจนออกจากร้านอาหารไปแล้ว สายตาของเหอเหลียงก็กลับไปมองที่การถ่ายทอดสดอีกครั้ง ในเกมที่สองทีมเทียนเจ๋อยังใช้กลยุทธ์แบบเดิม ทีมอีสือกวงเองก็มีการปรับเปลี่ยนและแก้เกมไป แต่ผลลัพธ์ไม่เป็นที่น่าพอใจ สุดท้ายแล้วทีมเทียนเจ๋อก็เป็นฝ่ายบุก แครี่ของจางสือฉือพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว นำจังหวะการบุกของทีมทั้งทีมเอาไว้ ถึงแม้ว่าเกมนี้จะไม่ได้นำโด่งอย่างเกมที่แล้ว แต่สุดท้ายก็ยังเป็นทีมเทียนเจ๋อที่ได้รับชัยชนะ เทียนเจ๋อเอาชนะแชมป์เก่าอีสือกวงจากซีซั่นที่แล้วไปได้ 2 ต่อ 0 เปิดซีซั่นใหม่ได้อย่างสวยหรู จางสือฉือเองก็ได้รับ MVP จากเกมทั้งสองเกม ตอนสัมภาษณ์หลังเกมถูกล้อมจนมดสักตัวยังหนีไม่รอด ก่อนเกมทุกคนยังอยากจะไปพูดคุยกับโจวจิ้นที่ไม่ได้ลงเล่นเกมตัดเชือกของซีซั่นที่แล้วอยู่เลย ผลกลับกลายเป็นว่าสุดท้ายคนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดกลับกลายเป็นจางสือฉือ

จางสือฉือมีเทคนิคการเล่นที่ยอดเยี่ยม แต่คนค่อนข้างเก็บตัว น้อยครั้งที่ออกมาทำตัวเด่น แล้วก็นำนิสัยแบบนี้เข้าไปอยู่ในสนามแข่งด้วย ในเทียนเจ๋อเขาจะสามารถทำดาเมจอย่างมั่นคงได้เฉลี่ย 30% แต่ถ้าจะให้พูดถึงฉากการเล่นที่น่าตื่นเต้นแล้วกลับหาได้น้อยมาก ดาเมจของจางสือฉือเหมือนจะมาจากการสั่งสมที่ละเล็กละน้อยไปเรื่อย ๆ มากกว่า

แต่เกมสองเกมในวันนี้มันต่างไปจากเดิม โดยเฉพาะในเกมแรก ซุนซ่างเซียงที่การเงินนำทุกคนโด่ง หลังจากใช้สกิลกลิ้งตัวลอบยิงบวกกับการยิงธรรมดาไปนัดหนึ่งแล้ว แม้แต่ตัวแทงค์ของศัตรูก็ยังเลือดหดไปครึ่งหลอด ตัวบาง ๆ ส่วนมากก็โดนชุดเดียวจอด ทำให้คนในสนามต้องอุทานครั้งแล้วครั้งเล่า ถล่มศัตรูจนราบคาบ ตอนนี้นักข่าวจึงได้ไปถามเขาว่าเขารู้สึกอย่างไร จางสือฉือที่หันไปมองกล้องดูเหมือนจะไม่ได้ตื่นเต้นสักเท่าไหร่ พูดขอบคุณทุกคนไปทีละคำ ขอบคุณตัวฟาร์มป่าโหยวย่าจง ขอบคุณตัวซัพพอร์ตซุนเหมิง สุดท้ายแล้วก็บอกว่าซุนซ่างเซียงที่มีการเงินนำหน้าขนาดนี้จะมีการเล่นแบบนั้นก็ปกติอยู่แล้ว

“งั้นจางสือฉือ ช่วยบอกเป้าหมายของคุณในซีซั่นนี้ได้ไหมครับ” มีนักข่าวคนหนึ่งถามขึ้นมา

“เป้าหมายเหรอครับ นี่ยังต้องถามอีกเหรอ ก็ต้องเป็นแชมป์แน่นอนอยู่แล้ว” จางสือฉือที่ไม่ค่อยพูดหลังจากที่ได้ยินคำถามนี้ก็ไม่ต้องคิดอะไรแล้วตอบไปอย่างสงบนิ่งสุด ๆ

ใช่แล้ว ทั้งหมดก็เพื่อแชมป์

เหอเหลียงลุกขึ้นยืนอย่างเงียบงัน ถึงแม้ว่าเขาจะแนะนำเหออวี้ให้อย่าไปใส่ใจอดีตอีก แต่พอเห็นกลยุทธ์แบบนี้ของเทียนเจ๋อก็ยังมีชั่วแวบหนึ่งที่เขายังอยากจะรู้ ว่าทำไมทุกคนถึงไม่ได้ลองใช้การเล่นแบบนี้ในอดีต

จนได้ยินประโยคคำตอบนี้ของจางสือฉือนั่นเองที่เขาถึงรู้สึกว่ามันไม่จำเป็น

ทำไมน่ะเหรอ เหตุผลก็คือนี่ไงล่ะ — เพื่อแชมป์ และตัวเขาเองจะอย่างไรก็ยังไม่ดีพอ

……

……

จางสือฉือจากเทียนเจ๋อบอกว่า: เป้าหมายคือแชมป์

ในยุคของอินเตอร์เน็ต การสัมภาษณ์เพิ่งจะจบไปไม่กี่นาทีก็มีข่าวโพสต์ขึ้นออนไลน์แล้ว โจวม่อที่ยังกวาดตาดูข่าวเกี่ยวกับเกมจากในโทรศัพท์มือถืออยู่ก็เห็นได้ในทันที

“จางสือฉือบอกว่า เป้าหมายคือแชมป์!” เขาอ่านหัวข้อข่าวให้เกาเกอกับเหออวี้ทั้งสองคนฟัง

“จางสือฉือเหรอ เขาเหรอพูด นี่มันแค่การตั้งหัวข้อข่าวให้สะดุดตาล่ะมั้ง จางสือฉือเป็นคนแบบที่จะพูดเรื่องบ้า ๆ แบบนั้นออกมาหรือไง” เกาเกอพูด

“ฉันก็ว่างั้น” โจวม่อทางหนึ่งก็พูด อีกทางก็กวาดตาอ่านเนื้อหาข่าวผ่าน ๆ

เกาเกอหันไปเหลือบมองเหออวี้ หลังจากที่ออกมาจากร้านอาหารเหออวี้ก็ไม่ค่อยพูดค่อยจาและมีสีหน้าหนักใจ หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็ยิ่งมีสีหน้าอึมครึมไปกันใหญ่

“นายกำลังคิดถึงเกมเมื่อกี้นี้อยู่เหรอ” เกาเกอถาม

“ใช่…ผมกำลังคิดถึงวิธีการเล่นแบบนั้นของเทียนเจ๋ออยู่” เหออวี้พูด

“นายอยากจะรู้สินะว่าวิธีเล่นของเทียนเจ๋อกับวิธีเล่นแบบที่ให้พี่นายเป็นตัวหลักสุดท้ายแล้วแบบไหนมันจะดีกว่ากันน่ะ” เกาเกอพูด

“ครับ” เหออวี้พยักหน้า

“วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะรู้เรื่องพวกนี้ได้ก็อยู่ในสนามแข่งไม่ใช่รึไง” เกาเกอกล่าว

“ยังไงครับ”

“เล่นเกม ใครชนะก็ดีกว่า ก็ง่าย ๆ แค่นั้นแหละ” เกาเกอพูด

“นี่…นั่นมันก็ไม่พอที่จะตัดสินสไตล์การเล่นหรอกมั้งครับ จะยังไงเรื่องความแข็งแกร่งของผู้เล่นก็มีตั้งหลายอย่างที่ต้องคิดถึงด้วย คนธรรมดาจะเล่นไปถึงระดับมืออาชีพมันเป็นไปไม่ได้หรอกถึงจะใช้การเล่นแบบนักเล่นเกมอาชีพก็เหอะ แต่นี่ก็ไม่ได้แปลว่าสไตล์การเล่นแบบนั้นมันล้มเหลวนะครับ!” เหออวี้กล่าว

“ดังนั้นก็ได้โปรดทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมาด้วย ใช้สไตล์การเล่นที่นายเชื่อมั่นที่สุดคว้าชัยชนะมาเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งเมื่อนายคนเดียวสามารถจะถล่มศัตรูทั้งห้าคนไปได้ ตอนนั้นพอมีคนมาบอกว่านี่เป็นเกมที่ต้องเล่นเป็นทีมนายก็จะได้ถ่มน้ำลายใส่หน้าเขาได้ยังไงล่ะ” เกาเกอกล่าว

“พูดเว่อร์ไปมั้ง” โจวม่อพูด

“ถ้าฉันไปเล่น bronze ก็เป็นการเล่นคนเดียวใช่ไหมล่ะ” เกาเกอพูด

“นั่นไม่จริงสักหน่อย ถึงเพื่อนร่วมทีมจะห่วย ๆ แต่อย่างน้อยช่วยยืนเลนก็ยังถ่วงเวลาให้ได้บ้างนะ ถ้าพวกเขาหลบอยู่ในบ่อกันขึ้นมาจริง ๆ เธอคนเดียวจะปกป้องเลนสามเลนได้เหรอ” โจวม่อพูด

“ดันสามเลนไปทำไม ฉันคนเดียวก็ดันเลนกลางก็พอแล้ว” เกาเกอพูด

“ก่อนหน้านี้ไม่มีเงินก็ดันเลนได้ไม่เร็วนักหรอกใช่ปะ” โจวม่อพูดอย่างจริงจัง

“นายอยากจะมางัดข้อกับฉันเหรอ อยากให้ฉันเปิดเกมขึ้นมาเล่นให้ดูสักเกมไหม” เกาเกอกล่าว

“ไม่ต้องทะเลาะกันครับ ผมรู้ว่าพวกพี่อยากจะบอกอะไร” เหออวี้ที่อยู่ด้านข้างหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้

“รู้ก็ดีแล้ว” เกาเกอก็ไม่มานั่งเถียงเรื่องหนึ่งต่อห้านี่อีกต่อไป “พวกที่ไม่ฝันถึงชัยชนะก็คือพวกที่ไร้สติ คนที่มือจับคีย์บอร์ดจะมีใครบ้างที่ไม่หวังล่ะ ยืนอยู่บนสนาม เผชิญหน้ากับศัตรูตรง ๆ แล้วนายก็จะได้รู้คำตอบที่อยากจะรู้”

ยืนอยู่บนสนาม…

เหออวี้เองก็มีความคิดแบบนี้อยู่ก่อนแล้ว มาตอนนี้จิตใจของเขาไม่เพียงแต่แน่วแน่ แต่มันก็ยังกระจ่างแจ้งขึ้นมาเรื่อย ๆ อีกด้วย สิ่งที่เขาต้องทำมันมากไปกว่าการหาคำตอบ แต่ว่าเขาจะต้องใช้ความพยายามของตนเองในการเขียนคำตอบขึ้นมาใหม่ต่างหาก

“พี่พูดถูก ขอบคุณครับ” เหออวี้บอกกับเกาเกอ

“ไม่ต้องตื่นเต้นไป ระดับของนายในตอนนี้อยู่ห่างไกลจากคำว่าดีมาก” เกาเกอพูด

“ผมรู้อยู่แล้วล่ะ ผมจะตั้งใจฝึก” เหออวี้กล่าว

“ค่อยยังชั่วหน่อย อย่าคิดนะว่าพวกเราเป็นแค่ทีมกิจกรรมระดับมหาวิทยาลัยแล้วก็เลยจะมาดูถูกพวกเรา ฉันยอมรับคนที่ไม่พยายามฝึกหนักไม่ได้หรอก” เกาเกอกล่าว

“งั้นพวกเรามาฝึกหนักไปด้วยกันนะครับ” เหออวี้พูดยิ้ม ๆ

“ฝึกหนักด้วยกัน” โจวม่อที่อยู่ด้านข้างฟังแล้วก็ตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย พูดกันมาถึงตรงนี้จึงได้รีบเข้ามาตกลง

“งั้นพวกพี่สองคนก็อยากจะไปเล่นอาชีพด้วยเหรอครับ” เหออวี้ถาม

“ถ้ามีโอกาสก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะ” เกาเกอกล่าว

“จะต้องมีแน่” เหออวี้พูด

“คาดการณ์ไปก็ไร้ความหมาย” เกาเกอพูด

“นี่ไม่ใช่การคาดการณ์ นี่เป็นความหวัง” เหออวี้พูด

“ความหวังก็ไร้ความหมาย ได้แต่พยายามฝึกหนักอย่างถ่อมตัวเท่านั้น” เกาเกอพูด

“โอเค ผมรู้แล้ว” เหออวี้จนใจ โจวม่อที่อยู่ข้าง ๆ ขณะนี้ก็ส่งยิ้มที่จนใจมากให้เขาเหมือนกัน แต่จากนั้นมันก็กลายเป็นรอยยิ้มให้กำลังใจ

 

………………………………………………..

 

หายไปนานเลย ขอโทษด้วยค่า