Ch.14 – ล็อคหวย
Translator : Asiran / Author
**ตอนที่14–**ล็อคหวย
ขนาดของมหาวิทยาลัยตงเจียงไม่ใช่เล็ก ๆ เกาเกอ, โจวม่อกับเหออวี้ทั้งสามคนเดินจากเหนือไปใต้ จากออกไปตก ขณะเดินผ่านบรรดาโรงอาหาร อาคารเรียน หอพักต่าง ๆ แต่ละแห่งก็แปะแผ่นพับรับสมัครสมาชิกทีมคลื่น7 ไว้ที่บอร์ดประกาศแต่ละบอร์ด ในช่วงเวลานั้นเหออวี้ก็ได้แอบสอบถามโจวม่อถึงสาเหตุที่ทีมของพวกเขามีคนแค่สองคนด้วย และพอฟังแล้วก็ได้แต่อึ้งจนใบ้กิน
เขาก็เห็นแล้วว่าเกาเกอเป็นคนที่จริงจังและใส่ใจเรื่องเกมมาก ๆ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะจริงจังได้ถึงเบอร์นี้ สำหรับสาวสวยอย่างเธอแล้ว ถึงจะเล่นได้ห่วยแตกมาก ๆ ผู้เล่นส่วนใหญ่ก็ยังจะมีน้ำอดน้ำทนด้วย อย่าว่าแต่ว่าระดับของเกาเกอยังไม่เลวเลยจริง ๆ อีกต่างหาก ที่ทีมคลื่น7 ตกต่ำจนถึงจุดที่มีคนเพียงสองคน สาเหตุหลักไม่ใช่มาจากการที่ไม่มีใครที่อยากจะเล่นกับพวกเขา แต่เป็นเกาเกอที่ไม่อยากจะเล่นกับคนพวกนั้นต่างหาก
เธอไม่เคยรังเกียจคนที่มีระดับการเล่นต่ำต้อย แต่ถ้าตัวเองไก่ก็ต้องรู้ตัว ไก่ก็ต้องปรับปรุงตัว ไก่ก็ต้องยอมถูกด่า ในเรื่องนี้เธอจริงจังมาก มีข้อบังคับตั้งมากมายขนาดนี้ทำให้คนเล่นเกมเครียดสุด ๆ ถึงจะเป็นสาวสวยมาจากไหนก็ทนกันไม่ค่อยจะได้ แน่นอนว่าเกาเกอเองก็ไม่เห็นผู้เล่นพวกนี้อยู่ในสายตาเช่นกัน
ดังนั้นสุดท้ายแล้วจึงเหลือเพียงโจวม่อที่มีคุณสมบัติตรงตามที่เกาเกอกำหนด มีคนที่บังเอิญไม่รู้จักเกาเกอเข้าทีมมาอย่างสุ่ม ๆ อยู่บ้างเหมือนกัน แต่อยู่กันได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องถอนตัวไปกันทีละคนสองคน ส่วนพวกที่ใช้เกมเป็นเครื่องบังหน้าแอบตีเนียนยิ่งไม่ต้องไปพูดถึง
“ฟังแล้วผมเริ่มสยองแล้วนะครับ” หลังจากฟังโจวม่อเล่าเรื่องราว เหอวี้ก็แอบกระซิบบอกเขา
“ไม่มีอะไรหรอก ถึงตอนนี้นายจะไก่มาก แต่ตราบใดที่นายยังตั้งใจจริง อยากจะพัฒนาตัวเองขึ้นจริง ๆ นายก็จะเห็นเองแหละว่าเขาช่วยนายได้มากเลย” โจวม่อรีบปลอบใจเหออวี้
“รุ่นพี่ก็พูดเกินไปแล้ว ผมนับเป็นไก่แค่ครึ่งตัวเองใช่เปล่า รุ่นพี่เกา*ยังบอกเลยว่าผมมีภาคทฤษฏีดุกว่าเสือน่ะ!”
“ถ้ามีทฤษฎีแน่นขนาดนั้นที่จริงแล้วก็ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาชี้แนะหรอก นายก็รู้ใช่ไหมว่าตัวเองไม่เก่งที่จุดไหน” โจวม่อกล่าว
“ผมก็ว่างั้น” เหออวี้พยักหน้ายอมรับคำชมอย่างไม่เกรงใจ ในตอนบ่ายถึงจะเป็นประสบการณ์เพียงหกนาที แต่เขาก็ยังได้รับอะไร ๆ มาไม่น้อย พูดกันตรง ๆ แล้ว นอกจากการให้แนวความคิดด้านกลยุทธ์กับเป็นเหยื่อล่อเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิดเดียว นี่ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่อยากจะเล่น บางครั้งเขามองไปที่สถานการณ์ในสนามก็ทราบชัดว่าตนเองอยากจะทำสิ่งใด ว่าเพื่อนร่วมทีมอยากจะสู้แบบไหน และว่าเขาควรจะให้ความร่วมมืออย่างไร แต่ว่าการลงมือทำจริงมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง การรู้ว่าควรทำอะไรแต่ทำไม่ได้ก็คือปัญหา “ไก่ครึ่งตัว” ที่หนักหนาสาหัสที่สุดในตอนนี้ของเขา ตั้งแต่แรกที่เลือกเล่นฮีโร่หวงจงก็เป็นเพราะว่าตัวเขาเองทราบดีว่าตนเองเล่นได้จำกัดมากมาตั้งแต่เริ่มแรกแล้วเช่นกัน
“จริงสิ นายเพิ่งจะเริ่มเล่นเอง อยากเล่นตำแหน่งไหนล่ะ ใช้ฮีโร่ตัวไหน” โจวม่อถามขึ้นมา
“ผมก็กำลังคิดอยู่” เหออวี้พูด “ผมที่ทฤษฎีดีมากแต่การปฏิบัติเป็นแทบจะเป็นศูนย์ มีฮีโร่ตัวไหนที่เหมาะกับผมบ้างนะ”
“ฉันไม่รู้ ฉันไม่เคยเจอใครที่เป็นแบบนายมาก่อนเลย ฉันก็ต้องคิดดูก่อนเหมือนกัน” โจวม่อกล่าว
“ไม่ต้องรีบร้อน ค่อย ๆ หาไปก็ได้ครับ” เหออวี้พูด
“อืม” โจวม่อพยักหน้า
ทั้งสองคนพูดคุยซุบซิบกันอยู่ด้านหลัง ส่วนเกาเกอที่อยู่ตรงบอร์ดประกาศก็แปะแผ่นพับไปเสร็จแล้ว
“เอาล่ะ” เธอก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวพลางชื่นชมดูผลงานชิ้นโบว์แดงของตัวเอง เธอที่ระมัดระวังทุกเรื่องราวไม่ลังเลเลยที่จะแปะแผ่นพับไว้ในจุดที่สะดุดสายตาคนที่สุดบนบอร์ดประกาศ
“ยังมีที่ไหนที่ยังไม่ได้ไปอีกไหม” เกาเกอหันกลับไปถามโจวม่อ
“ดูเหมือนว่าจะไม่มีนะ” โจวม่อตอบหลังจากหยุดคิดไปครู่หนึ่ง
“งั้นก็ วันนี้พอแค่นี้” เกาเกอพูดแล้วก็หันไปมองเหออวี้ “กลับไปโหลดเกมซะนะ แล้วก็คิดดูอีกรอบว่าตัวเองควรจะเริ่มฝึกจากฮีโร่ตัวไหน”
“โอเคครับ” เหออวี้พยักหน้า
หอพักของคนทั้งสามไม่ได้อยู่ในทิศทางเดียวกันจึงได้แยกย้ายกันไป เหออวี้เดินไปบนทางเดินของมหาวิทยาลัยที่ยังไม่คุ้นเคย ในสมองก็ครุ่นคิดถึงแต่เกมที่ตัวเองทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยนั่น
เซนส์ดี เล่นแย่ ควรจะเล่นตำแหน่งและฮีโร่อะไรกันนะ
ตามเหตุผลแล้วตัวแทงค์สายซัพพอร์ตน่าจะเหมาะสมที่สุด มองหาจังหวะที่เหมาะสมเปิดไฟต์ ทนรับดาเมจ พวกนี้ต้องใช้เซนส์ที่มากกว่าแต่ไม่ต้องใช้การเล่นที่ละเอียดอ่อนมากนัก
ปัญหาก็คือการเล่นของเหออวี้มันไม่ได้เน่าหนอนไร้ทางแก้จริง ๆ เขาก็แค่เพิ่งจะเริ่มเล่นเกมเท่านั้นเอง ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นที่ทุกอย่างก็แปลกประหลาด เขาอยากจะพัฒนาเรื่องนี้ให้ได้มากที่สุดด้วยเหมือนกัน ดังนั้นแล้วเลือกฮีโร่ตัวไหนดีล่ะ
ในขณะที่เดินอยู่บนทางเดิน ในใจของเหออวี้ก็ค่อย ๆ ปรากฏเงาร่างของฮีโร่ตัวหนึ่งขึ้นมา
………..
………..
ประตูใหญ่ทิศใต้ของตงเจียง
รถแท็กซี่สองคันจอดลงตรงหน้าประตูมหาวิทยาลัย จางเฉิงห่าวลงมาจากประตูของรถคันหลังพร้อมกับกลิ่นเหล้าที่ลอยคละคลุ้ง สีหน้าสีตาตื่นเต้นมาก
“สมแล้วที่เป็นมืออาชีพ! ศัตรูห้าคนระดับ conqueror แค่เขาเล่นคนเดียวก็ชนะแล้ว!” จางเฉิงห่าวพูดกับเพื่อน ๆ ที่ลงจากรถตามมา
“รู้แล้วน่า นายพูดมาตลอดทางแล้วนะ พอคนเขาเล่นเกมเปิดของ KPL เสร็จก็พานายไปไต่แรงค์นี่รู้สึกภูมิใจมากเลยหรือไง” หลังจากโจวมู่ถงลงจากรถก็รีบเข้าไปพยุงตัวจางเฉิงห่าวที่ยืนโซเซอยู่พลางพูดด้วยรอยยิ้ม
“ฮา ๆ นั่นคนเขาก็แค่มาเล่นขำ ๆ เท่านั้นแหละ แต่ว่าระดับของนักเล่นเกมอาชีพก็สุดยอดจริง ๆ เลยนะ! เลนกลางของเกาเกอถ้าเทียบกับโจวจิ้นแล้วก็เหมือนกับเป็นเด็กอนุบาลเลยจริงไหม ฮา ๆๆ” จางเฉิงห่าวหัวเราะยกใหญ่
“ฮะ ๆ” โจวมู่ถงที่อยู่ด้านข้างหัวเราะแกน ๆ สองคำแต่ว่าไม่ได้พูดสนับสนุน ตอนกลางคืนซูเก๋อเชิญทีมเทียนเจ๋อให้มาสังสรรค์กัน แล้วก็พาพวกเขาที่เป็นแกนหลักของชมรม The Kings หลาย ๆ คนไปร่วมดื่มด้วย การที่สามารถจะมากระทบไหล่กับนักเล่นเกมอาชีพแบบนี้ทำให้ทุกคนตื่นเต้นดีใจมาก หัวข้อหลักในการสนทนาตอนมื้อค่ำก็ย่อมต้องเป็น The Kings of Glory สุดท้ายแล้วก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเปิดเกมมาเล่นกันสักหน่อย ภายใต้คำขอร้องของทุกคนโจวจิ้นก็ได้คว้าเอาตัวฮีโร่ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาอย่างจูเก่อเลี่ยงออกมา สุดท้ายในการไต่แรงค์ของระดับ conqueror ก็ฆ่ากวาดไปทั้งสี่ทิศ ถล่มทุกคนจนราบคาบ ตอนจบดาเมจพุ่งขึ้นไปถึง 61% ทำให้ทุกคนชื่นชมมาก แต่แค่นั้นจะบอกว่าเกาเกอเป็นระดับเด็กอนุบาลโจวมู่ถงก็ยังรู้สึกว่ามันเว่อร์ไปอยู่ดี ถ้าเกาเกออยู่ระดับเด็กอนุบาลแล้วพวกเขาจะเป็นตัวอะไรกันล่ะ จางเฉิงห่าวด่าคนอื่นแบบนี้แต่ตัวเองก็โดนเข้าเต็ม ๆ เหมือนกัน
“เรื่องนั้น…พวกซูเก๋อไปไหนแล้วล่ะ รถของพวกเขาไม่ใช่ว่ามาถึงก่อนหรือไง” โจวมู่ถงที่กำลังพยุงตัวจางเฉิงห่าวที่ตื่นเต้นอยู่เปลี่ยนหัวข้อการสนทนา
“นั่นดิ ซูเก๋อล่ะ คืนนี้ต้องขอบคุณเขามากเลยที่แบกพวกเราไปด้วย!” จางเฉิงห่าวที่เมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินคนพูดถึงประธานชมรมของพวกเขาน้ำเสียงก็ไม่ได้อวดโอ่อย่างเดิม มาตอนนี้รถก็แล่นจากไปแล้ว ทั้งสองคนที่ออกมาจากรถด้วยกันช่วยกันมองหาคนสามคนที่ควรจะมาถึงก่อน สุดท้ายก็เห็นพวกซูเก๋อทั้งสามคนนั้นอยู่ที่บอร์ดประกาศที่ประตูทิศใต้
“ดูอะไรอยู่เหรอ” จางเฉิงห่าวรีบเดินไปหาอย่างคึกคัก ผลก็คือคนสามคนจากรถอีกคันหันศีรษะกลับมามองเขาด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
“อะไรเหรอ” จางเฉิงห่าวถามอย่างงงงวย โจวมู่ถงที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็เหลือบตามองไปตรงจุดที่เด่นที่สุดบนบอร์ดประกาศแล้ว “แค่หาคนผ่านทางไก่กามาคนหนึ่งก็ถล่มทีมหวงเฉาจนราบคาบได้แล้ว” ในประโยคนี้คำว่าทีมหวงเฉาทั้งสามคำถูกเกาเกอใช้ตัวอักษรที่ใหญ่ที่สุดพิมพ์ลงไป แถมยังทำตัวหนาแล้วก็หมุนตัวอักษรไปทั้งสี่ด้านแล้วเอามาเอียงชนกัน ดูโดดเด่นสุด ๆ
“เชี่ย!” มาถึงตอนนี้จางเฉิงห่าวก็เห็นแล้วในที่สุด เขาที่เมาเหล้าอยู่แล้วยิ่งมีใบหน้าแดงขึ้นไปอีก ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวแล้วฉีกแผ่นพับนั้นลงมา
“นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ” ซูเก๋อถามไถ่จากด้านข้าง
“เป็นยัยเกาเกอโม้ไปเองน่ะสิ นั่นมันไม่ใช่คนผ่านทางไก่กาอะไรสักหน่อย เด็กนั่นเก่งพอดูเลยล่ะ” จางเฉิงห่าวรีบเร่งอธิบาย
“ใช่ ๆ พวกเราก็นึกว่าเขาจะเล่นไม่เป็น ประมาทไปหน่อย” โจวมู่ถงก็รีบเข้ามาช่วยอธิบายด้วยอีกคน จะอย่างไรเขาเองก็มีส่วนร่วมในเกมที่น่าขายหน้านี้เหมือนกัน
“ตกลงเป็นใครกันแน่” ซูเก๋อถาม
“นี่…ดูเหมือนจะเป็นเด็กใหม่นะ…” จางเฉิงห่าวกับโจวมู่ถงก็บอกอะไรมากไม่ได้ ได้แต่หันไปมองหน้ากันเอง หลังจากจบเกมแล้วพวกเขาเพิ่งได้พูดคุยกันสองสามคำ แต่ว่าเพราะผู้เล่นของเทียนเจ๋อมาเยือนแล้วก็เลยถูกสมาชิกของชมรมเรียกตัวกลับไป จึงยังไม่ได้สืบเสาะอะไรมาก
“ไปสืบดู ถ้าเป็นยอดฝีมือก็ต้องดึงตัวเข้าชมรมของเรามาให้ได้” ซูเก๋อพูด
“นี่…พวกเราบอกไปแล้วว่าให้มาเจอกันในลีกภายในของมหาวิทยาลัย…” จางเฉิงห่าวกล่าว
“ลีกภายในของมหาวิทยาลัย…พวกเกาเกอเขาจะหาคนมาครบห้าคนเหรอ” ซูเก๋อพูด
“หาไม่ได้เดี๋ยวเขาก็ไปดึงตัวคนมาชั่วคราวให้ครบ ๆ เองนั่นแหละ ก็เป็นอย่างงี้ทุกเทอมไม่ใช่หรือไง” โจวมู่ถงกล่าว
“ทีมแบบนี้นายว่าจะเข้ามาถึงรอบที่ได้ชนกับพวกนายหวงเฉาไหมล่ะ” ซูเก๋อกล่าว
ลีกภายในของมหาวิทยาลัยได้รับความนิยมมาก ดังนั้นจึงไม่มีนักศึกษาคนไหนที่จะปฏิเสธการเข้าร่วม ผลก็คือจำนวนทีมที่เข้าร่วมลีกในทุก ๆ เทอมมีเยอะสุด ๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการแบบ KPL ดังนั้นเองลีกภายในของมหาวิทยาลัยจึงได้มีการตัดสินผลแพ้ชนะกันภายในหนึ่งเกมเสมอ คนที่ชนะมาตลอดทางก็จะได้แชมป์ไป เกาเกอกับโจวม่อเก่งมาก แต่ความแข็งแกร่งของเพื่อนร่วมทีมที่ผสมผเสกันในแต่ละปีกลับไม่สม่ำเสมอ ไม่มีการร่วมมืออย่างรู้ใจกันอย่างทีมห้าคน ดังนั้นในทุก ๆ ครั้งเล่นลีกไปได้ไม่กี่รอบก็ถูกคัดออกแล้ว ทีมห้าคนที่เก่งพอตัวในมหาวิทยาลัยก็มีอยู่มาก พอไปเจอศัตรูแบบนั้นเข้าก็บอกได้ว่าเหมือนเกาเกอกับโจวม่อเล่นสองต่อแปด โคตรเหนื่อย
จางเฉิงห่าวตั้งตารอคอยที่จะได้มาเจอกับคลื่น7 สักครั้งในลีกภายในของมหาวิทยาลัยเสมอ แต่สามเทอมผ่านมาแล้วก็ยังไม่สำเร็จ แม้จะได้กล่าวคำพูดพวกนั้นออกไป แต่สุดท้ายจะได้เจอหรือไม่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขากำหนดได้อยู่ดี เมื่อคิดถึงจุดนี้จางเฉิงห่าวก็รู้สึกไม่ยินยอมมาก เขาอยากที่จะได้ลงมือฆ่าเกาเกอกับทีมคลื่น7 ของเธอสักครั้งจริง ๆ สมองที่มีเหล้าเป็นตัวขับเคลื่อนแล่นฉิวทะลุขีดจำกัดล่างลงไป
“มันก็ไม่แน่” เขาบอกกับซูเก๋อ “ยิ่งกว่านั้นนะ เจ้านั่นที่อยู่กับเกาเกอยังจะต้องไปดึงตัวมาอีกเหรอ ไม่นานก็คงจะลาออกมาเองแล้วล่ะมั้ง”
“นายแน่ใจเหรอว่าเขาจะไม่กลายเป็นโจวม่อคนที่สองน่ะ” ซูเก๋อกล่าว
“นี่…”
“แต่ถ้าพวกนายไปตกลงกันอย่างนี้จะไปดึงตัวคนของคลื่น7 ก็ไม่เหมาะสมอยู่หน่อย ๆ แล้วล่ะนะ” ซูเก๋อพูดเสริมขึ้นมาอีก
“ใช่! ต้องให้เกาเกอหาข้ออ้างตอนแพ้ไม่ได้ ไม่งั้นคนจะต้องพูดเรื่องไร้สาระนี่ไปทั่วแน่ ๆ” จางเฉิงห่าวพูดพลางโบกแผ่นพับรับสมัครคนของคลื่น7 ในมือที่เขาเพิ่งจะฉีกออกมาแรงแรง ๆ
“งั้นก็ต้องให้คลื่น7 ถูกตัดออกไปถึงจะพูดได้” ซูเก๋อพยักหน้า
“เดาว่าคงจะไม่นานนักหรอก” จางเฉิงห่าวยิ้มออกมา
“เอางี้ วันนี้ก็ดึกมากแล้ว ทุกคนกลับไปพักผ่อนกันก่อน” ซูเก๋อพูดแล้วก็เดินกลับเข้ามหาวิทยาลัยไป พวกเขาอีกสองคนที่เหลือก็เดินตามไปทีละคน จางเฉิงห่าวอยู่ท้ายสุด โจวมู่ถงอยากจะเข้าไปช่วยพยุงเขาแต่ก็ถูกเขายื่นมือออกมาผลักออกไป
“นายคิดอะไรอยู่” โจวมู่ถงพบว่าจางเฉิงห่าวมีสีหน้าไม่เหมือนเดิม
“ที่จริงแล้วฉันอยากจะเจอคลื่น7 มากเลย จะเป็นรอบแรกเลยก็ได้ แต่ก็ไม่มีทางทำอะไรได้สินะ” จางเฉิงห่าวมองหน้าโจวมู่ถงแล้วพูด
“นายคิดจะ…” โจวมู่ถงอึ้งไป แต่จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมา ทุกคนต่างก็เป็นสมาชิกแกนหลักของชมรม The Kings of Glory เรื่องของลีกภายในมหาวิทยาลัยต่างก็เป็นพวกเขาที่จัดการเองทั้งหมด ถ้าอยากจะให้เกิดเหตุบังเอิญแบบนั้นในตอนจับสลากการแข่งขันก็เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยจริง ๆ
ถึงนี่จะไม่ใช่เรื่องที่มีคุณธรรม แต่เมื่อคิดถึงภาพเหตุการณ์ที่จะได้เจอกับคลื่น7 ในรอบแรกแล้วก็ความยินดีจากการได้กำจัดพวกมันออกไปแล้ว…
“น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วนะ!” โจวมู่ถงหัวเราะฮิฮะอย่างยินดีแล้วพูดขึ้น
…………………………………………….
*ภาษาจีนจะมีคำเรียกรุ่นพี่ที่แยกตามเพศค่ะ ความจริงแล้วเหออวี้เรียกโจวม่อกับเกาเกอว่ารุ่นพี่กันเฉย ๆ เพียงแต่คำที่ใช้ของเขามันแยกเพศได้ในตัวอยู่แล้วเลยระบุคนได้เลย ไม่เหมือนของไทย แต่จะให้แปลเป็นรุ่นพี่ชาย รุ่นพี่หญิงเราก็รู้สึกว่ามันประหลาดไปมาก จะให้ใช้ทับศัพท์เราก็ไม่อยากเท่าไหร่ ดังนั้นพอเรียกรุ่นพี่หญิงซึ่งหมายถึงเกาเกอขึ้นมาเราเลยเติมแซ่เกาเข้าไปด้วยเลยเพื่อไม่ให้สับสน แต่ว่าต้นฉบับเขาไม่ได้ระบุแซ่ลงไปในประโยคนี้ค่ะ ซึ่งต่อไปก็น่าจะมีประโยคประมาณนี้มาอีก เราก็จะทำแบบนี้ต่อไปนะคะ
คิดว่าเจอรอบแรกก็จะชนะเหรอ ดูถูกบัพอมตะที่ชื่อว่าพระเอกไปแล้ว!
ตอนที่ 15 – ก้าวแรกในการเดินทาง
ตอนต่อไปเป็นเกมไต่แรงค์เกมแรกแล้วค่ะ บอกได้เลยว่าเป็นหนึ่งในตอนที่เราอินมาก ๆ