ตอนที่ 1203 ของขวัญสีดำ โดย Ink Stone_Fantasy
ต้องยอมรับเลยว่าบารอนของอ่าวดีพพูลนั้นทำงานได้รวดเร็วอย่างมาก ไม่เพียงแต่จะจัดแจงห้องครึ่งหนึ่งในคฤหาสน์ให้ผู้บังคับบัญชาของกองทัพได้ใช้ แต่เขายังจัดสาวใช้มากลุ่มหนึ่งเพื่อคอยปรนนิบัติแขกทุกคนด้วย เรียกได้ว่ามีความรอบคอบทีเดียว เพียงแต่ขวานเหล็กไม่อยากให้ความลับรั่วไหล เขาจึงให้สั่งคนใช้เหล่านั้นไปอยู่นอกห้อง
เมื่อเห็นหนุ่มๆ ในทีมที่ปรึกษาบางคนมีสีหน้าผิดหวัง ขวานเหล็กจึงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ทำงานได้แล้ว อย่าลืมซะล่ะว่าผลงานของพวกเจ้าจะถูกจดเอาไว้ในบันทึกแล้วส่งให้เอดิธส์ เคนท์ตรวจ ถ้ามีอะไรผิดพลาด พวกเจ้าน่าจะรู้ใช่ไหมว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง”
พอพูดชื่อไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือออกมา ทุกคนก็ตัวสั่นขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบลุกขึ้นไปทำงาน
“แผนที่ ข้าแขวนแผนที่ก่อน!”
“ตารางการเดินทางล่ะ? เดี๋ยวข้าตรวจดูอีกรอบหนึ่ง”
“ใครจะมานับเสบียงกับข้า?”
ในห้องวุ่นวายขึ้นมาทันที
“สมแล้วที่เป็นคนหนุ่ม มีชีวิตชีวากันจริงๆ…” เรมียิ้มๆ พร้อมส่ายหัว “สายตาของบารอนไม่เลวเลยทีเดียว คงจะมองเห็นอะไรในคนพวกนี้”
“ก็เป็นแค่วิธีที่พวกขุนนางชอบใช้บ่อยๆ เท่านั้นแหละ” ขวานเหล็กขมวดคิ้ว “จะดีกว่านี้ถ้าเขาเอาความพยายามไปใช้ในแผนการเคลื่อนย้ายให้มากกว่านี้”
“วางใจได้ เรื่องนี้ทางสำนักบริหารจะคอยจับตามองเขาเอง” เรมีตบหน้าอก “อย่างนี้แล้ว อุปสรรคแรกก็ถูกกำจัดไปอย่างราบรื่น ทุกอย่างเรียกได้ว่าราบรื่นกว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียอีก ในอีกแง่หนึ่งตระกูลทุสก์กับตระกูลเรดสโตนเกทนั้นเหมือนกับช่วยเราเลยนะเนี่ย แต่ว่าหลังจากนี้คงจะไม่ง่ายแบบนี้แล้ว….”
“ไม่ ไม่มีอะไรแตกต่าง” ขวานเหล็กพูดตัดบท
“งะ…งั้นเหรอ?” อีกฝ่ายงุนงง
“เพราะว่าพวกเขานั้นล้าหลังอยู่ในยุคสมัยนี้” เขาพูดจบก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก หากแต่ทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ในเวลานี้เมฆฝนได้กระจายตัวหายไปแล้ว ท้องฟ้าที่อึมครึมมีสีน้ำเงินปรากฏขึ้นมา
‘เพราะว่าพวกเขาล้าหลังอยู่ในยุคสมัยนี้แล้ว’ หนึ่งสัปดาห์ก่อนออกเดินทาง เอดิธส์พูดกับเขาแบบนี้ แต่ว่ารอบนี้ไม่ได้เป็นการพูดส่วนตัว หากแต่เชิญเขาเข้ามาในห้องประชุมของหน่วยเสนาธิการทหารใหญ่ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่คอยจดบันทึกด้วย และหัวข้อที่พวกเขาพูดคุยกันก็คือจะทำอย่างไรถึงจะทำให้แผนการเคลื่อนย้ายประชากรของฝ่าบาทบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ‘ไม่รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอก สายตาทุกคู่จับจ้องอยู่ที่ทรัพย์สมบัติที่อยู่ในมือ ไร้ซึ่งจินตนาการ หลงตัวเองคิดว่าเชี่ยวชาญในการคิดคำนวณผลประโยชน์ ขุนนางส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นเช่นนี้ ถ้าข้าเดาไม่ผิด ท่านคิดจะไล่จัดการขุนนางไปทีละเมืองๆ ใช่ไหม?’
‘ถ้าพวกเขาขัดขวางแผนการของฝ่าบาทล่ะก็’
‘ช้าเกินไป’ เอดิธส์พูดออกมาตรงๆ ‘ปฏิบัติการครั้งนี้ไม่เหมือนกับตอนที่เรารวมอาณาจักร เมื่ออยู่ในดินแดนแปลกหน้านั้นเราจำเป็นต้องส่งทหารไปประจำการ ถึงจะทำให้เส้นทางขนส่งปลอดภัย แต่ทหารที่จะเหลือให้เราใช้ก็จะลดน้อยลงไปด้วย ถึงแม้สุดท้ายชัยชนะจะเป็นของเรา แต่มันก็จะทำให้แผนการต้องใช้เวลานานมากขึ้น อีกอย่าง กำลังของเกรย์คาสเซิลอาจจะทำให้พวกเขาไม่กล้าปะทะแบบซึ่งๆ หน้า แต่มันอาจจะมีการวางแผนเล่นงานเราลับหลังอยู่ก็ได้ ถ้ามัวรอให้พวกเขาสร้างความเสียหายขึ้นมาแล้วท่านค่อยไปลงมือจัดการ เช่นนั้นมันอาจจะทำให้เสื่อมเสียมาถึงฝ่าบาทได้’
‘อย่างนั้นต้องทำยังไง?’
‘กำหนดเป้าหมายล่วงหน้า สร้างพันธมิตรแล้วก็กำจัดศัตรูไปด้วย’ เอดิธส์ส่งเอกสารที่เป็นตารางมาให้เขาชุดหนึ่ง
บนนั้นมีตัวเลือกอยู่เต็มไปหมด ส่วนด้านหลังก็มีคะแนน +1 +2 กำกับเอาไว้
‘นี่คืออะไร?’ ขวานเหล็กพึ่งจะเคยเห็นตารางแบบนี้เป็นครั้งแรก
‘แบบประเมินภัยคุกคาม? คู่มือจัดอันดับคนที่จะก่อกบฎ?….จะเรียกอะไรก็ไม่สำคัญ นี่คือสิ่งที่ข้าทำขึ้นมาโดยอิงจากลักษณะนิสัยของพวกขุนนาง โดยเงื่อนไขที่เอามาคิดคำนวณนั้นประกอบไปด้วยเพศ ผู้สืบทอด ขนาดของที่ดินที่ปกครอง สิ่งที่ทำเป็นประจำทุกวัน ท่านแค่เอาข้อมูลที่เกี่ยวข้องเดิมลงไปในช่อง แล้วท่านก็จะได้ผลลัพท์คร่าวๆ ออกมา ยิ่งมีข้อมูลให้ใช้เยอะ มันก็จะยิ่งมีประโยชน์ต่อการวิเคราะห์ เนื่องจากสถานการณ์ในวูล์ฟฮาร์ทและอีเทอร์นอลวินเทอร์นั้นเปลี่ยนไปมาก ดังนั้นงานในส่วนนี้ทางกองเสนาธิการทหารใหญ่จึงไม่สามารถทำแทนท่านได้ ถ้าเจอตระกูลที่ไม่มีอยู่บนรายชื่อก็ให้คำนวณตามตารางนี้’
‘หลังจากคำนวณแล้วล่ะ?’ เขาพลิกดูพร้อมถาม
‘ถ้าต่ำกว่า 50 ก็ชักชวนให้มาเป็นพวกได้ ความสามารถของพวกเขาธรรมดา ความทะเยอทะยานเองก็มีไม่มาก แต่เรื่องที่ขุนนางเหล่านี้ทำได้กลับมีอยู่ไม่น้อย ทั้งแผนที่ในพื้นที่ การกระจายตัวของเมือง รายละเอียดประชากรก็ล้วนแต่สอบถามจากปากของพวกเขาได้ ที่สำคัญกว่านั้นก็คือเมื่อมีการสนับสนุนจากผู้ปกครองท้องถิ่น มันก็จะทำให้งานเคลื่อนย้ายประชากรมีประสิทธิภาพสูงสุด’ เอดิธส์อธิบาย
‘ส่วนพวกที่สูงกว่า 50….’ เธอชะงักไปเล็กน้อย ‘ก็ให้มองว่าไม่มีค่าพอให้ไปข้องเกี่ยว พูดอีกอย่างก็คือไม่มีค่าพอที่จะไปเสียเวลากับพวกเขา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะแสดงท่าทียินยอมหรือไม่ก็ให้โจมตีได้เลย ไม่ต้องปล่อยให้พวกมันได้คิดอะไร’
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ แม้แต่ขวานเหล็กก็ยังอดรู้สึกสั่นสะท้านขึ้นมาไม่ได้ เขาไม่เคยลังเลที่จะกำจัดพวกขุนนางที่กล้าต่อต้านฝ่ายบาท แต่เมื่อดูจากวิธีและความคิดของอีกฝ่ายแล้ว มันเรียกได้ว่าแตกต่างจากเขาอย่างมาก — ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือใช้ตารางเพียงแผ่นเดียวในการกำหนดอนาคตของขุนนางเหล่านี้ ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยเจออีกฝ่าย แล้วก็ไม่เคยคุยกับพวกเขาด้วยซ้ำ
เขานิ่งเงียบไปครู่ ก่อนจะเอ่ยปากถามออกมา ‘แล้วผลลัพธ์…มันแม่นยำไหม?’
ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาของกองทัพที่หนึ่ง ขวานเหล็กย่อมต้องเข้าใจถึงความสำคัญของเวลาดี แล้วก็รู้ด้วยว่าตารางชุดนี้สามารถช่วยเขาประหยัดเวลาไปได้มาก เรือที่ใช้ขนคนส่วนใหญ่เป็นเรือที่ฝ่าบาทเช่ามาจากสมาคมหอการค้าของฟยอร์ด ถึงแม้ปีศาจจะไม่ได้คิดจะตั้งเสาโอเบลิสที่เทือกเขาสิ้นวิถี แต่แผนการเคลื่อนย้ายประชากรยิ่งเสร็จเร็วก็ยิ่งดี
‘ก็อาจจะมีผิดพลาดได้ แม้แต่การแบ่งเกณฑ์อยู่ที่ 50 ก็เป็นความคิดของข้าเพียงคนเดียว แต่เมื่อคิดถึงเวลาอันมีค่าแล้ว รายละเอียดจะจัดการอย่างไรมันก็ต้องแล้วแต่ท่านจะตัดสินใจ’ เอดิธส์ค่อยๆ จิบชา ‘เพราะว่าทีมที่ปรึกษานั้นมีหน้าที่แค่เสนอความคิดเห็นเท่านั้น’
ขวานเหล็กพลิกไปดูหน้าสุดท้าย บนนั้นมีรายชื่อที่ทำการสรุปออกมาแล้ว ข้อมูลต่างๆ น่าจะได้มาจากอาณาจักรดอว์น โดยรายชื่ออันดับแรกในกลุ่มคนที่มีคะแนนต่ำกว่า 50 ก็คือผู้ปกครองของอ่าวดีพพูลซึ่งเป็นจุดเทียบท่าแห่งแรกของแผนการนี้
ก่อนจะออกมาจากห้องประชุม เขาถามคำถามสุดท้ายขึ้นมา
‘หจะไม่มีขุนนางที่ไม่ล้าหลังอยู่ในยุคสมัยบ้างเลยเหรอ?’
‘อาจจะมีอยู่’ เอดิธส์ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ‘แต่ต่อให้ไม่มีตารางแผ่นนี้ ข้าก็เชื่อว่าท่านจะต้องมองออกได้อย่างรวดเร็ว…เพราะว่าคนๆ นั้นจะต้องคล้ายข้าอย่างแน่นอน’
เมื่อคิดถึงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจนั้น ขวานเหล็กก็ถอนหายใจออกมา เขาเก็บความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะหมุนตัวเดินไปยงค่ายของกองทัพที่หนึ่ง ก็เหมือนกับที่ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือได้กล่าวได้ ขุนนางนั้นไม่ใช่ปัญหา ปัญหานั้นอยู่ที่ว่าจะจัดการอย่างไรถึงจะทำให้เคลื่อนย้ายประชากรมีประสิทธิภาพสูงสุดมากกว่า
แต่เพียงแค่สองวันหลังจากนี้น ในพื้นที่ท่าเรือของอ่าวดีพพูลก็มีชาวบ้านมารวมตัวกันมากกว่าหมื่นคน! พวกเขายืนออกันอยู่ด้านนอกลานเพื่อรอขึ้นเรือ ตัวเลขนี้เหนือกว่าที่ขวานเหล็กและเรมี่คาดการณ์เอาไว้มาก แม้แต่ตัวจีน เบ็ตเองก็ยังรู้สึกตใจ
กองทัพที่หนึ่งจำเป็นต้องเลื่อนวันเดินทางออกไปก่อน เพื่อรักษาระเบียบเอาไว้
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ขวานเหล็กถามเรมี่ “หรือว่าเจ้าไปขยายความคำสัญญาของฝ่าบาท?”
“ข้าจะไปกล้าทำแบบนั้นได้ยังไง” เรมีส่ายหัว “ข้าทำตามที่ขั้นตอนที่สำนักบริหารสรุปออกมาทุกอย่าง ส่วนผลของมันก็ขึ้นอยู่กับบารมีของผู้ที่ดำเนินแผนการ ถ้าที่นี่เป็นเมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็คงไม่แปลก แต่บารอนคนนี้ไม่มีทางที่จะเทียบกับฝ่าบาทด้วย เหตุเหตุนี้ในแผนการจึงคาดการณ์จำนวนคนที่จะทำการเคลื่อนย้ายเอาไว้ที่ 300 – 500 คน”
“แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ยี่สิบกว่าเท่า” ขวานเหล็กพูดด้วยอารมณ์สับสน ประชากรที่อพยพยิ่งเยอะก็ยิ่งดี แต่การที่มันมากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ก็ทำให้เขารู้สึกไม่ดีเหมือนกัน เขารู้ดีว่าการให้คนเหล่านี้ทิ้งที่ดินของตัวเองและเชื่อว่าอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามานั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากขนาดไหน ถึงแม้ฝ่าบาทจำทรงให้สัญญาว่าจะชดเชยก็ตาม แต่สำหรับชาววูล์ฟฮาร์ทแล้ว เกรย์คาสเซิลนั้นเป็นดินแดนที่ห่างไกลอย่างมาก แต่ตอนนี้จู่ๆ กลับมีผู้อพยพจำนวนมากขนาดนี้ นี่จึงทำให้เขาอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่าเบื้องหลังมันมีอะไรมากกว่านี้หรือเปล่า
“ถ้าจะพูดให้ได้ มันก็มีสถานการณ์บางอย่างที่อาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้” เรมีนิ่งเงียบไปครู่ก่อนจะพูดออกมา “นั่นก็คือผู้อพยพที่ลี้ภัย”
เพราะว่าคนเหล่านี้ไม่มีอะไรเลย ขอเพียงมีความหวัง พวกเขาก็จะพุ่งเข้าไปเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ
“แต่คนพวกนี้เป็นเสรีชนที่อยู่ในหมู่บ้านรอบๆ อ่าวดีพพูลนะ”
“ตามหลักแล้วเป็นเช่นนั้น แต่ตอนที่คนของข้าออกไปประกาศ พวกเขาได้ยินข่าวลือที่น่าสนใจบางอย่างมาก อย่างเช่นตระกูลเรดสโตนเกตกับบารอนเบ็ตนั้นมีความแค้นต่อกัน พวกเขาคิดจะจับชาวบ้านที่อยู่รอบๆ ทั้งหมดเป็นทาสหลังจากที่บุกโจมตีแล้ว หรืออย่างเช่นบริเวณเนินเขาทางทิศเหนือมีสัตว์ประหลาดกินคนปรากฏออกมา มีบางเมืองถูกมันบุกเข้าไปกินคนจนเกลี้ยงภายในคืนเดียว ซากกระดูกกระจัดกระจายอยู่กลางถนน และตอนนี้สัตว์ประหลาดพวกนั้นก็กำลังบุกมาทางตะวันออกเฉียงใต้แล้ว ข่าวลือประเภทนี้มีอยู่ไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นแต่ละเรื่องฟังแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องจริง ทำเอาคนพื้นที่พากันหวาดกลัวไปตามๆ กัน ข้าคิดว่าความหวาดกลัวนี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีผู้อพยพเยอะขนาดนี้ ถ้าจู่ๆ พวกเขาอยากจะรีบทิ้งบ้านของตัวเอง แบบนี้มันก็เหมือนกับผู้อพยพไม่ใช่เหรอ?”
ขวานเหล็กงุนงง “ข่าวลือนี้มีตั้งแต่เมื่อไร?”
“อย่างน้อยก็ประมาณครึ่งเดือนก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้พวกเราเพิ่งจะออกเดินทางจากเนเวอร์วินเทอร์ได้ไม่นาน” เรมี่ลูบคาง “ควรจะบอกว่าพวกเราโชคดีหรือเปล่า?”
ดีก็บ้าแล้ว ขวานเหล็กสีหน้าคร่ำเคร่ง นี่แสดงให้เห็นว่ามีคนวางแผนจัดการเรื่องนี้ลับหลัง แถมยังรู้จุดหมายปลายทางของกองทัพที่หนึ่งเป็นอย่างดี
ใครเป็นคนแพร่ข่าวลือนี้กันแน่? อีกฝ่ายทำไมถึงช่วยเกรย์คาสเซิล? พวกเขาเป็นมิตรหรือว่าเป็นศัตรู? คำถามมากมายทยอยปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา
จนกระทั่งมีทหารนายหนึ่งพูดแทรกความคิดเขาขึ้นมา
“ท่านผบ. มีคนให้ข้าเอาจดหมายนี้มามอบให้ท่านขอรับ”
“ใคร?” ขวานเหล็กสะกดความคิดฟุ้งซ่านเอาไว้พร้อมทั้งรับเอาจดหมายมา
“ไม่ได้บอกชื่อเอาไว้ เป็นแค่เด็กคนหนึ่งขอรับ” ทหารตอบ “แต่เขาบอกว่าตัวเองก็เป็นแค่คนส่งจดหมายเหมือนกัน คนที่เขียนจดหมายคงไม่อยากให้คนเห็นล่ะมั้งขอรับ ข้าได้ตรวจสอบดูแล้ว ด้านในไม่มีอะไรนอกจากกระดาษแผ่นหนึ่งขอรับ”
ซองจดหมายเป็นแค่กระดาษธรรมดาๆ ที่วางอยู่ในตลาดทั่วๆ ไป เทียบกับหนังแกะหรือหนังวัวแล้วถือว่าถูกกว่ามาก ตรงปากซองจดหมายก็ไม่มีครั่งปิดผนึกเอาไว้ ดูแล้วเหมือนไม่ใช่จดหมายที่เป็นทางการอะไร ขวานเหล็กหยิบเอากระดาษที่อยู่ข้างในออกมา แต่เขากลับต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าตัวกระดาษนั้นเป็นสีดำสนิท ความแข็งและความเงางามของมันไม่ใช่กระดาษที่คนธรรมดาจะมีปัญหาหาซื้อมาใช้ได้
เมื่อเปิดออกอ่าน บนกระดาษนั้นมีตัวหนังสือเล็กๆ สีทองอยู่แค่แถวเดียว
‘นี่คือของขวัญที่มอบให้กับความจงรักภักดีของท่าน หวังว่าท่านจะพึงพอใจ’
……………………………………………………………………