Ch.12 – ตอนที่ 22-23 เวรเอ๊ย! อย่าบอกนะว่า นี่….นี่ก็คือ คุณ – ป้า – ใหญ่ ในตำนาน!*
Translator : Akanirawan / Author
หลังจากกลับถึงบ้านแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันเข้าห้องของตัวเอง
ซูเจี๋ยนอาบน้ำอย่างยากลำบาก จากนั้นก็สวมเสื้อยืดตัวยาวแทนชุดนอนเช่นเคย แล้วจึงทรุดกายนั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์ เริ่มเล่นเกมอย่างมีความสุข
เล่นไปได้ครึ่งทาง ก็ลุกขึ้นคิดจะไปหาน้ำมาดื่มสักหน่อย แล้วสายตาก็ไพล่ไปมองเก้าอี้ตัวสีขาวสะอาดที่ตนเคยนั่งอยู่นั้นโดยบังเอิญ จากนั้น…. ก็พลันแข็งค้างไปทั้งร่าง
คราบเปื้อนสีแดงฉานบนเก้าอี้นั่นมันอะไร?!
ซูเจี่ยนรีบขยับมือไปแตะบั้นท้ายตัวเองทันที
พอยกมือกลับมามองด้านหน้า ซูเจี๋ยนก็แผดเสียงร้องแหลมออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ให้ตายเถอะ! เลือดเต็มไปหมดเลย! อ๊าาา!
ร่างกายของแม่สาวแซ่ซูนั่นคงไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ไหม? เธอคงไม่ได้จู่ๆ ก็กระดูกหักขึ้นมาเองได้หรอกนะ ถ้างั้นแล้วทำไมถึงได้มีเลือดไหลออกมาจากก้น? หรือว่า… หรือว่าแม่นางซูคนนี้….แท้จริงแล้วเป็นริดสีดวงทวาร?
ขณะที่เขากำลังจ้องมองเลือดเต็มฝ่ามือด้วยอาการมึนงงจนหัวสมองขาวโพลนอยู่นั่นเอง อันอี่เจ๋อที่ได้ยินเสียงร้องก็ผลักประตูเปิดเข้ามา
“เป็นอะไรไป”
ซูเจี๋ยนซึ่งกำลังอยู่ในสภาวะตื่นตระหนกก็รีบยกชูฝ่ามือให้เขาดู : “เลือด! เลือดไหลเต็มเลย! ฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกัน!”
อันอี่เจ๋อจ้องมองสีแดงสดเสียดแทงนัยน์ตานั้น สีหน้ากลายเป็นเคร่งเครียด สอบถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เธอเผลอเอาขาไปกระแทกโดนอะไรเข้ารึเปล่า”
ซูเจี่ยนรีบส่ายหน้าตอบ “ไม่นะ ไม่มี! ฉันนั่งอยู่ที่นี่ตลอด ไม่ได้ขยับไปไหนด้วยซ้ำ!”
อันอี่เจ๋อขมวดคิ้วแน่นขึ้น “ให้ฉันดูหน่อย”
จากนั้น ทั้งร่างของอันอี่เจ๋อก็แข็งค้างอยู่กับที่
อันอี่เจ๋อหันมามองซูเจี่ยนด้วยแววตาไร้ความรู้สึก ถามกลับด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อ : “วันนั้นของเดือนของเธอเป็นวันไหน”
“วันนั้นของเดือน?” ซูเจี่ยนยังไม่หายตกใจ จึงได้แต่ส่ายหน้าอย่างไร้สติ “ไม่รู้….”
อันอี่เจ๋อก็อึ้งงันไปเช่นกัน จากนั้นจึงคิดขึ้นมาได้ว่าหญิงสาวมีอาการความจำเสื่อม จะจดจำสิ่งต่างๆ ไม่ได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ชายหนุ่มจึงกล่าวต่อ “นี่ก็คงใช่วันนั้นแล้วล่ะ เธอก็จัดการตัวเองเถอะ” จากนั้นเขาก็หมุนตัวกลับและพยายามพาร่างสูงโปร่งของตัวเองจากไปทันที
“นี่! ฉันจะจัดการเองได้ยังไง! ก็ฉัน——” ซูเจี๋ยนยื่นมือไปดึงตัวอันอี่เจ๋อเอาไว้ คำพูดยังเอ่ยไม่ทันจบดี จู่ๆ ในสมองก็พลันตระหนักขึ้นมาได้ วันนั้นของเดือน? วันนั้นของเดือนของผู้หญิงมันจะเป็นวันไหนไปได้ล่ะ นี่คงไม่ใช่วันที่ฉันคิดใช่ไหม…..
เวรเอ๊ย! อย่าบอกนะว่า นี่….นี่ก็คือ คุณ–ป้า–ใหญ่ ในตำนาน![1]
ซูเจี๋ยนรู้สึกคล้ายสวรรค์ถล่มดินทลายลงมาตรงหน้า ยอดเขาตระหง่านสะเทือนเลื่อนลั่นพังครืน
ถึงแม้จะรู้ตัวดีอยู่แล้วว่าในเมื่อกลายเป็นผู้หญิง ยังไงก็ต้องได้พบเจอคุณป้าใหญ่ในสักวัน แต่ตนก็ไม่คาดคิดเลยจริงๆ ว่าจะได้พบได้เจอกันรวดเร็วขนาดนี้ ทั้งยังไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเมื่อวันนั้นมาถึง ตนจะรู้สึกปั่นป่วนวุ่นวายคล้ายกับธาตุไฟแตกซ่านได้ขนาดนี้
การถูกคุณป้าใหญ่จู่โจมอย่างกะทันหัน ทำให้ชายแท้ที่ปลอมแปลงเป็นหญิงสาวอย่างซูเจี๋ยนทุรนทุรายแทบขาดใจตายแล้ว ไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป ต้องคว้าจับอันอี่เจ๋อไว้แน่น ใบหน้าเล็กๆ เผือดซีดด้วยความสิ้นหวัง : “ฉันจะทำไงดี…..”
อันอี่เจ๋อใบหน้าดำคล้ำไปทั้งแถบ มาถามเขาแล้วเขาจะไปรู้ได้ยังไง!
แต่พอเห็นหญิงสาวตรงหน้าใช้ดวงตากลมโตสั่นระริกทั้งสองข้างจ้องมองมาอย่างร้อนรนกระวนกระวายแบบนั้น ทั้งสีหน้าท่าทางบนใบหน้าน้อยๆ นั่นก็ดูน่าสงสารมาก ราวกับจะร่ำร้องวิงวอนให้เขาช่วยเหลืออย่างอับจนหนทาง ชายหนุ่มก็ไม่อาจกล่าววาจาตัดรอนออกไปได้แม้แต่ครึ่งคำ
นึกขึ้นมาได้ว่าขาของเธอเป็นแบบนั้นคงขยับตัวไม่สะดวก อันอี่เจ๋อเงียบงันไปครู่หนึ่ง ค่อยเอ่ยถามขึ้นอย่างแข็งทื่อ : “เธอเก็บ….ของใช้จำเป็นสำหรับผู้หญิง….ไว้ที่ไหนล่ะ”
“เอ๋?” ซูเจี๋ยนอึ้งงันไป รอจนได้สติกลับคืนมา จึงค่อยทำความเข้าใจได้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังถามถึง ก็คงจะเป็นสิ่งที่เขาเรียกกันว่าผ้าอนามัยนั่นเอง สีหน้าจึงกลายเป็นหดหู่ขมขื่น ส่ายศีรษะพลางกล่าวตอบ : “ฉันไม่รู้”
ข้ออ้าง ‘สูญเสียความทรงจำ’ นี้ช่างใช้การได้ดีจริงๆ อันอี่เจ๋อไม่ได้ระแวงสงสัยอะไรอีก เพียงปลดมือของหญิงสาวออกไปด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก เริ่มควานหาในตู้เสื้อผ้าและลิ้นชักของเธอ เมื่อไม่พบก็ไปค้นหาต่อในห้องน้ำ แต่ก็ยังหาไม่เจอสักที
ซูเจี๋ยนยังคงเหม่อมองชายหนุ่มตาละห้อยอย่างน่าสงสาร : “ไม่มีเลยเหรอ จะทำยังไงดีล่ะ” อันที่จริง ต่อให้มีของอยู่ ตัวเองก็ไม่รู้จะใช้ยังไงอยู่ดีนั่นแหละ!
อันอี่เจ๋อยังสุขุมเยือกเย็นได้อยู่ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดโทรหาบริการส่งของแบบด่วนพิเศษของร้านสะดวกซื้อในละแวกนั้น
ผลลัพธ์ที่ได้ คือเพราะยามนี้ดึกดื่นเกินไป บรรดาร้านสะดวกซื้อในละแวกใกล้เคียงจึงปิดให้บริการด้านส่งของไปแล้ว สายที่โทรออกไปก็เลยไม่มีคนรับ
อันอี่เจ๋อ : “…..”
ซูเจี๋ยนใกล้จะหลั่งน้ำตาเต็มที : “ยังมีวิธีอื่นอีกมั้ย”
ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี เพียงแต่…..ดึกๆ ดื่นๆ ค่อนคืน จะให้เขา ท่านประธานอันคนนี้ ไปเดินดุ่มๆ หาซื้อผ้าอนามัยสำหรับสตรี….. แค่นึก ท่านประธานอันที่สุขุมเยือกเย็นอยู่เป็นนิจก็เส้นเลือดขมับเต้นตุบจนแทบแตกสลายอยู่รอมร่อ
ซูเจี๋ยนก็นึกขึ้นมาได้ในชั่วขณะนั้นเอง ว่าการขอให้อันอี่เจ๋อออกไปซื้อของให้คงจะเป็นหนทางเดียวที่เหลืออยู่แล้ว เพราะถึงอย่างไร หากให้ตนออกไปเลือกซื้อผ้าอนามัยสำหรับสตรีด้วยตัวเอง แค่คิดก็รู้สึกเหมือนจะเป็นลมตายแล้ว
ดังนั้น ตอนนี้เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นดีใจขึ้นมาที่ขาของตัวเองหักอยู่ข้างหนึ่ง
“อี่เจ๋อ….” ซูเจี๋ยนค่อยๆ ดึงแขนเสื้อของอันอี่เจ๋อเบาๆ ช้อนตาขึ้นมองอย่างขอร้องอ้อนวอน สีหน้าท่าทางแบบนี้ รู้สึกว่ายิ่งฝึกฝนก็ยิ่งกลมกลืนแนบเนียนขึ้นทุกทีแล้ว
อันอี่เจ๋อนิ่งขรึมไม่พูดไม่จา
แน่นอนว่าซูเจี๋ยนย่อมไม่อาจปล่อยเขาไปแบบนี้ จึงวิงวอนขอร้องต่อด้วยน้ำเสียงออดอ้อน : “คุณได้โปรดออกไปซื้อให้ฉันตอนนี้เลยได้ไหม นะ น๊าา~”
อันอี่เจ๋อมีสีหน้าว่างเปล่าไร้ความรู้สึก ทว่าในใจกลับเริ่มรู้สึกสำนึกเสียใจขึ้นมาแล้ว ตอนนั้น ทำไมเขาถึงได้เต็มใจยอมให้มีการแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้น? แล้วทำไม ทำไมถึงได้เลือกผู้หญิงคนนี้มากัน?
ซูเจี๋ยนยังเขาแขนเขาเบาๆ : “อี่เจ๋อ….สัมมี~…..”
สุดท้าย อันอี่เจ๋อก็ได้แต่เค้นเสียงลอดไรฟันออกมา : “รออยู่นี่แหละ!”
ซูเจี๋ยนฉีกยิ้มกว้างอย่างจริงใจให้เขาทันที
เพราะค่อนข้างดึกแล้ว ร้านค้าหลายร้านจึงทยอยปิดไปเรียบร้อย ดังนั้นอันอี่เจ๋อจึงต้องขับรถไกลออกไปอีกหน่อย จากนั้นก็บรรลุเป้าหมายได้โดยสวัสดิภาพ
ตอนที่เขากลับมาถึง ซูเจี๋ยนก็กำลังขยับขาปัดป่ายไปมาอยู่ข้างโซฟาอย่างกระวนกระวาย เพราะว่าไม่กล้านั่งลงไป
อันอี่เจ๋อหอบหิ้วถุงผ้าใส่ของใบใหญ่มหึมาเต็มแน่นเข้ามา วางตึงลงตรงหน้าหญิงสาว แล้วกล่าวออกมาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก : “ฉันไม่รู้ว่าเธอชอบใช้แบบไหน ก็เลยซื้อมาหมดทุกแบบ”
พอหวนนึกถึงแววตาและท่าทางแปลกประหลาดที่คนขายในร้านแอบมองเขาแล้ว สีหน้าของชายหนุ่มก็ยิ่งดำคล้ำจนไม่อาจจะดำไปกว่านี้ได้อีก
ซูเจี๋ยนขอบคุณเขาอย่างซาบซึ้ง : “ขอบคุณมากนะ”
อันอี่เจ๋อกระตุกมุมปากเป็นรอยยิ้มแข็งทื่อ ไม่ยอมกล่าวอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ก้าวขาฉับๆ กลับเข้าห้องตัวเองไปทันที
ทางฝั่งซูเจี๋ยนก็รีบไปเข้าห้องน้ำ ทรุดลงนั่งบนชักโครก พยายามศึกษาวิธีการใช้ผ้าอนามัยอย่างเร่งด่วน
จากนั้น สีหน้าของเขาก็กลายเป็นว่างเปล่าแข็งทื่อ
เย*ดแม่ ทำไมเป็นผ้าอนามัยแล้วยังต้องมีแบ่งแยกออกเป็นหลายประเภทหลากสีสันละลานตาปานนี้อีก บางอันก็ใช้สำหรับกลางวัน ยังมีที่ใช้สำหรับกลางคืน แล้วก็ยังมีที่ซึมซับตลอดคืน มีทั้งแบบแผ่นบาง มีทั้งแบบหนานุ่มเป็นพิเศษ แบบมีปีกก็ยังมี อันที่ไม่มีปีกก็มี แถมยังมีเจ้าแผ่นอนามัยเล็กๆ นี่อีก
ซูเจี๋ยนรู้สึกสันสนว้าวุ่นใจเป็นอย่างมาก
หลังจากตั้งสติอ่านทำความเข้าใจอยู่ครึ่งค่อนวัน ในที่สุดก็ใช้ผ้าอนามัยเป็นเสียที จากนั้น ซูเจี๋ยนจึงเดินกระมิดกระเมี้ยนออกจากห้องน้ำไปอย่างอึดอัด
คืนนั้น ซูเจี๋ยนนอนไม่สบายเลยสักนิด
เพราะเขาฝันร้ายมาก
ในฝัน ทุกหนแห่งกลายเป็นมหาสมุทรสีโลหิตแดงฉาน ทั้งร่างของเขาจมดิ่งลงไป ไม่อาจดิ้นรนได้แม้แต่น้อย ได้แต่ไหลไปพร้อมกระแสสีเลือดอย่างทุกข์ทรมาน
……………………………….
(วันนี้มี 2 ตอน *ก่อนกดอ่านตอนต่อไป ขอคนละเม้นนะ*)
เชิงอรรถ
[1] คุณป้าใหญ่ [大姨吗] เป็นแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ ไว้ใช้สำหรับตรวจสอบสุขภาพของคุณผู้หญิง โดยเฉพาะเรื่องรอบเดือนและการนับวันไข่ตก ดังนั้นเวลาเอ่ยถึงคุณป้าใหญ่ จึงมีความหมายแฝงถึงการเป็นประจำเดือน
วันถัดมา ซูเจี๋ยนก็ดูไร้ชีวิตชีวาเอามากๆ
นี่ไม่ใช่เพราะคุณป้าใหญ่มาเยือนอย่างไม่คาดคิดแต่อย่างใด เพราะถึงแม้ตอนแรกเขาจะรู้สึกตื่นตระหนกและทำใจลำบากอยู่บ้าง แต่หลังผ่านไปคืนหนึ่ง ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจแบบนั้นอีกแล้ว ท่าทางซึมเซาไร้ชีวิตชีวาเช่นนี้ เป็นเพราะเขากำลังรู้สึกเจ็บปวดจนยากจะทน
ปวดท้องมากๆ
ส่งผลให้ตลอดทั้งวันนั้น ซูเจี๋ยนไม่มีอารมณ์จะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเลยสักนิด แม้แต่เกมส์ก็ไม่อยากเล่นแล้ว ได้แต่เปิดทีวีย้ายช่องไปเรื่อยเปื่อย พลางขดตัวเป็นก้อนอยู่บนโซฟาอย่างเกียจคร้าน คิ้วเรียวบางขมวดแน่น ไม่ยอมขยับตัวแม้แต่น้อย
แต่ความเจ็บปวดเช่นนี้ช่างยากจะทานทนอย่างแท้จริง ดังนั้น ในที่สุดเขาก็ได้แต่ต้องโทรหาอันอี่เจ๋อ
“นี่ ตอนคุณกลับมาบ้าน ช่วยแวะร้านขายยาซื้อยามาให้ฉันหน่อยได้รึเปล่า ขอยาแก้ปวดท้องนะ!”
ยามที่อันอี่เจ๋อรับสาย จี้หมิงเฟยก็อยู่ข้างๆ เขาพอดี พอได้ยินว่าเป็นซูเจี๋ยนที่โทรเข้ามา ก็รอจนชายหนุ่มวางสายแล้วจึงแสยะยิ้มหยอกล้อเพื่อนสนิททันที : “มีอะไรเหรอ พี่สะใภ้โทรฯ มาตามนายกลับบ้านไปกินข้าวเย็นด้วยกันอีกแล้วหรือไง”
อันอี่เจ๋อมุ่นหัวคิ้วเข้าหากัน : “เธอบอกว่าปวดท้อง”
จี้หมิงเฟยมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา : “ปวดท้องงั้นเหรอ ได้กินของผิดสำแดงเข้าไปรึเปล่า”
อันอี่เจ๋อส่ายหน้า : “ฉันก็ไม่รู้”
จี้หมิงเฟยแนะนำอย่างเอาใจใส่ : “ไม่ลองพาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาลดูซักหน่อยล่ะ ถึงยังไงเธอก็เพิ่งประสบอุบัติเหตุร้ายแรงแบบนั้นมา เรื่องปวดท้องนี่ อาจเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ได้ทั้งนั้น บางทีอาจเป็นเพราะอาหารเป็นพิษ หรืออาจเป็นไส้ติ่งอักเสบ แล้วก็ สำหรับผู้หญิง ก็ยังมีอาการปวดท้องเมนส์….”
หลังจากได้ยินคำว่า ‘ปวดท้องเมนส์’ อันอี่เจ๋อก็แข็งค้างไปทั้งร่าง
จี้หมิงเฟยย่อมไม่ปล่อยให้การแสดงออกทางสีหน้าของเขาเล็ดรอดไปได้ ในใจจึงตระหนักรู้ได้ทันที พลันตบบ่าเพื่อนสนิทเบาๆ : “ฉันก็เคยมีแฟน ช่วงที่เธอเป็นเมนส์น่ะจะปวดท้องหนักมากจนแทบทนไม่ไหว แต่เดี๋ยวหลังจากนั้นก็ดีขึ้นเองแหละ”
อันอี่เจ๋ออดถามอย่างสงสัยไม่ได้ : “จะดีขึ้นได้ยังไง”
จี้หมิงเฟยกล่าวตอบหน้าตาย : “อ้าว นี่นายไม่รู้เหรอ ผู้หญิงที่ปวดท้องเมนส์น่ะ หลังจากได้ผ่านการทำเรื่องอย่างว่ากับผู้ชายแล้ว ก็มักจะไม่ต้องปวดท้องอีก ฉะนั้นนะ ฉันว่านายไม่ต้องไปซื้อยงซื้อยาอะไรหรอก ไม่สู้นายรีบๆ กลับบ้านแล้วก็ดึงตัวสาวน้อยบ้านนายมา….. เอาล่ะ เอาล่ะ ฉันไม่พูดแล้ว ฉันไม่พูดอีกแล้ว!”
แม้ภายนอกจะยอมปิดปากเงียบ แต่จี้หมิงเฟยกลับรู้สึกไม่ยอมรับอยู่บ้าง ได้แต่ค่อนแคะพร่ำบ่นอยู่ในใจ : ฉันอุตส่าห์ชี้แนะให้เพราะหวังดีแท้ๆ เฮ้อ จากใจจริงเลยนะ น้องชาย! ผู้ชายอย่างเราๆ น่ะทนเก็บกดไว้นานเกินไปมันจะไม่ดีต่อร่างกายเอานา! ฮ่าย…ใครจะไปคิดว่าท่านประธานอันสุดหล่อแห่ง CMI ผู้เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งบุรุษเพศ นายน้อยสามแห่งตระกูลอันผู้เป็นที่ยกย่องชื่นชมคนนี้ แท้จริงแล้วกลับเป็นชายอายุสามสิบที่ยังจิ้น! ยังเวอร์จิ้นน่ะเข้าใจไหม!…..
……………………………….
ตอนที่อันอี่เจ๋อกลับมาถึงบ้าน ซูเจี๋ยนก็ยังขดตัวเป็นก้อนกลมอยู่บนโซฟา ไม่ยอมขยับเขยื้อน
เห็นว่าเขากลับมาแล้ว ซูเจี๋ยนก็เอ่ยถามขึ้นเสียงแผ่วระโหยโรยแรง : “ได้ซื้อยามารึเปล่า”
อันอี่เจ๋อวางถุงยาไว้บนโต๊ะ : “ซื้อมาแล้ว” มองดูหว่างคิ้วขมวดมุ่นอย่างอ่อนเพลียไร้กำลังของซูเจี๋ยนแล้ว ก็ขยับตัวลงนั่งข้างกายหญิงสาว : “ปวดมากเลยเหรอ”
ซูเจี๋ยนแค่นเสียงอย่างอ่อนแรง : “ไม่สู้คุณลองมาปวดดูบ้าง” แม่เอ๊ย! ตอนนี้เขาถึงเพิ่งรู้ว่าเหล่าสุภาพสตรีทั้งหลายนั้นใช้ชีวิตอย่างไม่ง่ายดายเพียงใด ถ้าให้ทนแค่ครั้งสองครั้งก็คงไม่นับเป็นอะไรนัก แต่ประเด็นก็คือเหล่าสุภาพสตรีทั้งหลายต้องฝืนทนต่อความเจ็บปวดเช่นนี้ทุกเดือน! การเคี่ยวกรำทรมานแบบนี้มันช่างหนักหนาสาหัสโดยแท้! ความอดทนข่มกลั้นเช่นนี้ช่างน่ายกย่องอย่างแท้จริง! ไม่แปลกที่มีคำกล่าวจำพวกว่า : ในโลกใบนี้ มีสิ่งมีชีวิตอย่างสตรีเพศที่แต่ละคนล้วนต้องหลั่งเลือดถึงเจ็ดวันในทุกๆ เดือนแล้วยังมีชีวิตอยู่ได้ ก็นับเป็นข้อพิสูจน์ถึงการคงอยู่ของตัวตนที่ท้าทายธรรมชาติได้แล้ว!
อันอี่เจ๋อพูดไม่ออก เงียบงันอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยถามขึ้น : “เธอกินอะไรรึยัง”
ทรมานจนไม่อยากแม้แต่จะขยับตัวแบบนี้ ยังจะมีอารมณ์ไปทำอาหารที่ไหนกัน? ซูเจี๋ยนส่ายศีรษะไปมาแทนคำตอบ มองอันอี่เจ๋อหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรสั่งอาหาร แล้วจู่ๆ ก็รีบเอ่ยออกมากะทันหัน : “ขอเป็นอาหารสำหรับบำรุงเลือดนะ!” แม่เอ๊ย เสียเลือดเยอะขนาดนี้ภายในวันเดียว ขนาดชั่วชีวิตยี่สิบเก้าปีที่ผ่านมายังไม่เคยต้องเสียเลือดเยอะขนาดนี้มาก่อนเลย! เขาทั้งสับสนวุ่นวายทั้งหดหู่เสียดายแทบตายแล้ว นี่อาจจะเลยเถิดจนเกิดเป็นโรคโลหิตจางขึ้นมาในสักวันก็เป็นได้!
มุมปากของอันอี่เจ๋อบิดกระตุกเล็กน้อย แต่ก็ยังยอมสั่งอาหารบำรุงเลือดมาให้ตามคำขอ
อันที่จริงซูเจี๋ยนรู้สึกกระหายน้ำอยู่นานแล้วแต่ไม่อยากขยับตัว ดังนั้นยามนี้จึงเอ่ยขอกับอันอี่เจ๋อ : “ฉันหิวน้ำมากเลย วานคุณช่วยหยิบน้ำในตู้เย็นมาให้ทีสิ”
อันอี่เจ๋อกำลังจะผุดลุกขึ้น แต่จากนั้นก็นึกขึ้นได้จึงทรุดตัวลงนั่งอีกครั้ง จ้องมองซูเจี๋ยนพลางกล่าวอย่างจริงจัง : “ตอนนี้เธอดื่มน้ำเย็นไม่ได้” [2]
ซูเจี๋ยนกะพริบตาปริบๆ : “ทำไมล่ะ”
อันอี่เจ๋อยังมีสีหน้าราบเรียบไร้ความรู้สึก กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อ : “เธอก็รู้อยู่แล้วว่าทำไม”
ซูเจี๋ยนทำหน้าเหลอหลา : “ฉันไม่รู้จริงๆ”
อันอี่เจ๋อรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ปกติสาวน้อยคนนี้ดูแลตัวเองยังไงกันแน่?
พูดไปแล้ว อันอี่เจ๋อเองก็เพิ่งรู้เรื่องพวกนี้เช่นกัน แท้จริงแล้วช่วงที่ผู้หญิงเป็นประจำเดือนนั้นไม่ควรทานของเย็น [3] ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นคนที่ร้านขายยาชี้แจงออกมา เพื่อให้ซื้อยารักษาได้ตรงอาการ อันอี่เจ๋อไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่ต้องใส่แว่นกันแดดแล้วทำหน้าให้หนาเข้าไว้ เดินไปสอบถามกับคนขายตามตรง ซึ่งพอคุณป้าขายยาที่ร้านรู้ว่าเขามาหาซื้อยาเกี่ยวกับอาการปวดประจำเดือน ก็เข้าใจกระจ่างแจ้งได้ทันที : “จะซื้อไปให้แฟนเหรอ” จากนั้นก็พร่ำพูดน้ำไหลไฟดับ ยกย่องชื่นชมว่าเขาเป็นสามีที่แสนดีแค่ไหน ภรรยาของเขานั้นช่างโชคดีเสียจริงๆ และอื่นๆ อีกมากมาย ถึงขนาดยังมีแก่ใจให้คำชี้แนะว่าช่วงที่ผู้หญิงเป็นประจำเดือนนั้นมีเรื่องอะไรที่ต้องใส่ใจระมัดระวังบ้าง เพื่อให้ดูแลภรรยาได้ดีที่สุด สุดท้ายอันอี่เจ๋อก็ได้แต่ถือถุงยาปั้นหน้าไร้ความรู้สึก ก้าวขาวิ่งแจ้นหนีออกมาจากร้าน
จะว่าไปแล้ว ที่เมื่อคืนสาวน้อยคนนี้ตื่นตระหนกกระวนกระวายจนทำอะไรไม่ถูกแบบนั้น ดูท่าทางไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรสักอย่างแบบนั้น หรือว่าจะเป็นเพราะหลงลืมแม้แต่เรื่องพื้นฐานพวกนี้ด้วย?
พอนึกได้แบบนี้แล้ว สีหน้าของอันอี่เจ๋อก็กลายเป็นไม่ชวนมองขึ้นมา
ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังยอมลุกขึ้นไปรินน้ำอุ่นมาให้ซูเจี๋ยนดื่มแก้วหนึ่ง
อาหารที่สั่งมาส่งค่อนข้างเร็ว เนื่องเพราะอันอี่เจ๋อเองก็ยังไม่ได้ทานมื้อเย็น จึงนั่งลงที่โต๊ะอาหารพร้อมกับซูเจี๋ยนด้วย ซูเจี๋ยนใช้มือซ้ายประคองศีรษะ ท่าทางดูขุ่นข้องหงุดหงิดใจ สายตาจ้องมองอาหารที่ปรุงแต่งมาอย่างประณีตน่ารับประทานตรงหน้า เปิดปากเอ่ยขึ้นกะทันหัน : “จู่ๆ ฉันก็นึกถึงพวกคำคมวรรคหนึ่งขึ้นมาได้”
อันอี่เจ๋อเงยหน้าจากจานอาหารขึ้นมองอีกฝ่าย
จากนั้นก็ได้ยินซูเจี๋ยนทอดถอนใจกล่าวออกมาอย่างปลงๆ : “ผู้หญิงหนอผู้หญิง กินข้าวไปก็ได้แต่ต้องผลิตเป็นน้ำนม แล้วยังต้องหลั่งเลือดอีก!”
อันอี่เจ๋อ : “……”
……………………………….
คืนนั้น ซูเจี๋ยนกระหายน้ำจึงออกมาหาน้ำดื่ม ขณะที่เดินผ่านตู้เย็น ก็เหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่แปะไว้บนตู้เย็นโดยไม่ได้ตั้งใจ
เป็นกระดาษขาวธรรมดาๆ แผ่นหนึ่ง บนกระดาษแผ่นนั้นมีตัวอักษรเขียนไว้หลายบรรทัด ซูเจี๋ยนเดินเข้าไปอ่านดูใกล้ๆ อย่างสงสัยใคร่รู้ จากนั้นก็ต้องอึ้งงันโง่งมไป
ดวงตากลมโตเบิกกว้างชะงักค้างอยู่อย่างนั้นทันทีที่ได้มองเห็นตัวอักษรเก้าพยางค์บนหน้ากระดาษ : ข้อควรระวังช่วงเป็นประจำเดือน
ในบ้านมีคนอยู่แค่สองคน ดังนั้นคนที่จะเขียนข้อความเหล่านี้ได้ก็ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว
ซูเจี๋ยนครุ่นคิดด้วยสีหน้าซับซ้อนสับสน : นี่ที่แท้แล้วอันอี่เจ๋อเขียนไว้เตือนฉัน หรือเจ้านั่นนึกอยากจะแสวงหาความรู้ประดับสมองตัวเองขึ้นมากันแน่?
ครุ่นคิดกลับไปกลับมาอยู่ครู่หนึ่ง ก็รู้สึกว่าข้อแรกดูจะมีความเป็นไปได้มากกว่าอยู่เล็กน้อย ดังนั้นตนจึงข่มใจอ่านจนจบทั้งแผ่นอย่างตั้งอกตั้งใจศึกษาเรียนรู้
โว้ว! คุณป้าใหญ่นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยจริงๆ นี่ก็ทำไม่ได้ นั่นก็ต้องคอยระวัง…..
หลังจากอ่านจนจบแล้ว ทางหนึ่งซูเจี๋ยนก็รู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก อีกทางหนึ่งก็ยื่นมือไปดึงกระดาษแผ่นนั้นลงมา พร้อมกับเหม่อมองไปยังห้องของอันอี่เจ๋อโดยไม่รู้ตัว
จะว่ายังไงดีล่ะ แม้การกระทำของเจ้าศัตรูหัวใจน่าตายคนนี้จะชวนให้ตกตะลึงคาดไม่ถึงอยู่บ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ ว่าตอนนี้อีกฝ่ายคล้ายจะมองดูสบายตาขึ้นมาอีกนิดแล้ว
เชิงอรรถ
[2] เวลาผู้หญิงเป็นประจำเดือนไม่ควรดื่มน้ำเย็นเพราะจะทำให้ปวดท้องหนักกว่าเดิม
[3] ของเย็นในที่นี้ นอกจากหมายถึงของที่ไม่ได้อุ่นให้ร้อนแล้วก็ยังรวมถึงของสดที่ไม่ผ่านการปรุงด้วย เช่นผักสดหรือผลไม้สด