ครั้งนี้เขาประมาทมาก คิดไม่ถึงว่าจะมีผู้สืบทอดของผู้บำเพ็ญ ปรากฏตัวบนโลกนี้อย่างกะทันหัน ต่อไปเขาต้องทำอะไรระมัดระวังและละเอียดรอบคอบมากกว่านี้

“การมาซีเป่ยครั้งนี้ เสียเวลาไปครึ่งเดือนกว่า ต้องรีบถามข่าวคราวของคนสนิทและเพื่อนของฉัน หวังว่าคนนั้นจะไม่เสียสติจนถึงขั้นที่ไม่ปล่อยคนธรรมดาเอาไว้”

เฉินโม่ออกจากเขาเยี่ยนตั้ง รีบหาที่ชาร์จแบตมือถือ หลังจากนั้นโทรหาเฉินซงจื่อเป็นอันดับแรก

หลังจากคุยกับเฉินซงจื่อเรียบร้อย สีหน้าเขาผ่อนคลายลง แต่กลับมีความอาฆาตฉายออกมาทางแววตา

“ตระกูลหลี่ไม่ยอมล้มเลิกความคิดชั่วร้ายจริงๆ!”

หลังจากนั้นเฉินโม่โทรหามู่หรงยานเอ๋อร์ ทราบว่าพวกเพื่อนที่มหาวิทยาลัยหัวหนานปลอดภัยดี เฉินโม่โล่งอกสักที

“ในเมื่อมหาวิทยาลัยหัวหนานไม่มีเรื่องอะไร งั้นฉันไปฮ่านหยางก่อนดีกว่า สองสามวันนี้แม่กับพี่เวินฉิงคงร้อนใจแทบแย่แล้ว”

เฉินโม่ขึ้นไปบนรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่มุ่งหน้าไปฮ่านหยาง เพิ่งขึ้นมาบนรถ เจียงเหอซานก็โทรมา

เฉินโม่ขมวดคิ้วเบาๆ เจียงเหอซานเป็นฝ่ายโทรหาเขา ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่

“หัวหน้า โทรหาผมมีอะไรหรือเปล่าครับ” เฉินโม่รับสาย น้ำเสียงดูไม่ค่อยใส่ใจ

เมื่อได้ยินเสียงเฉินโม่ เจียงเหอซานโมโหจากหลายๆ เรื่อง แม้หัวหน้าเตือนเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าต้องปฏิบัติกับเฉินโม่อย่างสุภาพและเป็นมิตร แต่เขาทนไม่ไหวแล้ว

“ไอ้หนุ่ม ตอนนี้นายกำลังรีบไปเหม่ยหวา กรุ๊ปสินะ!”

เฉินโม่ไม่ตอบ จากคำพูดของเจียงเหอซาน เฉินโม่เดาอะไรได้เยอะเลย

“ดูเหมือนทางการจับตาดูเหม่ยหวา กรุ๊ปอยู่ตลอด อย่าบอกนะว่าพฤติกรรมของตระกูลหลี่ เป็นความยินยอมของพวกเขา”

แววตาเฉินโม่แปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก ถ้าทางการตัดสินใจยืนข้างตระกูลหลี่ งั้นเขาคงต้องเปลี่ยนแปลงท่าทีที่มีต่อทางการแล้ว

เฉินโม่ยังไม่ได้ตอบ แต่เจียงเหอซานพูดต่อ “หึ ไอ้หนุ่ม ฉันเดาถูกใช่ไหมล่ะ! แต่นายไม่ต้องคิดอะไรเยอะ จากกำลังของเหม่ยหวา กรุ๊ปในตอนนี้ เป็นปกติที่เราจะแอบจับตามอง”

เฉินโม่ลอบถอนหายใจ คำพูดของเจียงเหอซาน กำลังแสดงจุดยืนชัดเจน

“ดูเหมือนทางการไม่ได้ยืนอยู่ข้างเดียวกับตระกูลหลี่”

เฉินโม่พูดอย่างราบเรียบว่า “หัวหน้าโทรมาเอง คงไม่ได้พูดแค่เรื่องนี้ใช่ไหม มีอะไรจะสั่งอีกไหมครับ”

เจียงเหอซานส่งเสียงหึอย่างเย็นชา “ฉันไม่ได้สั่งนาย แต่หัวหน้าสั่งให้ฉันบอกนาย การกดขี่ที่ตระกูลหลี่เล่นงานเหม่ยหวา กรุ๊ปในครั้งนี้ ไม่ได้ใช้วิธีเลวทรามอะไรเลย เป็นการต่อสู้ทางธุรกิจอย่างแท้จริง นายช่วยเหม่ยหวา กรุ๊ปได้ แต่ห้ามใช้กำลัง ห้ามเหลือจุดอ่อนอะไรให้ตระกูลหลี่เห็น ไม่งั้นเมื่อถึงตอนนั้น ถึงหัวหน้าอยากช่วยนายก็คงยาก”

เฉินโม่หรี่ตาลงเบาๆ ดูเหมือนครั้งนี้ตระกูลหลี่เล่นงานเหม่ยหวา กรุ๊ป จุดประสงค์ต้องไม่ธรรมดา เป็นแผนการที่ดี ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

ถ้าไม่ใช่เพราะเจียงเหอซานเตือนสติ เฉินโม่คงติดกับดักของตระกูลหลี่จริงๆ ถ้าเขาใช้กำลังทำร้ายใครขึ้นมา ตระกูลหลี่ก็จะมีข้ออ้างใช้กำลังของทางการกดขี่เขา

อีกทั้งคนนั้นยังบอกให้เจียงเหอซานมาเตือนสติตัวเองด้วย ดูเหมือนครั้งนี้ตระกูลหลี่เตรียมตัวมาเป็นอย่างสมบูรณ์แบบ ดูเหมือนสถานการณ์ร้ายแรงมาก

เฉินโม่เดาว่าตระกูลหลี่คงเห็นการเติบโตของตัวเองในสองสามวันนี้ จึงเกิดความกลัวขึ้นมา จะฆ่าตัวเองเพื่อตัดรากถอนโคน

ไม่งั้นเวลาประมาณสามปี ตระกูลหลี่ต้องแพ้แน่นอน

“ขอบคุณหัวหน้าที่เตือนสติ ใช่สิครับ ผมฝากขอบคุณท่านนั้นด้วย!” เฉินโม่เอ่ยขึ้น

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก แค่นายไม่สร้างปัญหาให้หัวหน้าปวดหัวก็พอ” เจียงเหอซานพูดอย่างไม่พอใจ เมื่อพูดจบก็วางสาย

เฉินโม่มีรอยยิ้มบางๆ ตรงมุมปาก จากท่าทีที่ท่านนั้นมีต่อเขาในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ายืนข้างเขา

เมื่อเป็นแบบนี้เฉินโม่วางใจลงเยอะ ตอนทำอะไรจะได้ไม่ต้องคำนึงมาก

แม้ใช้กำลังแก้ไขปัญหาที่เหม่ยหวา กรุ๊ปกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ไม่ได้ แต่อำนาจที่เฉินโม่มีตอนนี้ แม้ไม่ใช้กำลัง ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

“ตระกูลหลี่ งั้นเรามาปะทะกันอย่างซึ่งหน้าสักครั้ง!”