ภาคที่ 5 บทที่ 1 เมืองผาเรียบ

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

ภาค 5 นิกาย

บทที่ 1 เมืองผาเรียบ (ขึ้นภาค5)

เมืองผาเรียบจะยุ่งวุ่นวายที่สุดในฤดูใบไม้ผลิ

ในช่วงนี้ อสูรร้ายจะออกมามาก เป็นช่วงออกล่าที่ดี นักล่าใกล้เคียงจะตั้งกลุ่มขึ้นเขา เริ่มออกล่ากินเวลายาวหลายเดือน

เมืองผาเรียบเป็นเมืองเล็กที่มีเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักล่า ร้านค้าขายของจำเป็นในชีวิตทั้งหลาย รับซื้อหนังสัตว์อสูร กระดูก และเนื้อที่นักล่านำกลับมาจากการเดินทาง

หากโชคดีก็อาจฆ่าอสูรร้ายระดับสูงได้ ทั้งปีไม่ต้องกังวลอีก แต่เพราะความปลอดภัยพวกนักล่ากลุ่มที่ขึ้นเขาไปจึงต้องเก่งพอจะสังหารอสูรร้ายระดับสูงได้ นับเป็นมาตรฐานที่ตั้งขึ้นมา

หากโชคร้ายเจออสูรกายก็มีแต่ต้องหนี ภาวนาให้ตนเองโชคดีรอดพ้นไป

ทุกปี ไม่ใช่นักล่าทุกคนที่ขึ้นเขาไปแล้วจะกลับมาได้

พวกเขาจะอยู่ที่นั่นตลอดไป ร่างกายกลายเป็นอาหารให้สัตว์อสูร หากไม่ไปล่าสัตว์อสูรก็ถูกพวกมันล่าเสียเอง

ชีวิตก็เช่นนี้

เถียนนิวมาที่ร้านเหล้ายามบ่ายอ่อน ๆ เช่นเคย

คนเต็มร้านเหล้าไปหมดแล้ว

เมื่อเห็นเถียนนิวเข้ามา ชายที่ถือแก้วเหล้าก็ตะโกนขึ้น “ช้าอีกแล้วนะเถียนนิว ! เที่ยงเข้าไปแล้ว ! เจ้าช้าตลอดเลย !”

“แล้วไง ? ที่นี่เป็นของปู่ข้านี่” เถียนนิวตอบห้วน ๆ แล้วเดินฝ่าฝูงคนเข้ามา

มือสีคล้ำเต็มไปด้วยขนคู่หนึ่งเอื้อมมาหมายจะแตะบั้นท้ายเถียนนิว กำลังจะแตะโดน เถียนนิวก็ขยับร่างไปอีกด้านแล้วฟาดกาเหล้าที่ถืออยู่ใส่หน้าเจ้าของมือคู่นั้น

“นิสัยสถุนตลอดเลยนะเหอล่าง” เถียนนิวขู่ “จ่ายค่าเหล้ามาด้วย”

“ฮ่า ๆ!” คนในร้านเหล้าต่างหัวเราะขัน

“บอกแล้วว่าแตะไม่โดนนางหรอก”

“เหอล่าง เจ้าแพ้แล้ว !”

“ส่ง 10 เหรียญทองแดงมาเลย !”

ทุกคนเริ่มพูดคุยกันเสียงดัง

“น่าเบื่อ” เถียนนิวเดินส่ายเอวจากไป นักล่าที่นี่ชอบเล่นแกล้งเช่นนี้ เถียนนิวเจอเช่นนี้ทุกวัน ดังนั้นจึงไม่ตกใจแม้แต่น้อย

“สักวันต้องลากนางขึ้นเตียงให้ได้” ชายนามเหอล่างว่าพลางเลียริมฝีปาก จ้องอกและเอวโค้งของนาง

“ฝันไปเถอะ ! ร่างกายข้าราคาแพงนัก เจ้าเงินไม่ถึงหรอกน่า เจ้าคนบัดซบ” เถียนนิวตอบคำไม่หวานฉ่ำสักนิด จริง ๆ แล้วยังเผ็ดร้อนเสียด้วย

หากไม่ร้ายสักหน่อยก็คงไม่รอดในสภาพแวดล้อมเช่นนี้

ผู้คนจึงหัวร่อขึ้นมาเสียงดัง

ทันใดนั้นเสียงก็เงียบลง บรรยากาศสงบผิดวิสัย

เถียนนิวที่เดินมาถึงโต๊ะด้านหน้าหันไปมอง

เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนที่หน้าประตู

ชายหนุ่มผู้นี้ดูแตกต่างจากคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด เขาอยู่ในชุดสีน้ำเงิน ทำมาจากเนื้อผ้าชั้นดี ไร้ขี้ดินเปรอะ ทุกเส้นใยถูกถักทอมาอย่างดี ใบหน้าสะอาดสะอ้านเป็นสีขาวซีด ดูหล่อเหลาไม่น้อย ไร้ความหยาบโลน หากนำมาเทียบกัน เหล่าชายหนุ่มในร้านเหล้านับว่าเทียบไม่ติด เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มดูรูปงามกว่าคนทั้งหลายมาก

และเป็นเพราะกลิ่นอายที่แตกต่างทำให้ทุกคนสัมผัสถึงเขาได้ในทันที ทำให้เสียงพูดคุยหยุดชะงักลงกะทันหัน

แต่ไม่นานเสียงพูดคุยก็กลับมาดังเดิม

ชายหนุ่มไม่สนใจสายตาโดยรอบ เดินเข้ามาที่โต๊ะหน้าแล้วมองเถียนนิว

“ขอถามหน่อยว่าเหล้าที่นี่มีมากเท่าไหร่ ?”

เป็นน้ำเสียงรื่นหูไม่น้อย

“โอ้” เถียนนิวชะงัก “อ่า กาละ 50 เหรียญ ท่านอยากได้กี่กา ?”

เถียนนิวพลันนึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ถามราคาแต่ถามจำนวน

“อืม แล้วที่นี่มีเหล้าเท่าไหร่ ?” ชายหนุ่มย้ำคำ

ชายชราเดินมาจากที่ข้างเคียง เขาเป็นปู่ของนาง

“แขกผู้มีเกียรติ ท่านคิดจะซื้อเหล้าทั้งร้านของข้างั้นหรือ ?” ชายชราถาม

“ถูกต้อง”

“เช่นนั้นกาละ 1 ตำลึงทอง”

“มีมากเท่าไหร่ ?”

“10 กา”

“ข้าซื้อทั้งหมด”

ชายหนุ่มหยิบ 10 ตำลึงทองออกมา

ชายชราตาเป็นประกายเมื่อเห็นทอง “ขออภัยด้วยแขกผู้มีเกียรติ ข้าพลันนึกได้ว่าเรามีเหล้าทั้งหมด 30 กา”

“เช่นนั้นข้าก็ซื้อด้วย” ชายหนุ่มหยิบออกมาอีก 20 ตำลึงทอง

“ข้าจะไปนำมันออกมาให้ท่านเดี๋ยวนี้” ชายชรารับทองไปด้วยความตื่นเต้น

“นี่ตาแก่ เจ้าจะขายเหล้าทั้งหมดไม่ได้นะ แล้วเราจะดื่มอะไร ?” นักล่าคนหนึ่งลุกขึ้นตะโกน

“ไม่ใช่เรื่องของข้า ไม่มีเหล้าให้กินก็กินฉี่ตนเองไปก็ได้” ชายชราโต้กลับ

“เวรเอ๊ย !” นักล่าหลายคนยืนขึ้น

เถียนนิวมุ่นคิ้ว เอนร่างเข้าไปหาชายหนุ่ม “ท่านรีบออกไปทางประตูหลังจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นอาจจะมีเรื่อง”

ชายหนุ่มเหลือบมองรอบร้าน เห็นสายตาไม่เป็นมิตรจากรอบข้างแล้วก็ยิ้มน้อย ๆ “ไม่เป็นไร”

เถียนนิวถอนใจ “ข้ารู้ว่าท่านคงมีฝีมือ แต่คนตั้งแยะ”

การออกล่าครั้งนี้ไม่มีใครอ่อนแอ นับตั้งแต่วิชาไร้สายเลือดแพร่หลาย นักล่าที่นี่ก็แกร่งขึ้นมาก ขาดแค่เวลาที่ใช้บ่มเพาะพลังเพื่อสำแดงวิชาให้เต็มที่เท่านั้น กระนั้นพวกนักล่าก็เอาตัวรอดจากการไล่ล่าของอสูรกายมาหลายครั้งแล้ว

มีนักล่าอยู่ตั้งมากมาย กระทั่งคนด่านทะลวงลมปราณยังต้องระวัง เถียนนิวจึงพยายามเตือนชายหนุ่ม

ในสายตานาง ชายหนุ่มก็เป็นเพียงชายหนุ่มจากตระกูลร่ำรวยที่อยากออกมาเห็นโลกกว้างเท่านั้น

“ตั้งแยะ ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วขัน “เช่นนั้นให้พวกเขาออกไปดูข้างนอกเถอะ”

ว่าแล้วเขาก็เดินออกไป

ข้างนอก ?

นักล่าทั้งหลายพลันเข้าใจว่าเหล้าทั้ง 30 กาคงจะมากเกินไปสำหรับคนเดียว

“ถ้าไม่เชื่อคำไอ้คนเจ้าเล่ห์นี้หรอก” นักล่าคนหนึ่งเดินออกไปเมื่อเห็นซูเฉินผลักประตูออกไป เขาพลันเอื้อมมือไปคว้าคอซูเฉินไว้แล้วเดินออกไปแทน

ทันใดนั้นทั้งร่างก็แข็งค้าง

“เฮ้ย เป็นอะไรไป ?” นักล่าคนอื่นถามเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูตัวสั่นน้อย ๆ

นักล่าทั้งหลายเหลือบมองกันก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ประตู ผลักนักล่าผู้นั้นออก เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็พากันอึ้งตะลึงไป

เมืองผาเรียบได้ต้อนรับคนกลุ่มใหญ่เข้ามาแล้ว

คนทั้งหลายยืนอยู่บนถนนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่พูดสักคำ มีมากเสียจนแถวยาวไปจนถึงหน้าประตูเมือง

ทุกคนตกใจเป็นยิ่งนัก

ที่สำคัญ มีคนเข้าเมืองมามากมายเช่นนี้แต่กลับไร้เสียงใด คนในร้านเหล้าไม่มีใครรู้ว่ามีคนกลุ่มใหญ่เข้ามาเลย

เป็นผีกันหรือไร ?

ไม่หรอก ไม่ใช่ผี แต่ทั้งหมดมีระเบียบระบบดูเคร่งครัดมากต่างหาก !

ทหารชั้นยอด !

ทุกคนพลันผุดความคิดนี้ขึ้นมา

นักล่าไม่ใช่ว่าโง่เสียทีเดียว ทหารที่นี่ไม่มีใครให้กลิ่นอายดุดันเช่นพวกเขา คนเหล่านี้เป็นทหารชั้นยอดไม่ผิดแน่ คนเกือบพันเคลื่อนไหวโดยไร้เสียงใดแสดงให้เห็นว่าได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ทั้งยังเผยให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของทหารแต่ละคนด้วย

ทำไมอยู่ ๆ ถึงมีกองทัพปรากฏขึ้นในเมืองผาเรียบได้ ? แล้วทำไมไม่มีใครใส่ชุดทางการเลย ?

ทุกคนต่างไม่เข้าใจ

ถึงตอนนี้ ชายชราแบกเหล้าจากหลังร้านออกมาแล้ว เมื่อเห็นว่าตรงหน้ามีคนอยู่มากมายก็ตกใจเป็นยิ่งนัก

ชายหนุ่มโบกมือ แล้วเหล้าทั้งหมดก็หายไป

หลังเก็บเหล้าแล้ว ชายหนุ่มจึงเอ่ย “ใช่แล้วผู้อาวุโส รู้หรือไม่ว่าเราห่างจากยอดเขาเทียมสวรรค์เท่าไหร่ ?”

ชายชราตอบ “พวกท่านจะไปยอดเขาเทียมสวรรค์หรือ ? ทางเดินลำบาก คงใช้เวลาราว 2 วัน ทั้งยังสับสนคดเคี้ยว หาคนนำทางไปด้วยจะดีกว่า”

“คนนำทาง ?” ชายหนุ่มเหลือบมองรอบกาย

นักล่าทั้งหลายถอยไปคนละก้าวทันที ดูไม่มีใครเต็มใจจะนำทางให้ทหารกลุ่มใหญ่

ขึ้นเขาไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากไปรู้ความลับของกองทัพเข้า พวกเขาก็อาจ……

ชายหนุ่มเข้าใจความคิดของคนทั้งหลาย คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้ว กำลังจะเอ่ยคำ แต่เถียนนิวพลันเอ่ยคำขึ้นก่อน “ข้าไป !”

“เถียนนิว !” ชายชราตกใจนัก

เถียนนิวว่า “ท่านปู่ หากพวกเขามีแผนอะไรก็คงทำลายเมืองผาเรียบไปได้ 10 คราแล้วกระมัง ข้าเชื่อว่าพวกเขาไม่ทำอันตรายข้าหรอก”

ชายหนุ่มเอ่ย “เจ้าคุ้นเคยกับเส้นทางหรือ ?”

เถียนนิวยืดอก “ข้าเกิดและเติบโตอยู่ที่นี่ ไม่มีใครรู้จักเขตเขาหมื่นดาบดีไปกว่าข้าแล้ว”

ชายหนุ่มยิ้ม “ชื่อเถียนนิวหรือ ?”

“ใช่แล้ว ท่านเล่า ?”

“ซูเฉิน” ชายหนุ่มตอบแล้วโยนหินหนึ่งกำมือให้ “นี่ค่านำทาง”

หินพลังจำนวนนี้ถูกโยนออกไปโดยง่าย แต่อย่างน้อยก็มีนับสิบก้อน ทุกคนที่เห็นได้แต่ตะลึงไป

เถียนนิวรับมันไว้แล้วหัวเราะคิก “ขอบใจ”

“เถียนนิว ส่งหินพลังมาให้ปู่ !” ชายชรากล่าว เขาไม่ได้อยากได้เงิน เพียงแต่กลัวว่าเด็กสาวจะเกิดปัญหา หากคนพวกนี้ทำเป็นใจดี แต่คิดพาหลานสาวเขาขึ้นไปข้างบนภูเขาแล้วเอาหินพลังคืนเล่า ? หากที่ตัวไม่มี นางอาจจะปลอดภัยกว่า

แต่แน่นอนว่าความคิดเช่นนั้นไร้เหตุผล เพราะหากซูเฉินกับพรรคพวกเป็นคนเช่นนั้น ก็คงเลือกจะลงมือสังหารคนไปแล้ว แต่ความรู้สึกระแวดระวังบางครั้งก็ไม่เป็นไปตามหลักเหตุผล

เถียนนิวไม่สนแล้วเก็บหินพลังไป “กว่า 2 วันถึงจะถึงยอดเขาเทียมสวรรค์ ท่านจะเตรียมเสบียงก่อนไปหรือไม่ ?”

ซูเฉินตอบ “เราเตรียมมาแล้ว อย่างไรคงใช้เวลาไม่ถึง 2 วันหรอก”

ซูเฉินว่าแล้วก็โบกมือ “เงามรณะ !”

อสูรกระดาษขาวลอยเข้ามา “นายท่าน !”

เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตประหลาดที่ทั้งร่างทำจากกระดาษปรากฏตัวขึ้น ทุกคนก็อึ้งไป

ซูเฉินว่า “เจ้าคอยดูแลนาง”

รีวิวกระดาษสีขาวถักทอเข้าด้วยกันกลายเป็นเรือลำน้อยลอยอยู่กลางอากาศ

พริบตาต่อมา เรือกระดาษก็พุ่งลงมาชนเถียนนิวจนนางล้มลงไปในเรือ

“เถียนนิว !” ทุกคนร้องขึ้น

เถียนนิวลุกขึ้นอยู่ภายในเรือ “ฮ่า เรือกระดาษนี่น่าสนใจจริง !”

เมื่อเห็นว่านางไม่เป็นไร คนอื่น ๆ ก็ถอนใจโล่งอก ความสนใจต่อซูเฉินและวิชาประหลาดยิ่งมีมากขึ้น

มีเพียงเงามรณะที่รู้สึกแย่นัก เขาเป็นเจ้าอสูรกายเชียวนะ แต่กลับถูกบังคับให้มาแบกสตรีสามัญผู้นี้ รู้สึกว่าเสียฝีมือตนนัก

“หากไม่มีอะไรแล้วก็ไป” ซูเฉินเอ่ยเสียงเบา

เรือจึงเริ่มออกเดินหน้า

ซูเฉินและคนอื่น ๆ จึงเดินตามเรือขึ้นเขาไป ดูเหมือนไม่ได้รีบร้อนเดินทางรวดเร็ว แต่ไม่นานก็หายไปจากสายตา ไม่เหลือแม้แต่ฝุ่นทิ้งไว้