Ch.20 – ผลของการแก้แค้น

Translator : Reheikichi / Author

หลังจากการดวล

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซิคก็หยุดการกลั่นแกล้งตามที่สัญญาไว้

ส่วนหนึ่งก็เพราะไม่มีใครแพ้หรือชนะในการดวล “การดวลถูกหยุดเพราะอุบัติเหตุ” ซิคจึงไม่เสียหน้าแต่อย่างใด นักเรียนของแผนกสามัญต่างหวาดกลัวเมื่อดูการดวลพลางพูดว่า “พวกขุนนางถึงกับเอาอุปกรณ์เวททางการทหารมาใช้เชียว” ทำให้พวกนักเรียนแผนกสามัญต่างกลัวกันมาก จึงเป็นที่น่าพอใจกับนักเรียนแผนกผู้กล้าพอควร

ผลที่ได้คือยังมีอุปสวรรค ซึ่งอาจจะดีแล้วสำหรับในตอนนี้

หากพ่ายแพ้ ตำแหน่งในแผนกผู้กล้าอาจจะแย่ถึงขั้นสุดและโดนรังเกียจก็ได้

ต่อจากนี้มีแต่ต้องเติมช่องว่างที่ห่างกันของทั้งสองแผนกไปเรื่อยๆ

อย่างน้อยตั้งแต่ตอนนั้นซิคก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกปฏิบัติกับแผนกสามัญ จึงตัดกำลังไปได้

นักเรียนคนอื่นอาจจะไม่สังเกต แต่มันคือสิ่งที่พวกเราได้จากการดวลครั้งนี้

ก่อนอื่นเลย ชีวิตโรงเรียนปกติแสนธรรมดากลับคืนมาอีกครั้ง

พักเที่ยงในวันนั้น ขณะที่ผมกำลังเดินไปที่โรงอาหารกับกุเร็นและสังเกตเห็นเอลิเซียอยู่ที่ลานในสนาม

เมื่อเห็นเธอ ผมจึงรีบหันไปคุยกับกุเร็น

[ กุเร็น โทษทีนะ พอดีจำได้ว่ามีธุระด่วน ไปก่อนได้เลย ]

[ รับทราบ… เดี๋ยวนะ คงไม่ใช่ว่านายจะไล่ฉันออกจากวงแล้วไปดื่มชากับพี่สาวคนสวยหรอกใช่มั้ย? ]

[ เข้าใจผิดแล้ว ]

ผมปฏิเสธคำใส่ร้ายงี่เง่าของกุเร็นและไปที่ลานสนามคนเดียว

เอลิเซียกำลังนั่งอยู่ในม้านั่ง โดยไม่มีใครอยู่รอบข้าง

แม้จะถึงเวลาพักกลางวัน เธอก็เอาแต่นั่งเหม่อโดยไม่ได้กินอะไรเลย

[ เอลิเซีย เธอมาทำอะไรตรงนี้เหรอ? ]

[ …ทรูเอทเหรอ ]

เอลิเซียค่อยๆ หมุนไปมา

ในดวงตาไร้เรี่ยวแรงไม่เหมือนปกติ

[ หรือว่าซิคจะทำอะไรอีก ]

[ …ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ]

เอลิเซียงมหน้าขณะที่พูด

ผมจึงไปนั่งข้างๆ

[ ผมคิดว่าหลายๆ เรื่อง พูดออกไปมันจะสบายใจกว่านะ ]

[ …สบายใจเหรอ ]

[ การขอคำปรึกษาจากใครสักคนจะให้สบายใจได้ ช่วงหนึ่งผมเองก็เกือบจะบ้าไปเหมือนกัน แต่ทุกครั้งก็หายได้ด้วยการปรึกษากับคนใกล้ตัว ]

[ หืม… หมายถึงคนที่มาที่โรงเรียนเมื่อวานสินะ? ]

[ ก็นะ ใช่แล้วล่ะ ]

[ หืมมม ]

ดูเหมือนเธอจะเริ่มกลับมาเป็นตัวเองได้นิดหน่อยแล้ว

เป็นเสียงที่ยียวนว่า [ หืมม ] แต่แล้วก็กลับไปซึมอีกครั้ง

[ ตอนนั้นซิลบอกว่าการดวลคือการแก้แค้น ]

เอลิเซียพูดด้วยเสียงแผ่วเบา

[ …อา ก็เหมือนเขาจะพูดแบบนั้นนะ ]

[ นายคิดยังไงกับการแก้แค้นงั้นเหรอ? ]

เธอถามและจ้องด้วยสายตากลมโต

[ จะถามข้อดีข้อเสียของการแก้แค้นงั้นเหรอ? ]

[ ใช่… สำหรับนายคิดว่าการแก้แค้นเป็นเรื่องงี่เง่ามั้ย? ]

นั่นอาจเป็นปัญหาที่ในใจของเอลิเซีย

ทำไม ปัญหานี้มีที่มาจากอะไร ไม่รู้อะไรเลย

อย่างไรก็ตาม ที่เธออยากรู้ในที่นี้ไม่ใช่คำพูดปลอบใจจอมปลอม แต่เป็นสิ่งที่มาจากใจของผมเอง

[ … เปล่า ไม่เลย ]

ถึงจะมีคนบอกว่าการแก้แค้นเป็นเรื่องงี่เง่าก็ตาม

จะบอกว่าผมมองในแง่ลบก็ได้

[ จุดประสงค์ของการแก้แค้น บางครั้งก็เป็นเหตุผลในการใช้ชีวิต เป็นเรื่องธรรมดาของผู้คนเมื่อสูญเสียสิ่งที่มาค่าและเจ็บปวดทรมานจนทนไม่ไหว การจะอยู่รอดได้จำเป็นต้องมีการแก้แค้น อาจจะเป็นวิถีชีวิตที่ผิดเพี้ยนสำหรับบางคน แต่ก็มีคนที่ขาดมันไปไม่ได้อยู่ ]

ในช่วงสงคราม มีทหารบางคนที่หันเขี้ยวเข้าสู่ไฟแห่งการแก้แค้นแม้แต่คนในองค์กร

ความทุกทรมานที่พวกเขาได้รับ การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ลูก ภรรยา เพื่อน หรือใครสักคนที่มีค่า ทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้

การแก้แค้นเหมือนกับสัญชาตญาณการเอาตัวรอด

มนุษย์ที่เจ็บปวดทรมานจนทนไม่ไหวเหลือเพียงการแก้แค้นที่จะชะล้างความแค้นจากหัวใจได้

[ และการแก้แค้นยังยับยั้งความขัดแย้งต่อกันได้ หากทั้งสองฝ่ายกลัวการโดนแก้แค้นก็จะไม่มีความขัดแย้งขึ้น ]

หลายๆ ครั้งสงครามก็ถูกหยุดไว้ได้เพราะการแก้แค้น

หากเริ่มต้นสงครามก็อาจจะโดนแก้แค้นคืน

[ ….หมายความว่า นายไม่ได้ปฏิเสธการแก้แค้นสินะ? ]

[ ถ้าในความหมายกว้างๆ นะ ]

เพราะคำตอบอันคลุมคลือเมื่อครู่ ทำให้เอลิเซียเอียงหัวและพูดว่า [ หมายความว่ายังไงนะ? ]

[ บ่อยครั้งที่มนุษย์ที่เห็นแต่การแก้แค้น ความคิดจะมองเห็นแต่การแก้แค้นตามไปด้วย แม้กระทั่งคิดว่าตัวเองจะตายก็ไม่เป็นไร ]

[ …จำเป็นต้องมีชีวิตต่อไปด้วยเหรอ? ในเมื่อชีวิตของคนๆ นั้นมีเป้าหมายเดียวคือการการแค้นน่ะ ]

[ การแก้แค้นคือการทำเพื่อให้สิ่งที่หายไปกลับคืนมา แม้จะรู้ตัวเองดี ว่าถึงจะแก้แค้นไปสิ่งที่สูญเสียไปแล้วก็ไม่กลับคืนแต่กลับมาเป็นศูนย์อีกครั้ง มันเป็นจุดจบที่ออกจะเศร้าไปหน่อย แต่ระหว่างทางจะต้องมีชีวิตดีๆ รอคอยอยู่แน่ใช่มั้ยล่ะ? ]

[ นั่นมัน… ]

เพื่อนในองค์กรของผม มีชีวิตอยู่รอดได้ด้วยการแก้แค้นและเสียชีวิตในสนามรบ

เขาได้บรรลุการแก้แค้นและตายไปพร้อมๆ กับความแค้น สิ่งเดียวที่หลงเหลือคือ ‘ความว่างเปล่า’ ――ไม่น่าแปลกใจเลย การแก้แค้นทำสิ่งที่ทำให้จมปลักกับสิ่งเดิมไม่ใช่การตามหาสิ่งใหม่ๆ มาแทนที่สิ่งที่สูญเสียเสียหน่อย

[ ถ้าซิคจะแก้แค้นจริงและทำให้ครั้งนั้นผลเป็นว่าผมพ่ายแพ้ นักเรียนแผนกผู้กล้าจะได้รับอภิสิทธิ์เพิ่มขึ้นในอนาคต หากใช้อำนาจขุนนางแม้แต่ผลการดวลก็เปลี่ยนกันได้ การแก้แค้นมันไม่มีความชอบธรรมอยู่ แต่สำหรับผู้ที่ใช้ความชอบธรรมเพื่อนผลประโยชน์สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว ]

บางทีเพราะเธอแปลกใจที่ผมชมซิค เอลิเซียจึงเบิกตาประหลาดใจเล็กน้อย

นี่เป็นเรื่องที่มาจากมุมมองของการแก้แค้น ไม่ใช่ว่าผมยกย่องซิคแต่อย่างใด

[ หรือก็คือ ถ้าจะแก้แค้นต้องแก้แค้นให้ได้ประโยชน์สูงสุด ]

ผมอธิบายอย่างสรุปและมองไปที่ใบหน้าของเอลิเซีย

เธอทำท่างพลางคิด ผมจึงถามไปอย่างระมัดระวัง

[ …เอลิเซีย เล็งใครไว้ล่ะ? ]

เอลิเซียไม่ตอบแต่ยิ้มกลับมาด้วยรอยยิ้มจอมปลอม

[ ที่สำคัญ ฉันไม่ได้อยากแก้แค้นหรอก… แต่จะจำคำพูดเมื่อกี้ของนายเอาไว้แล้วกัน… ]

เอลิเซียตอบกลับมา ลุกขึ้นจากม้านั่งและกลับส้นเท้าไป

――จำคำพูดไว้เหรอ?

แปลว่ายังไม่คิดจะล้มเลิกการแก้แค้นไปซะทีเดียวสินะ?

[ ยากจังแฮะ… ชีวิตของคนธรรมดาเนี่ย ]

สนามรบมีอุปสรรค ชีวิตธรรมดาเองก็มีอุปสรรค

หลังจากถอนหายใจ ผมก็มุ่งหน้าไปโรงอาหารที่กุเร็นรออยู่

ในตอนนั้นแม้ผมจะรู้ว่าเอลิเซียเปลี่ยนไป แต่ก็ไม่เข้าไปในเส้นคั้นเกินกว่าที่ควร

ในจิตใจการจะแก้ไขความบอบช้ำต้องใช้เวลา จิตใจของผมจึงเหมือนมีเรื่องบางอย่างคาใจอยู่

แต่มันต่างกัน

ในตอนนั้นผมควรจะหยุดเธอไว้และพูดคุยอย่างจริงจังกว่านี้

เพราะเติบโตมาท่ามกลางความผิดปกติ จึงไม่รู้ว่าชีวิตประจำวันธรรมดา มันช่างแสนเปราะบาง

ในตอนที่รู้ว่าชีวิตประจำวันธรรมดากำลังจะเปลี่ยนไป มันก็สายไปแล้ว